สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 175 มู่ต้าซานบ้าไปแล้ว

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 175 มู่ต้าซานบ้าไปแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 175 มู่ต้าซานบ้าไปแล้ว

บทที่ 175 มู่ต้าซานบ้าไปแล้ว

ลู่อี้มอบชื่อใหม่ให้เด็กคนนั้นว่าจือเชียน เด็กหนุ่มโตมาจากการกินข้าวร้อยบ้าน ไม่มีแซ่ ดังนั้นเขาจึงใช้แซ่ตามลู่อี้

มู่ซืออวี่พาเด็กหนุ่มและเซี่ยคุนไปซื้อเสื้อผ้าใหม่

จือเชียนพูดคุยไม่หยุดปาก มีชีวิตชีวาอย่างมาก ในขณะที่ใบหน้าของเซี่ยคุนยังคงเป็นดั่งก้อนน้ำแข็งตลอดปีดังเดิม ไม่มีคลื่นอารมณ์ปรากฏแม้แต่น้อย

“ข้าคิดจริง ๆ ว่าเจ้าเหมาะจะอยู่ข้างกายลู่อี้มากกว่า ดูพวกเจ้าสองคนสิ แต่ละคนล้วนไม่ชอบพูดจา เหมาะสมสุด ๆ เลยไม่ใช่หรือ?” มู่ซืออวี่เอาเสื้อผ้าชุดหนึ่งมาทาบบนตัวเขา

จือเชียนเดินสวมชุดใหม่ออกมา แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “ฮูหยิน ท่านหยุดหวังเถอะ หากนายท่านกับพี่คุนอยู่ด้วยกัน ในระยะสองสามลี้ต้องไม่มีหญ้าเกิดขึ้นเป็นแน่ เพราะอะไรน่ะหรือ ถูกอาคมน้ำแข็งน่ะสิ! ถูกแช่แข็งไปหมดแล้ว”

มู่ซืออวี่ระเบิดหัวเราะออกมา

เด็กคนนี้ตลกเกินไปแล้ว

นางอยากให้จือเชียนผู้นี้เป็นผู้ติดตามนางมากกว่า น่าสนใจอะไรอย่างนี้!

หลังจากหาสมาชิกใหม่เพิ่มได้สองคนแล้ว มู่ซืออวี่ก็ให้จือเชียนพานางไปหาร้านแล้วทำการเช่าทันที จากนั้นจึงไปส่งเขาที่ศาลาว่าการ ให้เจ้าหน้าที่พาจือเชียนไปหาลู่อี้

เมื่อรถม้ากลับมาถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านที่กำลังทำงานก็เห็นคนบังคับรถม้าเป็นขอทานผู้หนึ่ง พวกเขาต่างจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง หลังจากที่รถม้าเคลื่อนผ่านเข้าประตูของครอบครัวลู่ ทุกคนจึงรับรู้ว่ารถม้านั้นเป็นของครอบครัวลู่

ถงซื่อดึงลู่จื่ออวิ๋นมาอยู่ข้าง ๆ เพื่อหลีกทาง ก่อนจะคว้าแขนของมู่ซืออวี่ไว้แล้วกระซิบเบา ๆ “ลูกอวี่ คนนี้คือใคร?”

“ผู้คุ้มกันของบ้านเรา” มู่ซืออวี่กล่าว “ท่านแม่ ท่านไม่รู้ว่าวันนี้อันตรายมากเพียงใด…”

หลังจากเล่าต้นสายปลายเหตุให้ฟังแล้ว ถงซื่อพลันตื่นตระหนก นางลูบอกตัวเองเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “อันตรายเกินไปแล้ว โชคดีที่จอมยุทธ์ผู้นี้ช่วยเจ้าไว้ จอมยุทธ์ท่านนี้ชื่ออะไรหรือ?”

“เขาชื่อเซี่ยคุน”

“จอมยุทธ์เซี่ย ขอบคุณท่านที่ช่วยลูกสาวข้า” ถงซื่อคารวะ

เซี่ยคุนเบี่ยงไปด้านข้าง กล่าวอย่างนิ่งขรึม “ตอนนี้ข้าเป็นผู้คุ้มกันของฮูหยิน ท่านผู้เฒ่าไม่จำเป็นต้องเกรงใจ”

เป็นครั้งแรกที่ถงซื่อถูกเรียกเช่นนั้น นางกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

“เช่นนั้นข้าเรียกท่านลุงเซี่ยได้หรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยเสียงหวาน “ท่านลุงเซี่ย”

สายตาของเซี่ยคุนเหม่อลอย เขาคุกเข่าลงก้มมองลู่จื่ออวิ๋น

เด็กน้อยกะพริบตาปริบ ๆ “ท่านลุงเซี่ย เป็นอะไรหรือ?”

“เจ้าชื่ออะไร?” น้ำเสียงของเซี่ยคุนอ่อนโยนลง

“ข้าชื่อลู่จื่ออวิ๋น ท่านเรียกช้าว่าอวิ๋นเอ๋อร์ก็ได้ ท่านพ่อท่านแม่ข้าก็เรียกเช่นนั้น” น้ำเสียงของลู่จื่ออวิ๋นใสกระจ่างและอ่อนหวาน รอยยิ้มของนางราวกับดวงอาทิตย์ ประหนึ่งสามารถปัดเป่าความมืดมิดออกไปได้

“อวิ๋นเอ๋อร์ ชื่อไพเราะมาก” น้ำเสียงของเซี่ยคุนเจือความสลับซับซ้อน

ลู่จื่ออวิ๋นพยักหน้า “อื้ม ข้าก็คิดว่าอย่างนั้น”

“ท่านแม่ ท่านทำความสะอาดห้องข้าง ๆ ห้องนั้นให้เสียหน่อย พี่ใหญ่เซี่ยและจือเชียนจะอยู่ห้องนั้น” มู่ซืออวี่กล่าว

“จือเชียนคือผู้ใด?”

มู่ซืออวี่จึงอธิบายคร่าว ๆ อีกครั้ง

ถงซื่อนับว่าเข้าใจแล้ว นี่เป็นการเพิ่มผู้ติดตามอย่างกะทันหันถึงสองคน ฟังดูแล้วราวกับพวกเขามีความสามารถมาก

มู่ซืออวี่กลับไปยังห้องของตนเพื่อวาดรูป ตั้งใจจะตกแต่งร้านที่เช่าใหม่อย่างง่าย ๆ สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่ส่วนที่พักอาศัยของผู้ดูแลร้านตรงสวนด้านหลัง นางควรตกแต่งให้อบอุ่นสักหน่อย ผู้ดูแลร้านจะได้รู้สึกเหมือนอยู่บ้านตนเอง

เวลานี้ถงซื่อกำลังเดินกลับ ขณะที่นางเดินไปตามคันนาก็เห็นถังซื่อกำลังเดินมุ่งหน้ามาจากฝั่งตรงข้าม นางจึงหลบไปข้าง ๆ คันนาเพื่อหลีกทาง ตั้งใจรอให้ถังซื่อผ่านไปก่อนแล้วตนค่อยเดินไป

ถังซื่อหยุดอยู่ตรงหน้าถงซื่อ “สะใภ้รอง พวกเราอย่างไรครั้งหนึ่งก็เป็นสะใภ้เหมือนกัน บอกว่าจะไม่สนใจคนก็ไม่สนใจคนจริง ๆ ได้อย่างไร? เจ้าทำเช่นนี้ข้าเศร้าใจนัก”

มุมปากของถงซื่อกระตุก “ข้าไม่ได้ไม่สนใจเจ้า เพียงแต่ไม่มีสิ่งใดจะพูดกันแล้วไม่ใช่หรือ?”

“พวกเราเป็นสะใภ้มาด้วยกันหลายปีเช่นนี้ จะไม่มีสิ่งใดพูดคุยแล้วได้อย่างไร? ดูเจ้าพูดเข้าสิ เห็นข้าเป็นคนนอกเสียแล้ว” ถังซื่อจับมือของถงซื่อไว้

ถงซื่อพยายามดึงมือกลับ ทว่าถังซื่อไม่ยอมปล่อย ทั้งสองคนยื้อยุดกันอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน

“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?” ถงซื่อตื่นตระหนก

“ข้าอยากจะพูดคุยกับเจ้าสักสองสามคำ เหตุใดเจ้าต้องตื่นตระหนกเช่นนี้ด้วย? ข้าจะกินเจ้าหรือไร” ความหงุดหงิดวาบผ่านแววตาของถังซื่อ

ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้ลู่อี้กลายมาเป็นเจ้าหน้าที่ของทางการ นางจะต้องมาประจบเอาใจเช่นนี้หรือ?

“ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำที่บ้าน ต้องไปก่อนแล้ว” ถงซื่อสะบัดมือออกอย่างแรง

ระยะนี้นางกินของบำรุงจนดีขึ้นแล้ว ไม่ผ่ายผอมอ่อนแอเช่นแต่ก่อน อีกทั้งพละกำลังก็เพิ่มขึ้นมาก ถังซื่อจึงล้มหงายหลังลงไปทั้งตัว

ตุบ!

ถังซื่อล้มลงไปในทุ่งนาที่มีแต่ดินโคลน

ใบหน้าของถงซื่อเปลี่ยนสี นางกล่าวอย่างอึกอักว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า… เจ้าเป็นคนดึงข้าเอง ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องทำ ไม่มีเวลามาพูดคุยไร้สาระกับเจ้า”

จากนั้นนางก็เผ่นหนีไป

ถังซื่อนอนจมกองโคลน รู้สึกเหนียวเฉอะแฉะไปทั่วทั้งแขนขาและลำตัว นางร้องตะโกนด้วยความโกรธแค้น “ถงชุนนี!”

ถงซื่อได้ยินก็วิ่งเร็วยิ่งกว่าเดิม

หวา! หวาดเสียวเกินไปแล้ว

กระทั่งนางมองไม่เห็นถังซื่ออีก นางจึงค่อย ๆ ผ่อนฝีเท้าลง กางแขนออกแล้วเอ่ยกับตนเองว่า “ข้าผลักนางแล้วจริง ๆ!”

ถงซื่อเปิดประตู กำลังจะเดินกลับเข้าบ้าน ทว่าเมื่อหันไปมองรอบ ๆ กลับเห็นร่างหนึ่งอยู่ตรงหัวมุม นางจึงเดินเข้าไปช้า ๆ เห็นคนผู้นั้นนอนแน่นิ่งอยู่ที่นั่น นางรวบรวมความกล้าก้าวไปจนถึงตรงนั้น

“ท่านหมอจู!”

ถงซื่อรีบช่วยพยุงเขาลุกขึ้นนั่ง เขย่าตัวเขาสองสามครั้ง “ท่านหมอจู!”

แก้มของท่านหมอจูแดงก่ำ ตัวของเขาร้อนมาก

“เป็นไข้หรือนี่!”

ถงซื่อมองไปรอบ ๆ ทว่าไม่เห็นคนอื่น

บ้านของนางเดิมทีก็ห่างไกล ไม่มีคนอื่นอยู่ละแวกนี้

นางพยายามช่วยพยุงท่านหมอจูขึ้นมา ฝ่ายหลังยังหลงเหลือสติอยู่เล็กน้อย จึงพยายามยันตัวลุกขึ้นมาอีกแรง

ถงซื่อช่วยพาเขาเข้าไปในห้อง

ทางด้านถังซื่อนั้นคลานขึ้นมาในสภาพที่เต็มไปด้วยโคลนตม นางเดินไปพลางก่นด่าไปพลาง ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาล้วนสร้างความอับอายให้นาง

“สะใภ้ใหญ่ถัง นี่ท่านไปเล่นที่ใดมาหรือ? เหตุใดจึงเล่นจนตัวเองกลายเป็นเช่นนี้ไปเล่า?”

“พวกเจ้านี่ไม่เข้าใจเอาเสียเลย ตอนนี้พี่สะใภ้ถังไม่มีทั้งที่นาและที่ดิน จะต้องคิดถึงกลิ่นดินเป็นแน่ คงตั้งใจนำมันกลับมาระลึกถึงความหลังสักหน่อย”

“ไปให้พ้น!” ถังซื่อตะโกนด่า “พวกเจ้าล้างก้นตัวเองสะอาดรึยัง? ไม่ต้องมาแส่!”

มู่ต้าซานแบกฟืนผ่านมา เห็นสตรีหลายคนทะเลาะเบาะแว้งกันก็เดินผ่านไปอย่างไม่ไยดี

“นี่ มู่ต้าซาน!” ถังซื่อร้องเรียกเขา “พวกเราแยกบ้านแล้ว ไม่ได้หมายความว่าต้องตัดขาดกัน เจ้าเห็นพี่สะใภ้เจ้าถูกคนกลั่นแกล้งรังแก แต่เจ้าไม่แม้แต่จะสน ยังเป็นบุรุษอยู่หรือไม่?”

มู่ต้าซานหยุดฝีเท้า หันไปมองถังซื่ออย่างไม่สะทกสะท้าน “หากท่านไม่ก่อเรื่อง ใครจะรังแกท่านได้?”

“เจ้า เจ้า เจ้า! ดีนักนะมู่ต้าซาน เจ้ามันของไม่มีประโยชน์ ไม่แปลกใจว่าเหตุใดตอนนี้ภรรยาของเจ้าจึงไม่ต้องการเจ้า!” ถังซื่อตะโกนด่าไล่หลังอีกฝ่าย

มู่ต้าซานโยนไม้ฟืนไว้ข้าง ๆ แล้วเดินดุ่ม ๆ เข้ามาด้วยความโมโห “เจ้าลองพูดดูอีกทีซิ!”

“เจ้าคิดจะทำอะไร? ข้าเป็นพี่สะใภ้ของเจ้านะ” ถังซื่อเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา

ไม่ว่ามู่ต้าซานจะตัวเล็กกระจ้อยร่อยอย่างไรแต่ก็เป็นชายคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นชายที่คุ้นชินกับการใช้พละกำลัง หากเขาต่อยนางด้วยหมัด ยังจะเกิดผลดีกับนางอีกหรือ?

หญิงสองสามนางที่อยู่ด้านข้างปิดปากหัวเราะ

หากในมือมีเมล็ดแตงโม บางทีอาจจะกำลังแทะเมล็ดแตงโมรอชมก็เป็นได้

มู่ต้าซานเหลือบมองหญิงเหล่านั้นอย่างเกรี้ยวกราด

หญิงเหล่านั้นพลันหวาดกลัว รีบดันหลังกันออกไป

มู่ต้าซานหันกลับมามองถังซื่ออีกครั้ง “ใครที่ทำให้ข้ากลายมาเป็นอย่างทุกวันนี้? ไม่ใช่พวกเจ้าหรือ? หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้า ข้าก็ยังมีทั้งลูกชายและลูกสาว มีภรรยาที่พร้อมด้วยคุณธรรม จะต้องอยู่ตัวคนเดียวเช่นในตอนนี้ได้อย่างไร? พวกเจ้าอย่ามาสร้างความรำคาญให้ข้าจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นข้าจะจุดไฟเผาบ้านให้ทุกคนได้ตายพร้อมกัน”

ถังซื่อหวาดกลัวจนหัวหด รีบวิ่งหนีไปทันที

มู่ต้าซานบ้าไปแล้ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 175 มู่ต้าซานบ้าไปแล้ว

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 175 มู่ต้าซานบ้าไปแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 175 มู่ต้าซานบ้าไปแล้ว

บทที่ 175 มู่ต้าซานบ้าไปแล้ว

ลู่อี้มอบชื่อใหม่ให้เด็กคนนั้นว่าจือเชียน เด็กหนุ่มโตมาจากการกินข้าวร้อยบ้าน ไม่มีแซ่ ดังนั้นเขาจึงใช้แซ่ตามลู่อี้

มู่ซืออวี่พาเด็กหนุ่มและเซี่ยคุนไปซื้อเสื้อผ้าใหม่

จือเชียนพูดคุยไม่หยุดปาก มีชีวิตชีวาอย่างมาก ในขณะที่ใบหน้าของเซี่ยคุนยังคงเป็นดั่งก้อนน้ำแข็งตลอดปีดังเดิม ไม่มีคลื่นอารมณ์ปรากฏแม้แต่น้อย

“ข้าคิดจริง ๆ ว่าเจ้าเหมาะจะอยู่ข้างกายลู่อี้มากกว่า ดูพวกเจ้าสองคนสิ แต่ละคนล้วนไม่ชอบพูดจา เหมาะสมสุด ๆ เลยไม่ใช่หรือ?” มู่ซืออวี่เอาเสื้อผ้าชุดหนึ่งมาทาบบนตัวเขา

จือเชียนเดินสวมชุดใหม่ออกมา แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “ฮูหยิน ท่านหยุดหวังเถอะ หากนายท่านกับพี่คุนอยู่ด้วยกัน ในระยะสองสามลี้ต้องไม่มีหญ้าเกิดขึ้นเป็นแน่ เพราะอะไรน่ะหรือ ถูกอาคมน้ำแข็งน่ะสิ! ถูกแช่แข็งไปหมดแล้ว”

มู่ซืออวี่ระเบิดหัวเราะออกมา

เด็กคนนี้ตลกเกินไปแล้ว

นางอยากให้จือเชียนผู้นี้เป็นผู้ติดตามนางมากกว่า น่าสนใจอะไรอย่างนี้!

หลังจากหาสมาชิกใหม่เพิ่มได้สองคนแล้ว มู่ซืออวี่ก็ให้จือเชียนพานางไปหาร้านแล้วทำการเช่าทันที จากนั้นจึงไปส่งเขาที่ศาลาว่าการ ให้เจ้าหน้าที่พาจือเชียนไปหาลู่อี้

เมื่อรถม้ากลับมาถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านที่กำลังทำงานก็เห็นคนบังคับรถม้าเป็นขอทานผู้หนึ่ง พวกเขาต่างจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง หลังจากที่รถม้าเคลื่อนผ่านเข้าประตูของครอบครัวลู่ ทุกคนจึงรับรู้ว่ารถม้านั้นเป็นของครอบครัวลู่

ถงซื่อดึงลู่จื่ออวิ๋นมาอยู่ข้าง ๆ เพื่อหลีกทาง ก่อนจะคว้าแขนของมู่ซืออวี่ไว้แล้วกระซิบเบา ๆ “ลูกอวี่ คนนี้คือใคร?”

“ผู้คุ้มกันของบ้านเรา” มู่ซืออวี่กล่าว “ท่านแม่ ท่านไม่รู้ว่าวันนี้อันตรายมากเพียงใด…”

หลังจากเล่าต้นสายปลายเหตุให้ฟังแล้ว ถงซื่อพลันตื่นตระหนก นางลูบอกตัวเองเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “อันตรายเกินไปแล้ว โชคดีที่จอมยุทธ์ผู้นี้ช่วยเจ้าไว้ จอมยุทธ์ท่านนี้ชื่ออะไรหรือ?”

“เขาชื่อเซี่ยคุน”

“จอมยุทธ์เซี่ย ขอบคุณท่านที่ช่วยลูกสาวข้า” ถงซื่อคารวะ

เซี่ยคุนเบี่ยงไปด้านข้าง กล่าวอย่างนิ่งขรึม “ตอนนี้ข้าเป็นผู้คุ้มกันของฮูหยิน ท่านผู้เฒ่าไม่จำเป็นต้องเกรงใจ”

เป็นครั้งแรกที่ถงซื่อถูกเรียกเช่นนั้น นางกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

“เช่นนั้นข้าเรียกท่านลุงเซี่ยได้หรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยเสียงหวาน “ท่านลุงเซี่ย”

สายตาของเซี่ยคุนเหม่อลอย เขาคุกเข่าลงก้มมองลู่จื่ออวิ๋น

เด็กน้อยกะพริบตาปริบ ๆ “ท่านลุงเซี่ย เป็นอะไรหรือ?”

“เจ้าชื่ออะไร?” น้ำเสียงของเซี่ยคุนอ่อนโยนลง

“ข้าชื่อลู่จื่ออวิ๋น ท่านเรียกช้าว่าอวิ๋นเอ๋อร์ก็ได้ ท่านพ่อท่านแม่ข้าก็เรียกเช่นนั้น” น้ำเสียงของลู่จื่ออวิ๋นใสกระจ่างและอ่อนหวาน รอยยิ้มของนางราวกับดวงอาทิตย์ ประหนึ่งสามารถปัดเป่าความมืดมิดออกไปได้

“อวิ๋นเอ๋อร์ ชื่อไพเราะมาก” น้ำเสียงของเซี่ยคุนเจือความสลับซับซ้อน

ลู่จื่ออวิ๋นพยักหน้า “อื้ม ข้าก็คิดว่าอย่างนั้น”

“ท่านแม่ ท่านทำความสะอาดห้องข้าง ๆ ห้องนั้นให้เสียหน่อย พี่ใหญ่เซี่ยและจือเชียนจะอยู่ห้องนั้น” มู่ซืออวี่กล่าว

“จือเชียนคือผู้ใด?”

มู่ซืออวี่จึงอธิบายคร่าว ๆ อีกครั้ง

ถงซื่อนับว่าเข้าใจแล้ว นี่เป็นการเพิ่มผู้ติดตามอย่างกะทันหันถึงสองคน ฟังดูแล้วราวกับพวกเขามีความสามารถมาก

มู่ซืออวี่กลับไปยังห้องของตนเพื่อวาดรูป ตั้งใจจะตกแต่งร้านที่เช่าใหม่อย่างง่าย ๆ สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่ส่วนที่พักอาศัยของผู้ดูแลร้านตรงสวนด้านหลัง นางควรตกแต่งให้อบอุ่นสักหน่อย ผู้ดูแลร้านจะได้รู้สึกเหมือนอยู่บ้านตนเอง

เวลานี้ถงซื่อกำลังเดินกลับ ขณะที่นางเดินไปตามคันนาก็เห็นถังซื่อกำลังเดินมุ่งหน้ามาจากฝั่งตรงข้าม นางจึงหลบไปข้าง ๆ คันนาเพื่อหลีกทาง ตั้งใจรอให้ถังซื่อผ่านไปก่อนแล้วตนค่อยเดินไป

ถังซื่อหยุดอยู่ตรงหน้าถงซื่อ “สะใภ้รอง พวกเราอย่างไรครั้งหนึ่งก็เป็นสะใภ้เหมือนกัน บอกว่าจะไม่สนใจคนก็ไม่สนใจคนจริง ๆ ได้อย่างไร? เจ้าทำเช่นนี้ข้าเศร้าใจนัก”

มุมปากของถงซื่อกระตุก “ข้าไม่ได้ไม่สนใจเจ้า เพียงแต่ไม่มีสิ่งใดจะพูดกันแล้วไม่ใช่หรือ?”

“พวกเราเป็นสะใภ้มาด้วยกันหลายปีเช่นนี้ จะไม่มีสิ่งใดพูดคุยแล้วได้อย่างไร? ดูเจ้าพูดเข้าสิ เห็นข้าเป็นคนนอกเสียแล้ว” ถังซื่อจับมือของถงซื่อไว้

ถงซื่อพยายามดึงมือกลับ ทว่าถังซื่อไม่ยอมปล่อย ทั้งสองคนยื้อยุดกันอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน

“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?” ถงซื่อตื่นตระหนก

“ข้าอยากจะพูดคุยกับเจ้าสักสองสามคำ เหตุใดเจ้าต้องตื่นตระหนกเช่นนี้ด้วย? ข้าจะกินเจ้าหรือไร” ความหงุดหงิดวาบผ่านแววตาของถังซื่อ

ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้ลู่อี้กลายมาเป็นเจ้าหน้าที่ของทางการ นางจะต้องมาประจบเอาใจเช่นนี้หรือ?

“ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำที่บ้าน ต้องไปก่อนแล้ว” ถงซื่อสะบัดมือออกอย่างแรง

ระยะนี้นางกินของบำรุงจนดีขึ้นแล้ว ไม่ผ่ายผอมอ่อนแอเช่นแต่ก่อน อีกทั้งพละกำลังก็เพิ่มขึ้นมาก ถังซื่อจึงล้มหงายหลังลงไปทั้งตัว

ตุบ!

ถังซื่อล้มลงไปในทุ่งนาที่มีแต่ดินโคลน

ใบหน้าของถงซื่อเปลี่ยนสี นางกล่าวอย่างอึกอักว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า… เจ้าเป็นคนดึงข้าเอง ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องทำ ไม่มีเวลามาพูดคุยไร้สาระกับเจ้า”

จากนั้นนางก็เผ่นหนีไป

ถังซื่อนอนจมกองโคลน รู้สึกเหนียวเฉอะแฉะไปทั่วทั้งแขนขาและลำตัว นางร้องตะโกนด้วยความโกรธแค้น “ถงชุนนี!”

ถงซื่อได้ยินก็วิ่งเร็วยิ่งกว่าเดิม

หวา! หวาดเสียวเกินไปแล้ว

กระทั่งนางมองไม่เห็นถังซื่ออีก นางจึงค่อย ๆ ผ่อนฝีเท้าลง กางแขนออกแล้วเอ่ยกับตนเองว่า “ข้าผลักนางแล้วจริง ๆ!”

ถงซื่อเปิดประตู กำลังจะเดินกลับเข้าบ้าน ทว่าเมื่อหันไปมองรอบ ๆ กลับเห็นร่างหนึ่งอยู่ตรงหัวมุม นางจึงเดินเข้าไปช้า ๆ เห็นคนผู้นั้นนอนแน่นิ่งอยู่ที่นั่น นางรวบรวมความกล้าก้าวไปจนถึงตรงนั้น

“ท่านหมอจู!”

ถงซื่อรีบช่วยพยุงเขาลุกขึ้นนั่ง เขย่าตัวเขาสองสามครั้ง “ท่านหมอจู!”

แก้มของท่านหมอจูแดงก่ำ ตัวของเขาร้อนมาก

“เป็นไข้หรือนี่!”

ถงซื่อมองไปรอบ ๆ ทว่าไม่เห็นคนอื่น

บ้านของนางเดิมทีก็ห่างไกล ไม่มีคนอื่นอยู่ละแวกนี้

นางพยายามช่วยพยุงท่านหมอจูขึ้นมา ฝ่ายหลังยังหลงเหลือสติอยู่เล็กน้อย จึงพยายามยันตัวลุกขึ้นมาอีกแรง

ถงซื่อช่วยพาเขาเข้าไปในห้อง

ทางด้านถังซื่อนั้นคลานขึ้นมาในสภาพที่เต็มไปด้วยโคลนตม นางเดินไปพลางก่นด่าไปพลาง ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาล้วนสร้างความอับอายให้นาง

“สะใภ้ใหญ่ถัง นี่ท่านไปเล่นที่ใดมาหรือ? เหตุใดจึงเล่นจนตัวเองกลายเป็นเช่นนี้ไปเล่า?”

“พวกเจ้านี่ไม่เข้าใจเอาเสียเลย ตอนนี้พี่สะใภ้ถังไม่มีทั้งที่นาและที่ดิน จะต้องคิดถึงกลิ่นดินเป็นแน่ คงตั้งใจนำมันกลับมาระลึกถึงความหลังสักหน่อย”

“ไปให้พ้น!” ถังซื่อตะโกนด่า “พวกเจ้าล้างก้นตัวเองสะอาดรึยัง? ไม่ต้องมาแส่!”

มู่ต้าซานแบกฟืนผ่านมา เห็นสตรีหลายคนทะเลาะเบาะแว้งกันก็เดินผ่านไปอย่างไม่ไยดี

“นี่ มู่ต้าซาน!” ถังซื่อร้องเรียกเขา “พวกเราแยกบ้านแล้ว ไม่ได้หมายความว่าต้องตัดขาดกัน เจ้าเห็นพี่สะใภ้เจ้าถูกคนกลั่นแกล้งรังแก แต่เจ้าไม่แม้แต่จะสน ยังเป็นบุรุษอยู่หรือไม่?”

มู่ต้าซานหยุดฝีเท้า หันไปมองถังซื่ออย่างไม่สะทกสะท้าน “หากท่านไม่ก่อเรื่อง ใครจะรังแกท่านได้?”

“เจ้า เจ้า เจ้า! ดีนักนะมู่ต้าซาน เจ้ามันของไม่มีประโยชน์ ไม่แปลกใจว่าเหตุใดตอนนี้ภรรยาของเจ้าจึงไม่ต้องการเจ้า!” ถังซื่อตะโกนด่าไล่หลังอีกฝ่าย

มู่ต้าซานโยนไม้ฟืนไว้ข้าง ๆ แล้วเดินดุ่ม ๆ เข้ามาด้วยความโมโห “เจ้าลองพูดดูอีกทีซิ!”

“เจ้าคิดจะทำอะไร? ข้าเป็นพี่สะใภ้ของเจ้านะ” ถังซื่อเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา

ไม่ว่ามู่ต้าซานจะตัวเล็กกระจ้อยร่อยอย่างไรแต่ก็เป็นชายคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นชายที่คุ้นชินกับการใช้พละกำลัง หากเขาต่อยนางด้วยหมัด ยังจะเกิดผลดีกับนางอีกหรือ?

หญิงสองสามนางที่อยู่ด้านข้างปิดปากหัวเราะ

หากในมือมีเมล็ดแตงโม บางทีอาจจะกำลังแทะเมล็ดแตงโมรอชมก็เป็นได้

มู่ต้าซานเหลือบมองหญิงเหล่านั้นอย่างเกรี้ยวกราด

หญิงเหล่านั้นพลันหวาดกลัว รีบดันหลังกันออกไป

มู่ต้าซานหันกลับมามองถังซื่ออีกครั้ง “ใครที่ทำให้ข้ากลายมาเป็นอย่างทุกวันนี้? ไม่ใช่พวกเจ้าหรือ? หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้า ข้าก็ยังมีทั้งลูกชายและลูกสาว มีภรรยาที่พร้อมด้วยคุณธรรม จะต้องอยู่ตัวคนเดียวเช่นในตอนนี้ได้อย่างไร? พวกเจ้าอย่ามาสร้างความรำคาญให้ข้าจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นข้าจะจุดไฟเผาบ้านให้ทุกคนได้ตายพร้อมกัน”

ถังซื่อหวาดกลัวจนหัวหด รีบวิ่งหนีไปทันที

มู่ต้าซานบ้าไปแล้ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด