สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย บทที่ 10 ส่งกลิ่นเหม็นไร้ยางอาย

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 10 ส่งกลิ่นเหม็นไร้ยางอาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 10 ส่งกลิ่นเหม็นไร้ยางอาย

บทที่ 10 ส่งกลิ่นเหม็นไร้ยางอาย

มู่ซืออวี่หัวเราะเยาะหนึ่งทีก่อนจะเลียนแบบน้ำเสียงตะโกนของมู่ซือเจียว “เข้ามาหาเรื่องเองนะ แล้วข้าด่าเจ้าไม่ได้งั้นรึ รีบไปฟ้องท่านย่าสิ ฟ้องแม่เจ้าด้วย เจ้ายังไม่หย่านมนี่!”

มู่ซือเจียวกรีดร้องพร้อมปรี่เข้ามาหา “ข้าจะฉีกปากเหม็น ๆ ของเจ้าออก นังคนต่ำช้า!”

มู่ซืออวี่เบี่ยงตัวหลบ

เสียง ‘ตึง!’ พลันดังขึ้นมา

ปรากฏว่ามู่ซือเจียววิ่งชนกำแพง

กำแพงทำจากฟางข้าวและโคลนตม มู่ซือเจียวจึงต้องกินโคลนตมเข้าไปในปากไปไม่น้อย

“แหวะ! แหวะ!” มู่ซือเจียวถ่มโคลนที่อยู่ในปากออกมาก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วมองไปทางมู่ซืออวี่ด้วยความโกรธแค้น “วันนี้เจ้ากินยาผิดรึ? ท่านย่าเรียกให้ข้ามาตามเจ้า!”

มู่ซืออวี่เข้าใจว่าเหตุใดมู่ซือเจียวจึงดูแปลกใจ ถึงแม้เจ้าของร่างเดิมมักจะชอบทำตัวโอ้อวด แต่ก็ไม่สามารถเชิดหน้าชูตาเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนในตระกูลของแม่ได้ หากคนในตระกูลมู่สั่งให้นางไปทางทิศตะวันออก นางจะไม่มีทางไปทิศตะวันตก ถ้าตระกูลมู่ขอให้นางกินอึ นางก็ไม่กล้าปฏิเสธ

เจ้าของร่างเดิมเป็นลูกสาวคนที่สองที่ไม่เป็นที่รัก ทว่ามู่ซือเจียวผู้เป็นพี่สาวคนโตนั้นเป็นที่รักของแม่เฒ่าเจียง แม้แต่นิ้วเดียวนั้นมู่ซืออวี่ก็ยังลังเลที่จะสัมผัสพี่สาวผู้นี้

แต่ในที่สุดวันนี้มู่ซืออวี่ก็กล้าที่จะทำแบบนี้กับมู่ซือเจียว

คนขี้ขลาดอย่างมู่ซืออวี่กล้าโกรธนางเช่นนี้ จะไม่ให้นางตกใจได้อย่างไร

ลู่ฉาวอวี่ยังคงยืนมองอยู่เงียบ ๆ

ในใจเขาราวกับมีกระแสน้ำอุ่นพรั่งพรูออกมา แต่ก็ยับยั้งไว้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ไม่นานนักเขาก็กลับมาสงบเยือกเย็นดังเดิม

ลู่จื่ออวิ๋นกอดคอของมู่ซืออวี่พลางกะพริบตาอย่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา นางมองไปที่มู่ซืออวี่ด้วยความชื่นชม

ไม่อยากจะเชื่อ! ท่านแม่ช่างเก่งกาจเหลือเกิน

“หากไม่มีธุระก็ไม่ต้องมา บอกข้ามาตามตรง เจ้าต้องการจะทำอะไร!” มู่ซืออวี่กอดร่างกายที่อ่อนแอของลู่จื่ออวิ๋นไว้ไม่ยอมปล่อย

ดวงตากลมโตของลู่จื่ออวิ๋นน่ารักราวกับกระต่ายน้อย ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางจะแต่งงานทันทีหลังจากเสร็จสิ้นการร่ำเรียน ทุกคนต่างเสียดายเมื่อนางไปเป็นภรรยาอย่างเต็มตัวแล้วให้กำเนิดลูกชาย ว่ากันว่าเด็กน้อยเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักที่สุดในโลก โดยเฉพาะสาวน้อยผู้น่ารักราวกับตุ๊กตาคนนี้

ลู่จื่ออวิ๋นรู้สึกว่าสายตาของมู่ซืออวี่ดูแปลกไป มันไม่ใช่สายตาที่ระอุไปด้วยความเกลียดชังอีกแล้ว ถึงแม้ว่านางจะยังเด็ก แต่นางก็สามารถแยกแยะระหว่างเจตนาดีและเจตนาร้ายได้

“ไม่ใช่ว่าเจ้าได้รับไก่มาใหม่สามตัวแล้วรึ ท่านย่าให้ข้ามาเอาไก่กลับไป” มู่ซือเจียวปัดโคลนบนร่างกายทิ้งพร้อมทั้งกัดฟันสั่ง

“อ้อ เพราะไก่ของข้านี่เอง” มู่ซืออวี่ขำแห้ง “ถือว่าได้รับข่าวดี ข้าได้รับไก่สามตัวจากแม่นางหวังแล้ว ข้าเอามาเพราะต้องบำรุงรักษาเสี่ยวอวิ๋นต่างหาก”

มู่ซือเจียวมองมู่ซืออวี่อีกครั้งด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “นี่เป็นคำสั่งของท่านย่า ไม่คิดว่าเจ้าจะไม่ทำ เจ้าอยากทำให้ท่านย่าโกรธงั้นรึ?”

ลู่ฉาวอวี่คอยเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่ข้าง ๆ มู่ซืออวี่มาโดยตลอด พอเห็นแววตาที่ลังเลของมู่ซืออวี่ เขาก็คิดว่านางกำลังหวั่นไหว ความผิดหวังจึงฉายผ่านแววตาของเด็กชาย

เขาแอบหัวเราะอยู่ในใจ ในสายตาของผู้หญิงคนนี้ก็มีเพียงตระกูลมู่ คนในตระกูลมู่บอกว่าพวกเขาเป็นเด็กชั่วร้าย อย่าไปสนใจพวกเขา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้นางจึงไม่สนใจพวกเขา นางควรจะหยุดทำเช่นนี้ได้แล้ว เพราะตระกูลมู่ปฏิบัติกับนางราวกับหมาตัวหนึ่ง ถึงนางจะทำตามคำสั่งเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนตระกูลมู่ แต่เวลาก็ล่วงผ่านไปนานแล้ว นางยังจะยินยอมอยู่อีกหรือ?

มู่ซือเจียวเห็นมู่ซืออวี่ลังเลใจจึงจองหองขึ้นมาอีกครั้ง

คนต่ำช้าคนนี้ไม่กล้าขัดคำพูดของท่านย่า นางถูกท่านย่าดุและเฆี่ยนตีมาตั้งแต่ยังเด็ก ท่านย่าพูดอะไรนางก็ไม่กล้าขัดขืนหรอก

“พวกเจ้านี่นอกจากจะตัวเหม็นแล้วยังไร้ยางอายไม่เปลี่ยน” มู่ซืออวี่พูดขึ้นในที่สุด “ข้าโง่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ส่งของกินเข้าปากพวกเจ้ามาตั้งนาน ไม่เห็นหรือ ลูกทั้งสองของข้ากำลังรอกิน”

“เจ้าพูดอะไร?” ใบหน้าของมู่ซือเจียวแข็งทื่อ “เจ้าจะไม่ให้งั้นรึ”

“แน่นอน เหตุใดข้าต้องให้ เจ้าคนเดียวหาเงินได้ไม่น้อยไม่ใช่หรือ บ้านนั้นเลี้ยงดูเจ้าได้อย่างดี ไม่เคยขาดแคลนเงิน แล้วดูลูกทั้งสองของข้า สวมเสื้อผ้าไม่อุ่น กินไม่อิ่ม อายุห้าหนาวเข้าไปแล้วแต่ก็ยังเหมือนสามหนาว สมองป่วย ๆ ของข้ายังคิดได้ว่าต้องไม่ปันส่วนของพวกเขาไปป้อนให้หมา”

“เจ้าพูดว่าพวกข้าเป็นหมารึ?” ดวงตาของมู่ซือเจียวเบิกกว้าง

นางประสาทหลอนหรือถึงได้ยินประโยคนี้จากมู่ซืออวี่

หรือว่ามู่ซืออวี่บ้าไปแล้ว เจ้าตัวรู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังเอ่ยอะไรออกมา

ดวงตาของลู่ฉาวอวี่วาบประกาย

“ไม่หรอก เหตุใดพวกเจ้าต้องเป็นหมาเล่า? ข้าไม่อาจนำหมาไปเปรียบเทียบกับพวกเจ้าหรอก หมาออกจะซื่อสัตย์ ใจดี เอาพวกเจ้าไปเปรียบเทียบกับหมาก็สร้างความอัปยศอดสูให้กับมันเสียเปล่า ๆ”

“นี่เจ้า! เจ้า! มู่ซืออวี่ เจ้าบ้าไปแล้วจริง ๆ ด้วย ไม่เพียงแค่กล้าด่าข้า แต่ยังกล้าด่าท่านย่าอีก ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าจะให้หรือไม่?”

“หูหนวกรึ ข้าไม่ให้” มู่ซืออวี่หมดความอดทน “พูดจบแล้วก็ออกไปซะ ข้ากำลังยุ่ง ไม่มีเวลาอยู่กับเจ้า”

มู่ซือเจียวโกรธจัด นางชี้ไปที่มู่ซืออวี่พลางยิ้มเยาะ “ได้ ข้าจะกลับไปบอกท่านย่าเดี๋ยวนี้ คอยดูเถอะ”

“ข้าจะรอ” มู่ซืออวี่พูดจบก็วางลู่จื่ออวิ๋นลง “เสี่ยวอวิ๋น ไม่สบายตรงไหนรึ หากไม่สบาย ข้าจะเอาไก่สามตัวนั้นมาบำรุงร่างกายให้เจ้า”

มู่ซือเจียวได้ยินคำว่าไก่สามตัวเต็มสองหู นางไม่กล้าอยู่ต่อจึงเดินออกไป

มู่ซืออวี่ปล่อยให้อีกฝ่ายแหกปากไป ดูซิว่าอีกฝ่ายจะขอความเมตตาจากท่านย่าอย่างไร

หลังจากที่มู่ซือเจียวเดินออกไปแล้ว ลู่จื่ออวิ๋นพลันจับฝ่ามือของมู่ซืออวี่ไว้ ใบหน้าเล็ก ๆ ฉายชัดถึงความกังวล “ท่านย่าจะมาทุบตีท่าน ท่านไม่กลัวหรือ?”

เมื่อพูดถึงแม่เฒ่าเจียง ร่างกายที่ผอมบางของลู่จื่ออวิ๋นก็สั่นเทา เด็กหญิงหวั่นกลัวจากส่วนลึกในใจ

นางจับมือมู่ซืออวี่แน่นขึ้น ราวกับว่านางต้องการคว้าความอบอุ่นที่หาได้ยากเอาไว้

ท่านแม่คนปัจจุบันดีมากจริง ๆ หากท่านย่ามาแล้วจะเปลี่ยนกลับไปเป็นดังเดิมหรือไม่? เมื่อก่อนนี้ตอนที่ท่านย่าทุบตีท่านแม่ ท่านแม่ก็เข้ามาทุบตีนางกับท่านพี่ด้วย

“อย่ากลัวเลย” มู่ซืออวี่ย่อตัวลงสัมผัสใบหน้าเล็ก ๆ น่ารักของลู่จื่ออวิ๋น “ยิ่งข้ากลัว นางก็ยิ่งอยากตีข้า ถึงกลัวไปก็ไม่มีประโยชน์ ข้าต้องกล้าขึ้นมาบ้างแล้ว”

“อื้อ” ลู่จื่ออวิ๋นพยักหน้าด้วยความสับสน “ข้ากับท่านพี่จะช่วยท่าน วันนี้ท่านไม่ได้ทุบตีพวกข้า พวกข้าก็จะไม่ปล่อยให้คนอื่นมาทุบตีท่าน ถูกตีมันเจ็บมากนะเจ้าคะ”

“เจ้าต้องการจะปกป้องข้ารึ” มู่ซืออวี่หัวเราะเบา ๆ

นางรู้ว่าตอนนี้นางดูไม่ดีในสายตาลูก ๆ แต่โหงวเฮ้งบนใบหน้าเป็นหน้าต่างสะท้อนดวงชะตา ไม่ว่าจะดูน่าเกลียดแค่ไหน ตราบใดที่มีจิตใจเมตตา ลมหายใจของนางก็จะอบอุ่น

“ท่านคิดจะทำอะไร?” ลู่ฉาวอวี่ที่เงียบมาโดยตลอดเริ่มพูดขึ้นมา

มู่ซืออวี่ยักไหล่ “ทำทุกอย่างที่ข้าต้องทำ ชีวิตของข้าลำบากมาก จะโดนเอาเปรียบอีกไม่ได้ ไม่มาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามา ข้าจะฉีกหน้าพวกนางเอง! ลูกสาวที่แต่งงานแล้วก็เหมือนสาดน้ำออกไป ยังจะให้ชั่วชีวิตข้าต้องช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายของพวกนางรึ”

“แต่ท่านพ่อกับท่านแม่ของท่านก็ยังอยู่ในมือของพวกเขา” ลู่ฉาวอวี่กล่าว

ห้องนอนสามห้องของตระกูลมู่ไม่ได้แยกกัน ท่านพ่อและท่านแม่ของเจ้าของร่างเดิมเป็นสมาชิกครอบครัวที่ต่ำต้อยที่สุดของตระกูลมู่ พวกเขาอยู่ที่นั่นไม่ต่างจากคนรับใช้

“ไม่ต้องรีบร้อน อย่างไรแล้วก็ยังมีวิธีจัดการอยู่” มู่ซืออวี่กล่าว “ยาก็ยังกินไม่หมด ไปเถอะ กลับไปกินยาต่อ”

ลู่ฉาวอวี่เดินนำหน้าไป แต่ยังเดินไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็ถูกมู่ซืออวี่กอดเข้าให้ เขาดิ้นไปมาพร้อมทำสีหน้าไม่พอใจ “ปล่อยข้านะ!”

“เจ้าเดินเช่นนี้ อาการบาดเจ็บจะไม่แย่ลงรึ” มู่ซืออวี่ขู่ “หากขยับอีกครั้งข้าจะตีก้นเจ้า”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย บทที่ 10 ส่งกลิ่นเหม็นไร้ยางอาย

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 10 ส่งกลิ่นเหม็นไร้ยางอาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 10 ส่งกลิ่นเหม็นไร้ยางอาย

บทที่ 10 ส่งกลิ่นเหม็นไร้ยางอาย

มู่ซืออวี่หัวเราะเยาะหนึ่งทีก่อนจะเลียนแบบน้ำเสียงตะโกนของมู่ซือเจียว “เข้ามาหาเรื่องเองนะ แล้วข้าด่าเจ้าไม่ได้งั้นรึ รีบไปฟ้องท่านย่าสิ ฟ้องแม่เจ้าด้วย เจ้ายังไม่หย่านมนี่!”

มู่ซือเจียวกรีดร้องพร้อมปรี่เข้ามาหา “ข้าจะฉีกปากเหม็น ๆ ของเจ้าออก นังคนต่ำช้า!”

มู่ซืออวี่เบี่ยงตัวหลบ

เสียง ‘ตึง!’ พลันดังขึ้นมา

ปรากฏว่ามู่ซือเจียววิ่งชนกำแพง

กำแพงทำจากฟางข้าวและโคลนตม มู่ซือเจียวจึงต้องกินโคลนตมเข้าไปในปากไปไม่น้อย

“แหวะ! แหวะ!” มู่ซือเจียวถ่มโคลนที่อยู่ในปากออกมาก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วมองไปทางมู่ซืออวี่ด้วยความโกรธแค้น “วันนี้เจ้ากินยาผิดรึ? ท่านย่าเรียกให้ข้ามาตามเจ้า!”

มู่ซืออวี่เข้าใจว่าเหตุใดมู่ซือเจียวจึงดูแปลกใจ ถึงแม้เจ้าของร่างเดิมมักจะชอบทำตัวโอ้อวด แต่ก็ไม่สามารถเชิดหน้าชูตาเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนในตระกูลของแม่ได้ หากคนในตระกูลมู่สั่งให้นางไปทางทิศตะวันออก นางจะไม่มีทางไปทิศตะวันตก ถ้าตระกูลมู่ขอให้นางกินอึ นางก็ไม่กล้าปฏิเสธ

เจ้าของร่างเดิมเป็นลูกสาวคนที่สองที่ไม่เป็นที่รัก ทว่ามู่ซือเจียวผู้เป็นพี่สาวคนโตนั้นเป็นที่รักของแม่เฒ่าเจียง แม้แต่นิ้วเดียวนั้นมู่ซืออวี่ก็ยังลังเลที่จะสัมผัสพี่สาวผู้นี้

แต่ในที่สุดวันนี้มู่ซืออวี่ก็กล้าที่จะทำแบบนี้กับมู่ซือเจียว

คนขี้ขลาดอย่างมู่ซืออวี่กล้าโกรธนางเช่นนี้ จะไม่ให้นางตกใจได้อย่างไร

ลู่ฉาวอวี่ยังคงยืนมองอยู่เงียบ ๆ

ในใจเขาราวกับมีกระแสน้ำอุ่นพรั่งพรูออกมา แต่ก็ยับยั้งไว้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ไม่นานนักเขาก็กลับมาสงบเยือกเย็นดังเดิม

ลู่จื่ออวิ๋นกอดคอของมู่ซืออวี่พลางกะพริบตาอย่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา นางมองไปที่มู่ซืออวี่ด้วยความชื่นชม

ไม่อยากจะเชื่อ! ท่านแม่ช่างเก่งกาจเหลือเกิน

“หากไม่มีธุระก็ไม่ต้องมา บอกข้ามาตามตรง เจ้าต้องการจะทำอะไร!” มู่ซืออวี่กอดร่างกายที่อ่อนแอของลู่จื่ออวิ๋นไว้ไม่ยอมปล่อย

ดวงตากลมโตของลู่จื่ออวิ๋นน่ารักราวกับกระต่ายน้อย ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางจะแต่งงานทันทีหลังจากเสร็จสิ้นการร่ำเรียน ทุกคนต่างเสียดายเมื่อนางไปเป็นภรรยาอย่างเต็มตัวแล้วให้กำเนิดลูกชาย ว่ากันว่าเด็กน้อยเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักที่สุดในโลก โดยเฉพาะสาวน้อยผู้น่ารักราวกับตุ๊กตาคนนี้

ลู่จื่ออวิ๋นรู้สึกว่าสายตาของมู่ซืออวี่ดูแปลกไป มันไม่ใช่สายตาที่ระอุไปด้วยความเกลียดชังอีกแล้ว ถึงแม้ว่านางจะยังเด็ก แต่นางก็สามารถแยกแยะระหว่างเจตนาดีและเจตนาร้ายได้

“ไม่ใช่ว่าเจ้าได้รับไก่มาใหม่สามตัวแล้วรึ ท่านย่าให้ข้ามาเอาไก่กลับไป” มู่ซือเจียวปัดโคลนบนร่างกายทิ้งพร้อมทั้งกัดฟันสั่ง

“อ้อ เพราะไก่ของข้านี่เอง” มู่ซืออวี่ขำแห้ง “ถือว่าได้รับข่าวดี ข้าได้รับไก่สามตัวจากแม่นางหวังแล้ว ข้าเอามาเพราะต้องบำรุงรักษาเสี่ยวอวิ๋นต่างหาก”

มู่ซือเจียวมองมู่ซืออวี่อีกครั้งด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “นี่เป็นคำสั่งของท่านย่า ไม่คิดว่าเจ้าจะไม่ทำ เจ้าอยากทำให้ท่านย่าโกรธงั้นรึ?”

ลู่ฉาวอวี่คอยเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่ข้าง ๆ มู่ซืออวี่มาโดยตลอด พอเห็นแววตาที่ลังเลของมู่ซืออวี่ เขาก็คิดว่านางกำลังหวั่นไหว ความผิดหวังจึงฉายผ่านแววตาของเด็กชาย

เขาแอบหัวเราะอยู่ในใจ ในสายตาของผู้หญิงคนนี้ก็มีเพียงตระกูลมู่ คนในตระกูลมู่บอกว่าพวกเขาเป็นเด็กชั่วร้าย อย่าไปสนใจพวกเขา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้นางจึงไม่สนใจพวกเขา นางควรจะหยุดทำเช่นนี้ได้แล้ว เพราะตระกูลมู่ปฏิบัติกับนางราวกับหมาตัวหนึ่ง ถึงนางจะทำตามคำสั่งเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนตระกูลมู่ แต่เวลาก็ล่วงผ่านไปนานแล้ว นางยังจะยินยอมอยู่อีกหรือ?

มู่ซือเจียวเห็นมู่ซืออวี่ลังเลใจจึงจองหองขึ้นมาอีกครั้ง

คนต่ำช้าคนนี้ไม่กล้าขัดคำพูดของท่านย่า นางถูกท่านย่าดุและเฆี่ยนตีมาตั้งแต่ยังเด็ก ท่านย่าพูดอะไรนางก็ไม่กล้าขัดขืนหรอก

“พวกเจ้านี่นอกจากจะตัวเหม็นแล้วยังไร้ยางอายไม่เปลี่ยน” มู่ซืออวี่พูดขึ้นในที่สุด “ข้าโง่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ส่งของกินเข้าปากพวกเจ้ามาตั้งนาน ไม่เห็นหรือ ลูกทั้งสองของข้ากำลังรอกิน”

“เจ้าพูดอะไร?” ใบหน้าของมู่ซือเจียวแข็งทื่อ “เจ้าจะไม่ให้งั้นรึ”

“แน่นอน เหตุใดข้าต้องให้ เจ้าคนเดียวหาเงินได้ไม่น้อยไม่ใช่หรือ บ้านนั้นเลี้ยงดูเจ้าได้อย่างดี ไม่เคยขาดแคลนเงิน แล้วดูลูกทั้งสองของข้า สวมเสื้อผ้าไม่อุ่น กินไม่อิ่ม อายุห้าหนาวเข้าไปแล้วแต่ก็ยังเหมือนสามหนาว สมองป่วย ๆ ของข้ายังคิดได้ว่าต้องไม่ปันส่วนของพวกเขาไปป้อนให้หมา”

“เจ้าพูดว่าพวกข้าเป็นหมารึ?” ดวงตาของมู่ซือเจียวเบิกกว้าง

นางประสาทหลอนหรือถึงได้ยินประโยคนี้จากมู่ซืออวี่

หรือว่ามู่ซืออวี่บ้าไปแล้ว เจ้าตัวรู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังเอ่ยอะไรออกมา

ดวงตาของลู่ฉาวอวี่วาบประกาย

“ไม่หรอก เหตุใดพวกเจ้าต้องเป็นหมาเล่า? ข้าไม่อาจนำหมาไปเปรียบเทียบกับพวกเจ้าหรอก หมาออกจะซื่อสัตย์ ใจดี เอาพวกเจ้าไปเปรียบเทียบกับหมาก็สร้างความอัปยศอดสูให้กับมันเสียเปล่า ๆ”

“นี่เจ้า! เจ้า! มู่ซืออวี่ เจ้าบ้าไปแล้วจริง ๆ ด้วย ไม่เพียงแค่กล้าด่าข้า แต่ยังกล้าด่าท่านย่าอีก ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าจะให้หรือไม่?”

“หูหนวกรึ ข้าไม่ให้” มู่ซืออวี่หมดความอดทน “พูดจบแล้วก็ออกไปซะ ข้ากำลังยุ่ง ไม่มีเวลาอยู่กับเจ้า”

มู่ซือเจียวโกรธจัด นางชี้ไปที่มู่ซืออวี่พลางยิ้มเยาะ “ได้ ข้าจะกลับไปบอกท่านย่าเดี๋ยวนี้ คอยดูเถอะ”

“ข้าจะรอ” มู่ซืออวี่พูดจบก็วางลู่จื่ออวิ๋นลง “เสี่ยวอวิ๋น ไม่สบายตรงไหนรึ หากไม่สบาย ข้าจะเอาไก่สามตัวนั้นมาบำรุงร่างกายให้เจ้า”

มู่ซือเจียวได้ยินคำว่าไก่สามตัวเต็มสองหู นางไม่กล้าอยู่ต่อจึงเดินออกไป

มู่ซืออวี่ปล่อยให้อีกฝ่ายแหกปากไป ดูซิว่าอีกฝ่ายจะขอความเมตตาจากท่านย่าอย่างไร

หลังจากที่มู่ซือเจียวเดินออกไปแล้ว ลู่จื่ออวิ๋นพลันจับฝ่ามือของมู่ซืออวี่ไว้ ใบหน้าเล็ก ๆ ฉายชัดถึงความกังวล “ท่านย่าจะมาทุบตีท่าน ท่านไม่กลัวหรือ?”

เมื่อพูดถึงแม่เฒ่าเจียง ร่างกายที่ผอมบางของลู่จื่ออวิ๋นก็สั่นเทา เด็กหญิงหวั่นกลัวจากส่วนลึกในใจ

นางจับมือมู่ซืออวี่แน่นขึ้น ราวกับว่านางต้องการคว้าความอบอุ่นที่หาได้ยากเอาไว้

ท่านแม่คนปัจจุบันดีมากจริง ๆ หากท่านย่ามาแล้วจะเปลี่ยนกลับไปเป็นดังเดิมหรือไม่? เมื่อก่อนนี้ตอนที่ท่านย่าทุบตีท่านแม่ ท่านแม่ก็เข้ามาทุบตีนางกับท่านพี่ด้วย

“อย่ากลัวเลย” มู่ซืออวี่ย่อตัวลงสัมผัสใบหน้าเล็ก ๆ น่ารักของลู่จื่ออวิ๋น “ยิ่งข้ากลัว นางก็ยิ่งอยากตีข้า ถึงกลัวไปก็ไม่มีประโยชน์ ข้าต้องกล้าขึ้นมาบ้างแล้ว”

“อื้อ” ลู่จื่ออวิ๋นพยักหน้าด้วยความสับสน “ข้ากับท่านพี่จะช่วยท่าน วันนี้ท่านไม่ได้ทุบตีพวกข้า พวกข้าก็จะไม่ปล่อยให้คนอื่นมาทุบตีท่าน ถูกตีมันเจ็บมากนะเจ้าคะ”

“เจ้าต้องการจะปกป้องข้ารึ” มู่ซืออวี่หัวเราะเบา ๆ

นางรู้ว่าตอนนี้นางดูไม่ดีในสายตาลูก ๆ แต่โหงวเฮ้งบนใบหน้าเป็นหน้าต่างสะท้อนดวงชะตา ไม่ว่าจะดูน่าเกลียดแค่ไหน ตราบใดที่มีจิตใจเมตตา ลมหายใจของนางก็จะอบอุ่น

“ท่านคิดจะทำอะไร?” ลู่ฉาวอวี่ที่เงียบมาโดยตลอดเริ่มพูดขึ้นมา

มู่ซืออวี่ยักไหล่ “ทำทุกอย่างที่ข้าต้องทำ ชีวิตของข้าลำบากมาก จะโดนเอาเปรียบอีกไม่ได้ ไม่มาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามา ข้าจะฉีกหน้าพวกนางเอง! ลูกสาวที่แต่งงานแล้วก็เหมือนสาดน้ำออกไป ยังจะให้ชั่วชีวิตข้าต้องช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายของพวกนางรึ”

“แต่ท่านพ่อกับท่านแม่ของท่านก็ยังอยู่ในมือของพวกเขา” ลู่ฉาวอวี่กล่าว

ห้องนอนสามห้องของตระกูลมู่ไม่ได้แยกกัน ท่านพ่อและท่านแม่ของเจ้าของร่างเดิมเป็นสมาชิกครอบครัวที่ต่ำต้อยที่สุดของตระกูลมู่ พวกเขาอยู่ที่นั่นไม่ต่างจากคนรับใช้

“ไม่ต้องรีบร้อน อย่างไรแล้วก็ยังมีวิธีจัดการอยู่” มู่ซืออวี่กล่าว “ยาก็ยังกินไม่หมด ไปเถอะ กลับไปกินยาต่อ”

ลู่ฉาวอวี่เดินนำหน้าไป แต่ยังเดินไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็ถูกมู่ซืออวี่กอดเข้าให้ เขาดิ้นไปมาพร้อมทำสีหน้าไม่พอใจ “ปล่อยข้านะ!”

“เจ้าเดินเช่นนี้ อาการบาดเจ็บจะไม่แย่ลงรึ” มู่ซืออวี่ขู่ “หากขยับอีกครั้งข้าจะตีก้นเจ้า”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+