สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 179 เขากำลังทดสอบใต้เท้า

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 179 เขากำลังทดสอบใต้เท้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 179 เขากำลังทดสอบใต้เท้า

บทที่ 179 เขากำลังทดสอบใต้เท้า

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจียงเหล่าผู้นั้นเป็นใคร?” นายอำเภอฉินเอ่ยอย่างมีลับลมคมใน

ลู่อี้ส่ายหน้า “ไม่รู้ขอรับ”

“เขาคือเจียงไท่ฟู่*[1]หนึ่งในสามขุนนางใหญ่แห่งเมืองหลวง ราชครูของฝ่าบาทองค์ปัจจุบัน” นายอำเภอฉินเอ่ยเสียงเย็น ก่อนจะเดินไปเดินมาอย่างว้าวุ่นใจ “บุคคลเช่นนี้ลาออกอย่างกะทันหัน แล้วถ่อมารักษาอาการป่วยถึงอำเภอเรา ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขามีแผนการอะไรอยู่กันแน่ แต่ไม่ว่าเขาจะมีแผนการอะไร นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ผู้น้อยอย่างพวกเราจะล่วงเกินได้…”

“ขอแสดงความยินดีกับใต้เท้า” ลู่อี้เอ่ยขัดคำพูดของนายอำเภอฉิน

“ยินดีอะไรกัน?” นายอำเภอฉินชะงัก

“เจียงไท่ฟู่เป็นถึงราชครูของฝ่าบาท หากเขาต้องการแร่เหล็กก็จัดการอย่างเปิดเผยและเป็นธรรมได้ ทว่ากลับสร้างปัญหายากเข็ญเช่นนี้ให้กับใต้เท้า ใต้เท้าไม่คิดอะไรหรือมีเบื้องลึกอะไรกันแน่?”

“เจ้าคาดเดาเจตนาของเจียงเหล่าได้แล้วหรือ? ข้าไม่อาจข่มตาหลับตลอดทั้งคืนเพราะไม่รู้จะทำเช่นไร หากเจ้ารู้แล้วก็อย่าปิดไว้ดีกว่า”

“เขากำลังทดสอบใต้เท้าฉินขอรับ”

“ทดสอบข้าหรือ? เพราะเหตุใด?”

“จะต้องเป็นเพราะได้ยินว่าใต้เท้ารักพสกดั่งลูกหลาน ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการเมืองฮู่เป่ย คงอยากเห็นว่าใต้เท้านั้นเป็นคนที่ใช้การได้จริงหรือไม่”

“นี่มัน…”

นายอำเภอฉินเดินไปมาอยู่กับที่

“หมายความว่าเขาต้องการดูว่าข้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรเช่นนั้นหรือ?”

“เขาต้องการดูว่าใต้เท้าจะเข้าใจเจตนาของเขาหรือไม่ขอรับ” ลู่อี้คลี่ยิ้มจาง ๆ

นายอำเภอฉินเองก็หาใช่คนโง่ พอลู่อี้เตือนสติ เขาก็ขจัดหมอกหนาทึบแล้วมองเห็นแก่นแท้ได้ทันที

“ลู่อี้ เจ้าไปที่จวนเจียงเหล่ากับข้าสักรอบเถิด” นายอำเภอฉินสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ “หากเป็นจริงอย่างที่เจ้าว่า เช่นนั้นเจ้าก็เป็นดาวนำโชคของข้า ข้าจะไม่มีทางปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่เป็นธรรมแน่นอน”

ณ จวนเจียงเหล่า บ่าวรับใช้พานายอำเภอฉินและลู่อี้เข้ามายังสวนหลังเรือน

“นายท่าน คนจากศาลาว่าการมาหาขอรับ”

ชายชราที่กำลังตกปลาอยู่เอ่ยโดยไม่หันกลับมามอง “ยกชามา”

“ขอรับ”

ขณะที่นายอำเภอฉินและลู่อี้กำลังจะคำนับ ก็ได้ยินเจียงเหล่าผู้นั้นพูดขึ้น “ตกปลาเป็นหรือไม่?”

นายอำเภอฉินชะงักท่าคำนับอยู่ตรงนั้น ก่อนจะค่อย ๆ ประสานมือ “พอได้ขอรับ”

เจียงเหล่าถามอีกครั้ง “แล้วเจ้าหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ ล่ะ?”

ลู่อี้เอ่ยว่า “ครอบครัวข้าน้อยยากแค้น มักลงน้ำจับปลา ไม่เคยตกปลามาก่อนขอรับ”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ลองดูเสียสิ ตาเฒ่าอย่างข้าอยู่คนเดียวเบื่อหน่ายนัก นาน ๆ จะมีคนมาตกปลาเป็นเพื่อน คงจะไม่เงียบเหงาถึงขนาดนั้นแล้ว”

นายอำเภอขานตอบรับแล้วเดินไปหาเบ็ดตกปลาด้านข้าง ส่วนลู่อี้เดินไปยังเบ็ดอีกคันหนึ่ง

มีที่ว่างอยู่สองที่พอดิบพอดี ราวกับคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะมีคนสองคนมาเยี่ยมเยือน

หลังจากบ่าวรับใช้ยกชามาให้แล้วจึงถอยกลับไป

ริมทะเลสาบมีคนตกปลาอยู่เพียงสามคน ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีก

นายอำเภอฉินรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันรุนแรง ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนตอนเข้ามาสอบในเมืองหลวงสมัยยังเป็นศิษย์ในสำนักไม่มีผิด เขาเขียนกระดาษข้อสอบเสร็จด้วยใจกระวนกระวาย ทว่าผู้คุมสอบคนหนึ่งที่เดินผ่านมาหยิบกระดาษคำตอบของเขาขึ้นมาแล้วอ่านแล้วอ่านอีก จากนั้นก็ทำสีหน้าเย็นชา ไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ

ซ่า!

ปลาตัวหนึ่งติดเบ็ดเข้าแล้ว

เจียงเหล่าจับปลาได้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยปรากฏรอยยิ้ม “วันนี้ได้ไม่เลว”

“เป็นเพราะใต้เท้าเก่งกาจต่างหากขอรับ พวกเราตกปลาเป็นที่ไหนกัน ขายหน้าเสียแล้ว” นายอำเภอฉินเอ่ยอย่างนอบน้อม

“ข้าลาออกมาตั้งนานแล้ว ไม่กล้าใช้คำว่าใต้เท้าหรอก ใต้เท้าฉินเรียกข้าว่าเจียงเหล่าก็พอแล้ว” เจียงเหล่าเอ่ยเสียงเอื่อยเฉื่อย “ในเมื่อไม่ได้มาตกปลา เช่นนั้นมาหาตาแก่อย่างข้าด้วยเรื่องอะไรกันล่ะ? ข้าเป็นตาแก่ตัวคนเดียว นอกจากตกปลาแล้วก็ไม่มีอะไรอื่นอีก”

“ข้าน้อยมีเรื่องอยากจะขอให้เจียงเหล่าช่วยชี้แนะ” นายอำเภอฉินเอ่ย “เจียงเหล่าร่ำเรียนลึกซึ้ง ความรู้กว้างขวาง ข้าน้อยอับจนหนทางแล้วจริง ๆ ได้แต่มาขอให้เจียงเหล่าชี้แนะสอนสั่ง”

เจียงเหล่าตกปลาต่อไป ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดของนายอำเภอฉิน

ความรู้สึกกดดันเช่นนี้ทำให้นายอำเภอฉินหายใจติดขัดขึ้นมาอีกครั้ง

แรงกดดันของขุนนางขั้นหนึ่งไม่ใช่สิ่งที่นายอำเภอขั้นเจ็ดสามารถรับได้ ไม่นานนักหน้าผากของนายอำเภอฉินก็ผุดเหงื่อเย็นออกมา

ในท้องที่นายอำเภอขั้นเจ็ดก็เป็นขุนนางคนหนึ่ง เมื่ออยู่ในเมืองหลวงแล้วตัวกลับเล็กกระจ้อยร่อย คนตรงหน้าท่านนี้เป็นขุนนางอาวุโสขั้นหนึ่งผู้เป็นคนสนิทของฝ่าบาท สามารถพลิกเมืองหลวงกลับหัวกลับหางได้ด้วยซ้ำ

นายอำเภอฉินเท้าชาไปหมด ร่างกายพลันอ่อนแรง ทรุดลงไปกับพื้น

ลู่อี้ประคองอีกฝ่ายเอาไว้แล้วพยุงขึ้นมา

นายอำเภอฉินเหลือบมองลู่อี้อย่างซาบซึ้งใจ ในเวลานี้ เขาดันขายขี้หน้าเสียแล้ว

ดูสิว่าลู่อี้ข่มอารมณ์สงบนิ่งแค่ไหน เขาไม่สามารถควบคุมความเกรงกลัวในใจได้เลยจริง ๆ

“ปรากฏแร่เหล็กขึ้นที่ภูเขาเทียนหลี่ ใต้เท้าต้องการรายงานต่อราชสำนัก แต่อดีตเจ้าเมืองก่อความผิดจึงถูกลดขั้น เจ้าเมืองคนใหม่ยังไม่ทันรับรับตำแหน่ง ใต้เท้าไม่อาจข้ามขั้นไปรายงานได้ มีแต่ต้องขอให้เจียงเหล่าช่วยชี้แนะทางออกให้ด้วย”

“หืม? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” เจียงเหล่าหันหน้ากลับมามองลู่อี้ “แร่เหล็กเป็นเรื่องใหญ่ ราชสำนักต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด เรื่องนี้ต้องรายงาน แต่ข้าในตอนนี้ไม่สนเรื่องเหล่านี้แล้วล่ะ มาหาข้าก็เปล่าประโยชน์”

“แม้เจียงเหล่าจะออกจากตำแหน่งแล้ว แต่ใจที่ห่วงใยประชาชนนั้นไม่เคยเปลี่ยน เรื่องแร่เหล็กเป็นเรื่องสำคัญในราชสำนัก หากไม่รีบดำเนินการแล้วถูกคนละโมบเอาไปละก็ นั่นก็จะเป็นความเสียหายของราชสำนัก ยามนี้สิ่งที่ราชสำนักขาดอยู่คือเหล็ก เราค้นพบเหมืองเหล็กแห่งหนึ่งแล้ว อย่างน้อยก็ลดความต้องการซื้อหินเหล็กจากอาณาจักรอื่น เจียงเหล่าได้โปรดเขียนจดหมายแนะนำให้ใต้เท้าของเราสักฉบับ ให้ใต้เท้าสามารถรายงานข้ามขั้นได้ด้วยเถิดขอรับ”

“ใช่แล้ว ๆ เจียงเหล่าโปรดเขียนจดหมายแนะนำให้ข้าน้อยสักฉบับด้วยเถอะ” นายอำเภอฉินรีบคุกเข่าลงทันใด

เขาต่างหากที่เป็นตัวเอกของวันนี้ เมื่อครู่นี้หวั่นกลัวจนเสียศูนย์ไป ตอนนี้ลู่อี้ช่วยพูดประเด็นสำคัญให้แล้ว เขาเพียงต้องแสดงท่าทีออกมาอย่างชัดแจ้งก็พอ

“นายอำเภอฉิน ไม่เลวเลย” เจียงเหล่าวางคันเบ็ดลง “เป็นขุนนางมาหลายปียังมีความกระตือรือร้น รักพสกเหมือนลูกหลาน ข้าปลื้มใจนัก”

พูดจบเขาก็ลุกขึ้น

ส่วนนายอำเภอฉินและลู่อี้นั้นยังคงอยู่ในท่าคุกเข่า

ชายชราเหลือบมองนิ่ง ๆ “จะคุกเข่าเป็นคนโง่อยู่ตรงนั้นไปเพื่ออะไรกัน ลุกขึ้น!”

ครึ่งชั่วยามต่อมา นายอำเภอฉินนั่งถือจดหมายแนะนำอยู่บนรถม้าอย่างสับสนวิงเวียน

เขาถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง มองลู่อี้ที่อยู่ข้าง ๆ แล้วเอ่ยขึ้น “เจ้านี่ช่างกล้าหาญเสียจริง ไม่นึกว่าจะไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย”

“กลัวขอรับ จะไม่กลัวได้อย่างไร?” ลู่อี้เลิกม่านขึ้นให้ลมพัดเข้ามาพัดพาความวิตกกังวลในใจออกไปเสีย “แต่ว่าใต้เท้า ความมั่งคั่งและเกียรติยศนั้นมาพร้อมอันตราย ของบางสิ่งก็ไม่อาจได้มาโดยไม่เสี่ยงนะขอรับ”

“เจ้าไม่กลัวตนเองจะทายผิดเลยหรือ? หากเจ้าทายผิดเล่า วันนี้พวกเราเผยเรื่องราวไปหมดแล้ว ในเมื่อคนของเจียงเหล่าขุดเหมืองเหล็ก ก็เทียบเท่ากับพวกเราจับจุดอ่อนของเขาได้ แล้วเขาจะตกหลุมพรางของเราได้หรือ?”

“ภูเขาเทียนหลี่ยามนี้มีคนหรือ?”

“ไม่มี”

“ไกลจากศาลาว่าการไหม?”

“ย่อมไกลอยู่แล้ว”

“เหมืองเหล็กอยู่ในสถานที่ห่างไกล ทว่าข่าวมีคนลักลอบขุดเหมืองสามารถมาถึงหูของใต้เท้าได้ทันทีทันใด ถ้าหากไม่ใช่เพราะรอบคอบในการงาน ใต้เท้าจะสามารถรู้เรื่องนี้ได้รวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ใต้เท้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ เจียงเหล่ากำลังเลือกเฟ้นคน เลือกเฟ้นผู้ที่ซื่อสัตย์ เฉลียวฉลาด และยังกล้าผจญอันตรายขอรับ”

“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าเขาจะเลือกข้าหรือไม่?” แววตาของนายอำเภอฉินเต็มไปด้วยประกายแสงจ้า

นั่นคือความปรารถนาในอำนาจ

ทหารที่ไม่ต้องการเป็นแม่ทัพหาใช่ทหารดีไม่ ขุนนางที่ไม่ต้องการเลื่อนขั้นหาใช่ขุนนางดีไม่ นายอำเภอฉินทำงานรอบคอบระมัดระวังมาหลายปี ย่อมต้องอยากเลื่อนตำแหน่งอีกสักขั้นแน่นอนอยู่แล้ว

“ผู้ที่เจียงเหล่าถูกใจคงไม่ได้มีแค่ใต้เท้าคนเดียวอยู่แล้ว หากใต้เท้าต้องการเป็นผู้ที่ถูกเลือกคนนั้น ต่อจากนี้ก็ต้องมุ่งมานะ พยายามต่อไปเท่านั้น”

[1] ไท่ฟู่ คือตำแหน่งมหาราชครู เป็นผู้ถวายคำแนะนำทางการปกครองและขนบจารีตประเพณีแก่จักรพรรดิ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 179 เขากำลังทดสอบใต้เท้า

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 179 เขากำลังทดสอบใต้เท้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 179 เขากำลังทดสอบใต้เท้า

บทที่ 179 เขากำลังทดสอบใต้เท้า

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจียงเหล่าผู้นั้นเป็นใคร?” นายอำเภอฉินเอ่ยอย่างมีลับลมคมใน

ลู่อี้ส่ายหน้า “ไม่รู้ขอรับ”

“เขาคือเจียงไท่ฟู่*[1]หนึ่งในสามขุนนางใหญ่แห่งเมืองหลวง ราชครูของฝ่าบาทองค์ปัจจุบัน” นายอำเภอฉินเอ่ยเสียงเย็น ก่อนจะเดินไปเดินมาอย่างว้าวุ่นใจ “บุคคลเช่นนี้ลาออกอย่างกะทันหัน แล้วถ่อมารักษาอาการป่วยถึงอำเภอเรา ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขามีแผนการอะไรอยู่กันแน่ แต่ไม่ว่าเขาจะมีแผนการอะไร นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ผู้น้อยอย่างพวกเราจะล่วงเกินได้…”

“ขอแสดงความยินดีกับใต้เท้า” ลู่อี้เอ่ยขัดคำพูดของนายอำเภอฉิน

“ยินดีอะไรกัน?” นายอำเภอฉินชะงัก

“เจียงไท่ฟู่เป็นถึงราชครูของฝ่าบาท หากเขาต้องการแร่เหล็กก็จัดการอย่างเปิดเผยและเป็นธรรมได้ ทว่ากลับสร้างปัญหายากเข็ญเช่นนี้ให้กับใต้เท้า ใต้เท้าไม่คิดอะไรหรือมีเบื้องลึกอะไรกันแน่?”

“เจ้าคาดเดาเจตนาของเจียงเหล่าได้แล้วหรือ? ข้าไม่อาจข่มตาหลับตลอดทั้งคืนเพราะไม่รู้จะทำเช่นไร หากเจ้ารู้แล้วก็อย่าปิดไว้ดีกว่า”

“เขากำลังทดสอบใต้เท้าฉินขอรับ”

“ทดสอบข้าหรือ? เพราะเหตุใด?”

“จะต้องเป็นเพราะได้ยินว่าใต้เท้ารักพสกดั่งลูกหลาน ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการเมืองฮู่เป่ย คงอยากเห็นว่าใต้เท้านั้นเป็นคนที่ใช้การได้จริงหรือไม่”

“นี่มัน…”

นายอำเภอฉินเดินไปมาอยู่กับที่

“หมายความว่าเขาต้องการดูว่าข้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรเช่นนั้นหรือ?”

“เขาต้องการดูว่าใต้เท้าจะเข้าใจเจตนาของเขาหรือไม่ขอรับ” ลู่อี้คลี่ยิ้มจาง ๆ

นายอำเภอฉินเองก็หาใช่คนโง่ พอลู่อี้เตือนสติ เขาก็ขจัดหมอกหนาทึบแล้วมองเห็นแก่นแท้ได้ทันที

“ลู่อี้ เจ้าไปที่จวนเจียงเหล่ากับข้าสักรอบเถิด” นายอำเภอฉินสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ “หากเป็นจริงอย่างที่เจ้าว่า เช่นนั้นเจ้าก็เป็นดาวนำโชคของข้า ข้าจะไม่มีทางปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่เป็นธรรมแน่นอน”

ณ จวนเจียงเหล่า บ่าวรับใช้พานายอำเภอฉินและลู่อี้เข้ามายังสวนหลังเรือน

“นายท่าน คนจากศาลาว่าการมาหาขอรับ”

ชายชราที่กำลังตกปลาอยู่เอ่ยโดยไม่หันกลับมามอง “ยกชามา”

“ขอรับ”

ขณะที่นายอำเภอฉินและลู่อี้กำลังจะคำนับ ก็ได้ยินเจียงเหล่าผู้นั้นพูดขึ้น “ตกปลาเป็นหรือไม่?”

นายอำเภอฉินชะงักท่าคำนับอยู่ตรงนั้น ก่อนจะค่อย ๆ ประสานมือ “พอได้ขอรับ”

เจียงเหล่าถามอีกครั้ง “แล้วเจ้าหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ ล่ะ?”

ลู่อี้เอ่ยว่า “ครอบครัวข้าน้อยยากแค้น มักลงน้ำจับปลา ไม่เคยตกปลามาก่อนขอรับ”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ลองดูเสียสิ ตาเฒ่าอย่างข้าอยู่คนเดียวเบื่อหน่ายนัก นาน ๆ จะมีคนมาตกปลาเป็นเพื่อน คงจะไม่เงียบเหงาถึงขนาดนั้นแล้ว”

นายอำเภอขานตอบรับแล้วเดินไปหาเบ็ดตกปลาด้านข้าง ส่วนลู่อี้เดินไปยังเบ็ดอีกคันหนึ่ง

มีที่ว่างอยู่สองที่พอดิบพอดี ราวกับคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะมีคนสองคนมาเยี่ยมเยือน

หลังจากบ่าวรับใช้ยกชามาให้แล้วจึงถอยกลับไป

ริมทะเลสาบมีคนตกปลาอยู่เพียงสามคน ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีก

นายอำเภอฉินรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันรุนแรง ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนตอนเข้ามาสอบในเมืองหลวงสมัยยังเป็นศิษย์ในสำนักไม่มีผิด เขาเขียนกระดาษข้อสอบเสร็จด้วยใจกระวนกระวาย ทว่าผู้คุมสอบคนหนึ่งที่เดินผ่านมาหยิบกระดาษคำตอบของเขาขึ้นมาแล้วอ่านแล้วอ่านอีก จากนั้นก็ทำสีหน้าเย็นชา ไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ

ซ่า!

ปลาตัวหนึ่งติดเบ็ดเข้าแล้ว

เจียงเหล่าจับปลาได้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยปรากฏรอยยิ้ม “วันนี้ได้ไม่เลว”

“เป็นเพราะใต้เท้าเก่งกาจต่างหากขอรับ พวกเราตกปลาเป็นที่ไหนกัน ขายหน้าเสียแล้ว” นายอำเภอฉินเอ่ยอย่างนอบน้อม

“ข้าลาออกมาตั้งนานแล้ว ไม่กล้าใช้คำว่าใต้เท้าหรอก ใต้เท้าฉินเรียกข้าว่าเจียงเหล่าก็พอแล้ว” เจียงเหล่าเอ่ยเสียงเอื่อยเฉื่อย “ในเมื่อไม่ได้มาตกปลา เช่นนั้นมาหาตาแก่อย่างข้าด้วยเรื่องอะไรกันล่ะ? ข้าเป็นตาแก่ตัวคนเดียว นอกจากตกปลาแล้วก็ไม่มีอะไรอื่นอีก”

“ข้าน้อยมีเรื่องอยากจะขอให้เจียงเหล่าช่วยชี้แนะ” นายอำเภอฉินเอ่ย “เจียงเหล่าร่ำเรียนลึกซึ้ง ความรู้กว้างขวาง ข้าน้อยอับจนหนทางแล้วจริง ๆ ได้แต่มาขอให้เจียงเหล่าชี้แนะสอนสั่ง”

เจียงเหล่าตกปลาต่อไป ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดของนายอำเภอฉิน

ความรู้สึกกดดันเช่นนี้ทำให้นายอำเภอฉินหายใจติดขัดขึ้นมาอีกครั้ง

แรงกดดันของขุนนางขั้นหนึ่งไม่ใช่สิ่งที่นายอำเภอขั้นเจ็ดสามารถรับได้ ไม่นานนักหน้าผากของนายอำเภอฉินก็ผุดเหงื่อเย็นออกมา

ในท้องที่นายอำเภอขั้นเจ็ดก็เป็นขุนนางคนหนึ่ง เมื่ออยู่ในเมืองหลวงแล้วตัวกลับเล็กกระจ้อยร่อย คนตรงหน้าท่านนี้เป็นขุนนางอาวุโสขั้นหนึ่งผู้เป็นคนสนิทของฝ่าบาท สามารถพลิกเมืองหลวงกลับหัวกลับหางได้ด้วยซ้ำ

นายอำเภอฉินเท้าชาไปหมด ร่างกายพลันอ่อนแรง ทรุดลงไปกับพื้น

ลู่อี้ประคองอีกฝ่ายเอาไว้แล้วพยุงขึ้นมา

นายอำเภอฉินเหลือบมองลู่อี้อย่างซาบซึ้งใจ ในเวลานี้ เขาดันขายขี้หน้าเสียแล้ว

ดูสิว่าลู่อี้ข่มอารมณ์สงบนิ่งแค่ไหน เขาไม่สามารถควบคุมความเกรงกลัวในใจได้เลยจริง ๆ

“ปรากฏแร่เหล็กขึ้นที่ภูเขาเทียนหลี่ ใต้เท้าต้องการรายงานต่อราชสำนัก แต่อดีตเจ้าเมืองก่อความผิดจึงถูกลดขั้น เจ้าเมืองคนใหม่ยังไม่ทันรับรับตำแหน่ง ใต้เท้าไม่อาจข้ามขั้นไปรายงานได้ มีแต่ต้องขอให้เจียงเหล่าช่วยชี้แนะทางออกให้ด้วย”

“หืม? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” เจียงเหล่าหันหน้ากลับมามองลู่อี้ “แร่เหล็กเป็นเรื่องใหญ่ ราชสำนักต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด เรื่องนี้ต้องรายงาน แต่ข้าในตอนนี้ไม่สนเรื่องเหล่านี้แล้วล่ะ มาหาข้าก็เปล่าประโยชน์”

“แม้เจียงเหล่าจะออกจากตำแหน่งแล้ว แต่ใจที่ห่วงใยประชาชนนั้นไม่เคยเปลี่ยน เรื่องแร่เหล็กเป็นเรื่องสำคัญในราชสำนัก หากไม่รีบดำเนินการแล้วถูกคนละโมบเอาไปละก็ นั่นก็จะเป็นความเสียหายของราชสำนัก ยามนี้สิ่งที่ราชสำนักขาดอยู่คือเหล็ก เราค้นพบเหมืองเหล็กแห่งหนึ่งแล้ว อย่างน้อยก็ลดความต้องการซื้อหินเหล็กจากอาณาจักรอื่น เจียงเหล่าได้โปรดเขียนจดหมายแนะนำให้ใต้เท้าของเราสักฉบับ ให้ใต้เท้าสามารถรายงานข้ามขั้นได้ด้วยเถิดขอรับ”

“ใช่แล้ว ๆ เจียงเหล่าโปรดเขียนจดหมายแนะนำให้ข้าน้อยสักฉบับด้วยเถอะ” นายอำเภอฉินรีบคุกเข่าลงทันใด

เขาต่างหากที่เป็นตัวเอกของวันนี้ เมื่อครู่นี้หวั่นกลัวจนเสียศูนย์ไป ตอนนี้ลู่อี้ช่วยพูดประเด็นสำคัญให้แล้ว เขาเพียงต้องแสดงท่าทีออกมาอย่างชัดแจ้งก็พอ

“นายอำเภอฉิน ไม่เลวเลย” เจียงเหล่าวางคันเบ็ดลง “เป็นขุนนางมาหลายปียังมีความกระตือรือร้น รักพสกเหมือนลูกหลาน ข้าปลื้มใจนัก”

พูดจบเขาก็ลุกขึ้น

ส่วนนายอำเภอฉินและลู่อี้นั้นยังคงอยู่ในท่าคุกเข่า

ชายชราเหลือบมองนิ่ง ๆ “จะคุกเข่าเป็นคนโง่อยู่ตรงนั้นไปเพื่ออะไรกัน ลุกขึ้น!”

ครึ่งชั่วยามต่อมา นายอำเภอฉินนั่งถือจดหมายแนะนำอยู่บนรถม้าอย่างสับสนวิงเวียน

เขาถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง มองลู่อี้ที่อยู่ข้าง ๆ แล้วเอ่ยขึ้น “เจ้านี่ช่างกล้าหาญเสียจริง ไม่นึกว่าจะไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย”

“กลัวขอรับ จะไม่กลัวได้อย่างไร?” ลู่อี้เลิกม่านขึ้นให้ลมพัดเข้ามาพัดพาความวิตกกังวลในใจออกไปเสีย “แต่ว่าใต้เท้า ความมั่งคั่งและเกียรติยศนั้นมาพร้อมอันตราย ของบางสิ่งก็ไม่อาจได้มาโดยไม่เสี่ยงนะขอรับ”

“เจ้าไม่กลัวตนเองจะทายผิดเลยหรือ? หากเจ้าทายผิดเล่า วันนี้พวกเราเผยเรื่องราวไปหมดแล้ว ในเมื่อคนของเจียงเหล่าขุดเหมืองเหล็ก ก็เทียบเท่ากับพวกเราจับจุดอ่อนของเขาได้ แล้วเขาจะตกหลุมพรางของเราได้หรือ?”

“ภูเขาเทียนหลี่ยามนี้มีคนหรือ?”

“ไม่มี”

“ไกลจากศาลาว่าการไหม?”

“ย่อมไกลอยู่แล้ว”

“เหมืองเหล็กอยู่ในสถานที่ห่างไกล ทว่าข่าวมีคนลักลอบขุดเหมืองสามารถมาถึงหูของใต้เท้าได้ทันทีทันใด ถ้าหากไม่ใช่เพราะรอบคอบในการงาน ใต้เท้าจะสามารถรู้เรื่องนี้ได้รวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ใต้เท้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ เจียงเหล่ากำลังเลือกเฟ้นคน เลือกเฟ้นผู้ที่ซื่อสัตย์ เฉลียวฉลาด และยังกล้าผจญอันตรายขอรับ”

“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าเขาจะเลือกข้าหรือไม่?” แววตาของนายอำเภอฉินเต็มไปด้วยประกายแสงจ้า

นั่นคือความปรารถนาในอำนาจ

ทหารที่ไม่ต้องการเป็นแม่ทัพหาใช่ทหารดีไม่ ขุนนางที่ไม่ต้องการเลื่อนขั้นหาใช่ขุนนางดีไม่ นายอำเภอฉินทำงานรอบคอบระมัดระวังมาหลายปี ย่อมต้องอยากเลื่อนตำแหน่งอีกสักขั้นแน่นอนอยู่แล้ว

“ผู้ที่เจียงเหล่าถูกใจคงไม่ได้มีแค่ใต้เท้าคนเดียวอยู่แล้ว หากใต้เท้าต้องการเป็นผู้ที่ถูกเลือกคนนั้น ต่อจากนี้ก็ต้องมุ่งมานะ พยายามต่อไปเท่านั้น”

[1] ไท่ฟู่ คือตำแหน่งมหาราชครู เป็นผู้ถวายคำแนะนำทางการปกครองและขนบจารีตประเพณีแก่จักรพรรดิ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด