สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 576 ฮูหยินตกใจแล้ว

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 576 ฮูหยินตกใจแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 576 ฮูหยินตกใจแล้ว

บทที่ 576 ฮูหยินตกใจแล้ว

เสนาบดีกรมอาญาตัดสินให้อวี้ซื่อเป็นผู้กระทำความผิด เขามองลู่อี้ที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นว่าลู่อี้ไม่มีเจตนาอื่นใด จึงตัดสินเช่นนั้น

ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด เอ้อร์หมาจื่อก็ถูกตัดสินว่ามีความผิดเช่นกัน

ส่วนหร่วนฟ่างนั้น เนื่องจากไม่มีหลักฐานอื่น เขาจึงได้รับการตัดสินให้ถูกจำคุกเพียงเดือนเดียว

ลู่อี้เหลือบมองจือเชียนที่อยู่ข้าง ๆ

สายตาของจือเชียนจับจ้องไปที่หร่วนฟ่าง จากนั้นจึงพยักหน้าเบา ๆ

คนผู้นี้ไม่ได้ยุยงคน ‘โดยบังเอิญ’ แต่เป็น ‘การจงใจ’ ยุยง ส่วนผู้ที่อยู่เบื้องหลังเขาเป็นผู้ใดนั้น ไม่ต้องตรวจสอบก็รู้ได้ ดังนั้นจะปล่อยไปง่าย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?

ในเมื่อเบื้องหน้าทำได้เพียง ‘ลงโทษเล็กน้อย’ เช่นนั้นการ ‘ลงโทษหนัก’ จึงทำได้เพียงลงโทษอย่างลับ ๆ แล้ว!

มู่ซืออวี่ไร้ความผิด จึงสามารถกลับบ้านได้ทันที

ลู่จื่ออวิ๋นและลู่ฉาวอวี่รออยู่ข้างนอก เมื่อเห็นนางออกมาก็เข้ามาหาด้วยความดีใจ

“ท่านแม่…” ลู่จื่ออวิ๋นเข้ามากอดแขนมู่ซืออวี่ “หลายวันมานี้ข้าอยากมาที่กรมอาญา แต่คนที่นั่นไม่ยอมให้ข้าเข้าไปเลย”

“ข้ารู้” มู่ซืออวี่พูด “อย่าว่าแต่เจ้าเลย แม้แต่ท่านพ่อของเจ้าก็ยังมาที่นี่ไม่ได้ แต่ข้าไม่ได้รับความลำบากแม้แต่น้อย พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า”

ลู่อี้เดินตามออกมา

เขายื่นแขนออกไปให้มู่ซืออวี่

มู่ซืออวี่จับแขนของเขาแล้วเดินตามขึ้นรถม้าไป โดยไม่ได้สนใจสายตาแปลก ๆ จากผู้คนรอบข้าง

“ท่านนั้นคือผู้บัญชาการศาลต้าหลี่! เหตุใดถึงได้ยังหนุ่มถึงเพียงนี้?”

“เขาไม่เพียงยังหนุ่มเท่านั้น เขายังดีต่อฮูหยินของเขาด้วย ข้าได้ยินมาว่าเขาไม่มีแม้กระทั่งอนุอยู่ในเรือนหลังด้วยซ้ำ”

“ฮูหยินของเขาคลอดลูกให้เขาสามคนแล้ว ได้ยินมาว่าในท้องของนางยังมีอีกคน สามีภรรยารักใคร่กันดีเช่นนี้ ผู้ใดจะรับอนุเข้ามาเพื่อเพิ่มปัญหาเปล่า ๆ เล่า”

“พวกท่านไม่รู้จักเถ้าแก่เนี้ยมู่หรือ? ชื่อเสียงของนางโด่งดังไม่น้อยไปกว่าใต้เท้าลู่เชียวนะ พวกเจ้ามาจากที่อื่นหรือ? กล่าวกันตามหลักแล้ว แม้พวกเจ้าจะมาจากที่อื่น คงพอได้ยินชื่อเสียงของนางมาบ้าง”

เสียงกระซิบกระซาบเหล่านั้นถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง มันชวนเขินอายจนไม่อาจทนได้ยิน

มู่ซืออวี่ถามถึงสถานการณ์ของเสี่ยวชิงเอ๋อร์

“เจ้าเด็กน้อยคนนั้นใจร้ายยิ่งนัก ข้าเพียงแค่บอกว่าท่านแม่ไปทำการค้าข้างนอก นางก็ไม่เอ่ยถามอันใดแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นบ่น

“ปกติแล้วข้าก็ยุ่งมาก ไม่ได้กลับบ้านหลายวันบ่อยครั้ง นางจะไม่สงสัยก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าเช่นนี้ก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงนางมาก”

หลังจากพูดคุยกับเด็ก ๆ เรื่องสถานการณ์ภายในบ้านระยะนี้แล้ว นางก็นึกถึง ‘สหายที่ตกทุกข์ได้ยาก’ ผู้นั้นขึ้นมา จึงเอ่ยถึงคนผู้นี้กับลู่อี้

“แซ่จวง อีกทั้งยังถูกขังอยู่ในห้องขังของกรมอาญา เช่นนั้นคงเป็นจวงเฟ่ยเยี่ยนแล้ว” ลู่อี้กล่าว “คนผู้นี้เป็นอาจารย์จริง ๆ ทว่าเขาไม่ใช่อาจารย์ธรรมดา”

“อย่างไร?”

“ยามที่เขายังเป็นเด็กหนุ่ม เขาเป็นคุณชายสกุลคหบดีผู้หนึ่ง ชอบความสนุกสนานครื้นเครงจึงเดินทางไปทุกหนทุกแห่ง ทว่าชายคนนี้สติปัญญาล้ำเลิศมาก ทั้งยังมีพรสวรรค์ด้านภูมิศาสตร์ ขอเพียงเขาไปที่ใดก็สามารถวาดภูมิประเทศของสถานที่เหล่านั้นออกมาได้…”

“เมื่อห้าปีก่อน เหตุเพราะเขาเมามาย เขาไม่ระวังจนวาดแผนที่การจัดวางแนวป้องกันชายแดนออกมา สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือมันเป็นแผนที่ที่ละเอียดมาก แม้กระทั่งกรมอาญาก็ไม่มีแผนที่ที่มีรายละเอียดครบครันเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกจับไปขังคุก เพื่อไม่ให้ผู้ใดได้สิ่งที่ไม่ควรได้ไปจากเขา”

“ในเมื่อคนผู้นี้ ‘อันตราย’ มากถึงเพียงนั้น เหตุใดคนเหล่านั้นจึงไม่เคยคิด…” มู่ซืออวี่ดีดนิ้ว

“คนเบื้องบนผู้นั้นจะต้องมีเจตนาเช่นนี้เป็นแน่ เพียงแต่เสนาบดีกรมกลาโหมเห็นคุณค่าพรสวรรค์ของเขา จึงพยายามที่จะเก็บเขาเอาไว้โดยให้เขาอยู่ในกรมอาญา”

“เช่นนั้นไม่ใช่ว่าเขาได้รับความไม่เป็นธรรมหรือ?”

“เหตุใดเจ้าจึงสนอกสนใจเขาขึ้นมาเล่า?”

“ข้าอยู่ในคุกเข้ากันกับเขาได้ดีทีเดียว” มู่ซืออวี่กล่าว “จริงสิ เขายังให้กุญแจข้ามาหนึ่งดอกด้วย”

ลู่อี้รับกุญแจนั้นมาสังเกตดูแล้วจึงเอ่ยว่า “เก็บไว้ก่อนเถอะ!”

“สามี ไม่ว่าอย่างไรอวี้ซื่อก็เป็นแม่ของอันอวี้ ตอนนี้นางถูกขังแล้ว อันอวี้คง…”

“หากนางพอมีสมอง ย่อมรู้ว่าอวี้ซื่อรักษาชีวิตเอาไว้ได้นั่นเพราะเห็นแก่หน้านาง หากนางต้องการตำหนิเจ้า เช่นนั้น ภายหน้าไม่จำเป็นต้องไปมาหาสู่กับนางอีก”

“ท่านน้าอันไม่มีทางทำเช่นนั้น” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าวขึ้นมา “ท่านน้าอันอยู่ที่บ้านกำลังเป็นห่วงท่านแม่เพราะท่านป้าอวี้ผู้นั้น ข้ายังเห็นนางแอบร้องไห้ถึงสองครั้ง นางไม่ให้ข้าบอกท่าน”

“อันอี้หางเล่า? เขาเคยมาหาท่านหรือไม่?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามลู่อี้

ลู่อี้ส่ายหัวเบา ๆ “เขาไม่ได้มาหาข้า”

ในเมื่อผลออกมาเป็นเช่นนี้ ทำให้ลู่อี้รู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่ควรคบหาเป็นสหาย

ไม่ว่าอวี้ซื่อจะเป็นอย่างไร ลูกชายผู้นี้ก็นิ่งเฉย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ อวี้ซื่อล้วนคิดทำทุกอย่างเพื่อเขา ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นมา เขากลับเพียงยืนมองอยู่เฉย ๆ

จริงอยู่ที่ว่าสิ่งที่อวี้ซื่อทำนั้นน่ารังเกียจ ทว่าในฐานะลูกชาย เขาไม่ควรตอบสนองเช่นนี้ ถึงแม้จะต้องไปหาลู่อี้เพื่อขอร้องให้ช่วยลดโทษของอวี้ซื่อให้เบาลง ก็ควรทำเพื่อแสดงความกตัญญู

“ท่านพ่อ ท่านได้เลื่อนขั้นหรือ?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยถาม

“ไม่ผิด ตอนนี้ขั้นสองระดับล่างแล้ว” ลู่อี้กล่าว “ทว่า นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น…”

“ในเมื่อได้เลื่อนขั้นแล้ว เช่นนั้นย่อมต้องจัดเตรียมงานเลี้ยง” มู่ซืออวี่กล่าว

“จำเป็นต้องเตรียมงานเลี้ยงจริง ๆ” ลู่อี้เอ่ย “ข้าจะมอบหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาจัดการ เจ้าอย่าเปลืองแรงเลย”

“คนของท่านนอกจากจัดการคดีต่าง ๆ แล้ว พวกเขาคุ้นชินกับงานเลี้ยงเช่นนี้หรือ?” มู่ซืออวี่กล่าว “ปล่อยให้เป็นหน้าที่คนของข้าเถอะ! ข้าจะเรียกทุกคนจากรีสอร์ตมาช่วย”

หากเป็นปกติ นางจะต้องเตรียมงานด้วยตนเองอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ นั่นนับว่าเป็นเรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรงอยู่บ้าง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกน้องจะดีกว่า

ณ จวนเจี่ย เจี่ยเฉิงผิงเดินโซเซเข้าไปในบ้าน

“ฮูหยิน ลูกสาว ข้ากลับมาแล้ว”

ฮูหยินเจี่ยเดินออกมาแล้วกล่าวว่า “วันนี้เหตุใดจึงต้องดื่มมากมายเพียงนี้?”

“ข้ามีความสุขน่ะสิ!” เจี่ยเฉิงผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สหายลู่ได้รับการเลื่อนขั้นแล้ว ตอนนี้เป็นผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ ถึงแม้ผู้บัญชาการศาลต้าหลี่คนก่อนก็ดีเช่นกัน ทว่าจากสัมพันธไมตรีของข้ากับสหายลู่ การที่เขาได้รับตำแหน่งนี้ข้าย่อมยินดีเป็นอย่างยิ่ง”

“เช่นนั้น พวกเราต้องเตรียมของขวัญแล้ว” นางหัวเราะขึ้นมา

นางชอบมู่ซืออวี่ เมื่อได้ยินว่าลู่อี้ได้เลื่อนขั้นนางย่อมยินดี

“ต้องเตรียมตัวแล้ว เรื่องน่ายินดีเช่นนี้ สกุลลู่จะต้องจัดงานเลี้ยงแน่นอน” เจี่ยเฉิงผิงกล่าว “สหายลู่เก่งกาจยิ่งนัก อายุน้อยเช่นนี้ยังได้เป็นถึงขุนนางขั้นสองระดับล่างแล้ว ข้ายังอายุมากกว่าเขาสิบปีเชียวนะ! แต่เขาฉลาด ข้าไม่สู้เขา ไม่มีอันใดเทียบได้”

“ท่านก็เก่งกาจเช่นกัน” ฮูหยินเจี่ยกล่าว “นับแต่ที่ข้าเป็นเด็กจากชนบทมาถึงเท่าทุกวันนี้ ท่านก็เป็นที่หนึ่งของบ้านเกิดพวกเราเช่นกัน”

เจี่ยเฉิงผิงยืดอก “ใช่แล้ว!”

“จริงสิ เรื่องฮูหยินลู่จัดการเรียบร้อยแล้วหรือ? เดิมทีข้าส่งคนไปสอบถามแล้ว กลับไม่พบอันใดทั้งสิ้น”

“จัดการเรียบร้อยแล้ว” เจี่ยเฉิงผิงกล่าว “หากเรื่องของนางจัดการได้ไม่ดี สหายลู่คงไม่ได้เลื่อนขั้น”

“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะพาหลิงหลงไปเยี่ยมเสียหน่อย” นางเอ่ยขึ้นมา “ข้าได้ยินมาว่าสกุลของฮูหยินหรง…”

“ต่อไปอย่าได้เอ่ยถึงพวกเขาอีก” เจี่ยเฉิงผิงเอ่ย “เดิมทีเขาก็มีปัญหาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อน บัดนี้ในเมื่อถูกเปิดโปงแล้ว แน่นอนว่าควรตัดสินอย่างไรก็ต้องตัดสินตามนั้น”

“ข้าเข้าใจแล้ว” ฮูหยินเจี่ยกล่าว “ข้าเพียงแค่เวทนาเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ฮูหยินหรงยังเฉิดฉายเปล่งประกาย แต่ตอนนี้ได้ยินมาว่านางจะถูกขายไปเป็นทาสแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด