สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 389 การเข้าหาของตระกูลโจว

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 389 การเข้าหาของตระกูลโจว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 389 การเข้าหาของตระกูลโจว

บทที่ 389 การเข้าหาของตระกูลโจว

การตั้งกลุ่มการค้าจำเป็นต้องมีสถานที่ที่แน่นอน

มู่ซืออวี่ส่งสัญญาณให้ลู่อี้ ลู่อี้ก็มอบที่ผืนหนึ่งให้นางไปจัดสรรเอง

ที่ผืนนั้นไม่ใช่ย่านค้าขาย ปลีกวิเวกเล็กน้อย บริเวณรอบ ๆ ไม่อึกทึก ทว่ามู่ซืออวี่กลับพึงพอใจเป็นอย่างมาก

“เถ้าแก่เนี้ยมู่” เสียงแก่ ๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น

มู่ซืออวี่หันกลับไปมองคนที่เดินเข้ามา

นางจำเขาได้ เขาเป็นพ่อค้าที่เพิ่งย้ายมาที่เมืองฮู่เป่ย แซ่โจว นามฟู่กุ้ย

“เถ้าแก่โจว” มู่ซืออวี่พยักหน้าให้เขา “ท่านมีอะไรหรือ?”

“ข้าเพิ่งย้ายมาเมืองฮู่เป่ย ไม่คุ้นเคยกับหลาย ๆ สิ่งที่นี่ ไม่รู้ว่าจะได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพเชิญทุกท่านในเมืองฮู่เป่ยมาทานอาหารเบา ๆ กันสักมื้อหรือไม่?” โจวฟู่กุ้ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับพวกเราเหล่าผู้ค้าขายคือผูกมิตรให้มากไว้ สหายยิ่งมากเท่าใด เส้นทางยิ่งมากเท่านั้น ในเมื่อเราอยากพัฒนาเมืองฮู่เป่ยอย่างยั่งยืน แน่นอนว่าเราต้องสักการะวัดบนเขาประจำท้องที่”

“เถ้าแก่โจวตัดสินใจเช่นนี้ดียิ่ง”

“เป็นเช่นนี้” โจวฟู่กุ้ยยิ้มแย้ม “เถ้าแก่เนี้ยมู่มีสายสัมพันธ์ที่กว้างขวาง มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ทุกคนล้วนฟังท่าน หากท่านให้เกียรติข้าสักครั้ง ผู้อื่นย่อมให้เกียรติข้าเช่นกัน”

“ข้าจะไปอย่างแน่นอน” มู่ซืออวี่เอ่ย “ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่?”

“ไม่มีแล้ว เช่นนั้นหากเวลาแน่ชัดแล้วจะส่งคำเชิญไปให้เถ้าแก่เนี้ยมู่”

“ได้”

โจวฟู่กุ้ยจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม

มู่ซืออวี่ก้าวเข้าไปในรถม้า พิงผนังข้าง ๆ แล้วเอ่ยว่า “เถ้าแก่อิง เหตุใดไม่ขายน้ำมันเคลือบเงาให้พวกเราแล้ว?”

จื่อเยวี่ยนที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยว่า “บ่าวเคยติดต่อกับเถ้าแก่อิงมาก่อน เขาเป็นคนซื่อตรงผู้หนึ่ง ทำการค้าอย่างซื่อสัตย์สุจริต ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กิจการกำลังไปได้ดี เขากลับบอกว่าต้องการกลับบ้านไปทำไร่ไถนาแล้ว”

“ไม่ทำกิจการแล้วหรือ?”

“เจ้าค่ะ”

มู่ซืออวี่ขบคิด

“ฮูหยิน บ่าวไปถามเฟิงเจิงมาแล้วเจ้าค่ะ แต่ก่อนเขาเคยไปดูมาทุกที่แล้ว มีเพียงน้ำมันเคลือบเงาของเถ้าแก่อิงที่ดีที่สุด หากเขาเลิกทำกิจการจริง ๆ พวกเราอาจไม่สามารถหาน้ำมันเคลือบเงาอื่นมาทดแทนน้ำมันเคลือบเงาของเขาได้อีก”

“ไปร้านของเถ้าแก่อิงก่อน ข้าจะไปพูดคุยกับเขา”

จื่อซูเอ่ยอยู่ด้านข้าง “เถ้าแก่โจวเมื่อครู่นี้ ไม่รู้ด้วยเหตุใด บ่าวกลับรู้สึกไม่ชอบเขา”

“กลุ่มการค้าก่อตั้งขึ้นแล้ว ข้าเป็นหัวหน้ากลุ่มการค้า ในเมื่อเขาเข้าร่วมในกลุ่มการค้าของเมืองฮู่เป่ย เขาจะเป็นหนึ่งในเจ้าของร้านที่ข้าจัดการในภายหน้า ขอแค่เพียงเขาไม่สร้างปัญหาให้ข้า พวกเราไม่จำเป็นต้องถึงขั้นไม่ชอบเขา” มู่ซืออวี่กล่าว

“ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ค้าขายส่วนมากล้วนเป็นเช่นนี้ ในยุคนี้ ถึงแม้ผู้ทำการค้าจะไม่ได้ต่ำต้อย แต่ก็เทียบไม่ได้กับขุนนางเหล่านั้น หากเขาไม่ตลบตะแลงคงไม่เติบโตมาถึงเพียงนี้”

ตระกูลอิงกำลังเก็บข้าวของ

ขณะที่มู่ซืออวี่และคนอื่น ๆ ลงมาจากรถ ก็เห็นเถ้าแก่อิงกำลังสั่งให้คนของเขาขนย้ายโต๊ะและเก้าอี้ภายในร้าน

“เถ้าแก่เนี้ยมู่ ท่านมาได้อย่างไร?” เถ้าแก่อิงเข้ามาทักทาย

“เถ้าแก่อิง นี่ท่าน…” มู่ซืออวี่มองคนงานที่เดินขวักไขว่ไปมา

“แม้เถ้าแก่เนี้ยมู่จะขบขัน แต่ข้าอยากกลับไปอยู่บ้านทำไร่ไถนา ไม่ทำกิจการนี้อีกแล้ว” สีหน้าของเถ้าแก่อิงเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย

“ภายหน้าก็จะไม่ทำอีกแล้วหรือ?”

“ใช่แล้ว”

“เช่นนั้นข้าคงไม่รบเร้าท่านแล้ว”

จื่อซูและจื่อเยวี่ยนต่างก็มองมู่ซืออวี่

ยอมแพ้ไปง่าย ๆ เช่นนี้เลยหรือ?

ในรถม้าเมื่อครู่นี้ นางยังกล่าวว่าจะลองโน้มน้าวใจเขาอยู่เลย

“เถ้าแก่อิง ข้าอยากเจรจาขอความร่วมมือจากท่านครั้งสุดท้าย ท่านอยากลองฟังดูหรือไม่?” มู่ซืออวี่เอ่ย “หากท่านตกลง ท่านก็สามารถนำเงินก้อนสุดท้ายนี้ไปใช้ยามแก่เฒ่าได้ อีกทั้งยังสามารถอยู่สุขสบายไปทั้งชีวิต”

“ที่นี่ไม่เหมาะจะหารือกัน เถ้าแก่เนี้ยมู่เชิญเข้ามาพูดคุยข้างใน”

ครึ่งชั่วยามถัดมา มู่ซืออวี่ออกมาจากร้านตระกูลอิง

จื่อซูและจื่อเยวี่ยนสติยังไม่กลับคืนมากระทั่งเข้าไปในรถม้า

“นายหญิงของข้า ท่านโน้มน้าวให้เถ้าแก่ขายเครื่องมือทำน้ำมันเคลือบเงาเช่นนี้เลยหรือ?”

“เขาต้องการกลับไปใช้ชีวิตอย่างคนแก่เฒ่า ข้าไม่รู้เหตุผล เขาอาจจะมีเหตุผลที่ปิดบังไว้ พวกเราไม่อาจบังคับให้ผู้อื่นทำอย่างที่เราต้องการได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงหาวิธีอื่น”

“หลังจากครุ่นคิดดูแล้ว ทำได้เพียงซื้อคนงานของเขา ให้เขามอบคนที่ไว้ใจได้ให้ข้าสักคน เช่นนี้เราจะได้ไม่ต้องลำบากใจ อีกทั้งเขายังได้เงินก้อนโต นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่เป็นผลดีแก่ทั้งสองฝ่ายหรือ?”

“สามารถแก้ไขปัญหาปัจจุบันได้จริง ๆ มีช่างฝีมือด้านนี้ ภายหน้าพวกเราไม่จำเป็นต้องลำบากแล้ว” จื่อเยวี่ยนเอ่ย “ฮูหยินเลือกผู้ใดไว้หรือยังเจ้าคะ?”

“ข้ารู้จักคนงานในร้านแทบทุกคน ข้ามีรายชื่ออยู่ในใจแล้วว่าผู้ใดใช้การได้ ผู้ใดใช้สอยได้เพียงงานจิปาถะ” มู่ซืออวี่ตอบ

การสร้างสะพานยังอยู่ในขั้นตอนปรึกษาหารือ หลังจากหารือเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะร่วมบริจาคในนามกลุ่มการค้า ชื่อของผู้บริจาคทุกคนจะถูกสลักลงบนสะพาน

นี่เป็นสิ่งแรกที่กลุ่มการค้าทำหลังจากก่อตั้งขึ้นมา

คนทั่วทั้งเมืองฮู่เป่ยต่างกล่าวถึงหัวหน้ากลุ่มการค้า ยังกล่าวอีกว่าสามีภรรยาสองคนนี้เป็นดั่งกระบี่คู่สอดประสานกัน*[1] สร้างเมืองฮู่เป่ยไปด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่งดงามเรื่องหนึ่ง

“ฮูหยิน มีคนมาเยี่ยมเยือนเจ้าค่ะ” จื่อซูเดินเข้ามาจากด้านนอก

“ผู้ใด?”

“ฮูหยินโหยวเจ้าค่ะ”

มู่ซืออวี่นึกอยู่เป็นนานสองนาน ท้ายที่สุดจึงจำได้ว่าฮูหยินโหยวเป็นผู้ใด

“เชิญนางเข้ามา”

มู่ซืออวี่ผลักสมุดบัญชีในมือออกไปแล้วบอกให้จื่อเยวี่ยนชงชา

เย่อิงเกอซอยเท้าก้าวเข้ามา

“พี่หญิงมู่” เย่อิงเกอประสานมือคำนับ

“ไม่ต้องมากพิธี นั่งลงเถอะ” มู่ซืออวี่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาด้วยเหตุใด นางจึงไม่เป็นฝ่ายเอ่ยปาก เพียงรอให้อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

“น้องหญิงอยากขอคำแนะนำจากพี่หญิงมู่” เย่อิงเกอเผยสีหน้ายุ่งยากใจออกมา “ท่านเองก็ทราบสถานการณ์ของข้า ตระกูลโหยวมีกิจการมากมาย ทว่ามักจะขาดทุนเสมอ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ว่ากิจการของตระกูลจะใหญ่โตเพียงใดคงสูญสลายไปหมดสิ้น ข้าอยากทำการค้ากับพี่หญิงมู่ ไม่รู้ว่าพี่หญิงมู่จะให้โอกาสข้าได้หรือไม่?”

“เจ้าอยากทำการค้ากับข้าหรือ?” มู่ซืออวี่ประหลาดใจ “ข้าทำกิจการเครื่องเรือน ในเมืองฮู่เป่ย ไม่ได้มีเพียงเรือนกรุ่นฝัน ทว่าร้านเพียงหนึ่งเดียวก็ครองฐานลูกค้าส่วนหนึ่งเช่นกัน หากเจ้าทำกิจการเครื่องเรือนอีก เกรงว่าจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก”

“ข้าพอรู้เรื่องนี้เช่นกัน ข้าจึงไม่กล้าคิดถึงเนื้อก้อนนี้” เย่อิงเกอกล่าว “ช่วงเวลาที่ผ่านมาข้าก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ข้าได้เรียนรู้ทักษะต้นตำรับการผสมชาดจากผู้เชี่ยวชาญมาบ้าง ข้าจึงอยากจะเปิดร้านเครื่องประทินโฉมที่เหล่าสตรีชมชอบ”

“ในเมื่อเจ้ามีแผนการอยู่ในใจแล้ว เช่นนั้นเหตุใดจึงยังอยากทำการค้ากับข้าเล่า?” มู่ซืออวี่ไม่เข้าใจ

“ข้ามีแผนการแล้ว ทว่าข้าขลาดเขลาในเรื่องการทำการค้า การเปิดร้านต้องใช้ทักษะ ข้าคุมคนไม่ได้ อีกทั้งคนที่รับผิดชอบดูแลไม่เกรงกลัวข้า ข้าจึงอยากขอให้พี่หญิงช่วยเหลือในเรื่องการทำกิจการ พี่หญิงเพียงแค่จัดการร้านค้า ข้าจะรับผิดชอบการเปิดร้านและจัดหาสินค้า พวกเราแบ่งกันครึ่งต่อครึ่งเช่นนี้เป็นอย่างไร?”

มู่ซืออวี่นิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง

“อิงเกอ ข้าอยากช่วยเจ้าจริง ๆ ทว่าข้าไม่อาจช่วยเจ้าได้ เจ้าควรรู้ว่าตอนนี้ข้าเป็นหัวหน้ากลุ่มการค้า ข้าต้องคอยดูแลเรื่องของกลุ่มการค้า อีกทั้งยังต้องดูแลลานหรรษา บัดนี้ยังมีเรื่องสร้างสะพานเข้ามาอีก”

“ถึงแม้ข้าจะส่งต่อให้ผู้อื่นดูแล ทว่างานสำคัญเช่นนี้เกี่ยวโยงไปถึงการพัฒนาของเมืองฮู่เป่ย ข้าจึงต้องหมั่นตรวจงานเป็นระยะ เจ้าหาผู้ร่วมมือคนอื่นเถิด ต้องขออภัยแล้ว”

[1] กระบี่คู่สอดประสานกัน หมายถึง คนสองคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตนร่วมแรงกัน ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดียิ่งกว่าเดิม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด