สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 254 การตอบโต้ของลู่เซวียน

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 254 การตอบโต้ของลู่เซวียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 254 การตอบโต้ของลู่เซวียน

สำนักบัณทิตเขาเขียว หลังจบคาบเช้า เหล่าศิษย์ก็พากันเดินออกมา หลายคนเสวนาถึงเรื่องที่ร่ำเรียนวันนี้

นี่คือการพักช่วงเที่ยง กลิ่นหอมยวนยั่วจากโรงครัวชักนำพวกเขาออกมา

ลู่เซวียนออกมาจากสุขาพอดี

มีกลิ่นไม่พึงประสงค์โชยออกมาจากเขา และผู้อยู่ในละแวกนั้นก็รีบหลบไปไกลด้วยสีหน้ารังเกียจ

“ลู่เซวียน นี่เจ้าไปตกบ่ออาจมมาหรือ?”

สีหน้าของลู่เซวียนยากจะมอง ร่างซวนเซประหนึ่งใกล้ล้มลงเต็มที

เขาถูกขังไว้ในสุขามาตลอดวันนี้ จนกระทั่งเมื่อครู่มีผู้มาทำความสะอาดสุขามาพบเข้า เขาจึงถูกปล่อยตัว

ไม่รู้ว่าฝีมือใคร ตั้งแต่เขากลับมายังสำนักบัณฑิตเขาเขียว การกลั่นแกล้งเช่นนี้ก็เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน ลู่เซวียนกลั้นใจทน ไม่อยากก่อปัญหาให้แก่พี่ใหญ่ของเขา แต่วันนี้เขาไม่อยากทนต่อแล้ว

“นี่เป็นหนสุดท้าย” ลู่เซวียนกล่าวเสียงเย็น “หากข้ารู้ว่าผู้ใดทำ ข้าจะให้เขารู้ถึงจุดจบที่มาล่วงเกินข้า”

ทุกคนมองเขาด้วยสายตาพิกล ไม่มีผู้ใดถือเอาคำขู่ของเขาเป็นจริงเป็นจัง

ลู่เซวียนคือแมลงตัวน้อยซึ่งซุกอยู่ใต้ปีกพี่ใหญ่ของตน หากไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่ของเขา คนอย่างนี้คงตายไปหลายพันหนแล้ว

ไม่สิ! หากเจ้าคนป่วยนี่ไม่ได้มีพี่ชายดี ๆ เขาคงตายคาโรงหมอไปหลายปีแล้ว มีหรือจะมาเป็นเพื่อนร่วมชั้นพวกเขาเช่นนี้?

อันอี้หางเดินเข้ามากล่าวว่า “เจ้าไปอาบน้ำให้สดชื่นสักหน่อยเถิด ข้าจะนำอาหารไปให้เจ้าเอง”

“ขอบคุณมาก” ลู่เซวียนพยักหน้าให้อันอี้หางแล้วเดินไปยังห้องอาบน้ำ

มีผู้หยุดอันอี้หางไว้ แล้วกล่าวด้วยท่าทีพิกล “ข้าได้ยินว่าน้องสาวตาบอดของเจ้าแต่งกับทาสของครอบครัวลู่เซวียน น้องสาวเจ้าเป็นทาสไปแล้ว เจ้าเองก็ต้องลดขั้นเป็นบ่าวด้วยหรือ?”

“หากเจ้ายังพูดพล่อย ๆ อีก ข้าจะฟ้องเจ้าสำนัก” อันอี้หางกล่าวเนิบ ๆ “สิ่งที่เจ้าสำนักเกลียดที่สุด เจ้าน่าจะกระจ่างดีใช่หรือไม่?”

“พอ!” คนผู้นั้นเบื่อเสียเต็มประดา “นอกจากฟ้อง เจ้ายังทำอะไรได้บ้าง น่าเบื่อจริง ๆ!”

ลู่เซวียนอาบน้ำกลับมา พบว่าบนที่นอนของเขามีรอยน้ำแฉะ

เขากำผ้าเช็ดตัวในมือ แววตาปรากฏคลื่นกระเพื่อม

เขานึกถึงพี่สะใภ้ของเขาอย่างมู่ซืออวี่ นางจะทำอย่างไรหากพบเรื่องเช่นนี้? นางคงไม่ยอมเสียเปรียบแบบนี้แน่

ไม่สิ! สักครั้งนางก็ไม่ทน

ไม่นานในสำนักบัณทิตเขาเขียวก็ปั่นป่วน

กินข้าวพบหนอน หนูไต่ขึ้นเตียงกลางดึก เดินอยู่ดี ๆ ก็ลื่นล้ม เมื่อมองดูดี ๆ ก็พบว่ามีน้ำมันเลอะบนพื้น เข้าสุขากลางดึก บนฟ้าก็มีเงาขาว ๆ ล่องลอย

ศิษย์ทั้งหลายไม่อาจเป็นสุข!

“ถังซาน ฝีมือเจ้าหรือไม่?”

“ไฉนมาพูดว่าเป็นฝีมือข้าเล่า?”

“มีแค่เจ้าที่เบื่อพอจะทำเช่นนี้น่ะสิ ไม่ใช่ว่าไม่กี่วันก่อน เจ้าก็จงใจดัดนิสัยลู่เซวียนหรือ?”

“หูอวี่ เจ้านั่นแหละทำ! ไม่ใช่ว่าเช้านี้เจ้าขังลู่เซวียนในสุขาทั้งวันหรือ?”

“ถุย! ข้าก็เป็นผู้เคราะห์ร้ายเถอะ ไม่เห็นหรือว่าข้าก็ถูกผีผู้หญิงชุดขาวนั่นหลอกจนแทบฉี่ราดน่ะ”

อันอี้หางมองชายหนุ่มข้างกายเขา

คนสกุลลู่นี่รังแกไม่ง่ายจริง ๆ นี่แหละอุปนิสัยคนสกุลลู่

เหตุใดจึงไร้ผู้ใดสงสัยลู่เซวียน? นั่นก็เพราะลู่เซวียนถูกมองว่า ‘ป่วย’ อยู่น่ะสิ

ดูใบหน้าอ่อนระโหยนั้นสิ แววตาเปี่ยมความพรั่นพรึง ท่าทางขวัญหนีดีฝ่อ เหมือนคนร้ายตรงไหน ดูเหมือนเหยื่อผู้หนึ่งมากกว่า

อันอี้หางเองก็คงถูกต้มเสียเปี่อยถ้าไม่ใช่เพราะเห็นลู่เซวียนกระทำการด้วยตาตนเอง

ว่าแล้วเชียว พวกแซ่ลู่มีแต่จิ้งจอกร้าย ศิษย์ทั้งหลายเองก็โง่งม ไปปลุกจิ้งจอกหลับให้ตื่นเสียได้ สมควรตายจริง ๆ

“เจ้าสำนัก ท่านก็เห็นแล้วว่าเรื่องราวชักไปกันใหญ่ หากปล่อยปัญหาดำเนินไปเช่นนี้ บรรยากาศของสำนักบัณทิตเขาเขียวจะแย่เอาได้” อาจารย์เฉียนเล่าเรื่องให้ไป๋เหวยคังทราบ

ไป๋เหวยคังกำลังวาดภาพ เขาฟังวาจาอาจารย์เฉียนแต่ก็ไม่ได้ตอบ

“ท่านเจ้าสำนัก พูดอะไรสักหน่อยเถิด เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้สมควรได้รับการสะสาง ไม่อย่างนั้น ข้าก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเกิดปัญหาใดอีก”

“คนหนุ่มนั้นใจร้อน พวกเขาชอบสร้างปัญหา ให้พวกเขาสร้างปัญหากันไป เหนื่อยแล้วก็เงียบกันไปเองแหละ” ไป๋เหวยคังกล่าวเนิบ ๆ “หากศึกเล็ก ๆ เช่นนี้ท่านยังทนไม่ได้ ภายหน้าจะรับมรสุมละเลงเลือดได้อย่างไร? จะแบกรับภาระในโลกหล้าอย่างไร? ท่านน่ะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่”

“เพราะท่านชินกับพวกเขาแล้วต่างหาก!”

“พี่เฉียน สำนักบัณฑิตก็เหมือนตำหนักศาลาย่อม ๆ ร้อยคนร้อยหัวใจ ต่างผู้ล้วนมีคำนึงตน หากไม่อาจเข้าใจกลอุบายร้อยพัน ให้เผชิญกับมันเสียเนิ่น ๆ ก็อาจช่วยชีวิตพวกเขาได้”

ฟางโจวอวี่ไม่ได้กลับมาสำนักบัณทิตเขาเขียวสองสามวัน หนนี้เขากลับมายังสำนักบัณทิตเขาเขียวพร้อมข่าวดี ซึ่งก็คือการหมั้นหมายแต่งงานกับคุณหนูสกุลหลี่ กำหนดวันแต่งงานเป็นวันที่แปดเดือนถัดไป

“พี่เจียง นี่เจ้า…”

ฟางโจวอวี่มองเหล่าบุคคลสภาพทุลักทุเลในลานสำนักแล้วถามขึ้นอย่างประหลาดใจ

“บัณทิตฟาง ไฉนจึงมาที่นี่ได้?”

เมื่อทุกคนพบฟางโจวอวี่ พวกเขาก็อารมณ์ดี ลุกขึ้นกล่าวทักทายตาม ๆ กัน

ฟางโจวอวี่เล่าข่าวในส่วนของเขา และถามว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากฟังความเป็นมา ฟางโจวอวี่ก็ครุ่นคิด

“ยินดีกับบัณทิตฟางด้วยที่ได้แต่งภรรยาคนงาม! ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูสกุลหลี่รูปลักษณ์งามมาก เป็นหญิงงามผู้ลือนามจากเมืองฮู่เป่ยด้วยนะ”

“ขอบคุณมาก ว่าไปแล้ว สิ่งที่พวกเจ้าประสบก็แปลกจริงแท้ ได้สืบบ้างหรือยัง?”

“สืบแล้ว แต่ไม่พบ”

“เช่นนั้น ผู้ใดได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ที่สุด?”

ทุกผู้มองหน้ากันไปมา และภาพของ ‘ลู่เซวียน’ ก็ปรากฏขึ้นในใจโดยพร้อมเพรียง

“ไปคิดบัญชีกับเขากัน!”

ทุกคนต่างแห่กันไปยังห้องของลู่เซวียน

ฟางโจวอวี่ตามพวกเขาไปข้างหลัง แววตาปรากฏรอยยิ้มเยาะ

ที่หน้าห้องของลู่เซวียน

ก่อนจะทันได้เข้าใกล้ เสียงจี๊ด ๆ เหมือนหนูร้องก็ดังออกมาให้ได้ยิน

“ดีล่ะ จับตัวได้แล้ว” ผู้กล่าวเช่นนี้มองภาพตรงหน้าแล้วชะงักไป

ลู่เซวียนนั่งอยู่ที่โต๊ะหิน มีหนูหลายสิบตัวถูกขังในกรงตรงหน้าเขา มือข้างหนึ่งของเขาล้วงหนูออกมาหนึ่งตัว ในขณะที่อีกมือถือมีดแทงใส่หนูตัวนั้น

เขาแหวกท้องของมันออก!

ทุกคนอ้าปากค้าง

เมื่อก้มลงมองที่เท้าของลู่เซวียนอีกครั้ง ก็พบว่ามีศพหนูตายอเนจอนาถเกลื่อนไปหมด

ช่างละเลงเลือดชวนขวัญผวา!

ลู่เซวียนค่อย ๆ เงยหน้ามองผู้คน “มีอะไรหรือ?”

“หือ? เปล่า… ไม่มีนี่”

ทุกคนก้าวถอยสองสามก้าว

ใบหน้าซีดขาวของลู่เซวียนเผยรอยยิ้มบาง ทว่าทำให้ผู้มองขนลุกซู่

“ช่วงนี้มีหนูชุกชุมไปหมด ร้องเสียงเจี๊ยวจ๊าวน่ารำคาญจริง ๆ พวกเจ้าเองก็เกลียดมันเช่นกันใช่ไหม?”

“ใช่…”

“ตอนนี้ดีแล้วนะ พวกมันคงไม่อาจ…”

ฉึก!

“จี๊ด…” เจ้าหนูดิ้นพล่านสองสามหน ก่อนจะแน่นิ่งไป

ลู่เซวียนแย้มยิ้ม “…ร้องได้อีกแล้ว”

โอ๊กก!

มีผู้วิ่งไปอาเจียน จากนั้นคนอื่น ๆ จึงวิ่งหนีตามไป

คนเหล่านี้ล้วนเป็นบัณฑิตอ่อนแอ เคยเห็นศึกนองเลือดเสียที่ไหน?

ลู่เซวียนแค่นเสียงหึ และกล่าวกับฟางโจวอวี่ซึ่งเป็นผู้เดียวที่ไม่จากไปไหนพร้อมรอยยิ้มบาง “บัณทิตฟางอยากเล่นหรือไม่?”

แววตาของฟางโจวอวี่เปี่ยมความพรั่นพรึง

เขาเคยคิดว่าลู่อี้เป็นศัตรูผู้แข็งแกร่ง แต่ยามนี้ดูเหมือน… พี่น้องสกุลลู่คู่นี้ ล้วนรับมือไม่ง่ายสักคน

ต้องไม่ปล่อยพี่น้องสกุลลู่เข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ในราชสำนักเด็ดขาด ไม่มีทาง!

“ค่อย ๆ เล่นไปเถิด ข้าไม่ขอรบกวนต่อแล้ว” ฟางโจวอวี่ประสานมือคำนับ หันหลังจากไป แววตาพลันเคร่งขรึม

เมื่อคนไปกันหมด ลู่เซวียนก็โยนของในมือทิ้งด้วยสีหน้าขยะแขยง “น่าขยะแขยงเป็นบ้า! แต่คงขย่าขวัญพวกนั้นไปได้สักพัก ฮึ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 254 การตอบโต้ของลู่เซวียน

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 254 การตอบโต้ของลู่เซวียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 254 การตอบโต้ของลู่เซวียน

สำนักบัณทิตเขาเขียว หลังจบคาบเช้า เหล่าศิษย์ก็พากันเดินออกมา หลายคนเสวนาถึงเรื่องที่ร่ำเรียนวันนี้

นี่คือการพักช่วงเที่ยง กลิ่นหอมยวนยั่วจากโรงครัวชักนำพวกเขาออกมา

ลู่เซวียนออกมาจากสุขาพอดี

มีกลิ่นไม่พึงประสงค์โชยออกมาจากเขา และผู้อยู่ในละแวกนั้นก็รีบหลบไปไกลด้วยสีหน้ารังเกียจ

“ลู่เซวียน นี่เจ้าไปตกบ่ออาจมมาหรือ?”

สีหน้าของลู่เซวียนยากจะมอง ร่างซวนเซประหนึ่งใกล้ล้มลงเต็มที

เขาถูกขังไว้ในสุขามาตลอดวันนี้ จนกระทั่งเมื่อครู่มีผู้มาทำความสะอาดสุขามาพบเข้า เขาจึงถูกปล่อยตัว

ไม่รู้ว่าฝีมือใคร ตั้งแต่เขากลับมายังสำนักบัณฑิตเขาเขียว การกลั่นแกล้งเช่นนี้ก็เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน ลู่เซวียนกลั้นใจทน ไม่อยากก่อปัญหาให้แก่พี่ใหญ่ของเขา แต่วันนี้เขาไม่อยากทนต่อแล้ว

“นี่เป็นหนสุดท้าย” ลู่เซวียนกล่าวเสียงเย็น “หากข้ารู้ว่าผู้ใดทำ ข้าจะให้เขารู้ถึงจุดจบที่มาล่วงเกินข้า”

ทุกคนมองเขาด้วยสายตาพิกล ไม่มีผู้ใดถือเอาคำขู่ของเขาเป็นจริงเป็นจัง

ลู่เซวียนคือแมลงตัวน้อยซึ่งซุกอยู่ใต้ปีกพี่ใหญ่ของตน หากไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่ของเขา คนอย่างนี้คงตายไปหลายพันหนแล้ว

ไม่สิ! หากเจ้าคนป่วยนี่ไม่ได้มีพี่ชายดี ๆ เขาคงตายคาโรงหมอไปหลายปีแล้ว มีหรือจะมาเป็นเพื่อนร่วมชั้นพวกเขาเช่นนี้?

อันอี้หางเดินเข้ามากล่าวว่า “เจ้าไปอาบน้ำให้สดชื่นสักหน่อยเถิด ข้าจะนำอาหารไปให้เจ้าเอง”

“ขอบคุณมาก” ลู่เซวียนพยักหน้าให้อันอี้หางแล้วเดินไปยังห้องอาบน้ำ

มีผู้หยุดอันอี้หางไว้ แล้วกล่าวด้วยท่าทีพิกล “ข้าได้ยินว่าน้องสาวตาบอดของเจ้าแต่งกับทาสของครอบครัวลู่เซวียน น้องสาวเจ้าเป็นทาสไปแล้ว เจ้าเองก็ต้องลดขั้นเป็นบ่าวด้วยหรือ?”

“หากเจ้ายังพูดพล่อย ๆ อีก ข้าจะฟ้องเจ้าสำนัก” อันอี้หางกล่าวเนิบ ๆ “สิ่งที่เจ้าสำนักเกลียดที่สุด เจ้าน่าจะกระจ่างดีใช่หรือไม่?”

“พอ!” คนผู้นั้นเบื่อเสียเต็มประดา “นอกจากฟ้อง เจ้ายังทำอะไรได้บ้าง น่าเบื่อจริง ๆ!”

ลู่เซวียนอาบน้ำกลับมา พบว่าบนที่นอนของเขามีรอยน้ำแฉะ

เขากำผ้าเช็ดตัวในมือ แววตาปรากฏคลื่นกระเพื่อม

เขานึกถึงพี่สะใภ้ของเขาอย่างมู่ซืออวี่ นางจะทำอย่างไรหากพบเรื่องเช่นนี้? นางคงไม่ยอมเสียเปรียบแบบนี้แน่

ไม่สิ! สักครั้งนางก็ไม่ทน

ไม่นานในสำนักบัณทิตเขาเขียวก็ปั่นป่วน

กินข้าวพบหนอน หนูไต่ขึ้นเตียงกลางดึก เดินอยู่ดี ๆ ก็ลื่นล้ม เมื่อมองดูดี ๆ ก็พบว่ามีน้ำมันเลอะบนพื้น เข้าสุขากลางดึก บนฟ้าก็มีเงาขาว ๆ ล่องลอย

ศิษย์ทั้งหลายไม่อาจเป็นสุข!

“ถังซาน ฝีมือเจ้าหรือไม่?”

“ไฉนมาพูดว่าเป็นฝีมือข้าเล่า?”

“มีแค่เจ้าที่เบื่อพอจะทำเช่นนี้น่ะสิ ไม่ใช่ว่าไม่กี่วันก่อน เจ้าก็จงใจดัดนิสัยลู่เซวียนหรือ?”

“หูอวี่ เจ้านั่นแหละทำ! ไม่ใช่ว่าเช้านี้เจ้าขังลู่เซวียนในสุขาทั้งวันหรือ?”

“ถุย! ข้าก็เป็นผู้เคราะห์ร้ายเถอะ ไม่เห็นหรือว่าข้าก็ถูกผีผู้หญิงชุดขาวนั่นหลอกจนแทบฉี่ราดน่ะ”

อันอี้หางมองชายหนุ่มข้างกายเขา

คนสกุลลู่นี่รังแกไม่ง่ายจริง ๆ นี่แหละอุปนิสัยคนสกุลลู่

เหตุใดจึงไร้ผู้ใดสงสัยลู่เซวียน? นั่นก็เพราะลู่เซวียนถูกมองว่า ‘ป่วย’ อยู่น่ะสิ

ดูใบหน้าอ่อนระโหยนั้นสิ แววตาเปี่ยมความพรั่นพรึง ท่าทางขวัญหนีดีฝ่อ เหมือนคนร้ายตรงไหน ดูเหมือนเหยื่อผู้หนึ่งมากกว่า

อันอี้หางเองก็คงถูกต้มเสียเปี่อยถ้าไม่ใช่เพราะเห็นลู่เซวียนกระทำการด้วยตาตนเอง

ว่าแล้วเชียว พวกแซ่ลู่มีแต่จิ้งจอกร้าย ศิษย์ทั้งหลายเองก็โง่งม ไปปลุกจิ้งจอกหลับให้ตื่นเสียได้ สมควรตายจริง ๆ

“เจ้าสำนัก ท่านก็เห็นแล้วว่าเรื่องราวชักไปกันใหญ่ หากปล่อยปัญหาดำเนินไปเช่นนี้ บรรยากาศของสำนักบัณทิตเขาเขียวจะแย่เอาได้” อาจารย์เฉียนเล่าเรื่องให้ไป๋เหวยคังทราบ

ไป๋เหวยคังกำลังวาดภาพ เขาฟังวาจาอาจารย์เฉียนแต่ก็ไม่ได้ตอบ

“ท่านเจ้าสำนัก พูดอะไรสักหน่อยเถิด เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้สมควรได้รับการสะสาง ไม่อย่างนั้น ข้าก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเกิดปัญหาใดอีก”

“คนหนุ่มนั้นใจร้อน พวกเขาชอบสร้างปัญหา ให้พวกเขาสร้างปัญหากันไป เหนื่อยแล้วก็เงียบกันไปเองแหละ” ไป๋เหวยคังกล่าวเนิบ ๆ “หากศึกเล็ก ๆ เช่นนี้ท่านยังทนไม่ได้ ภายหน้าจะรับมรสุมละเลงเลือดได้อย่างไร? จะแบกรับภาระในโลกหล้าอย่างไร? ท่านน่ะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่”

“เพราะท่านชินกับพวกเขาแล้วต่างหาก!”

“พี่เฉียน สำนักบัณฑิตก็เหมือนตำหนักศาลาย่อม ๆ ร้อยคนร้อยหัวใจ ต่างผู้ล้วนมีคำนึงตน หากไม่อาจเข้าใจกลอุบายร้อยพัน ให้เผชิญกับมันเสียเนิ่น ๆ ก็อาจช่วยชีวิตพวกเขาได้”

ฟางโจวอวี่ไม่ได้กลับมาสำนักบัณทิตเขาเขียวสองสามวัน หนนี้เขากลับมายังสำนักบัณทิตเขาเขียวพร้อมข่าวดี ซึ่งก็คือการหมั้นหมายแต่งงานกับคุณหนูสกุลหลี่ กำหนดวันแต่งงานเป็นวันที่แปดเดือนถัดไป

“พี่เจียง นี่เจ้า…”

ฟางโจวอวี่มองเหล่าบุคคลสภาพทุลักทุเลในลานสำนักแล้วถามขึ้นอย่างประหลาดใจ

“บัณทิตฟาง ไฉนจึงมาที่นี่ได้?”

เมื่อทุกคนพบฟางโจวอวี่ พวกเขาก็อารมณ์ดี ลุกขึ้นกล่าวทักทายตาม ๆ กัน

ฟางโจวอวี่เล่าข่าวในส่วนของเขา และถามว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากฟังความเป็นมา ฟางโจวอวี่ก็ครุ่นคิด

“ยินดีกับบัณทิตฟางด้วยที่ได้แต่งภรรยาคนงาม! ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูสกุลหลี่รูปลักษณ์งามมาก เป็นหญิงงามผู้ลือนามจากเมืองฮู่เป่ยด้วยนะ”

“ขอบคุณมาก ว่าไปแล้ว สิ่งที่พวกเจ้าประสบก็แปลกจริงแท้ ได้สืบบ้างหรือยัง?”

“สืบแล้ว แต่ไม่พบ”

“เช่นนั้น ผู้ใดได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ที่สุด?”

ทุกผู้มองหน้ากันไปมา และภาพของ ‘ลู่เซวียน’ ก็ปรากฏขึ้นในใจโดยพร้อมเพรียง

“ไปคิดบัญชีกับเขากัน!”

ทุกคนต่างแห่กันไปยังห้องของลู่เซวียน

ฟางโจวอวี่ตามพวกเขาไปข้างหลัง แววตาปรากฏรอยยิ้มเยาะ

ที่หน้าห้องของลู่เซวียน

ก่อนจะทันได้เข้าใกล้ เสียงจี๊ด ๆ เหมือนหนูร้องก็ดังออกมาให้ได้ยิน

“ดีล่ะ จับตัวได้แล้ว” ผู้กล่าวเช่นนี้มองภาพตรงหน้าแล้วชะงักไป

ลู่เซวียนนั่งอยู่ที่โต๊ะหิน มีหนูหลายสิบตัวถูกขังในกรงตรงหน้าเขา มือข้างหนึ่งของเขาล้วงหนูออกมาหนึ่งตัว ในขณะที่อีกมือถือมีดแทงใส่หนูตัวนั้น

เขาแหวกท้องของมันออก!

ทุกคนอ้าปากค้าง

เมื่อก้มลงมองที่เท้าของลู่เซวียนอีกครั้ง ก็พบว่ามีศพหนูตายอเนจอนาถเกลื่อนไปหมด

ช่างละเลงเลือดชวนขวัญผวา!

ลู่เซวียนค่อย ๆ เงยหน้ามองผู้คน “มีอะไรหรือ?”

“หือ? เปล่า… ไม่มีนี่”

ทุกคนก้าวถอยสองสามก้าว

ใบหน้าซีดขาวของลู่เซวียนเผยรอยยิ้มบาง ทว่าทำให้ผู้มองขนลุกซู่

“ช่วงนี้มีหนูชุกชุมไปหมด ร้องเสียงเจี๊ยวจ๊าวน่ารำคาญจริง ๆ พวกเจ้าเองก็เกลียดมันเช่นกันใช่ไหม?”

“ใช่…”

“ตอนนี้ดีแล้วนะ พวกมันคงไม่อาจ…”

ฉึก!

“จี๊ด…” เจ้าหนูดิ้นพล่านสองสามหน ก่อนจะแน่นิ่งไป

ลู่เซวียนแย้มยิ้ม “…ร้องได้อีกแล้ว”

โอ๊กก!

มีผู้วิ่งไปอาเจียน จากนั้นคนอื่น ๆ จึงวิ่งหนีตามไป

คนเหล่านี้ล้วนเป็นบัณฑิตอ่อนแอ เคยเห็นศึกนองเลือดเสียที่ไหน?

ลู่เซวียนแค่นเสียงหึ และกล่าวกับฟางโจวอวี่ซึ่งเป็นผู้เดียวที่ไม่จากไปไหนพร้อมรอยยิ้มบาง “บัณทิตฟางอยากเล่นหรือไม่?”

แววตาของฟางโจวอวี่เปี่ยมความพรั่นพรึง

เขาเคยคิดว่าลู่อี้เป็นศัตรูผู้แข็งแกร่ง แต่ยามนี้ดูเหมือน… พี่น้องสกุลลู่คู่นี้ ล้วนรับมือไม่ง่ายสักคน

ต้องไม่ปล่อยพี่น้องสกุลลู่เข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ในราชสำนักเด็ดขาด ไม่มีทาง!

“ค่อย ๆ เล่นไปเถิด ข้าไม่ขอรบกวนต่อแล้ว” ฟางโจวอวี่ประสานมือคำนับ หันหลังจากไป แววตาพลันเคร่งขรึม

เมื่อคนไปกันหมด ลู่เซวียนก็โยนของในมือทิ้งด้วยสีหน้าขยะแขยง “น่าขยะแขยงเป็นบ้า! แต่คงขย่าขวัญพวกนั้นไปได้สักพัก ฮึ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด