สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 183 ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 183 ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 183 ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง

บทที่ 183 ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง

“ใครก็ชอบกินแต่ของอร่อย ๆ กันทั้งนั้น คนที่ชอบกินของไม่อร่อยไม่ใช่พวกชอบทำร้ายตัวเองหรือ”

เสียงของมู่ซืออวี่แผ่วเบา ทว่าลู่อี้ยังคงได้ยินอย่างชัดเจน

“ตื่นแล้วหรือ? มีที่ใดรู้สึกไม่สบายหรือไม่?” ลู่อี้จับแขนนางพร้อมมองมาอย่างเป็นกังวล

“ที่ไหนก็ไม่สบาย…” มู่ซืออวี่กอดผ้าห่มแน่น “หนาว…”

ลู่อี้ดึงผ้าห่มผืนใหม่ในตู้ข้าง ๆ ออกมาห่มให้ เมื่อเห็นว่ามู่ซืออวี่ยังไม่กระปรี้กระเปร่า เขาก็คลานขึ้นไปบนเตียง กอดนางไว้เช่นเดิม

“ท่าน… ท่านจะทำอะไร?” ถึงแม้มู่ซืออวี่จะไม่มีเรี่ยวแรง แต่นางก็ได้สติกลับคืนมาแล้ว

ร่างกายแข็งแรงกำยำนี้ทำให้นางรู้สึกเหมือนกำลังนาบตัวกับถ่านที่กำลังคุ จิตใจพลันปั่นป่วนขึ้นมาทันที

“อย่าขยับ” ลู่อี้กอดนางแน่นยิ่งกว่าเดิม “ข้าจะนอนเป็นเพื่อนเจ้าสักพัก”

มู่ซืออวี่จึงค่อย ๆ ผ่อนคลายลงแล้วหลับไปอีกครั้ง

ลู่จื่ออวิ๋นหมอบอยู่ตรงร่องประตูและกำลังแอบมองดู เด็กหญิงตัวเล็กราวกับกระต่าย ครั้นถงซื่อผ่านมาเห็นเข้าก็รีบอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา

“ท่านยาย” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยเสียงเบา “เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินเสียงท่านแม่ ท่านแม่ตื่นแล้วเจ้าค่ะ”

“พ่อเจ้าคอยดูแลแม่ของเจ้าอยู่ข้างใน ถึงแม้แม่เจ้าจะตื่นแล้วก็จริง แต่ตอนนี้นางยังไร้เรี่ยวแรง ให้พวกเขาพักสักครู่เถอะ” ถงซื่อกระซิบ

ลู่จื่ออวิ๋นพยักอย่างรวดเร็ว

“เช่นนั้นพรุ่งนี้ท่านแม่ก็จะดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่?”

“ขอแค่นางได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ พรุ่งนี้คงไม่มีอะไรแล้ว” ท่านหมอจูออกมาจากห้องข้าง ๆ แล้วเอ่ยขึ้น

“ท่านหมอจู รบกวนท่านแล้ว” ถงซื่อกล่าว “ข้าทำเกอต่าทัง*[1] มา ท่านจะลองชิมหน่อยหรือไม่? ข้าเรียนรู้สูตรมาจากลูกอวี่น่ะ”

“ข้าเองก็หิวอยู่หน่อยจริง ๆ” ท่านหมอจูยิ้มบาง ๆ “รบกวนเจ้าแล้ว”

ถงซื่อจึงปล่อยลู่จื่ออวิ๋นลง

ลู่จื่ออวิ๋นถอนหายใจ ใบหน้าเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความเศร้าใจ แต่ก็ยังน่ารักน่าเอ็นดู

“อวิ๋นเอ๋อร์ คิดอะไรอยู่หรือ?” ท่านหมอจูนั่งลงบนม้านั่งหินตรงข้าม

“ข้ากำลังคิดว่า ข้าอยากโตไว ๆ จะได้หาเงินได้ ท่านแม่จะได้ไม่ต้องลำบากเช่นนี้” ลู่จื่ออวิ๋นนั่งลงตรงข้ามท่านหมอจู นางยกมือขึ้นมาเท้าคางเล็ก ๆ ได้อย่างน่ารักน่าชัง

“เด็กคนนี้นี่…” ท่านหมอจูส่ายหัวเบา ๆ “กินข้าวให้อร่อยดีกว่า เจ้าน่ะค่อย ๆ โตเถอะ เรื่องของพ่อแม่เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงหรอก”

เวลานี้เซี่ยคุนนั่งอยู่บนหลังคา

จือเชียนกระโดดขึ้นไปนั่งลงข้าง ๆ

ลู่จื่ออวิ๋นเห็นเช่นนั้นก็กล่าวว่า “ข้าอยากทำได้บ้าง!”

“อะไรหรือ?” ถงซื่อเดินออกมาพร้อมกับเกอต่าทัง

ท่านหมอจูเห็นไหสุราจึงมองถงซื่ออย่างดีใจ “เอามาให้ข้าหรือ?”

“ท่านไม่ชอบแบบนี้หรือ?” ถงซื่อกล่าวว่า “วันนี้ท่านต้องดูแลลูกอวี่ของข้า ไม่อาจให้ท่านดื่มมากเกินไป แต่ถ้าดื่มสักเล็กน้อยก็ไม่มีปัญหา”

“ขอบคุณ” ท่านหมอจูยกไหขึ้นมาดมกลิ่น “สุราดี”

ทางด้านลู่จื่ออวิ๋นนั้นตะโกนพูดกับจือเชียน “พี่จือเชียน! ข้าอยากเรียนกับท่าน!”

จือเชียน “…”

ดูเหมือนเขาจะก่อเรื่องแล้ว

“ท่านลงมาสอนข้าได้หรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นเงยใบหน้าเล็ก ๆ น่ารักขึ้นมา “ขอร้องล่ะ!”

จือเชียนจึงลงมาจากหลังคา

แม่นางน้อยตรงหน้าเขามีดวงตาฉ่ำน้ำ เวลายิ้ม ลักยิ้มเล็ก ๆ น่ารักคู่หนึ่งจะปรากฏขึ้นมา ดูอ่อนหวานเสียยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้า ใครกันจะปฏิเสธนางได้ลงคอ

โครกก…

ท้องส่งเสียงประท้วงขึ้นมา

มู่ซืออวี่ลืมตาขึ้น

ฟ้าข้างนอกยังสลัว ๆ เดาว่าเวลาคงราว ๆ ตีห้า

แขนที่พาดอยู่บนเอวนางยังกดกอดนางไว้อย่างแน่นหนา นางค่อย ๆ ยกออกช้า ๆ ทว่าคนด้านหลังนางกลับกอดรัดแน่นยิ่งกว่าเดิม

มู่ซืออวี่เหงื่อออกทั่วทั้งตัว รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก

ท้องนางร้องโครกครากด้วยความหิวโหย และยิ่งไม่สบายหนักกว่าเดิม ทว่านางก็ไม่สามารถทำใจปลุกคนข้างหลังขึ้นมาได้

“ช่างเถอะ หลับไปก็ไม่หิวแล้ว”

นางบังคับตัวเองให้หลับตาลง

รุ่งเช้า ลู่อี้ตื่นขึ้นจากความฝัน

เขามองมู่ซืออวี่ เมื่อเห็นสีหน้านางเริ่มมีเลือดฝาดดีกว่าสีหน้าซีดเซียวเมื่อวานนี้มาก เท่านี้เขาก็รู้สึกวางใจ

เขาแตะหน้าผากนางดูก็พบว่าไม่มีไข้แล้ว

“ข้าหิว” มู่ซืออวี่ลืมตาขึ้นมามองเขาอย่างไม่พอใจ

หากเขาไม่กอดนางแน่นขนาดนี้ นางคงลุกไปหาอะไรกินนานแล้ว

“เมื่อคืนนี้แม่ยายต้มข้าวต้มไว้ อุ่นไว้บนเตา ข้าจะไปเอามาให้”

มู่ซืออวี่กินข้าวต้มไปสามถ้วยในคราเดียว กำลังวังชาจึงกลับคืนมา ทั้งตัวรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาแล้ว

“วันนี้ท่านไม่ไปศาลาว่าการหรือ?”

“อีกเดี๋ยวถึงจะไป” ลู่อี้นั่งอยู่ข้างเตียงแล้วเอ่ยถาม “ตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือยัง?”

“อืม”

“เช่นนั้นพวกเรามาคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ลู่อี้จ้องนางเขม็ง

มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว นางนิ่งเงียบไปทันที

“หากเจ้าไม่เอ่ย ข้าไปตรวจสอบเองก็ได้” ลู่อี้พูดจบก็ลุกขึ้น

“ข้าจะพูด!” หญิงสาวรีบคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ทันที

ลู่อี้จึงนั่งลง แล้วฟังนางเล่าเรื่องที่ถูกนายน้อยสกุลหลี่และถังหมิงฉงกลั่นแกล้ง แน่นอนว่านางไม่ปกปิดเรื่องที่นางผลักทั้งสองคนตกน้ำ รวมถึงเรื่องที่ทำให้พวกเขาหมดสติเนื่องจากดื่มน้ำเข้าไปมากเกินไป

“ข้ารู้แล้ว” ลู่อี้เอ่ยขึ้นในที่สุด “งานที่สกุลหลี่นั่นไม่ต้องทำแล้ว”

“แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่”

“คุณหนูสกุลหลี่ไม่ได้เลวร้ายเลย”

“ไม่ได้” ลู่อี้ยืนยันคำเดิม

มู่ซืออวี่รู้ว่าเขาเป็นห่วง นางจึงยอมอ่อนลง

“ช่วงนี้เจ้าก็ไม่ต้องทำงานแล้ว พักผ่อนสักสองสามวันเสียก่อน” ลู่อี้ลูบหัวนางพลางเอ่ยว่า “เชื่อฟังข้าเถิด”

“เอาเถอะ ข้าจะฟังท่าน” มู่ซืออวี่ยอมแพ้แต่โดยดี

ดูเหมือนชะตาของนางจะไม่สมพงศ์กับคุณหนูสกุลหลี่จริง ๆ ถึงได้เกิดการพลิกผันหลายครั้งหลายคราเช่นนี้ ไม่เคยราบรื่นสักครั้ง

หลี่หงซูเดินทางไปที่ ‘เรือนกรุ่นฝัน’ จึงได้รู้ว่าวันนี้มู่ซืออวี่ไม่ได้เข้าเมือง

รถม้ามาหยุดอยู่ที่ร้าน ‘ยวลกลิ่นอิสตรี’

“คุณหนูหลี่ สินค้าใหม่เพิ่งมาวันนี้ อยากจะดูหน่อยหรือไม่?” ชิวซวงออกมาต้อนรับอีกฝ่าย

“คุณหนูของพวกเจ้าล่ะ?” หลี่หงซูมองหาเจิ้งซูอวี่ในร้าน

ชิวซวงส่ายหน้า “คุณหนูรองไม่ได้มาที่ร้านหลายวันแล้วเจ้าค่ะ”

“ช่างเถอะ” หลี่หงซูกล่าว “เช่นนั้นข้าไปล่ะ”

หลังจากกลับมาจากร้านยวลกลิ่นอิสตรี นางก็เห็นนักการสองสามคนอยู่ที่หน้าประตู นางจึงรีบถกชายกระโปรงวิ่งเข้าไปข้างในทันที

“นายท่าน พวกท่านเข้าใจผิดหรือไม่? นายน้อยของพวกเราจะฆ่าคนได้อย่างไร? นายท่าน…”

เมื่อพ่อบ้านเห็นหลี่หงซูกลับมาแล้วก็รีบเอ่ยอย่างร้อนรน “คุณหนู เจ้าหน้าที่ทางการเหล่านี้กล่าวว่านายน้อยของพวกเราก่อคดีฆ่าคนตาย”

หลี่หงซูหยุดยืนอยู่หน้านักการเกาแล้วกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่ท่านนี้ พี่ชายข้ายังป่วยอยู่ พวกท่านมีเรื่องอะไรก็ไปสืบให้กระจ่างก่อนได้หรือไม่ รอให้ท่านพี่ข้าดีขึ้นก่อนเป็นอย่างไร”

“เจ้าจะให้ผู้ตายรอด้วยงั้นรึ?” นักการเกาเย้ยหยัน “มันผู้ใดขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ทางการ จับเอาไว้แล้วนำตัวไป!”

พ่อบ้านลังเลเล็กน้อย ก่อนจะดึงหลี่หงซูไว้

“ท่านพ่อท่านแม่ข้าล่ะ?”

“นายท่านออกไปเยี่ยมสหาย เพิ่งออกไปได้ไม่นาน ข้าน้อยส่งคนตามนายท่านไปแล้วขอรับ ส่วนฮูหยิน… คงกำลังฟังงิ้วอยู่ที่โรงงิ้วขอรับ”

“เวลาเช่นนี้ยังไปฟังงิ้วอีกหรือ?” หลี่หงซูขึ้นเสียงด้วยความโมโห “รีบไปเรียกมา!”

นักการเกานำคนกลับไปที่ศาลาว่าการ

“ท่านหัวหน้า คนผู้นี้ป่วยหนัก…” คนใต้บังคับบัญชาเอ่ยขึ้น

“เขาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าคนตาย ป่วยหนักแล้วอย่างไร? เอาเขาเข้าไปขังคุก” นักการเกาเอ่ยอย่างไร้ความปรานี

[1] เกอต่าทัง เป็นอาหารท้องถิ่นในภาคเหนือของจีน ส่วนผสมหลัก ๆ เป็นแป้ง ไข่ และมะเขือเทศ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 183 ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 183 ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 183 ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง

บทที่ 183 ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง

“ใครก็ชอบกินแต่ของอร่อย ๆ กันทั้งนั้น คนที่ชอบกินของไม่อร่อยไม่ใช่พวกชอบทำร้ายตัวเองหรือ”

เสียงของมู่ซืออวี่แผ่วเบา ทว่าลู่อี้ยังคงได้ยินอย่างชัดเจน

“ตื่นแล้วหรือ? มีที่ใดรู้สึกไม่สบายหรือไม่?” ลู่อี้จับแขนนางพร้อมมองมาอย่างเป็นกังวล

“ที่ไหนก็ไม่สบาย…” มู่ซืออวี่กอดผ้าห่มแน่น “หนาว…”

ลู่อี้ดึงผ้าห่มผืนใหม่ในตู้ข้าง ๆ ออกมาห่มให้ เมื่อเห็นว่ามู่ซืออวี่ยังไม่กระปรี้กระเปร่า เขาก็คลานขึ้นไปบนเตียง กอดนางไว้เช่นเดิม

“ท่าน… ท่านจะทำอะไร?” ถึงแม้มู่ซืออวี่จะไม่มีเรี่ยวแรง แต่นางก็ได้สติกลับคืนมาแล้ว

ร่างกายแข็งแรงกำยำนี้ทำให้นางรู้สึกเหมือนกำลังนาบตัวกับถ่านที่กำลังคุ จิตใจพลันปั่นป่วนขึ้นมาทันที

“อย่าขยับ” ลู่อี้กอดนางแน่นยิ่งกว่าเดิม “ข้าจะนอนเป็นเพื่อนเจ้าสักพัก”

มู่ซืออวี่จึงค่อย ๆ ผ่อนคลายลงแล้วหลับไปอีกครั้ง

ลู่จื่ออวิ๋นหมอบอยู่ตรงร่องประตูและกำลังแอบมองดู เด็กหญิงตัวเล็กราวกับกระต่าย ครั้นถงซื่อผ่านมาเห็นเข้าก็รีบอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา

“ท่านยาย” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยเสียงเบา “เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินเสียงท่านแม่ ท่านแม่ตื่นแล้วเจ้าค่ะ”

“พ่อเจ้าคอยดูแลแม่ของเจ้าอยู่ข้างใน ถึงแม้แม่เจ้าจะตื่นแล้วก็จริง แต่ตอนนี้นางยังไร้เรี่ยวแรง ให้พวกเขาพักสักครู่เถอะ” ถงซื่อกระซิบ

ลู่จื่ออวิ๋นพยักอย่างรวดเร็ว

“เช่นนั้นพรุ่งนี้ท่านแม่ก็จะดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่?”

“ขอแค่นางได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ พรุ่งนี้คงไม่มีอะไรแล้ว” ท่านหมอจูออกมาจากห้องข้าง ๆ แล้วเอ่ยขึ้น

“ท่านหมอจู รบกวนท่านแล้ว” ถงซื่อกล่าว “ข้าทำเกอต่าทัง*[1] มา ท่านจะลองชิมหน่อยหรือไม่? ข้าเรียนรู้สูตรมาจากลูกอวี่น่ะ”

“ข้าเองก็หิวอยู่หน่อยจริง ๆ” ท่านหมอจูยิ้มบาง ๆ “รบกวนเจ้าแล้ว”

ถงซื่อจึงปล่อยลู่จื่ออวิ๋นลง

ลู่จื่ออวิ๋นถอนหายใจ ใบหน้าเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความเศร้าใจ แต่ก็ยังน่ารักน่าเอ็นดู

“อวิ๋นเอ๋อร์ คิดอะไรอยู่หรือ?” ท่านหมอจูนั่งลงบนม้านั่งหินตรงข้าม

“ข้ากำลังคิดว่า ข้าอยากโตไว ๆ จะได้หาเงินได้ ท่านแม่จะได้ไม่ต้องลำบากเช่นนี้” ลู่จื่ออวิ๋นนั่งลงตรงข้ามท่านหมอจู นางยกมือขึ้นมาเท้าคางเล็ก ๆ ได้อย่างน่ารักน่าชัง

“เด็กคนนี้นี่…” ท่านหมอจูส่ายหัวเบา ๆ “กินข้าวให้อร่อยดีกว่า เจ้าน่ะค่อย ๆ โตเถอะ เรื่องของพ่อแม่เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงหรอก”

เวลานี้เซี่ยคุนนั่งอยู่บนหลังคา

จือเชียนกระโดดขึ้นไปนั่งลงข้าง ๆ

ลู่จื่ออวิ๋นเห็นเช่นนั้นก็กล่าวว่า “ข้าอยากทำได้บ้าง!”

“อะไรหรือ?” ถงซื่อเดินออกมาพร้อมกับเกอต่าทัง

ท่านหมอจูเห็นไหสุราจึงมองถงซื่ออย่างดีใจ “เอามาให้ข้าหรือ?”

“ท่านไม่ชอบแบบนี้หรือ?” ถงซื่อกล่าวว่า “วันนี้ท่านต้องดูแลลูกอวี่ของข้า ไม่อาจให้ท่านดื่มมากเกินไป แต่ถ้าดื่มสักเล็กน้อยก็ไม่มีปัญหา”

“ขอบคุณ” ท่านหมอจูยกไหขึ้นมาดมกลิ่น “สุราดี”

ทางด้านลู่จื่ออวิ๋นนั้นตะโกนพูดกับจือเชียน “พี่จือเชียน! ข้าอยากเรียนกับท่าน!”

จือเชียน “…”

ดูเหมือนเขาจะก่อเรื่องแล้ว

“ท่านลงมาสอนข้าได้หรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นเงยใบหน้าเล็ก ๆ น่ารักขึ้นมา “ขอร้องล่ะ!”

จือเชียนจึงลงมาจากหลังคา

แม่นางน้อยตรงหน้าเขามีดวงตาฉ่ำน้ำ เวลายิ้ม ลักยิ้มเล็ก ๆ น่ารักคู่หนึ่งจะปรากฏขึ้นมา ดูอ่อนหวานเสียยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้า ใครกันจะปฏิเสธนางได้ลงคอ

โครกก…

ท้องส่งเสียงประท้วงขึ้นมา

มู่ซืออวี่ลืมตาขึ้น

ฟ้าข้างนอกยังสลัว ๆ เดาว่าเวลาคงราว ๆ ตีห้า

แขนที่พาดอยู่บนเอวนางยังกดกอดนางไว้อย่างแน่นหนา นางค่อย ๆ ยกออกช้า ๆ ทว่าคนด้านหลังนางกลับกอดรัดแน่นยิ่งกว่าเดิม

มู่ซืออวี่เหงื่อออกทั่วทั้งตัว รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก

ท้องนางร้องโครกครากด้วยความหิวโหย และยิ่งไม่สบายหนักกว่าเดิม ทว่านางก็ไม่สามารถทำใจปลุกคนข้างหลังขึ้นมาได้

“ช่างเถอะ หลับไปก็ไม่หิวแล้ว”

นางบังคับตัวเองให้หลับตาลง

รุ่งเช้า ลู่อี้ตื่นขึ้นจากความฝัน

เขามองมู่ซืออวี่ เมื่อเห็นสีหน้านางเริ่มมีเลือดฝาดดีกว่าสีหน้าซีดเซียวเมื่อวานนี้มาก เท่านี้เขาก็รู้สึกวางใจ

เขาแตะหน้าผากนางดูก็พบว่าไม่มีไข้แล้ว

“ข้าหิว” มู่ซืออวี่ลืมตาขึ้นมามองเขาอย่างไม่พอใจ

หากเขาไม่กอดนางแน่นขนาดนี้ นางคงลุกไปหาอะไรกินนานแล้ว

“เมื่อคืนนี้แม่ยายต้มข้าวต้มไว้ อุ่นไว้บนเตา ข้าจะไปเอามาให้”

มู่ซืออวี่กินข้าวต้มไปสามถ้วยในคราเดียว กำลังวังชาจึงกลับคืนมา ทั้งตัวรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาแล้ว

“วันนี้ท่านไม่ไปศาลาว่าการหรือ?”

“อีกเดี๋ยวถึงจะไป” ลู่อี้นั่งอยู่ข้างเตียงแล้วเอ่ยถาม “ตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือยัง?”

“อืม”

“เช่นนั้นพวกเรามาคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ลู่อี้จ้องนางเขม็ง

มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว นางนิ่งเงียบไปทันที

“หากเจ้าไม่เอ่ย ข้าไปตรวจสอบเองก็ได้” ลู่อี้พูดจบก็ลุกขึ้น

“ข้าจะพูด!” หญิงสาวรีบคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ทันที

ลู่อี้จึงนั่งลง แล้วฟังนางเล่าเรื่องที่ถูกนายน้อยสกุลหลี่และถังหมิงฉงกลั่นแกล้ง แน่นอนว่านางไม่ปกปิดเรื่องที่นางผลักทั้งสองคนตกน้ำ รวมถึงเรื่องที่ทำให้พวกเขาหมดสติเนื่องจากดื่มน้ำเข้าไปมากเกินไป

“ข้ารู้แล้ว” ลู่อี้เอ่ยขึ้นในที่สุด “งานที่สกุลหลี่นั่นไม่ต้องทำแล้ว”

“แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่”

“คุณหนูสกุลหลี่ไม่ได้เลวร้ายเลย”

“ไม่ได้” ลู่อี้ยืนยันคำเดิม

มู่ซืออวี่รู้ว่าเขาเป็นห่วง นางจึงยอมอ่อนลง

“ช่วงนี้เจ้าก็ไม่ต้องทำงานแล้ว พักผ่อนสักสองสามวันเสียก่อน” ลู่อี้ลูบหัวนางพลางเอ่ยว่า “เชื่อฟังข้าเถิด”

“เอาเถอะ ข้าจะฟังท่าน” มู่ซืออวี่ยอมแพ้แต่โดยดี

ดูเหมือนชะตาของนางจะไม่สมพงศ์กับคุณหนูสกุลหลี่จริง ๆ ถึงได้เกิดการพลิกผันหลายครั้งหลายคราเช่นนี้ ไม่เคยราบรื่นสักครั้ง

หลี่หงซูเดินทางไปที่ ‘เรือนกรุ่นฝัน’ จึงได้รู้ว่าวันนี้มู่ซืออวี่ไม่ได้เข้าเมือง

รถม้ามาหยุดอยู่ที่ร้าน ‘ยวลกลิ่นอิสตรี’

“คุณหนูหลี่ สินค้าใหม่เพิ่งมาวันนี้ อยากจะดูหน่อยหรือไม่?” ชิวซวงออกมาต้อนรับอีกฝ่าย

“คุณหนูของพวกเจ้าล่ะ?” หลี่หงซูมองหาเจิ้งซูอวี่ในร้าน

ชิวซวงส่ายหน้า “คุณหนูรองไม่ได้มาที่ร้านหลายวันแล้วเจ้าค่ะ”

“ช่างเถอะ” หลี่หงซูกล่าว “เช่นนั้นข้าไปล่ะ”

หลังจากกลับมาจากร้านยวลกลิ่นอิสตรี นางก็เห็นนักการสองสามคนอยู่ที่หน้าประตู นางจึงรีบถกชายกระโปรงวิ่งเข้าไปข้างในทันที

“นายท่าน พวกท่านเข้าใจผิดหรือไม่? นายน้อยของพวกเราจะฆ่าคนได้อย่างไร? นายท่าน…”

เมื่อพ่อบ้านเห็นหลี่หงซูกลับมาแล้วก็รีบเอ่ยอย่างร้อนรน “คุณหนู เจ้าหน้าที่ทางการเหล่านี้กล่าวว่านายน้อยของพวกเราก่อคดีฆ่าคนตาย”

หลี่หงซูหยุดยืนอยู่หน้านักการเกาแล้วกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่ท่านนี้ พี่ชายข้ายังป่วยอยู่ พวกท่านมีเรื่องอะไรก็ไปสืบให้กระจ่างก่อนได้หรือไม่ รอให้ท่านพี่ข้าดีขึ้นก่อนเป็นอย่างไร”

“เจ้าจะให้ผู้ตายรอด้วยงั้นรึ?” นักการเกาเย้ยหยัน “มันผู้ใดขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ทางการ จับเอาไว้แล้วนำตัวไป!”

พ่อบ้านลังเลเล็กน้อย ก่อนจะดึงหลี่หงซูไว้

“ท่านพ่อท่านแม่ข้าล่ะ?”

“นายท่านออกไปเยี่ยมสหาย เพิ่งออกไปได้ไม่นาน ข้าน้อยส่งคนตามนายท่านไปแล้วขอรับ ส่วนฮูหยิน… คงกำลังฟังงิ้วอยู่ที่โรงงิ้วขอรับ”

“เวลาเช่นนี้ยังไปฟังงิ้วอีกหรือ?” หลี่หงซูขึ้นเสียงด้วยความโมโห “รีบไปเรียกมา!”

นักการเกานำคนกลับไปที่ศาลาว่าการ

“ท่านหัวหน้า คนผู้นี้ป่วยหนัก…” คนใต้บังคับบัญชาเอ่ยขึ้น

“เขาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าคนตาย ป่วยหนักแล้วอย่างไร? เอาเขาเข้าไปขังคุก” นักการเกาเอ่ยอย่างไร้ความปรานี

[1] เกอต่าทัง เป็นอาหารท้องถิ่นในภาคเหนือของจีน ส่วนผสมหลัก ๆ เป็นแป้ง ไข่ และมะเขือเทศ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด