สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 283 หนังสือแต่งตั้ง

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 283 หนังสือแต่งตั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 283 หนังสือแต่งตั้ง

บทที่ 283 หนังสือแต่งตั้ง

แม่เฒ่าเจียงปิดประตูลงแล้วเอ่ยกับมู่เจิ้งอี้ “เจ้าจะเข้าเมืองหลวงไปทำอะไรอีก? เจ้ายังลุ่มหลงสตรีในหอนางโลมนามเสี่ยวเอ๋อร์นั่นอยู่ใช่หรือไม่? เจ้าลืมไปแล้วหรือไรว่าเจ้าถูกคนของเรือนวสันต์ทำร้ายบาดเจ็บสาหัสเพียงใด?”

มู่เจิ้งอี้สะบัดมือนางที่จับแขนเขาทิ้ง “ไม่ต้องให้ท่านมายุ่ง”

“เจ้าเพิ่งใช้เงินห้าตำลึงของข้าไป ยังจะไม่ให้ข้ายุ่งเรื่องของเจ้าอีกหรือ?” แม่เฒ่าเจียงมองมู่เจิ้งอี้ด้วยสายตาผิดหวัง “อี้เอ๋อร์ แต่ก่อนเจ้าไม่เคยเป็นเช่นนี้ แต่ก่อนเจ้าเคยมีจิตใจมุ่งมั่นกว่านี้”

“อยากได้หลานชายที่มีจิตใจมุ่งมั่นหรือ? ท่านมีนี่นา มู่เจิ้งหานมิใช่ว่ามีจิตใจมุ่งมั่นมากหรือไร? น่าเสียดาย ท่านไล่เขาไปแล้ว ผู้อื่นเขาไม่นับถือท่านเป็นย่าอีกแล้ว”

มู่เจิ้งอี้พูดจาถากถาง

“ท่านอย่าได้ใช้สายตาเช่นนั้นมองข้า ครอบครัวเรากลายเป็นเช่นนี้ล้วนโทษท่าน หากไม่ใช่เพราะท่าน มู่ซือเจียวสมองทึบคนนั้นจะกลายไปเป็นอนุผู้อื่นหรือ? ตอนนี้ชื่อเสียงป่นปี้ไปหมดแล้ว หากไม่ใช่เพราะท่าน ข้าจะกลายมาเป็นข้าอย่างทุกวันนี้หรือ? หากไม่ใช่เพราะท่าน อาเล็กจะกลายมาเป็นเช่นนี้หรือ? และก็เป็นเพราะท่าน ท่านพ่อท่านแม่ของข้าถึงได้เกียจคร้าน วัน ๆ เอาแต่เอ้อระเหยลอยชายไปเรื่อยเช่นนี้”

“บัดนี้ทั้งครอบครัวล้วนเอาแต่พึ่งท่าน ท่านหาเงินมาอย่างไร ผู้อื่นไม่รู้ แต่ท่านคิดหรือว่าข้าจะไม่รู้?”

มู่เจิ้งอี้ไม่เคยลืมภาพที่เขาเห็นแม่เฒ่าเจียงขโมยของอยู่ในเมือง น่ารังเกียจเสียจริง สกปรกโสมมยิ่งนัก

คราแรกแม่เฒ่าเจียงรู้สึกโมโหจนหายใจแทบไม่ออก แต่นั่นก็ไม่เท่าถ้อยคำสุดท้ายของมู่เจิ้งอี้ที่แทบจะเอาชีวิตแก่ ๆ ของนางไป นางมองมู่เจิ้งอี้ด้วยสายตาหวาดผวา สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด

มู่เจิ้งอี้ปรายตามองแม่เฒ่าเจียงด้วยสายตาเหยียดหยัน “เรื่องของท่าน ข้าไม่ยุ่ง ท่านมีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องของข้า?”

ถังซื่อพยายามโน้มน้าวนางอย่างระมัดระวัง “ท่านแม่ ท่านอย่าโกรธ เด็กคนนั้นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ข้าจะช่วยท่านอบรมสั่งสอนเขาให้ดี”

แม่เฒ่าเจียงค้ำยันลงบนโต๊ะ ค่อย ๆ นั่งลงไป

นางไม่ได้สนใจคำพูดของถังซื่อ ในความเป็นจริงแล้ว สมองของนางล้วนกำลังขาวโพลน

สายตาดูถูกเหยียดหยามจากมู่เจิ้งอี้ทำร้ายลึกลงไปถึงจิตใจของแม่เฒ่าเจียง

“ต้าซาน นี่เจ้า…”

มีคนทักมู่ต้าซานขึ้นมา

มู่ต้าซานตอบอย่างอึดอัดใจ “ข้าตัดฟืนมามากเกินไป จะโยนทิ้งก็เสียดาย ข้าอยากไปถามถงซื่อดูว่าต้องการหรือไม่”

“ฟืนดี ๆ เช่นนี้ มีเพียงคนโง่ที่จะไม่เอา! เจ้าไปเคาะประตูถามนางดูสิ เหตุใดจึงมายืนอยู่ตรงนี้?”

ระยะนี้มู่ต้าซานประพฤติตัวดีไม่น้อย หลาย ๆ คนในหมู่บ้านจึงรู้สึกสงสารเขา เดิมทีมู่ต้าซานถูกแม่เฒ่าเจียงชักนำ ทำเรื่องโง่เขลาลงไปบ้าง บัดนี้ไม่เลอะเลือนแล้ว ชาวบ้านจึงอยากเห็นเขามีชีวิตที่ดี

ครั้นประตูเปิดออก ท่านหมอจูเดินออกมาจากข้างใน

เมื่อเห็นมู่ต้าซาน แววตาของท่านหมอจูพลันเกิดประกายวูบไหวแปลก ๆ

มู่ต้าซานเอ่ยทักท่านหมอจู “ท่านหมอจู”

ท่านหมอจูเอ่ยว่า “นางไม่อยู่ที่นี่”

“นางไม่อยู่ที่บ้านหรือ?” มู่ต้าซานประหลาดใจ

“นางอยู่ที่บ้านลูกเขย ตอนนี้ครอบครัวหูซื่ออาศัยอยู่ที่นี่ นางเลยต้องอยู่บ้านของลูกเขย ไม่อยู่ที่นี่แล้ว”

“ขอบคุณขอรับ” มู่ต้าซานแบกฟืนขึ้นมาแล้วเดินจากไปด้วยความงุนงง

ตอนนี้ถงซื่ออยู่ที่บ้านลู่อี้ สถานที่ที่เขาไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไป

นิสัยใจคอของมู่ซืออวี่ราวกับประทัด ย่อมไม่มีทางไว้หน้าเขาที่เป็นพ่อคนนี้ หากเป็นหานเอ๋อร์คงยังพอไว้หน้าเขาอยู่บ้าง

ในเมื่อถงซื่ออยู่ที่บ้านลู่อี้ เขาย่อมทำสิ่งใดไม่ได้

“ย่าห์! ย่าห์! ย่าห์!”

การปรากฏตัวของม้าหลายตัวดึงดูดความสนใจของชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน

ชายบนหลังม้ากำลังมุ่งตรงไปยังบ้านของลู่อี้

“คนเหล่านี้เป็นผู้ใดกัน? พวกเขาคงไม่มาสร้างความลำบากให้ลู่อี้กระมัง?”

“ผู้ใดจะรู้เล่า? ข้าได้ยินว่าลู่อี้ล่วงเกินนายอำเภอคนใหม่ อีกอย่างตอนที่นายอำเภอฉินอยู่ที่นี่ เขาเรียกใช้ลู่อี้มากที่สุด ทันทีที่นายอำเภอฉินไป นายอำเภอคนใหม่คงจะอยากใช้คนสนิทที่เหลืออยู่ของนายอำเภอฉินหรอก”

“ตอนนี้ไม่ใช่ว่านายอำเภอโจวคิดจะสะสางบัญชีความแค้นเก่า ต้องการลงโทษความผิดที่ลู่อี้เคยทำไว้หรือ?”

“หากเป็นอย่างที่กล่าว เช่นนั้นหมู่บ้านของพวกเราคงไม่ได้รับผลกระทบกระมัง?”

“รีบไปดูเร็วเข้า”

คนที่เดิมทีกำลังทำงานอยู่ในท้องไร่ท้องนาก็รีบรุดไปที่บ้านลู่อี้เช่นกัน

วันนี้เป็นวันที่เหมาะแก่การกินแตงโม*[1]จริง ๆ เพิ่งกินแตงโมเสร็จแล้วไปทำไร่ไถนาเมื่อครู่นี้ ตอนนี้ต้องรีบรุดไปกินแตงโมรอบสองอีกแล้ว

หวังว่าชาวบ้านตาดำ ๆ อย่างพวกเขาจะไม่ถูกดึงเข้าไปพัวพัน

หัวหน้าหมู่บ้านก็มุ่งหน้ามาแล้วเช่นกัน วันนี้เขารู้สึกปวดกบาลยิ่งนัก

หมู่นี้มีเรื่องราวมากมายหลายสิ่งเกิดขึ้น อีกทั้งแต่ละครั้งยังหนักหนาสาหัส เขาอยากยกตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านนี้ให้คนอื่นไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด อยู่ไปอายุขัยของเขาคงลดลงไปถึงสิบปี

“นั่นไม่ใช่ต้าหนิวและเอ้อร์หนิวหรือ?” ชาวบ้านจำคนที่รู้จักมักคุ้นสองคนนี้ได้เป็นอย่างดี

“มีสง่าราศีจริง ๆ เลย!”

“ม้าดีขนาดนั้น พวกเขายังขี่ได้อย่างคล่องแคล่วปราดเปรียวเช่นนี้”

“จะกล่าวไปแล้วต้าหนิวและเอ้อร์หนิวสามารถกินอาหารของทางการได้ นั่นก็เป็นเพราะลู่อี้เป็นคนพาพวกเขาเข้าไป วันนี้ถึงกับนำคนมาจับกุมลู่อี้? ต้องไร้หัวใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

“หัวหน้าผู้นั้นเหมือนจะเคยมาที่หมู่บ้านของพวกเรามาก่อน ก่อนหน้านี้ยังมีความสัมพันธ์กับลู่อี้ค่อนข้างดีมิใช่หรือไร?”

“ใช่ แซ่เกา เขาเป็นหัวหน้านักการ”

นักการเกานำคนหลายคนเข้ามาในบ้านของลู่อี้

“ลู่อี้อยู่ที่ใด?”

ลู่อี้ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจึงเดินออกมา

“มาหาข้าด้วยเรื่องอะไร?”

นักการเกานำหนังสือแต่งตั้งออกมา หัวเราะชอบอกชอบใจแล้วเอ่ยว่า “ยินดีกับเจ้าด้วย ใต้เท้าลู่ เบื้องบนได้ออกหนังสือแต่งตั้งมาแล้ว นายอำเภอคนใหม่ของเมืองฮู่เป่ยเป็นเจ้าแล้ว นายอำเภอลู่!”

ทุกคนล้วนอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“นายอำเภอ? ข้าได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่?”

“ได้ยินไม่ผิด เป็นนายอำเภอ!”

ลู่อี้รับหนังสือทางการที่นักการเกายื่นให้ อ่านตัวอักษรบนนั้นในขณะที่สีหน้าของเขายังคงราบเรียบเช่นเดิม “ลำบากท่านมาเที่ยวนี้แล้ว”

“พวกเราเป็นพี่เป็นน้อง เหตุใดต้องเกรงใจถึงเพียงนี้?” นักการเกายิ้มกว้างแทบจะฉีกถึงใบหู “ทว่าเจ้าต้องเข้าเมืองเดี๋ยวนี้ อย่างไรเสียพวกเราก็ยังมีเรื่องอีกมากที่ต้องจัดการ”

[1] กินแตงโม หมายถึง ชมดูความสนุกโดยไม่ออกความคิดเห็น แตงโมเป็นคำสแลง หมายถึง ข่าวลือซุบซิบนินทา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 283 หนังสือแต่งตั้ง

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 283 หนังสือแต่งตั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 283 หนังสือแต่งตั้ง

บทที่ 283 หนังสือแต่งตั้ง

แม่เฒ่าเจียงปิดประตูลงแล้วเอ่ยกับมู่เจิ้งอี้ “เจ้าจะเข้าเมืองหลวงไปทำอะไรอีก? เจ้ายังลุ่มหลงสตรีในหอนางโลมนามเสี่ยวเอ๋อร์นั่นอยู่ใช่หรือไม่? เจ้าลืมไปแล้วหรือไรว่าเจ้าถูกคนของเรือนวสันต์ทำร้ายบาดเจ็บสาหัสเพียงใด?”

มู่เจิ้งอี้สะบัดมือนางที่จับแขนเขาทิ้ง “ไม่ต้องให้ท่านมายุ่ง”

“เจ้าเพิ่งใช้เงินห้าตำลึงของข้าไป ยังจะไม่ให้ข้ายุ่งเรื่องของเจ้าอีกหรือ?” แม่เฒ่าเจียงมองมู่เจิ้งอี้ด้วยสายตาผิดหวัง “อี้เอ๋อร์ แต่ก่อนเจ้าไม่เคยเป็นเช่นนี้ แต่ก่อนเจ้าเคยมีจิตใจมุ่งมั่นกว่านี้”

“อยากได้หลานชายที่มีจิตใจมุ่งมั่นหรือ? ท่านมีนี่นา มู่เจิ้งหานมิใช่ว่ามีจิตใจมุ่งมั่นมากหรือไร? น่าเสียดาย ท่านไล่เขาไปแล้ว ผู้อื่นเขาไม่นับถือท่านเป็นย่าอีกแล้ว”

มู่เจิ้งอี้พูดจาถากถาง

“ท่านอย่าได้ใช้สายตาเช่นนั้นมองข้า ครอบครัวเรากลายเป็นเช่นนี้ล้วนโทษท่าน หากไม่ใช่เพราะท่าน มู่ซือเจียวสมองทึบคนนั้นจะกลายไปเป็นอนุผู้อื่นหรือ? ตอนนี้ชื่อเสียงป่นปี้ไปหมดแล้ว หากไม่ใช่เพราะท่าน ข้าจะกลายมาเป็นข้าอย่างทุกวันนี้หรือ? หากไม่ใช่เพราะท่าน อาเล็กจะกลายมาเป็นเช่นนี้หรือ? และก็เป็นเพราะท่าน ท่านพ่อท่านแม่ของข้าถึงได้เกียจคร้าน วัน ๆ เอาแต่เอ้อระเหยลอยชายไปเรื่อยเช่นนี้”

“บัดนี้ทั้งครอบครัวล้วนเอาแต่พึ่งท่าน ท่านหาเงินมาอย่างไร ผู้อื่นไม่รู้ แต่ท่านคิดหรือว่าข้าจะไม่รู้?”

มู่เจิ้งอี้ไม่เคยลืมภาพที่เขาเห็นแม่เฒ่าเจียงขโมยของอยู่ในเมือง น่ารังเกียจเสียจริง สกปรกโสมมยิ่งนัก

คราแรกแม่เฒ่าเจียงรู้สึกโมโหจนหายใจแทบไม่ออก แต่นั่นก็ไม่เท่าถ้อยคำสุดท้ายของมู่เจิ้งอี้ที่แทบจะเอาชีวิตแก่ ๆ ของนางไป นางมองมู่เจิ้งอี้ด้วยสายตาหวาดผวา สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด

มู่เจิ้งอี้ปรายตามองแม่เฒ่าเจียงด้วยสายตาเหยียดหยัน “เรื่องของท่าน ข้าไม่ยุ่ง ท่านมีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องของข้า?”

ถังซื่อพยายามโน้มน้าวนางอย่างระมัดระวัง “ท่านแม่ ท่านอย่าโกรธ เด็กคนนั้นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ข้าจะช่วยท่านอบรมสั่งสอนเขาให้ดี”

แม่เฒ่าเจียงค้ำยันลงบนโต๊ะ ค่อย ๆ นั่งลงไป

นางไม่ได้สนใจคำพูดของถังซื่อ ในความเป็นจริงแล้ว สมองของนางล้วนกำลังขาวโพลน

สายตาดูถูกเหยียดหยามจากมู่เจิ้งอี้ทำร้ายลึกลงไปถึงจิตใจของแม่เฒ่าเจียง

“ต้าซาน นี่เจ้า…”

มีคนทักมู่ต้าซานขึ้นมา

มู่ต้าซานตอบอย่างอึดอัดใจ “ข้าตัดฟืนมามากเกินไป จะโยนทิ้งก็เสียดาย ข้าอยากไปถามถงซื่อดูว่าต้องการหรือไม่”

“ฟืนดี ๆ เช่นนี้ มีเพียงคนโง่ที่จะไม่เอา! เจ้าไปเคาะประตูถามนางดูสิ เหตุใดจึงมายืนอยู่ตรงนี้?”

ระยะนี้มู่ต้าซานประพฤติตัวดีไม่น้อย หลาย ๆ คนในหมู่บ้านจึงรู้สึกสงสารเขา เดิมทีมู่ต้าซานถูกแม่เฒ่าเจียงชักนำ ทำเรื่องโง่เขลาลงไปบ้าง บัดนี้ไม่เลอะเลือนแล้ว ชาวบ้านจึงอยากเห็นเขามีชีวิตที่ดี

ครั้นประตูเปิดออก ท่านหมอจูเดินออกมาจากข้างใน

เมื่อเห็นมู่ต้าซาน แววตาของท่านหมอจูพลันเกิดประกายวูบไหวแปลก ๆ

มู่ต้าซานเอ่ยทักท่านหมอจู “ท่านหมอจู”

ท่านหมอจูเอ่ยว่า “นางไม่อยู่ที่นี่”

“นางไม่อยู่ที่บ้านหรือ?” มู่ต้าซานประหลาดใจ

“นางอยู่ที่บ้านลูกเขย ตอนนี้ครอบครัวหูซื่ออาศัยอยู่ที่นี่ นางเลยต้องอยู่บ้านของลูกเขย ไม่อยู่ที่นี่แล้ว”

“ขอบคุณขอรับ” มู่ต้าซานแบกฟืนขึ้นมาแล้วเดินจากไปด้วยความงุนงง

ตอนนี้ถงซื่ออยู่ที่บ้านลู่อี้ สถานที่ที่เขาไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไป

นิสัยใจคอของมู่ซืออวี่ราวกับประทัด ย่อมไม่มีทางไว้หน้าเขาที่เป็นพ่อคนนี้ หากเป็นหานเอ๋อร์คงยังพอไว้หน้าเขาอยู่บ้าง

ในเมื่อถงซื่ออยู่ที่บ้านลู่อี้ เขาย่อมทำสิ่งใดไม่ได้

“ย่าห์! ย่าห์! ย่าห์!”

การปรากฏตัวของม้าหลายตัวดึงดูดความสนใจของชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน

ชายบนหลังม้ากำลังมุ่งตรงไปยังบ้านของลู่อี้

“คนเหล่านี้เป็นผู้ใดกัน? พวกเขาคงไม่มาสร้างความลำบากให้ลู่อี้กระมัง?”

“ผู้ใดจะรู้เล่า? ข้าได้ยินว่าลู่อี้ล่วงเกินนายอำเภอคนใหม่ อีกอย่างตอนที่นายอำเภอฉินอยู่ที่นี่ เขาเรียกใช้ลู่อี้มากที่สุด ทันทีที่นายอำเภอฉินไป นายอำเภอคนใหม่คงจะอยากใช้คนสนิทที่เหลืออยู่ของนายอำเภอฉินหรอก”

“ตอนนี้ไม่ใช่ว่านายอำเภอโจวคิดจะสะสางบัญชีความแค้นเก่า ต้องการลงโทษความผิดที่ลู่อี้เคยทำไว้หรือ?”

“หากเป็นอย่างที่กล่าว เช่นนั้นหมู่บ้านของพวกเราคงไม่ได้รับผลกระทบกระมัง?”

“รีบไปดูเร็วเข้า”

คนที่เดิมทีกำลังทำงานอยู่ในท้องไร่ท้องนาก็รีบรุดไปที่บ้านลู่อี้เช่นกัน

วันนี้เป็นวันที่เหมาะแก่การกินแตงโม*[1]จริง ๆ เพิ่งกินแตงโมเสร็จแล้วไปทำไร่ไถนาเมื่อครู่นี้ ตอนนี้ต้องรีบรุดไปกินแตงโมรอบสองอีกแล้ว

หวังว่าชาวบ้านตาดำ ๆ อย่างพวกเขาจะไม่ถูกดึงเข้าไปพัวพัน

หัวหน้าหมู่บ้านก็มุ่งหน้ามาแล้วเช่นกัน วันนี้เขารู้สึกปวดกบาลยิ่งนัก

หมู่นี้มีเรื่องราวมากมายหลายสิ่งเกิดขึ้น อีกทั้งแต่ละครั้งยังหนักหนาสาหัส เขาอยากยกตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านนี้ให้คนอื่นไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด อยู่ไปอายุขัยของเขาคงลดลงไปถึงสิบปี

“นั่นไม่ใช่ต้าหนิวและเอ้อร์หนิวหรือ?” ชาวบ้านจำคนที่รู้จักมักคุ้นสองคนนี้ได้เป็นอย่างดี

“มีสง่าราศีจริง ๆ เลย!”

“ม้าดีขนาดนั้น พวกเขายังขี่ได้อย่างคล่องแคล่วปราดเปรียวเช่นนี้”

“จะกล่าวไปแล้วต้าหนิวและเอ้อร์หนิวสามารถกินอาหารของทางการได้ นั่นก็เป็นเพราะลู่อี้เป็นคนพาพวกเขาเข้าไป วันนี้ถึงกับนำคนมาจับกุมลู่อี้? ต้องไร้หัวใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

“หัวหน้าผู้นั้นเหมือนจะเคยมาที่หมู่บ้านของพวกเรามาก่อน ก่อนหน้านี้ยังมีความสัมพันธ์กับลู่อี้ค่อนข้างดีมิใช่หรือไร?”

“ใช่ แซ่เกา เขาเป็นหัวหน้านักการ”

นักการเกานำคนหลายคนเข้ามาในบ้านของลู่อี้

“ลู่อี้อยู่ที่ใด?”

ลู่อี้ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจึงเดินออกมา

“มาหาข้าด้วยเรื่องอะไร?”

นักการเกานำหนังสือแต่งตั้งออกมา หัวเราะชอบอกชอบใจแล้วเอ่ยว่า “ยินดีกับเจ้าด้วย ใต้เท้าลู่ เบื้องบนได้ออกหนังสือแต่งตั้งมาแล้ว นายอำเภอคนใหม่ของเมืองฮู่เป่ยเป็นเจ้าแล้ว นายอำเภอลู่!”

ทุกคนล้วนอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“นายอำเภอ? ข้าได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่?”

“ได้ยินไม่ผิด เป็นนายอำเภอ!”

ลู่อี้รับหนังสือทางการที่นักการเกายื่นให้ อ่านตัวอักษรบนนั้นในขณะที่สีหน้าของเขายังคงราบเรียบเช่นเดิม “ลำบากท่านมาเที่ยวนี้แล้ว”

“พวกเราเป็นพี่เป็นน้อง เหตุใดต้องเกรงใจถึงเพียงนี้?” นักการเกายิ้มกว้างแทบจะฉีกถึงใบหู “ทว่าเจ้าต้องเข้าเมืองเดี๋ยวนี้ อย่างไรเสียพวกเราก็ยังมีเรื่องอีกมากที่ต้องจัดการ”

[1] กินแตงโม หมายถึง ชมดูความสนุกโดยไม่ออกความคิดเห็น แตงโมเป็นคำสแลง หมายถึง ข่าวลือซุบซิบนินทา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+