สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 68 ตัวร้ายที่หญิงสาวผู้สูงส่งในเมืองหลายคนต่างหลงใหล

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 68 ตัวร้ายที่หญิงสาวผู้สูงส่งในเมืองหลายคนต่างหลงใหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 68 ตัวร้ายที่หญิงสาวผู้สูงส่งในเมืองหลายคนต่างหลงใหล

บทที่ 68 ตัวร้ายที่หญิงสาวผู้สูงส่งในเมืองหลายคนต่างหลงใหล

ผู้จัดการร้านลองชิมอาหารสองสามอย่างแล้วชี้ไปที่ ‘ยำเต้าหู้แห้ง’ และ ‘ผัดเต้าหู้แห้งรวมมิตร’

“ข้าชอบสองอย่างนี้ที่สุด”

จากนั้นก็ชี้ไปที่ ‘เต้าหู้แห้งห้าเครื่องเทศ’ และ ‘ผัดเผ็ดเต้าหู้แห้ง’

“ส่วนสองจานนี้เป็นเครื่องเคียงได้ดีเลย”

มู่ซืออวี่แนะนำเพิ่มเติมด้วยรอยยิ้ม “ยำเต้าหู้แห้ง ผัดเผ็ดเต้าหู้แห้ง และเต้าหู้แห้งห้าเครื่องเทศสามารถทำเป็นของว่างให้กับลูกค้าที่จ่ายมากกว่าห้าสิบอีแปะ ท่านสามารถเพิ่มอาหารจานอื่นในรายการอาหารให้เป็นอาหารจานพิเศษได้”

“เป็นความคิดที่ดี” ผู้จัดการร้านตาเป็นประกาย “ครั้งต่อไปหากคนขายเนื้อตุ๋นมา ข้าจะซื้อเนื้อตุ๋นของนางมาทำรายการอาหารพิเศษ”

“เนื้อตุ๋น?” หัวใจของมู่ซืออวี่เต้นไม่เป็นจังหวะ

เนื้อตุ๋นของนางหรือ?

ไม่น่าจะมีผู้ใดขายเนื้อตุ๋นอีก

สวรรค์ช่างเป็นใจเสียจริง นางต้องการที่จะคุยเรื่องเนื้อตุ๋นด้วยพอดี

“เฮ้อ! เมื่อวานคนในร้านของเราซื้อเนื้อตุ๋นมาส่วนหนึ่ง กลิ่นหอมมากเลยล่ะ ข้ารอที่จะได้กินแทบไม่ไหว น่าเสียดายตอนที่เราไปหา คนขายก็ออกไปแล้ว”

ผู้จัดการร้านพูดอย่างเสียดาย สีหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง

ในขณะที่ลู่ฉาวอวี่มองมู่ซืออวี่ที่อยู่ข้างเขา ดูเหมือนว่าจะหนีไม่พ้นกิจการนี้แล้ว

“คนที่ท่านตามหาก็คือข้าเอง” มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ “เมื่อวานนี้ข้าขายเนื้อตุ๋นที่ตลาดในเมือง ชิ้นละหนึ่งอีแปะ”

“อะไรนะ เจ้าเองหรอกหรือ!” ผู้จัดการร้านตกใจ “ดีสิ! ข้ากำลังกลุ้มอยู่พอดีว่าจะหาจากที่ไหน เจ้ายังมีเนื้อตุ๋นอยู่หรือไม่?”

“ไม่มี” มู่ซืออวี่ผายมือ “ตลาดนัดมีแค่สามวัน ข้าเลยขายได้ไม่มาก ข้าว่าจะทำในอีกไม่กี่วัน ถ้าท่านต้องการ เราก็คุยกันได้”

“เช่นนั้นไปคุยกันที่อื่นเถิด!” ผู้จัดการร้านเอ่ยปากเชิญชวน

หนึ่งก้านธูปต่อมา มู่ซืออวี่และลู่ฉาวอวี่ก็ออกมาจากห้องหนังสือของผู้จัดการร้าน

เต้าหู้แห้งทั้งหมดในตะกร้าถูกขายและแลกเป็นเงิน 300 อีแปะ นอกจากนี้ยังมีหนังสือสัญญาการร่วมมือในระยะยาว ที่ระบุว่ามู่ซืออวี่จะขายเต้าหู้แห้งและเนื้อตุ๋นให้ ’ภัตตาคารเจียงซื่อ’ เท่านั้น เต้าหู้แห้งหนึ่งจินขายในราคา 50 อีแปะ ตีนไก่ตุ๋น เครื่องในตุ๋น ไส้ใหญ่ตุ๋น และอื่น ๆ หนึ่งจินราคา 30 อีแปะ หากเป็นหมูตุ๋นจะขายหนึ่งจิน 50 อีแปะ ราคาของเนื้อสัตว์แพงเพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะราคาเดียวกับตีนไก่และเครื่องในหมู

“ข้าได้เงินมาแล้ว ถึงเวลาที่จะใช้เงินแล้ว” มู่ซืออวี่มองลู่ฉาวอวี่ที่อยู่ข้าง ๆ “ข้าจะไปซื้อเสื้อผ้าอีกสองชุดให้พวกเจ้า”

“ไม่ต้อง ท่านซื้อของท่านเองเถอะ” ลู่ฉาวอวี่กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา

มู่ซืออวี่บีบแก้มของลู่ฉาวอวี่ “เป็นห่วงข้าก็เป็นห่วงสิ ไฉนถึงชอบกวนประสาทนัก? เหตุใดถึงต้องแสร้งทำเป็นเข้มทั้งที่อายุยังน้อยด้วย!”

ลู่ฉาวอวี่ปัดมือนางออกพลางจ้องมองนางอย่างไม่พอใจ “อย่ามาแตะต้องข้า”

“เจ้าเด็กเสือกระดาษ*[1]” มู่ซืออวี่กล่าวติเตียน “ข้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าเป็นใหญ่สุดนะ ไปเถอะ ไปซื้อเสื้อผ้ากัน”

มีร้านตัดเสื้ออยู่ด้านหน้า หลังจากสองแม่ลูกออกมาจากร้านตัดเสื้อ ในตะกร้าก็มีเสื้อผ้าอีกสองสามตัวเพิ่มมาด้วย

ลู่ฉาวอวี่มองมู่ซืออวี่ด้วยสายตาแปลก ๆ “ถ้าท่านใช้เงินเช่นนี้ แม้แต่ภูเขาทองคำก็คงไม่พอจ่ายหรอก”

ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ซื้อเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ยังซื้อให้ทั้งครอบครัวเสียด้วย

แม้ว่าพวกเขาจะซื้อเสื้อผ้าที่ถูกที่สุด แต่เสื้อผ้าตัวหนึ่งก็ราคา 50 อีแปะ นางซื้อเสื้อผ้าเจ็ดตัวในคราวเดียว อีกทั้งยังใช้เวลาอยู่พักหนึ่งในการต่อรองราคาและใช้เงินไปทั้งหมด 300 อีแปะ

“หาเงินก็เพื่อเอามาใช้จ่ายไม่ใช่หรือ? ข้ามีอีกสองหีบที่ยังขายไม่ออก ไปเถิด ไปหอหลิงอวิ๋นกันเถิด” มู่ซืออวี่เดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม

ลู่ฉาวอวี่เดินตามนางพลางเม้มริมฝีปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความปวดใจ “สุรุ่ยสุร่ายเสียจริง”

แต่นั่นเป็นเงินที่นางหามา เขาจึงไม่มีสิทธิ์กล่าวว่าอะไร

“โอ้ ฮูหยิน ในที่สุดท่านก็มา” หรูอวิ๋นทักทายพร้อมรอยยิ้ม นางพูดกับคนเฝ้าประตูที่อยู่ด้านข้างว่า “ไปบอกชิวซวงซิว่าฮูหยินผู้ขายหีบมาหา”

มู่ซืออวี่เห็นท่าทางของหรูอวิ๋นก็รู้ว่ามีบางอย่างที่น่าสนใจ ดูเหมือนว่าวันนี้นางจะไม่ต้องกลับไปมือเปล่า

ชิวซวงรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาของนางเป็นประกายเมื่อเห็นมู่ซืออวี่ ดูกระตือรือร้นมากกว่าครั้งที่แล้วยิ่งนัก

“ดูเหมือนว่าหีบของข้าจะถูกขายไปแล้วนะ” มู่ซืออวี่พูดเข้าประเด็นทันที

“ขายแล้วเจ้าค่ะ ขายได้ราคาดีเสียด้วย” ชิวซวงกล่าว “ต่อให้ฮูหยินไม่มาที่นี่ เราก็จะไปหาท่านเอง เราไปคุยกันด้านในเถิด”

“ข้าเอาหีบมาสองใบ…”

ก่อนที่มู่ซืออวี่จะพูดจบ ชิวซวงก็สั่งหรูอวิ๋นว่า “เอาหีบของฮูหยินออกมาวาง”

มู่ซืออวี่ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะชอบหีบของนางมากกว่าที่คิด

พอนางเข้าไปในห้องอ่านหนังสือ ชิวซวงก็กล่าวถึงหีบนี้ “หีบสำหรับเก็บปิ่นปักผมหีบนั้นของท่านทำเงินให้เราได้มากมาย ฮูหยินท่านหนึ่งคิดว่าหีบสำหรับจัดเก็บคงใช้ดีเลยซื้อปิ่นปักผมที่แพงที่สุดของเราไปสิบชิ้นในคราวเดียว ส่วนหีบอีกสองใบมีฮูหยินอีกท่านชอบก็เลยหยิบไปทั้งสอง เราจึงต้องการคุยกับท่านเพราะอยากจะร่วมมือกันในระยะยาวน่ะ”

“ไม่ใช่ปัญหา ข้ามีคำแนะนำ พวกท่านสามารถแสดงภาพวาดการออกแบบเครื่องประดับล่าสุดของพวกท่านมาให้ข้าดูได้ แล้วข้าจะทำหีบให้เข้ากับเครื่องประดับใหม่ของพวกท่าน ทำเช่นนี้เครื่องประดับจะได้ดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น”

“เราแค่ต้องลงนามสัญญา ท่านจะเผยแพร่ภาพวาดของเราไม่ได้ แน่นอนว่าเราจะทำหีบให้ร้านท่านเท่านั้น เท่านี้ก็เป็นสัญญาที่ผูกมัดกันแล้ว”

การพูดคุยเรื่องธุรกิจกับคนฉลาดนั้นง่ายดาย ทุกประโยคล้วนตรงประเด็น พวกนางคุยเรื่องกฎที่ต้องปฏิบัติตาม และพอมาถึงเรื่องราคาก็ยิ่งคุยกันง่าย

กล่าวได้ว่าไม้ที่หอหลิงอวิ๋นเลือกนั้นดีกว่า หีบที่พวกเขาทำก็ดูมีอะไรมากกว่า จากที่ตกลงกันคือหีบขนาดเล็ก 30 อีแปะ ส่วนหีบขนาดกลาง 70 อีแปะ และหีบขนาดใหญ่ 100 อีแปะ หากต้องการขนาดใหญ่กว่านั้นก็จะต้องกำหนดอีกราคา

นางออกมาจากหอหลิงอวิ๋นพร้อมหนังสือสัญญา นอกจากนี้ยังได้เงินมา 200 อีแปะ ซึ่งนี่เป็นราคาของทั้งสองหีบที่นางนำมาด้วยในวันนี้ สำหรับเรื่องไม้ที่หอหลิงอวิ๋นสัญญาไว้ พวกเขาจึงต้องขอที่อยู่ของบ้านนาง เพราะพวกเขาจะให้คนไปส่งให้ที่บ้านของมู่ซืออวี่ด้วยตนเอง นางจะได้ไม่ต้องลำบากในการขนย้าย

มู่ซืออวี่บิดขี้เกียจก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ฉาวอวี่ ไปซื้อเครื่องในหมูกับข้าเถอะ จากนี้ไปเราจะมีสองกิจการขนาดใหญ่ เราต้องลุกขึ้นมาทำกันได้แล้ว”

ลู่ฉาวอวี่มองหญิงตรงหน้าที่ถูกแสงแดดอาบไล้ไปทั่วร่าง

เวลานี้มู่ซืออวี่ช่างเจิดจ้าเหลือเกิน

มู่ซืออวี่ไม่ได้ยินการตอบกลับจากอีกฝ่าย นางจึงก้มหน้าลง สบสายตาเข้ากับสีหน้าที่ดูงุนงงของลู่ฉาวอวี่

“น่ารักเสียจริง” มู่ซืออวี่หยิกแก้มของลู่ฉาวอวี่เบา ๆ “สมแล้วที่ในวันข้างหน้าจะเป็นตัวร้ายที่หญิงสาวผู้สูงส่งในเมืองหลายคนต่างหลงใหล”

“อย่าหยิกข้านะ!”

ใบหน้าเขามีอะไรน่าสนุกหรือ ผู้หญิงคนนี้นี่ประหลาดจริง!

[1] เสือกระดาษ หมายถึง สิ่งที่ดูน่าเกรงขาม แต่ไร้อำนาจ และไม่อาจทนการต่อต้านได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 68 ตัวร้ายที่หญิงสาวผู้สูงส่งในเมืองหลายคนต่างหลงใหล

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 68 ตัวร้ายที่หญิงสาวผู้สูงส่งในเมืองหลายคนต่างหลงใหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 68 ตัวร้ายที่หญิงสาวผู้สูงส่งในเมืองหลายคนต่างหลงใหล

บทที่ 68 ตัวร้ายที่หญิงสาวผู้สูงส่งในเมืองหลายคนต่างหลงใหล

ผู้จัดการร้านลองชิมอาหารสองสามอย่างแล้วชี้ไปที่ ‘ยำเต้าหู้แห้ง’ และ ‘ผัดเต้าหู้แห้งรวมมิตร’

“ข้าชอบสองอย่างนี้ที่สุด”

จากนั้นก็ชี้ไปที่ ‘เต้าหู้แห้งห้าเครื่องเทศ’ และ ‘ผัดเผ็ดเต้าหู้แห้ง’

“ส่วนสองจานนี้เป็นเครื่องเคียงได้ดีเลย”

มู่ซืออวี่แนะนำเพิ่มเติมด้วยรอยยิ้ม “ยำเต้าหู้แห้ง ผัดเผ็ดเต้าหู้แห้ง และเต้าหู้แห้งห้าเครื่องเทศสามารถทำเป็นของว่างให้กับลูกค้าที่จ่ายมากกว่าห้าสิบอีแปะ ท่านสามารถเพิ่มอาหารจานอื่นในรายการอาหารให้เป็นอาหารจานพิเศษได้”

“เป็นความคิดที่ดี” ผู้จัดการร้านตาเป็นประกาย “ครั้งต่อไปหากคนขายเนื้อตุ๋นมา ข้าจะซื้อเนื้อตุ๋นของนางมาทำรายการอาหารพิเศษ”

“เนื้อตุ๋น?” หัวใจของมู่ซืออวี่เต้นไม่เป็นจังหวะ

เนื้อตุ๋นของนางหรือ?

ไม่น่าจะมีผู้ใดขายเนื้อตุ๋นอีก

สวรรค์ช่างเป็นใจเสียจริง นางต้องการที่จะคุยเรื่องเนื้อตุ๋นด้วยพอดี

“เฮ้อ! เมื่อวานคนในร้านของเราซื้อเนื้อตุ๋นมาส่วนหนึ่ง กลิ่นหอมมากเลยล่ะ ข้ารอที่จะได้กินแทบไม่ไหว น่าเสียดายตอนที่เราไปหา คนขายก็ออกไปแล้ว”

ผู้จัดการร้านพูดอย่างเสียดาย สีหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง

ในขณะที่ลู่ฉาวอวี่มองมู่ซืออวี่ที่อยู่ข้างเขา ดูเหมือนว่าจะหนีไม่พ้นกิจการนี้แล้ว

“คนที่ท่านตามหาก็คือข้าเอง” มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ “เมื่อวานนี้ข้าขายเนื้อตุ๋นที่ตลาดในเมือง ชิ้นละหนึ่งอีแปะ”

“อะไรนะ เจ้าเองหรอกหรือ!” ผู้จัดการร้านตกใจ “ดีสิ! ข้ากำลังกลุ้มอยู่พอดีว่าจะหาจากที่ไหน เจ้ายังมีเนื้อตุ๋นอยู่หรือไม่?”

“ไม่มี” มู่ซืออวี่ผายมือ “ตลาดนัดมีแค่สามวัน ข้าเลยขายได้ไม่มาก ข้าว่าจะทำในอีกไม่กี่วัน ถ้าท่านต้องการ เราก็คุยกันได้”

“เช่นนั้นไปคุยกันที่อื่นเถิด!” ผู้จัดการร้านเอ่ยปากเชิญชวน

หนึ่งก้านธูปต่อมา มู่ซืออวี่และลู่ฉาวอวี่ก็ออกมาจากห้องหนังสือของผู้จัดการร้าน

เต้าหู้แห้งทั้งหมดในตะกร้าถูกขายและแลกเป็นเงิน 300 อีแปะ นอกจากนี้ยังมีหนังสือสัญญาการร่วมมือในระยะยาว ที่ระบุว่ามู่ซืออวี่จะขายเต้าหู้แห้งและเนื้อตุ๋นให้ ’ภัตตาคารเจียงซื่อ’ เท่านั้น เต้าหู้แห้งหนึ่งจินขายในราคา 50 อีแปะ ตีนไก่ตุ๋น เครื่องในตุ๋น ไส้ใหญ่ตุ๋น และอื่น ๆ หนึ่งจินราคา 30 อีแปะ หากเป็นหมูตุ๋นจะขายหนึ่งจิน 50 อีแปะ ราคาของเนื้อสัตว์แพงเพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะราคาเดียวกับตีนไก่และเครื่องในหมู

“ข้าได้เงินมาแล้ว ถึงเวลาที่จะใช้เงินแล้ว” มู่ซืออวี่มองลู่ฉาวอวี่ที่อยู่ข้าง ๆ “ข้าจะไปซื้อเสื้อผ้าอีกสองชุดให้พวกเจ้า”

“ไม่ต้อง ท่านซื้อของท่านเองเถอะ” ลู่ฉาวอวี่กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา

มู่ซืออวี่บีบแก้มของลู่ฉาวอวี่ “เป็นห่วงข้าก็เป็นห่วงสิ ไฉนถึงชอบกวนประสาทนัก? เหตุใดถึงต้องแสร้งทำเป็นเข้มทั้งที่อายุยังน้อยด้วย!”

ลู่ฉาวอวี่ปัดมือนางออกพลางจ้องมองนางอย่างไม่พอใจ “อย่ามาแตะต้องข้า”

“เจ้าเด็กเสือกระดาษ*[1]” มู่ซืออวี่กล่าวติเตียน “ข้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าเป็นใหญ่สุดนะ ไปเถอะ ไปซื้อเสื้อผ้ากัน”

มีร้านตัดเสื้ออยู่ด้านหน้า หลังจากสองแม่ลูกออกมาจากร้านตัดเสื้อ ในตะกร้าก็มีเสื้อผ้าอีกสองสามตัวเพิ่มมาด้วย

ลู่ฉาวอวี่มองมู่ซืออวี่ด้วยสายตาแปลก ๆ “ถ้าท่านใช้เงินเช่นนี้ แม้แต่ภูเขาทองคำก็คงไม่พอจ่ายหรอก”

ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ซื้อเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ยังซื้อให้ทั้งครอบครัวเสียด้วย

แม้ว่าพวกเขาจะซื้อเสื้อผ้าที่ถูกที่สุด แต่เสื้อผ้าตัวหนึ่งก็ราคา 50 อีแปะ นางซื้อเสื้อผ้าเจ็ดตัวในคราวเดียว อีกทั้งยังใช้เวลาอยู่พักหนึ่งในการต่อรองราคาและใช้เงินไปทั้งหมด 300 อีแปะ

“หาเงินก็เพื่อเอามาใช้จ่ายไม่ใช่หรือ? ข้ามีอีกสองหีบที่ยังขายไม่ออก ไปเถิด ไปหอหลิงอวิ๋นกันเถิด” มู่ซืออวี่เดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม

ลู่ฉาวอวี่เดินตามนางพลางเม้มริมฝีปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความปวดใจ “สุรุ่ยสุร่ายเสียจริง”

แต่นั่นเป็นเงินที่นางหามา เขาจึงไม่มีสิทธิ์กล่าวว่าอะไร

“โอ้ ฮูหยิน ในที่สุดท่านก็มา” หรูอวิ๋นทักทายพร้อมรอยยิ้ม นางพูดกับคนเฝ้าประตูที่อยู่ด้านข้างว่า “ไปบอกชิวซวงซิว่าฮูหยินผู้ขายหีบมาหา”

มู่ซืออวี่เห็นท่าทางของหรูอวิ๋นก็รู้ว่ามีบางอย่างที่น่าสนใจ ดูเหมือนว่าวันนี้นางจะไม่ต้องกลับไปมือเปล่า

ชิวซวงรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาของนางเป็นประกายเมื่อเห็นมู่ซืออวี่ ดูกระตือรือร้นมากกว่าครั้งที่แล้วยิ่งนัก

“ดูเหมือนว่าหีบของข้าจะถูกขายไปแล้วนะ” มู่ซืออวี่พูดเข้าประเด็นทันที

“ขายแล้วเจ้าค่ะ ขายได้ราคาดีเสียด้วย” ชิวซวงกล่าว “ต่อให้ฮูหยินไม่มาที่นี่ เราก็จะไปหาท่านเอง เราไปคุยกันด้านในเถิด”

“ข้าเอาหีบมาสองใบ…”

ก่อนที่มู่ซืออวี่จะพูดจบ ชิวซวงก็สั่งหรูอวิ๋นว่า “เอาหีบของฮูหยินออกมาวาง”

มู่ซืออวี่ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะชอบหีบของนางมากกว่าที่คิด

พอนางเข้าไปในห้องอ่านหนังสือ ชิวซวงก็กล่าวถึงหีบนี้ “หีบสำหรับเก็บปิ่นปักผมหีบนั้นของท่านทำเงินให้เราได้มากมาย ฮูหยินท่านหนึ่งคิดว่าหีบสำหรับจัดเก็บคงใช้ดีเลยซื้อปิ่นปักผมที่แพงที่สุดของเราไปสิบชิ้นในคราวเดียว ส่วนหีบอีกสองใบมีฮูหยินอีกท่านชอบก็เลยหยิบไปทั้งสอง เราจึงต้องการคุยกับท่านเพราะอยากจะร่วมมือกันในระยะยาวน่ะ”

“ไม่ใช่ปัญหา ข้ามีคำแนะนำ พวกท่านสามารถแสดงภาพวาดการออกแบบเครื่องประดับล่าสุดของพวกท่านมาให้ข้าดูได้ แล้วข้าจะทำหีบให้เข้ากับเครื่องประดับใหม่ของพวกท่าน ทำเช่นนี้เครื่องประดับจะได้ดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น”

“เราแค่ต้องลงนามสัญญา ท่านจะเผยแพร่ภาพวาดของเราไม่ได้ แน่นอนว่าเราจะทำหีบให้ร้านท่านเท่านั้น เท่านี้ก็เป็นสัญญาที่ผูกมัดกันแล้ว”

การพูดคุยเรื่องธุรกิจกับคนฉลาดนั้นง่ายดาย ทุกประโยคล้วนตรงประเด็น พวกนางคุยเรื่องกฎที่ต้องปฏิบัติตาม และพอมาถึงเรื่องราคาก็ยิ่งคุยกันง่าย

กล่าวได้ว่าไม้ที่หอหลิงอวิ๋นเลือกนั้นดีกว่า หีบที่พวกเขาทำก็ดูมีอะไรมากกว่า จากที่ตกลงกันคือหีบขนาดเล็ก 30 อีแปะ ส่วนหีบขนาดกลาง 70 อีแปะ และหีบขนาดใหญ่ 100 อีแปะ หากต้องการขนาดใหญ่กว่านั้นก็จะต้องกำหนดอีกราคา

นางออกมาจากหอหลิงอวิ๋นพร้อมหนังสือสัญญา นอกจากนี้ยังได้เงินมา 200 อีแปะ ซึ่งนี่เป็นราคาของทั้งสองหีบที่นางนำมาด้วยในวันนี้ สำหรับเรื่องไม้ที่หอหลิงอวิ๋นสัญญาไว้ พวกเขาจึงต้องขอที่อยู่ของบ้านนาง เพราะพวกเขาจะให้คนไปส่งให้ที่บ้านของมู่ซืออวี่ด้วยตนเอง นางจะได้ไม่ต้องลำบากในการขนย้าย

มู่ซืออวี่บิดขี้เกียจก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ฉาวอวี่ ไปซื้อเครื่องในหมูกับข้าเถอะ จากนี้ไปเราจะมีสองกิจการขนาดใหญ่ เราต้องลุกขึ้นมาทำกันได้แล้ว”

ลู่ฉาวอวี่มองหญิงตรงหน้าที่ถูกแสงแดดอาบไล้ไปทั่วร่าง

เวลานี้มู่ซืออวี่ช่างเจิดจ้าเหลือเกิน

มู่ซืออวี่ไม่ได้ยินการตอบกลับจากอีกฝ่าย นางจึงก้มหน้าลง สบสายตาเข้ากับสีหน้าที่ดูงุนงงของลู่ฉาวอวี่

“น่ารักเสียจริง” มู่ซืออวี่หยิกแก้มของลู่ฉาวอวี่เบา ๆ “สมแล้วที่ในวันข้างหน้าจะเป็นตัวร้ายที่หญิงสาวผู้สูงส่งในเมืองหลายคนต่างหลงใหล”

“อย่าหยิกข้านะ!”

ใบหน้าเขามีอะไรน่าสนุกหรือ ผู้หญิงคนนี้นี่ประหลาดจริง!

[1] เสือกระดาษ หมายถึง สิ่งที่ดูน่าเกรงขาม แต่ไร้อำนาจ และไม่อาจทนการต่อต้านได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+