สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 621 ผู้ใดกันแน่?

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 621 ผู้ใดกันแน่? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 621 ผู้ใดกันแน่?

บทที่ 621 ผู้ใดกันแน่?

หมอหลวงนำผ้าเช็ดหน้าออกมาและรับปิ่นอันนั้นไปอย่างระมัดระวัง

เขาดมกลิ่นก่อน จากนั้นจึงกล่าว “รบกวนแม่นางรินน้ำสะอาดให้ข้าสักถ้วย”

ฉานอีรินน้ำถ้วยหนึ่งส่งให้หมอหลวง

หมอหลวงจุ่มปิ่นปักผมอันนั้นลงในน้ำสะอาด

เขาใช้เข็มเงินเล่มหนึ่งลงไปกวนน้ำอีกครั้ง เข็มเงินเล่มนั้นจึงเปลี่ยนเป็นสีดำ

“ใต้เท้า ปิ่นปักผมอันนี้มีพิษขอรับ” หมอหลวงเอ่ย “พิษนี้ปกติไร้สี มีกลิ่นดอกไม้จาง ๆ ถึงแม้จะถูกพิษก็ไม่อาจสังเกตได้โดยง่าย”

“ตอนนี้ที่มาของพิษแน่ชัดแล้ว ข้าต้องการให้ท่านปรุงยาถอนพิษออกมา” ลู่อี้เอ่ยอย่างเยือกเย็น “หากปรุงออกมาได้สำเร็จ แม่ลูกปลอดภัย เช่นนั้นสามารถรับรองความมั่งคั่งรุ่งเรืองของท่านได้ หากท่านปรุงออกมาไม่ได้ เช่นนั้นตำแหน่งหมอหลวงของท่านคงไม่จำเป็นแล้ว อย่างไรท่านก็เป็นเพียงหมอไร้ความสามารถผู้หนึ่ง”

“ข้าน้อยจะพยายาม จะพยายาม…”

หมอหลวงปาดเหงื่อเย็นเยียบที่ไหลลงมา

ผู้ใดเล่าไม่ต้องการความมั่งคั่งรุ่งเรือง?

อย่างไรก็ตาม นั่นย่อมต้องดูว่าเขามีวาสนานี้หรือไม่

เขาทำงานในสำนักหมอหลวงหลายปีแล้วกลับไม่มีโอกาสได้เลื่อนขั้น บางทีนี่อาจเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิต

ลู่อี้นั่งอยู่ข้างเตียงเฝ้ามองมู่ซืออวี่ “ข้าช่างเป็นสามีที่ไม่ได้ความจริง ๆ ร่างกายของนางกลายมาเป็นเช่นนี้ ข้านอนอยู่ข้างนางทุกวัน กลับไม่พบความผิดปกติอันใด”

“ฮูหยินไม่อยากให้ท่านเป็นห่วงนาง” ซางจือเอ่ย “สุขภาพของนางก่อนหน้านี้จริงอยู่ที่ไม่ได้ย่ำแย่ ทว่ายังคงอิดโรยเล็กน้อย เพื่อที่จะไม่ให้ท่านเห็นความผิดปกติ ทุกวันนางจึงเติมแป้งหนาขึ้นกว่าเมื่อก่อนทำให้ใบหน้าดูเหมือนปกติมีชีวิตชีวา”

“น้องเซวียน น้องสะใภ้ พวกเจ้าก็เห็นแล้ว ข้าไม่สามารถรับรองพวกเจ้าได้ พวกเจ้ากลับไปทานอาหารที่บ้านตนเองเถิด!”

“พี่ใหญ่ พวกเราจะมีกะจิตกะใจกลับไปได้อย่างไร?” ลู่เซวียนเอ่ย “เช่นนี้เถอะ ในเมื่อมีห้องมากมาย หลิ่วเอ๋อร์และข้าจะรั้งอยู่ที่นี่สักสองสามวัน จนกว่าพี่สะใภ้จะปลอดภัย”

การที่มู่ซืออวี่ถูกวางยาพิษไม่ใช่เรื่องเล็ก หากยาพิษมีปริมาณมากเกินไป ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กในท้องเอาไว้ได้ แม้แต่มู่ซืออวี่ก็อาจช่วยไว้ไม่ได้เช่นกัน

หากเป็นยามปกติก็ช่างเถิด ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ลู่เซวียนไม่อาจปล่อยให้พี่ชายแบกทุกข์ไว้เพียงลำพัง

เมื่อลู่ฉาวอวี่และลู่จื่ออวิ๋นกลับมา ทุกคนภายในจวนเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เมื่อลู่จื่ออวิ๋นถามถึงมู่ซืออวี่ ลู่อี้จึงบอกว่านางง่วงแล้ว จำเป็นต้องพักผ่อนเพื่อดูแลทารกในครรภ์ให้ดี

“นายน้อย ฮูหยินง่วงแล้ว หลับไปแล้วเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้ท่านค่อยมาหานางเถิดเจ้าค่ะ!” ซางจือขวางอยู่หน้าประตู

ลู่ฉาวอวี่มองซางจือด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “เจ้าคิดว่าข้าดูเหมือนคนโง่หรือไร?”

ซางจือไร้คำใดจะเอ่ย

หากเขาโง่เขลา เช่นนั้นใต้หล้านี้คงมีคนฉลาดเพียงไม่กี่คน

“ท่านแม่ข้าเป็นอันใดไป?”

“ป่วยเจ้าค่ะ”

“กล่าวมาตามตรง”

“บ่าวไม่กล้าพูดเจ้าค่ะ นายท่านกำชับไว้ เรื่องนี้ไม่อาจเล่าลือไปข้างนอก” ซางจือคุกเข่าลงในทันใด

ลู่ฉาวอวี่เดินผ่านซางจือ เปิดประตูแล้วเดินเข้าไปข้างใน

เขาหยิบเทียนไขขึ้นมา มองสีหน้าของมู่ซืออวี่ครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วจึงเอ่ย “ท่านหมอว่าอย่างไร?”

“ท่านหมอกล่าวว่า…”

“ท่านหมอกล่าวว่าต้องเตรียมยาถอนพิษ จนถึงบัดนี้เขายังไม่อาจแยกแยะส่วนผสมของยาพิษออกมาได้ ดังนั้นจึงยังปรุงยาถอนพิษออกมาไม่ได้เช่นกัน”

ลู่อี้เดินเข้ามา

“ท่านแม่ถูกพิษหรือขอรับ?”

“อืม”

“ท่านพ่อมีวิธีแก้หรือไม่?”

“กำลังคิดหาวิธี” ลู่อี้เอ่ย “ตอนนี้นอกจากรอท่านหมอแล้ว ข้าทำอันใดไม่ได้”

“ผู้ใดต้องการทำร้ายท่านแม่?”

“ปิ่นปักผมอันนั้นเป็นข้ามอบให้ ทว่ามันกลับอาบยาพิษ ท่านหมอกล่าวว่าบนนั้นเหลือยาพิษไม่มาก คิดว่าคงผ่านมาสักพัก นั่นหมายความว่าคนที่วางยาพิษลงมือนานแล้ว” ลู่อี้เอ่ย “นอกจากสาวใช้ส่วนตัวของนาง คนที่สามารถแตะต้องปิ่นปักผมอันนั้นได้ ยังมีบ่าวที่ทำความสะอาดห้องและคนที่ปกติมักจะไปมาหาสู่กับนาง”

มู่ซืออวี่ตื่นขึ้นในเช้าวันถัดมา

“หิวยิ่งนัก!” มู่ซืออวี่เอ่ยกับซางจือ “ข้าเข้านอนเร็วเพียงนี้เชียวหรือ? นี่ก็ผ่านไปสิบชั่วยามแล้ว”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ!” ซางจือแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นางยกโจ๊กเข้ามา “ครั้งนี้ฮูหยินหลับลึกจริง ๆ แต่ไม่เป็นไร จะต้องเป็นเพราะนายน้อยในท้องต้องการหลับพักผ่อนเป็นแน่ ดูเหมือนนายน้อยผู้นี้จะเป็นเด็กขี้เซานะเจ้าคะ”

“เหตุใดเจ้าจึงยกโจ๊กเข้ามา? ข้ายังไม่ได้ล้างหน้าล้างตาเลยนะ! แม้จะล้างหน้าล้างตาแล้ว ข้าก็ไม่อาจทานข้าวบนเตียงได้” มู่ซืออวี่ลุกขึ้นจากเตียง

เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เท้าของนางก็อ่อนแรงขึ้นมา นางจึงหาที่พักแล้วนั่งลง

“ไม่ถูกสิ เหตุใดครั้งนี้ข้าไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้?”

“นอนหลับนานเกินไปก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาได้เจ้าค่ะ” ฉานอีที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “บ่าวฝังเข็มให้ท่านสักสองเข็มเป็นอย่างไรเจ้าคะ ท่านก็รู้ วิชาฝังเข็มของบ่าวค่อนข้างมีประโยชน์ทีเดียว”

มู่ซืออวี่ปฏิเสธ

นางเห็นเข็มยาวแหลมเหล่านั้นก็รู้สึกมึนงงขึ้นมา นางไม่มีทางเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นเม่นเด็ดขาด

มู่ซืออวี่แตะบนศีรษะ “ปิ่นปักผมข้าเล่า?”

“เมื่อวานนี้มันตกแตกเจ้าค่ะ นายท่านจึงนำไป กล่าวว่าหลังจากซ่อมแล้วจะส่งคืนกลับมาเจ้าค่ะ”

“นั่นเป็นปิ่นทอง จะแตกง่ายดายเพียงนั้นได้อย่างไร?” มู่ซืออวี่บ่น “ข้าปักมันทุกวันจนกลายเป็นความเคยชินแล้ว จู่ ๆ ก็หายไปเช่นนี้ ข้ากลับรู้สึกเบาศีรษะขึ้นมา”

“ฮูหยิน ปิ่นปักผมอันนั้นของท่านมักจะเก็บไว้กับตัวเสมอ” ฉานอีเอ่ยถาม “ท่านเคยให้ผู้อื่นแตะต้องหรือไม่เจ้าคะ?”

“ไม่เคย”

มู่ซืออวี่ทานโจ๊กแล้วจึงพาสาวใช้สองคนออกไปเดินเล่น อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้นางไม่ออกไปนอกเรือน เพียงแค่เดินอยู่ในสวนหลังบ้านพักหนึ่ง ง่วงแล้วก็กลับมา

วันนี้มู่ซืออวี่รู้สึกเหนื่อยเป็นพิเศษ นางเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็หมดแรง ยิ่งนางคิดมากเพียงใด ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทว่านางไม่มีเวลาได้ไตร่ตรองมากนัก เหตุเพราะไม่นานนางก็รู้สึกง่วงงุนขึ้นมา เมื่อนางกลับไปนอน เพียงหลับตาลงไม่นานก็หลับลึกลงไปอีกครั้ง ไม่ว่านางจะพยายามฝืนเพียงใดก็ไม่อาจลืมตาได้ เปลือกตาคู่นั้นราวกับเป็นเหล็ก ทั้งหนักอึ้งทั้งแข็งแรง

ในห้องตำรา ลู่อี้จ้องมองหมอหลวง รอให้เขาบอกผลของการศึกษาตลอดสิบกว่าชั่วยามที่ผ่านมา

“ข้าน้อยพบส่วนผสมของยาพิษแล้ว” หมอหลวงเอ่ยด้วยท่าทีตื่นเต้น “ส่วนยาถอนพิษนั้น เชื่อว่าไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เพียงแต่พวกเรายังขาดตัวยาเล็กน้อย ใต้เท้าโปรดช่วยคิดหาหนทาง ของเพียงแค่รวบรวมตัวยาได้ ฮูหยินและเด็กก็ช่วยไว้ได้แล้ว”

“หมอหลวงหลิน ดูเหมือนท่านจะมีความสามารถจริง ๆ” ลู่อี้เอ่ย “ข้ารับปากท่าน ขอเพียงแค่ครั้งนี้ท่านช่วยฮูหยินและลูกข้าไว้ได้ ทั้งสำนักหมอหลวงจะต้องฟังคำพูดของท่าน”

“ขอบคุณใต้เท้า” หมอหลวงหลินเอ่ย “ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน ถึงแม้ยาพิษในครั้งนี้จะแก้ได้ยาก ทว่าข้าโชคดียิ่งนัก ข้าได้พบกับศิษย์พี่จากสำนักเดียวกันพอดี ข้าให้เขาดูยาพิษนั้น เขาก็นึกที่มาของพิษนั้นได้ในแวบเดียว ทั้งยังบอกวิธีถอนพิษด้วย ทว่าคนที่ถูกพิษต้องได้รับความเจ็บปวดเล็กน้อย”

“โชคดียิ่ง ท่านต้องการตัวยาใด?”

“ตอนนี้ตัวยาที่ขาดมี…”

ลู่จื่ออวิ๋นเดินออกมาจากห้องตำรา

เดิมทีนางต้องการมาที่ห้องตำราเพื่อหาตำราบางอย่าง นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินบทสนทนาระหว่างลู่อี้และหมอหลวงเข้า นางถึงได้รู้ว่ามารดาตนถูกยาพิษ อีกทั้งชีวิตของมารดายังตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา

นางรีบวิ่งไปที่เรือนปีกข้างของมู่ซืออวี่ มองมู่ซืออวี่นอนหน้าไร้สีเลือดอยู่ที่นั่น สายตาของลู่จื่ออวิ๋นเต็มไปด้วยความกังวลและเศร้าหมอง

“ท่านแม่…”

ผู้ใดกันที่ต้องการทำร้ายท่านแม่ของนาง?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด