สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 60 ไม่มีใครในครอบครัวสงสัยนาง

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 60 ไม่มีใครในครอบครัวสงสัยนาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 60 ไม่มีใครในครอบครัวสงสัยนาง

บทที่ 60 ไม่มีใครในครอบครัวสงสัยนาง

หัวหน้าหมู่บ้านไม่สามารถทำอะไรพวกนางได้ จึงมีการเปิดศึกกันอีกครั้ง

“คำพูดที่นี่เสนียดหูจริง ๆ วันนี้อวิ๋นเอ๋อร์ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว หากมีใครรังแกอีก กัดให้แรงกว่านี้นะ ไม่กัดนิ้วก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

คนที่มุงดูพลันรีบถอยห่าง

เมื่อก่อนมู่ซืออวี่เป็นคนไม่เอาไหน และวัน ๆ ไม่ทำอะไร ครั้นดีขึ้นก็กลายเป็นผู้หญิงบ้าไปเสียแล้ว

แต่ผู้หญิงบ้าคนนี้ก็รู้วิธีที่จะปกป้องลูกสาวของตัวเอง ดังนั้นจึงถือว่านางเปลี่ยนไปอยู่ดี

คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านคุยกันด้วยเหตุผล ปกติแล้วพวกเขาอยู่กันอย่างสบาย ๆ ไม่รุกรานผู้อื่น แน่นอนว่า ‘คำข่มขู่’ พวกนี้จากมู่ซืออวี่ไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขา

“ร้องไห้อยู่นั่นแหละ นังเด็กขี้แพ้ไร้ประโยชน์!” จงซื่อบีบคอจางไฉ่เสีย “ข้าให้เจ้ามาเก็บผัก แต่เจ้ามาสร้างปัญหาที่นี่ ข้าน่าจะให้เจ้าจมน้ำตายในถังฉี่ไปซะ”

จางไฉ่เสียไม่สามารถหยุดกรีดร้องได้หลังจากถูกจงซื่อบีบคอ

“ท่านแม่ อย่าบีบคอข้า ข้าเจ็บ… ท่านแม่ ข้าไม่กล้าแล้ว… อย่าบีบ…”

มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว ได้แต่รีบพาลู่จื่ออวิ๋นออกไปจากที่นั่น

ระหว่างทาง ลู่จื่ออวิ๋นไม่ได้พูดอะไรออกมา จนกระทั่งมาถึงกระท่อมที่ถงซื่อและมู่เจิ้งหานอาศัยอยู่

มู่ซืออวี่เคาะประตู

“มาแล้ว ๆ” ถงซื่อเปิดประตูและเห็นมู่ซืออวี่ จึงเอ่ยต้อนรับด้วยสายตาที่อ่อนโยน “เข้ามาก่อนสิ”

“ท่านแม่ ที่บ้านมีน้ำร้อนไหม?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม

จากนั้นถงซื่อก็พบว่าลู่จื่ออวิ๋นดูเหมือนคลานออกมาจากคูน้ำ ทั้งตัวเด็กหญิงเต็มไปด้วยโคลน “มี มี ยังมีน้ำร้อนอยู่ในหม้อ อวิ๋นเอ๋อร์เป็นอะไร? ไปล้มที่ไหนมา?”

“ข้าจะทำความสะอาดให้นางก่อน” มู่ซืออวี่พูดพลางนำน้ำร้อนออกมาจากห้องครัว

ลู่จื่ออวิ๋นดูเหมือนคนที่กระทำความผิดมา นางเดินก้มหน้าตามมู่ซืออวี่ไปเหมือนลูกสะใภ้ตัวน้อยที่กำลังน้อยใจ

ซ่า! ซ่า! หลังจากเปลี่ยนน้ำไปหลายหม้อ เจ้าลิงตัวน้อยเปื้อนโคลนก็สะอาดขึ้น

ขณะที่ทำความสะอาด มู่ซืออวี่ก็ตรวจดูร่างกายของลู่จื่ออวิ๋นแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากยืนยันได้ว่ามีรอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อย

“ท่านแม่ อย่าโมโหเลยนะ” ลู่จื่ออวิ๋นดึงชายเสื้อของมู่ซืออวี่ “ข้าจะไม่ทะเลาะกับคนอื่นอีกแล้ว”

“อวิ๋นเอ๋อร์ทะเลาะกับผู้ใด?” ถงซื่อขมวดคิ้ว “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”

ลู่จื่ออวิ๋นส่ายหน้าเบา ๆ “ข้ากัดนาง นางน่าสงสารกว่าข้ามาก”

“ลูกอวี่ อวิ๋นเอ๋อร์เป็นเด็กดีไม่สร้างปัญหา มีคนรังแกนางหรือ?” ถงซื่อกล่าว

“ข้าไม่โกรธนางที่ทะเลาะกัน ข้าโกรธนางที่ทะเลาะกับคนที่ตัวใหญ่กว่า เห็นอยู่ว่าไม่มีโอกาสชนะ เหตุใดไม่รู้จักหลีกเลี่ยง มีคำกล่าวว่าลูกผู้ชายสิบปีล้างแค้นก็ยังไม่สาย ในเมื่อเจ้าไม่มีโอกาสชนะก็ควรหาทางป้องกันตัวเองก่อน วันนี้เจ้าได้พบกับจางไฉ่เสียที่อายุมากกว่า สูงกว่า แต่ตอบโต้ช้ากว่าก็จริง แต่ถ้าวันนี้เจ้าไปเจอคนอื่นล่ะ คนที่ว่องไวและมีไหวพริบมากกว่า เจ้าจะไม่มีโอกาสชนะหรอกนะ เวลานั้นเจ้ายังอยากสู้ตัวต่อตัวอยู่อีกหรือ?”

“ตอนนั้นข้าโมโหเกินไป ข้าไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มากนัก” ลู่จื่ออวิ๋นรู้สึกเสียใจ “นางจะเอาที่กลัดผมที่ท่านแม่ให้ข้าไป ข้าแค่ไม่ต้องการให้ผู้ใดมาเอาไป”

“ถึงของจะหายไปแต่คนต้องอยู่ ถ้าเจ้าทำร้ายตัวเองเพราะของเช่นนั้น แม่ก็เจ็บใจ ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีก เจ้าต้องป้องกันตัวเองไม่ให้บาดเจ็บก่อน”

มู่ซืออวี่ลูบผมของลู่จื่ออวิ๋น ก่อนจะคุกเข่าลงแล้วมองเด็กน้อยด้วยแววตาอ่อนโยน “สำหรับข้า เจ้าคือสมบัติที่สำคัญที่สุด”

ดวงตาที่บริสุทธิ์ราวกับอัญมณีของลู่จื่ออวิ๋นเผยความสุขล้น

“ท่านแม่ อวิ๋นเอ๋อร์รู้แล้ว อย่าโมโหไปเลย ต่อไปนี้อวิ๋นเอ๋อร์จะปกป้องตัวเองให้ดีกว่านี้”

“อวิ๋นเอ๋อร์ของเราเป็นเด็กดีที่สุด” ถงซื่อกล่าว “ตอนที่พื้นที่รกร้างเปิด ข้าเก็บไข่ไก่ป่ามาสองสามฟอง เจ้านำกลับไปเติมพลังให้ลูกทั้งสองสิ”

“ได้เจ้าค่ะ” มู่ซืออวี่ไม่ปฏิเสธ

นางซื้อเนื้อมามากมาย หมักเนื้อเสร็จแล้วค่อยเอามาให้ถงซื่อ

“ท่านยาย ท่านแม่ ข้าขอเอารองเท้าไปให้ท่านน้านะเจ้าคะ ตอนนี้รองเท้าสกปรกเสียแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นดูเศร้าหมอง ใบหน้าเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ตอนแรกเป็นรองเท้าใหม่แท้ ๆ ท่านยาย ข้าทำให้มันสกปรกซะแล้ว”

“ไม่เป็นไร ข้าซักได้” ถงซื่อรับรองเท้าคู่นั้นมา

นางมองดูแล้วพบว่ารองเท้ายังใหม่ แข็งแรง และวัสดุยังอยู่ดี

ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังแต่งงาน นางไม่เคยสวมรองเท้าที่ดีเช่นนี้ รวมถึงมู่เจิ้งหานก็ด้วย เขามักจะใส่รองเท้าที่ลูกพี่ลูกน้องเขาไม่ใช้แล้ว เมื่อเขาสวมมันก็แทบจะไม่เหลือเค้าดีแล้ว

“รองเท้าดี ๆ เช่นนี้แพงมากใช่ไหม? ข้าจะเก็บคู่ของหานเอ๋อร์ไว้ ข้าไม่ต้องการคู่นี้” ถงซื่อผลักรองเท้าผู้หญิงคู่ใหญ่ให้มู่ซืออวี่

“ทุกคนก็มี เหตุใดท่านถึงไม่เอาล่ะ ข้าเป็นลูกสาวของท่าน ท่านยังเห็นข้าเป็นลูกอยู่หรือไม่?” มู่ซืออวี่ไม่ตอบ “ข้าจะพาอวิ๋นเอ๋อร์กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ข้าไม่สบายใจที่เห็นร่างกายอวิ๋นเอ๋อร์เต็มไปด้วยโคลน”

“รองเท้าคู่หนึ่งมีมูลค่าหลายสิบอีแปะเชียวนะ” เมื่อเห็นว่ามู่ซืออวี่จากไปโดยไม่รับรองเท้าที่นางคืนให้ ถงซื่อก็รู้สึกทั้งตื้นตันใจและทุกข์ใจ

นางรู้สึกเสียดายเงินของมู่ซืออวี่

มู่ซืออวี่นั่งลง “มาเถอะ ข้าจะอุ้มเจ้าเอง”

“ข้าเดินได้เจ้าค่ะท่านแม่” ลู่จื่อวิ๋นกล่าว

ร่างของนางเต็มด้วยโคลน จะทำให้ท่านแม่สกปรกไปด้วยเสียเปล่า ๆ

“อย่าดื้อ เร็วเข้า ข้าจะกลับไปทำอาหารเย็น” มู่ซืออวี่พูด “เจ้าไม่ฟังแม่ของเจ้าแล้วหรือ?”

ลู่จื่ออวิ๋นจึงยอมขึ้นไปอยู่บนหลังของมู่ซืออวี่

มู่ซืออวี่เป็นห่วงลู่จื่ออวิ๋นจึงเอ่ยต่อไปว่า “เจ้าผอมเกินไปแล้ว เจ้าต้องกินเนื้อให้มากกว่านี้นะ”

“อืม” ลู่จื่ออวิ๋นตอบรับอย่างอ่อนหวาน “ไม่ว่าท่านแม่จะพูดอะไร อวิ๋นเอ๋อร์ก็จะเชื่อฟังเจ้าค่ะ”

เพราะฉะนั้น ท่านแม่ปฏิบัติต่อนางแบบนี้ตลอดไปได้หรือไม่?

นางชอบที่ท่านแม่เป็นเช่นนี้

“อวิ๋นเอ๋อร์เป็นอะไรไป?” และแล้วดวงตาอันเฉียบคมของลู่เซวียนก็มองเห็นมู่ซืออวี่กลับมาพร้อมลู่จื่ออวิ๋นบนหลัง “เจ้าทำอะไนาง?”

มู่ซืออวี่พูดด้วยความโมโห “เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรนางได้?”

“ท่านอา ไม่ใช่ท่านแม่ แต่เป็นจางไฉ่เสียกับจงซื่อที่รังแกข้า ท่านแม่ช่วยล้างแค้นให้ข้า” ลู่จื่ออวิ๋นอธิบายด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ข้าไม่ได้เสียเปรียบแต่อย่างใด ยังมีรอยฟันของข้าบนหน้าของจางไฉ่เสียอยู่เลยเจ้าค่ะ”

“เหตุใดเจ้าถึงกัดหน้านาง?” ลู่เซวียนดูรังเกียจ “สกปรกยิ่งนัก! คราวหน้าเปลี่ยนไปที่อื่นเถิด”

มู่ซืออวี่หัวเราะออกมา

“เจ้าหัวเราะอะไร?” ลู่เซวียนจ้องนาง “มีคนรังแกอวิ๋นเอ๋อร์จะไม่เอาคืนได้อย่างไร?”

“สมควรโดน ข้าไม่คิดเลยว่าเราจะยังมีความเห็นที่ตรงกัน เป็นไปได้ยากนัก!” มู่ซืออวี่หันมาพูดกับลูกสาวว่า “อวิ๋นเอ๋อร์ ข้าจะไปเอาน้ำให้เจ้า เจ้าไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยมาเปลี่ยนเสื้อผ้านะ”

หลังจากซื้อรองเท้าครั้งนี้ นางก็ไม่มีเงินสำหรับซื้อเสื้อผ้าแล้ว หากนางหาเงินได้ในครั้งต่อไป นางจะซื้อชุดใหม่สักสองชุดให้อวิ๋นเอ๋อร์ ตอนนี้นางมีลูกสาวแล้ว แน่นอนว่าลูกสาวควรจะได้แต่งตัวงาม ๆ

มู่ซืออวี่ไม่คิดว่าตัวเองจะกลืนไปกับบทนี้อย่างรวดเร็วเช่นนี้

เมื่อพูดถึงการปรับตัวให้เข้ากับบทบาท ไม่มีใครในครอบครัวสงสัยนางเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าฝีมือการแสดงของนางจะดีเกินคาด หากอยู่ในยุคปัจจุบัน นางคงเป็นนักแสดงระดับนางเอกแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 60 ไม่มีใครในครอบครัวสงสัยนาง

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 60 ไม่มีใครในครอบครัวสงสัยนาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 60 ไม่มีใครในครอบครัวสงสัยนาง

บทที่ 60 ไม่มีใครในครอบครัวสงสัยนาง

หัวหน้าหมู่บ้านไม่สามารถทำอะไรพวกนางได้ จึงมีการเปิดศึกกันอีกครั้ง

“คำพูดที่นี่เสนียดหูจริง ๆ วันนี้อวิ๋นเอ๋อร์ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว หากมีใครรังแกอีก กัดให้แรงกว่านี้นะ ไม่กัดนิ้วก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

คนที่มุงดูพลันรีบถอยห่าง

เมื่อก่อนมู่ซืออวี่เป็นคนไม่เอาไหน และวัน ๆ ไม่ทำอะไร ครั้นดีขึ้นก็กลายเป็นผู้หญิงบ้าไปเสียแล้ว

แต่ผู้หญิงบ้าคนนี้ก็รู้วิธีที่จะปกป้องลูกสาวของตัวเอง ดังนั้นจึงถือว่านางเปลี่ยนไปอยู่ดี

คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านคุยกันด้วยเหตุผล ปกติแล้วพวกเขาอยู่กันอย่างสบาย ๆ ไม่รุกรานผู้อื่น แน่นอนว่า ‘คำข่มขู่’ พวกนี้จากมู่ซืออวี่ไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขา

“ร้องไห้อยู่นั่นแหละ นังเด็กขี้แพ้ไร้ประโยชน์!” จงซื่อบีบคอจางไฉ่เสีย “ข้าให้เจ้ามาเก็บผัก แต่เจ้ามาสร้างปัญหาที่นี่ ข้าน่าจะให้เจ้าจมน้ำตายในถังฉี่ไปซะ”

จางไฉ่เสียไม่สามารถหยุดกรีดร้องได้หลังจากถูกจงซื่อบีบคอ

“ท่านแม่ อย่าบีบคอข้า ข้าเจ็บ… ท่านแม่ ข้าไม่กล้าแล้ว… อย่าบีบ…”

มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว ได้แต่รีบพาลู่จื่ออวิ๋นออกไปจากที่นั่น

ระหว่างทาง ลู่จื่ออวิ๋นไม่ได้พูดอะไรออกมา จนกระทั่งมาถึงกระท่อมที่ถงซื่อและมู่เจิ้งหานอาศัยอยู่

มู่ซืออวี่เคาะประตู

“มาแล้ว ๆ” ถงซื่อเปิดประตูและเห็นมู่ซืออวี่ จึงเอ่ยต้อนรับด้วยสายตาที่อ่อนโยน “เข้ามาก่อนสิ”

“ท่านแม่ ที่บ้านมีน้ำร้อนไหม?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม

จากนั้นถงซื่อก็พบว่าลู่จื่ออวิ๋นดูเหมือนคลานออกมาจากคูน้ำ ทั้งตัวเด็กหญิงเต็มไปด้วยโคลน “มี มี ยังมีน้ำร้อนอยู่ในหม้อ อวิ๋นเอ๋อร์เป็นอะไร? ไปล้มที่ไหนมา?”

“ข้าจะทำความสะอาดให้นางก่อน” มู่ซืออวี่พูดพลางนำน้ำร้อนออกมาจากห้องครัว

ลู่จื่ออวิ๋นดูเหมือนคนที่กระทำความผิดมา นางเดินก้มหน้าตามมู่ซืออวี่ไปเหมือนลูกสะใภ้ตัวน้อยที่กำลังน้อยใจ

ซ่า! ซ่า! หลังจากเปลี่ยนน้ำไปหลายหม้อ เจ้าลิงตัวน้อยเปื้อนโคลนก็สะอาดขึ้น

ขณะที่ทำความสะอาด มู่ซืออวี่ก็ตรวจดูร่างกายของลู่จื่ออวิ๋นแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากยืนยันได้ว่ามีรอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อย

“ท่านแม่ อย่าโมโหเลยนะ” ลู่จื่ออวิ๋นดึงชายเสื้อของมู่ซืออวี่ “ข้าจะไม่ทะเลาะกับคนอื่นอีกแล้ว”

“อวิ๋นเอ๋อร์ทะเลาะกับผู้ใด?” ถงซื่อขมวดคิ้ว “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”

ลู่จื่ออวิ๋นส่ายหน้าเบา ๆ “ข้ากัดนาง นางน่าสงสารกว่าข้ามาก”

“ลูกอวี่ อวิ๋นเอ๋อร์เป็นเด็กดีไม่สร้างปัญหา มีคนรังแกนางหรือ?” ถงซื่อกล่าว

“ข้าไม่โกรธนางที่ทะเลาะกัน ข้าโกรธนางที่ทะเลาะกับคนที่ตัวใหญ่กว่า เห็นอยู่ว่าไม่มีโอกาสชนะ เหตุใดไม่รู้จักหลีกเลี่ยง มีคำกล่าวว่าลูกผู้ชายสิบปีล้างแค้นก็ยังไม่สาย ในเมื่อเจ้าไม่มีโอกาสชนะก็ควรหาทางป้องกันตัวเองก่อน วันนี้เจ้าได้พบกับจางไฉ่เสียที่อายุมากกว่า สูงกว่า แต่ตอบโต้ช้ากว่าก็จริง แต่ถ้าวันนี้เจ้าไปเจอคนอื่นล่ะ คนที่ว่องไวและมีไหวพริบมากกว่า เจ้าจะไม่มีโอกาสชนะหรอกนะ เวลานั้นเจ้ายังอยากสู้ตัวต่อตัวอยู่อีกหรือ?”

“ตอนนั้นข้าโมโหเกินไป ข้าไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มากนัก” ลู่จื่ออวิ๋นรู้สึกเสียใจ “นางจะเอาที่กลัดผมที่ท่านแม่ให้ข้าไป ข้าแค่ไม่ต้องการให้ผู้ใดมาเอาไป”

“ถึงของจะหายไปแต่คนต้องอยู่ ถ้าเจ้าทำร้ายตัวเองเพราะของเช่นนั้น แม่ก็เจ็บใจ ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีก เจ้าต้องป้องกันตัวเองไม่ให้บาดเจ็บก่อน”

มู่ซืออวี่ลูบผมของลู่จื่ออวิ๋น ก่อนจะคุกเข่าลงแล้วมองเด็กน้อยด้วยแววตาอ่อนโยน “สำหรับข้า เจ้าคือสมบัติที่สำคัญที่สุด”

ดวงตาที่บริสุทธิ์ราวกับอัญมณีของลู่จื่ออวิ๋นเผยความสุขล้น

“ท่านแม่ อวิ๋นเอ๋อร์รู้แล้ว อย่าโมโหไปเลย ต่อไปนี้อวิ๋นเอ๋อร์จะปกป้องตัวเองให้ดีกว่านี้”

“อวิ๋นเอ๋อร์ของเราเป็นเด็กดีที่สุด” ถงซื่อกล่าว “ตอนที่พื้นที่รกร้างเปิด ข้าเก็บไข่ไก่ป่ามาสองสามฟอง เจ้านำกลับไปเติมพลังให้ลูกทั้งสองสิ”

“ได้เจ้าค่ะ” มู่ซืออวี่ไม่ปฏิเสธ

นางซื้อเนื้อมามากมาย หมักเนื้อเสร็จแล้วค่อยเอามาให้ถงซื่อ

“ท่านยาย ท่านแม่ ข้าขอเอารองเท้าไปให้ท่านน้านะเจ้าคะ ตอนนี้รองเท้าสกปรกเสียแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นดูเศร้าหมอง ใบหน้าเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ตอนแรกเป็นรองเท้าใหม่แท้ ๆ ท่านยาย ข้าทำให้มันสกปรกซะแล้ว”

“ไม่เป็นไร ข้าซักได้” ถงซื่อรับรองเท้าคู่นั้นมา

นางมองดูแล้วพบว่ารองเท้ายังใหม่ แข็งแรง และวัสดุยังอยู่ดี

ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังแต่งงาน นางไม่เคยสวมรองเท้าที่ดีเช่นนี้ รวมถึงมู่เจิ้งหานก็ด้วย เขามักจะใส่รองเท้าที่ลูกพี่ลูกน้องเขาไม่ใช้แล้ว เมื่อเขาสวมมันก็แทบจะไม่เหลือเค้าดีแล้ว

“รองเท้าดี ๆ เช่นนี้แพงมากใช่ไหม? ข้าจะเก็บคู่ของหานเอ๋อร์ไว้ ข้าไม่ต้องการคู่นี้” ถงซื่อผลักรองเท้าผู้หญิงคู่ใหญ่ให้มู่ซืออวี่

“ทุกคนก็มี เหตุใดท่านถึงไม่เอาล่ะ ข้าเป็นลูกสาวของท่าน ท่านยังเห็นข้าเป็นลูกอยู่หรือไม่?” มู่ซืออวี่ไม่ตอบ “ข้าจะพาอวิ๋นเอ๋อร์กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ข้าไม่สบายใจที่เห็นร่างกายอวิ๋นเอ๋อร์เต็มไปด้วยโคลน”

“รองเท้าคู่หนึ่งมีมูลค่าหลายสิบอีแปะเชียวนะ” เมื่อเห็นว่ามู่ซืออวี่จากไปโดยไม่รับรองเท้าที่นางคืนให้ ถงซื่อก็รู้สึกทั้งตื้นตันใจและทุกข์ใจ

นางรู้สึกเสียดายเงินของมู่ซืออวี่

มู่ซืออวี่นั่งลง “มาเถอะ ข้าจะอุ้มเจ้าเอง”

“ข้าเดินได้เจ้าค่ะท่านแม่” ลู่จื่อวิ๋นกล่าว

ร่างของนางเต็มด้วยโคลน จะทำให้ท่านแม่สกปรกไปด้วยเสียเปล่า ๆ

“อย่าดื้อ เร็วเข้า ข้าจะกลับไปทำอาหารเย็น” มู่ซืออวี่พูด “เจ้าไม่ฟังแม่ของเจ้าแล้วหรือ?”

ลู่จื่ออวิ๋นจึงยอมขึ้นไปอยู่บนหลังของมู่ซืออวี่

มู่ซืออวี่เป็นห่วงลู่จื่ออวิ๋นจึงเอ่ยต่อไปว่า “เจ้าผอมเกินไปแล้ว เจ้าต้องกินเนื้อให้มากกว่านี้นะ”

“อืม” ลู่จื่ออวิ๋นตอบรับอย่างอ่อนหวาน “ไม่ว่าท่านแม่จะพูดอะไร อวิ๋นเอ๋อร์ก็จะเชื่อฟังเจ้าค่ะ”

เพราะฉะนั้น ท่านแม่ปฏิบัติต่อนางแบบนี้ตลอดไปได้หรือไม่?

นางชอบที่ท่านแม่เป็นเช่นนี้

“อวิ๋นเอ๋อร์เป็นอะไรไป?” และแล้วดวงตาอันเฉียบคมของลู่เซวียนก็มองเห็นมู่ซืออวี่กลับมาพร้อมลู่จื่ออวิ๋นบนหลัง “เจ้าทำอะไนาง?”

มู่ซืออวี่พูดด้วยความโมโห “เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรนางได้?”

“ท่านอา ไม่ใช่ท่านแม่ แต่เป็นจางไฉ่เสียกับจงซื่อที่รังแกข้า ท่านแม่ช่วยล้างแค้นให้ข้า” ลู่จื่ออวิ๋นอธิบายด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ข้าไม่ได้เสียเปรียบแต่อย่างใด ยังมีรอยฟันของข้าบนหน้าของจางไฉ่เสียอยู่เลยเจ้าค่ะ”

“เหตุใดเจ้าถึงกัดหน้านาง?” ลู่เซวียนดูรังเกียจ “สกปรกยิ่งนัก! คราวหน้าเปลี่ยนไปที่อื่นเถิด”

มู่ซืออวี่หัวเราะออกมา

“เจ้าหัวเราะอะไร?” ลู่เซวียนจ้องนาง “มีคนรังแกอวิ๋นเอ๋อร์จะไม่เอาคืนได้อย่างไร?”

“สมควรโดน ข้าไม่คิดเลยว่าเราจะยังมีความเห็นที่ตรงกัน เป็นไปได้ยากนัก!” มู่ซืออวี่หันมาพูดกับลูกสาวว่า “อวิ๋นเอ๋อร์ ข้าจะไปเอาน้ำให้เจ้า เจ้าไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยมาเปลี่ยนเสื้อผ้านะ”

หลังจากซื้อรองเท้าครั้งนี้ นางก็ไม่มีเงินสำหรับซื้อเสื้อผ้าแล้ว หากนางหาเงินได้ในครั้งต่อไป นางจะซื้อชุดใหม่สักสองชุดให้อวิ๋นเอ๋อร์ ตอนนี้นางมีลูกสาวแล้ว แน่นอนว่าลูกสาวควรจะได้แต่งตัวงาม ๆ

มู่ซืออวี่ไม่คิดว่าตัวเองจะกลืนไปกับบทนี้อย่างรวดเร็วเช่นนี้

เมื่อพูดถึงการปรับตัวให้เข้ากับบทบาท ไม่มีใครในครอบครัวสงสัยนางเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าฝีมือการแสดงของนางจะดีเกินคาด หากอยู่ในยุคปัจจุบัน นางคงเป็นนักแสดงระดับนางเอกแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+