สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 203 เมืองซูโจว

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 203 เมืองซูโจว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 203 เมืองซูโจว

เมืองซูโจวเป็นเมืองของคนร่ำรวย ทันทีที่ก้าวเข้าสู่เมืองซูโจวก็จะพบเห็นคนแต่งกายงดงามหรูหรา แม้กระทั่งชาวบ้านธรรมดาก็มีน้อยคนนักที่จะใส่เสื้อผ้าปะชุน

ลู่อี้เห็นมู่ซืออวี่สงสัยใคร่รู้ ดูสนอกสนใจไปแทบทุกสิ่ง เขาก็คว้าข้อมือนางไว้

มู่ซืออวี่หันกลับมาด้วยสีหน้างุนงง “มีอะไรหรือ?”

“คนเยอะเกินไป ข้ากลัวว่าเจ้าจะหลง”

“ถ้าข้าหลงทาง ข้าจะตรงไปที่โรงหมอหมิงอัน” มู่ซืออวี่กล่าว “แต่ว่าเมืองซูโจวครึกครื้นมีชีวิตชีวาจริง ๆ ข้าไม่เคยเห็นของตั้งหลายอย่าง”

“อีกเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าเดินดู” ลู่อี้คว้ามือนางมากุม

ฝ่ามือใหญ่โตหยาบกร้าน เมื่อคว้ามือนุ่มเล็กนั้นมากุมก็ให้ความรู้สึกราวกับกำลังกอบกุมมือเด็ก

มู่ซืออวี่ไม่ได้สังเกตการกระทำของลู่อี้แม้แต่น้อย หารู้ไม่ว่าลู่อี้ลอบก้าวเข้าสู่พื้นที่ของนางทีละน้อย เพื่อให้นางค่อย ๆ คลายการป้องกันลง

ท่านหมอลี่แห่งโรงหมอหมิงอันเป็นหมอที่มีชื่อเสียงโด่งดั่งของที่นี่ มีคนไข้หลายคนมาที่นี่เพราะชื่อเสียงของเขา ทันทีที่คนจัดยาเห็นลู่อี้และน้องชาย ก็พาพวกเขาตรงไปที่เรือนด้านหลังทันที

“เหตุใดพวกเขาจึงแซงหน้าพวกเราได้?” บางคนรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

“คุณชายลู่ผู้นั้นเป็นแขกประจำของพวกเรา ทุก ๆ เดือนเรากำหนดวันนัดหมายให้เขา หากพวกท่านไม่เชื่อก็จ่ายมาหนึ่งตำลึงเงินต่อเดือน ลองซื้อนัดหมายดูก็ได้”

ทุกคนล้วนเงียบปากทันที

ท่านหมอลี่เป็นหมอที่มีชื่อเสียง เดิมทีค่ารักษาและค่ายาก็สูงกว่าที่อื่นแล้ว ใครจะสามารถใช้จ่ายเงินได้มากขนาดนั้นกัน?

อีกด้านหนึ่ง ชายชราวัยหกสิบกว่าตรวจดูชีพจรของลู่เซวียน เขาลูบเคราขาวโพลนของตนแล้วกล่าวว่า “แปลกจริง ไม่นานมานี้สหายน้อยพบเจอหมออัจฉริยะท่านใดมาหรือ? ร่างกายฟื้นฟูรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“ร่างกายของน้องชายข้าหายดีแล้วหรือขอรับ?” ลู่อี้ถาม

“ใกล้จะหายดีแล้ว ที่เหลือไม่จำเป็นต้องใช้ยาช่วยแล้ว เพียงแค่ต้องฟื้นฟูร่างกายไปเรื่อย ๆ เหมือนตอนนี้” ท่านหมอลี่กล่าว “สหายน้อยเริ่มมีเนื้อหนังมากขึ้น ใบหน้ามีเลือดฝาด ดวงตาเปล่งประกายมีชีวิตชีวา จะต้องไปพบผู้สูงส่งท่านใดมาเป็นแน่”

“ผู้สูงส่งที่ท่านหมอกล่าวถึง บางทีอาจจะเป็นพี่สะใภ้ของข้า” ลู่เซวียนพูดขึ้น “พี่สะใภ้ข้าทำอาหารเก่ง แต่ละวันจะทำอาหารหลากหลายให้เราทาน พี่สะใภ้ข้ายังแนะนำข้าว่าอย่าอยู่แต่ในบ้านตลอดทั้งวัน ให้ข้าออกไปข้างนอก ไปทำสิ่งที่ข้าต้องการบ้าง ตอนนี้ข้าเป็นอาจารย์อยู่ที่สำนักศึกษา สอนความรู้ให้ลูกศิษย์ ทุกวันนี้ชีวิตของข้าเหมือนได้รับการเติมเต็ม”

“เช่นนี้ก็ถูกแล้ว” ท่านหมอลี่พยักหน้า กล่าวด้วยความรู้สึกโล่งใจ “ท่านโชคดีไม่น้อย พี่ชายท่านใจดีกับท่าน พี่สะใภ้ท่านมีน้ำใจต่อท่าน ท่านจะต้องรักษาไว้ให้ดี”

หลังจากที่ออกมาจากห้องท่านหมอลี่ คนจัดยาก็ทักทายพวกเขา “คุณชายลู่ วันนี้จะรับยาอะไรหรือขอรับ?”

“วันนี้ไม่ต้องรับยา” ลู่อี้กล่าว “ขอบคุณสหายน้อย ท่านหมอบอกว่าร่างกายน้องชายข้าฟื้นฟูเป็นอย่างดี ตราบใดที่เขาบำรุงร่างกายไปเรื่อย ๆ เช่นนี้ ต่อไปพวกเราก็ไม่ต้องใช้ยาแล้ว”

“ยินดีด้วย ต้องขอยินดีด้วยแล้ว”

หลังจากที่ออกมาจากโรงหมอหมิงอัน ลู่เซวียนก็ผ่อนคลายลง

“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ข้าจะกลับไปที่โรงเตี๊ยมก่อน พวกท่านออกไปเดินดูรอบ ๆ เถอะ”

สายตาของพี่ใหญ่แทบจะติดไปกับตัวของพี่สะใภ้แล้ว เขาไม่ไปเป็นก้างขวางคอจะดีกว่า

“ได้” ลู่อี้ตอบตกลงทันที แทบจะขับไสไล่ส่งลู่เซวียนทางสายตา

ลู่เซวียน “…”

แม้เขาจะเข้าใจความกระตือรือร้นที่อยากจะอยู่ตามลำพังกับพี่สะใภ้ของพี่ใหญ่ก็เถอะ ทว่าเมื่อเห็นพี่ชายที่เดิมทีแทบจะยกเขาเป็นสมบัติล้ำค่า ตอนนี้กลับอยากโยนเขาออกไปให้พ้นทาง ลู่เซวียนก็ปวดใจขึ้นมาแปลบ ๆ

มู่ซืออวี่และลู่อี้เที่ยวชมเมืองซูโจว เมืองซูโจวที่ผู้คนพลุกพล่านแห่งนี้ทำให้มู่ซืออวี่เข้าใจโลกใบนี้มากขึ้น

ทันใดนั้นก็มีเสียงตื่นตระหนกดังมาจากฝูงชน จากนั้นผู้คนก็เริ่มขยับแหวกเป็นทางผ่าน

ม้าหลายตัวเดินลากกรงเหล็กมา กรงเหล็กนั้นไม่มีสิ่งอื่นใดนอกเสียจากเสือขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง

เสือตัวนั้นคำรามอย่างดุร้าย แสดงท่าทีที่เหี้ยมโหดและกระหายเลือดใส่ผู้คนนอกกรงเหล็ก

“กรร! กรร!”

คนที่อยู่รอบ ๆ แตกฮือทันที บ้างล้มลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว บ้างก็ร้องไห้ตกใจ เด็กน้อยบางคนถึงกับกรีดร้องเรียกหาแม่

นอกจากเจ้าเสือตัวใหญ่จะร้องคำรามแล้ว มันยังกระแทกตัวกับกรงเหล็กอย่างบ้าคลั่ง กรงเหล็กส่งเสียงกึก ๆ กลอนบนกรงเหล็กไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกอุ่นใจแม้แต่น้อย ราวกับว่ามันสามารถหลุดออกมาได้ในลมหายใจต่อมา

ลู่อี้บังมู่ซืออวี่ไว้ข้างหลัง มองกรงเหล็กที่เคลื่อนผ่านไปอย่างระแวดระวัง

“กรรร! กรรรร! กรรรรรร!”

เสือตัวนั้นมีชายฉกรรจ์หลายคนคอยคุ้มกัน

ชายฉกรรจ์เหล่านั้นหน้าตาเหี้ยมโหด มองแวบแรกดูคล้ายกับผู้ฝึกยุทธ์

รถม้ากำลังเคลื่อนห่างออกไป ทว่าจู่ ๆ ก็เกิดเสียงดังปัง กรงเหล็กถูกเสือกระแทกจนเปิดออก เสือตัวนั้นกระโจนออกมาทันที

“กรี๊ดดดด!” ผู้คนหวีดร้องเสียงระงม

“เสืออออ!!!”

“หนีเร็ว! เสือจะออกมากินคนแล้ว!”

มู่ซืออวี่มองภาพนี้ด้วยสายตาตะลึงงัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 203 เมืองซูโจว

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 203 เมืองซูโจว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 203 เมืองซูโจว

เมืองซูโจวเป็นเมืองของคนร่ำรวย ทันทีที่ก้าวเข้าสู่เมืองซูโจวก็จะพบเห็นคนแต่งกายงดงามหรูหรา แม้กระทั่งชาวบ้านธรรมดาก็มีน้อยคนนักที่จะใส่เสื้อผ้าปะชุน

ลู่อี้เห็นมู่ซืออวี่สงสัยใคร่รู้ ดูสนอกสนใจไปแทบทุกสิ่ง เขาก็คว้าข้อมือนางไว้

มู่ซืออวี่หันกลับมาด้วยสีหน้างุนงง “มีอะไรหรือ?”

“คนเยอะเกินไป ข้ากลัวว่าเจ้าจะหลง”

“ถ้าข้าหลงทาง ข้าจะตรงไปที่โรงหมอหมิงอัน” มู่ซืออวี่กล่าว “แต่ว่าเมืองซูโจวครึกครื้นมีชีวิตชีวาจริง ๆ ข้าไม่เคยเห็นของตั้งหลายอย่าง”

“อีกเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าเดินดู” ลู่อี้คว้ามือนางมากุม

ฝ่ามือใหญ่โตหยาบกร้าน เมื่อคว้ามือนุ่มเล็กนั้นมากุมก็ให้ความรู้สึกราวกับกำลังกอบกุมมือเด็ก

มู่ซืออวี่ไม่ได้สังเกตการกระทำของลู่อี้แม้แต่น้อย หารู้ไม่ว่าลู่อี้ลอบก้าวเข้าสู่พื้นที่ของนางทีละน้อย เพื่อให้นางค่อย ๆ คลายการป้องกันลง

ท่านหมอลี่แห่งโรงหมอหมิงอันเป็นหมอที่มีชื่อเสียงโด่งดั่งของที่นี่ มีคนไข้หลายคนมาที่นี่เพราะชื่อเสียงของเขา ทันทีที่คนจัดยาเห็นลู่อี้และน้องชาย ก็พาพวกเขาตรงไปที่เรือนด้านหลังทันที

“เหตุใดพวกเขาจึงแซงหน้าพวกเราได้?” บางคนรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

“คุณชายลู่ผู้นั้นเป็นแขกประจำของพวกเรา ทุก ๆ เดือนเรากำหนดวันนัดหมายให้เขา หากพวกท่านไม่เชื่อก็จ่ายมาหนึ่งตำลึงเงินต่อเดือน ลองซื้อนัดหมายดูก็ได้”

ทุกคนล้วนเงียบปากทันที

ท่านหมอลี่เป็นหมอที่มีชื่อเสียง เดิมทีค่ารักษาและค่ายาก็สูงกว่าที่อื่นแล้ว ใครจะสามารถใช้จ่ายเงินได้มากขนาดนั้นกัน?

อีกด้านหนึ่ง ชายชราวัยหกสิบกว่าตรวจดูชีพจรของลู่เซวียน เขาลูบเคราขาวโพลนของตนแล้วกล่าวว่า “แปลกจริง ไม่นานมานี้สหายน้อยพบเจอหมออัจฉริยะท่านใดมาหรือ? ร่างกายฟื้นฟูรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“ร่างกายของน้องชายข้าหายดีแล้วหรือขอรับ?” ลู่อี้ถาม

“ใกล้จะหายดีแล้ว ที่เหลือไม่จำเป็นต้องใช้ยาช่วยแล้ว เพียงแค่ต้องฟื้นฟูร่างกายไปเรื่อย ๆ เหมือนตอนนี้” ท่านหมอลี่กล่าว “สหายน้อยเริ่มมีเนื้อหนังมากขึ้น ใบหน้ามีเลือดฝาด ดวงตาเปล่งประกายมีชีวิตชีวา จะต้องไปพบผู้สูงส่งท่านใดมาเป็นแน่”

“ผู้สูงส่งที่ท่านหมอกล่าวถึง บางทีอาจจะเป็นพี่สะใภ้ของข้า” ลู่เซวียนพูดขึ้น “พี่สะใภ้ข้าทำอาหารเก่ง แต่ละวันจะทำอาหารหลากหลายให้เราทาน พี่สะใภ้ข้ายังแนะนำข้าว่าอย่าอยู่แต่ในบ้านตลอดทั้งวัน ให้ข้าออกไปข้างนอก ไปทำสิ่งที่ข้าต้องการบ้าง ตอนนี้ข้าเป็นอาจารย์อยู่ที่สำนักศึกษา สอนความรู้ให้ลูกศิษย์ ทุกวันนี้ชีวิตของข้าเหมือนได้รับการเติมเต็ม”

“เช่นนี้ก็ถูกแล้ว” ท่านหมอลี่พยักหน้า กล่าวด้วยความรู้สึกโล่งใจ “ท่านโชคดีไม่น้อย พี่ชายท่านใจดีกับท่าน พี่สะใภ้ท่านมีน้ำใจต่อท่าน ท่านจะต้องรักษาไว้ให้ดี”

หลังจากที่ออกมาจากห้องท่านหมอลี่ คนจัดยาก็ทักทายพวกเขา “คุณชายลู่ วันนี้จะรับยาอะไรหรือขอรับ?”

“วันนี้ไม่ต้องรับยา” ลู่อี้กล่าว “ขอบคุณสหายน้อย ท่านหมอบอกว่าร่างกายน้องชายข้าฟื้นฟูเป็นอย่างดี ตราบใดที่เขาบำรุงร่างกายไปเรื่อย ๆ เช่นนี้ ต่อไปพวกเราก็ไม่ต้องใช้ยาแล้ว”

“ยินดีด้วย ต้องขอยินดีด้วยแล้ว”

หลังจากที่ออกมาจากโรงหมอหมิงอัน ลู่เซวียนก็ผ่อนคลายลง

“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ข้าจะกลับไปที่โรงเตี๊ยมก่อน พวกท่านออกไปเดินดูรอบ ๆ เถอะ”

สายตาของพี่ใหญ่แทบจะติดไปกับตัวของพี่สะใภ้แล้ว เขาไม่ไปเป็นก้างขวางคอจะดีกว่า

“ได้” ลู่อี้ตอบตกลงทันที แทบจะขับไสไล่ส่งลู่เซวียนทางสายตา

ลู่เซวียน “…”

แม้เขาจะเข้าใจความกระตือรือร้นที่อยากจะอยู่ตามลำพังกับพี่สะใภ้ของพี่ใหญ่ก็เถอะ ทว่าเมื่อเห็นพี่ชายที่เดิมทีแทบจะยกเขาเป็นสมบัติล้ำค่า ตอนนี้กลับอยากโยนเขาออกไปให้พ้นทาง ลู่เซวียนก็ปวดใจขึ้นมาแปลบ ๆ

มู่ซืออวี่และลู่อี้เที่ยวชมเมืองซูโจว เมืองซูโจวที่ผู้คนพลุกพล่านแห่งนี้ทำให้มู่ซืออวี่เข้าใจโลกใบนี้มากขึ้น

ทันใดนั้นก็มีเสียงตื่นตระหนกดังมาจากฝูงชน จากนั้นผู้คนก็เริ่มขยับแหวกเป็นทางผ่าน

ม้าหลายตัวเดินลากกรงเหล็กมา กรงเหล็กนั้นไม่มีสิ่งอื่นใดนอกเสียจากเสือขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง

เสือตัวนั้นคำรามอย่างดุร้าย แสดงท่าทีที่เหี้ยมโหดและกระหายเลือดใส่ผู้คนนอกกรงเหล็ก

“กรร! กรร!”

คนที่อยู่รอบ ๆ แตกฮือทันที บ้างล้มลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว บ้างก็ร้องไห้ตกใจ เด็กน้อยบางคนถึงกับกรีดร้องเรียกหาแม่

นอกจากเจ้าเสือตัวใหญ่จะร้องคำรามแล้ว มันยังกระแทกตัวกับกรงเหล็กอย่างบ้าคลั่ง กรงเหล็กส่งเสียงกึก ๆ กลอนบนกรงเหล็กไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกอุ่นใจแม้แต่น้อย ราวกับว่ามันสามารถหลุดออกมาได้ในลมหายใจต่อมา

ลู่อี้บังมู่ซืออวี่ไว้ข้างหลัง มองกรงเหล็กที่เคลื่อนผ่านไปอย่างระแวดระวัง

“กรรร! กรรรร! กรรรรรร!”

เสือตัวนั้นมีชายฉกรรจ์หลายคนคอยคุ้มกัน

ชายฉกรรจ์เหล่านั้นหน้าตาเหี้ยมโหด มองแวบแรกดูคล้ายกับผู้ฝึกยุทธ์

รถม้ากำลังเคลื่อนห่างออกไป ทว่าจู่ ๆ ก็เกิดเสียงดังปัง กรงเหล็กถูกเสือกระแทกจนเปิดออก เสือตัวนั้นกระโจนออกมาทันที

“กรี๊ดดดด!” ผู้คนหวีดร้องเสียงระงม

“เสืออออ!!!”

“หนีเร็ว! เสือจะออกมากินคนแล้ว!”

มู่ซืออวี่มองภาพนี้ด้วยสายตาตะลึงงัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+