สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 23 คนไม่มีหัวใจ

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 23 คนไม่มีหัวใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 23 คนไม่มีหัวใจ

บทที่ 23 คนไม่มีหัวใจ

เมื่อเห็นว่าแม่ของตนดูกระวนกระวาย มู่เจิ้งหานจึงรีบช่วยพยุงร่างผอมบางให้ลุกขึ้น

สองแม่ลูกไปถึงห้องนอนก็พบว่าแม่เฒ่าเจียงเจอกากหมูที่ห่อไว้อย่างดีซ่อนอยู่ใต้หมอนเสียแล้ว

มือเหี่ยวย่นของหญิงชราสั่นเทาด้วยความโกรธ นางหันกลับมาทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของถงซื่อ

ดวงตาแดงก่ำของแม่เฒ่าเจียงจ้องถงซื่อเขม็ง ราวกับว่าจะเจาะอีกฝ่ายให้ทะลุด้วยสายตาน่ากลัวนั้น ดูราวกับใกล้จะลุกเป็นไฟอยู่รอมร่อ

“นังสารเลว! กล้าดียังไงถึงได้แอบซ่อนเนื้อเอาไว้ลับหลังข้า ไหนบอกมาซิว่ามีอะไรที่เจ้าแอบซ่อนเอาไว้อีก” หญิงชรายัดกากหมูไว้ในอกเสื้อพลางรื้อค้นข้าวของในห้องด้วยความโกรธ

“ท่านแม่ อย่ารื้อของอีกเลย ข้าไม่ได้ขโมยไข่จริง ๆ ไก่ออกไข่ทุกวัน ต้องมีบางวันที่ได้ไข่ไม่ครบบ้างไม่ใช่หรือ ไม่ใช่เรื่องแปลก” ถงซื่อร้องไห้สะอึกสะอื้น

ถังซื่อและมู่ซือเจียวยังไม่สาแก่ใจ พวกนางเดินเข้ามาช่วยรื้อค้นของในห้องอย่างขันแข็ง

เมื่อเห็นกระเป๋าใบใหม่ที่เพิ่งปักเสร็จในตะกร้าเย็บผ้า ถังซื่อก็ยึดเอามาเป็นของตนเอง พลางคิดว่าจะเอาไปขายที่ตลาด น่าจะได้เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ มาใช้เอง

แม้ว่าถงซื่อจะดูโง่เง่าไร้ทางสู้ แต่กลับทำงานเย็บปักได้สวยงามไร้ที่ติ ถ้าใช้วัสดุที่ดีกว่านี้คงทำเงินได้ไม่น้อย

เสียงโครมครามจากด้านในเกิดจากบรรดาสตรีที่กำลังรื้อค้นข้าวของไม่หยุดหย่อน

แน่นอนว่ามู่ต้าไห่ ลูกชายคนโตของบ้านไม่ได้เข้าไปร่วมรื้อค้นของในห้องน้องชายเหมือนคนอื่น

เมื่อเห็นว่าแม่เฒ่าเจียงกำลังรื้อของในห้อง มู่ต้าซานเพียงเหลือบมองภรรยาอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าไปหยุดแม่ของตน

ครอบครัวนี้แม่เฒ่าเจียงมีอำนาจมากที่สุด แม้แต่ลูกชายก็ยังไม่กล้าขัดแม่ตัวเอง นับประสาอะไรกับลูกสะใภ้ ไม่ว่าแม่สามีจะทำเรื่องเลวร้ายแค่ไหน ก็เพียงแต่ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมไปเท่านั้น

บาดแผลที่ถูกโจ๊กลวกของถงซื่อสาหัสมากจนนางไม่มีแรงจะยืนด้วยตัวเอง นางทำได้เพียงยืนพิงประตูเอาไว้ มองห้องส่วนตัวที่ป่นปี้ไปด้วยข้าวของกระจุยกระจายเกลื่อนกลาดอย่างเศร้าใจด้วยน้ำมือของคนทั้งสาม

มู่เจิ้งหานคว้ามือแม่ของตนไว้ ก่อนจะลากออกมาเต็มแรง “ท่านแม่ ข้าจะพาท่านไปหาหมอ ปล่อยคนพวกนั้นไป อยากทำอะไรก็เชิญ”

ห้องของสองสามีภรรยาซอมซ่อที่สุดในบ้านนี้แล้ว นอกจากเสื้อผ้าขาด ๆ สองสามตัวกับผ้าห่มเก่า ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรให้รื้อค้นอีก ว่ากันตามตรงแม้แต่หนูก็ยังไม่อยากจะเข้ามาอยู่ในห้องนี้เลยด้วยซ้ำ

“แต่…” ถงซื่อร้องห้าม “ไปหาหมอต้องมีเงิน เราจะไปเอาที่ไหนมาจ่าย”

แม่เฒ่าเจียงค้นของหมดทุกซอกทุกมุม สภาพห้องเหลือเพียงความยับเยิน ไม่ต่างอะไรจากกองขยะ

หญิงชรารีบตรงเข้ามาตบหน้าลูกสะใภ้รองอย่างแรง

เพี๊ยะ!

ร่างบางของถงซื่อสะบัดไปตามแรงมือจนถลาล้มลงกับพื้น

ในขณะที่มู่เจิ้งหานถลาเข้าไปรับผู้เป็นแม่อย่างรวดเร็ว

ร่างกายผอมบางราวกิ่งไม้แห้งของนางมีน้ำหนักเบามากจนแม้แต่เด็กชายร่างเล็กก็รองรับเอาไว้ได้

มู่เจิ้งหานกอดร่างผอมบางของมารดาไว้ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความแค้นเคือง

แต่เด็กตัวเล็ก ๆ อย่างเขาจะทำอะไรได้อีกเล่า

“สารเลว! กล้าขโมยเนื้อมาแอบเก็บไว้ ที่หาไข่ไม่เจอเพราะเจ้าแอบกินมันเข้าไปแล้วล่ะสิ” แม่เฒ่าเจียงกัดฟันกรอด จ้องลูกสะใภ้ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ท่านแม่ ข้าไม่ได้เอาไข่ไปจริง ๆ บางทีไก่อาจจะออกไข่แค่สามตัวก็ได้” ถงซื่อเอ่ยอย่างเศร้าใจ “มันอาจจะแค่ต่างจากวันอื่นเท่านั้นเอง”

“แล้วเนื้อหมูนี่ล่ะ?” แม่เฒ่าเจียงเข้ามาตบตีลูกสะใภ้ระหว่างที่ก่นด่า “ข้าจะฆ่าเจ้า! เจ้ามันผีส่งมาเกิด! เป็นผีที่อดตายมากระมังถึงได้ตะกละนัก มาดูซิว่าจะยังกล้าขโมยอาหารอีกไหม คนแบบเจ้าต้องเอาให้ตาย…”

มู่เจิ่งหานเข้ามาขวางเอาไว้ “ท่านย่า ท่านแม่บาดเจ็บอยู่ อย่าตีนางอีกเลย”

“หลบไปให้พ้นไอ้เด็กเหลือขอ! ลืมแซ่ตัวเองไปแล้วงั้นรึ” หญิงชรายกขา หมายจะเตะหลานชายออกไปให้พ้นทาง

แต่มู่เจิ้งหานรู้ทุกการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายดีจึงหลบได้ทัน

“นี่กล้าหลบข้างั้นหรือ!” แม่เฒ่าเจียงโมโหยิ่งกว่าเดิม “มู่ต้าซาน ไอ้ลูกเลว เมียเจ้าขโมยทั้งไข่ทั้งเนื้อ ยังมีลูกชายเป็นเด็กเหลือขออีก ข้าคลอดลูกชายที่ไร้ประโยชน์แบบเจ้าออกมาได้อย่างไรกัน”

มู่ต้าซานพยายามห้ามปรามแม่ตนเองอย่างระมัดระวัง “ท่านแม่ เมื่อวานข้าเป็นคนซื้อเนื้อมา คนที่ปรุงมันก็คือท่านเอง แม่ของหานเอ๋อร์จะขโมยมันมาได้อย่างไร ท่านอาจจะเข้าใจอะไรผิดไปก็ได้”

“แล้วกากหมูนี่จะอธิบายว่าอย่างไร ต้องแอบซ่อนไว้โดยที่ข้าไม่เห็นแน่ ๆ”

ถงซื่อที่ถูกเตะซ้ำบริเวณแผลที่ถูกลวกก็ร้องออกมาเสียงดังทันที

“โอ๊ย!”

“ท่านแม่!…” มู่เจิ้งหานรีบเข้าไปหานางทันที “ท่านแม่…”

แม่เฒ่าเจียงยังกระทืบเพิ่มอีกสองสามครั้งอย่างโกรธเคือง

“ทำเป็นสำออยรึ จะแกล้งตายหนีความผิดหรือไง คิดว่าข้าจะยอมปล่อยเจ้าไปงั้นหรือ ข้าจะฆ่าเจ้า! นังสารเลวจอมตะกละ ยังจะขโมยของกินอีกรึ!”

สถานการณ์เริ่มย่ำแย่ มู่ต้าซานจึงพยายามเข้าไปหยุดแม่ของตัวเอง “ท่านแม่ นางจะตายอยู่แล้ว หยุดทำร้ายนางเถิด”

“โอ๊ย สะใภ้รองจะตายง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ครั้งนี้เมียเจ้าทำความผิดก็สมควรจะได้รับการสั่งสอน ไม่อย่างนั้นในวันข้างหน้า มือสกปรกของนางจะฉกเอาอะไรไปอีกก็ไม่รู้”

“ถูกต้อง นางทำเกินไปแล้ว บ้านเราไม่ได้มีเนื้อมากมาย แต่นางกลับแอบซ่อนมันเอาไว้ ที่ท่านปกป้องนางเพราะนางแบ่งเนื้อให้ท่านใช่หรือไม่”

“ไร้สาระ ข้าไม่ได้กินด้วยเสียหน่อย” มู่ต้าซานตอบอย่างกระวนกระวาย “ข้าก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหนเหมือนกัน…”

มู่เจิ้งหานกอดถังซื่อแล้วร้องไห้ออกมา “ท่านแม่… ท่านแม่…”

มู่เจิ้งหานรู้สึกผิดหวังในตัวพ่อของเขาอย่างยิ่ง

ภรรยาของตนเองกำลังจะตายอยู่แล้ว ยังจะมัวกลัวว่าตัวเองจะโดนหางเลขไปด้วยอยู่อีก เขาเคยคิดว่าท่านพ่อเป็นคนขี้ขลาด ไม่สามารถปกป้องครอบครัวได้ แต่ตอนนี้เขารู้ชัดแล้วว่าท่านพ่อไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่เป็นคนไร้หัวใจต่างหาก

เรื่องความวุ่นวายในบ้านนี้เป็นที่รู้กันทั่ว เพราะไม่มีทางที่เพื่อนบ้านจะไม่ได้ยินเสียงโวยวายและเสียงร้องขอความเมตตาของถงซื่อ พวกเขารู้สึกเห็นอกเห็นใจแต่ก็ไม่ได้ประหลาดใจกับเรื่องราวนี้

ในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยสะใภ้ที่ถูกกดขี่ แน่นอนว่าไม่มีใครตกต่ำได้เท่าถงซื่ออีกแล้ว นางคงเป็นหญิงที่ไม่มีอะไรดีเอาเสียเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางยอมทนถูกปฏิบัติราวกับสุนัขไร้ค่ามาตลอดหลายปี

ทางด้านมู่ซืออวี่นั้น เวลานี้กำลังนั่งยอง ๆ อยู่ที่พื้นในลานเล็ก ๆ หน้าบ้าน พลางมองดูลูกเจี๊ยบอย่างครุ่นคิด

ลู่จื่ออวิ๋นเข้ามานั่งลงข้าง ๆ ในท่าเดียวกัน เสียงไพเราะหวานใสของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความสงสัย “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านกำลังจะเอามันไปทำอาหารหรือ พวกนี้ยังตัวเล็กเกินกว่าจะกินได้นะเจ้าคะ”

“ใครจะไปกินลูกเจี๊ยบแบบนี้เล่า” หญิงสาวบีบจมูกเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู “ข้ากำลังดูสภาพร่างกายพวกมันอยู่ต่างหาก เจ้าว่าสองตัวนี้ดูไม่ค่อยดีหรือเปล่า”

“เอ๋?” ลู่จื่ออวิ๋นมองลูกเจี๊ยบสองตัวที่ถูกชี้ จากนั้นก็พยักหน้าตาม “มันยังไม่ตายก็จริง แต่เหตุใดถึงดูเป็นแบบนั้นล่ะเจ้าคะ”

“เลี้ยงลูกไก่ให้เติบโตไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าหนาวเกินไป ร้อนเกินไป หรือป่วยขึ้นมาก็ตายไปได้ง่าย ๆ แม่ว่ามันน่าจะป่วย ตัวนี้น่าจะเจ็บที่ขากับเท้า ข้าจะคอยดูมันอย่างใกล้ชิดกว่าตัวอื่น ๆ”

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูหน้าบ้านดังขึ้น

ลู่ฉาวอวี่เปิดประตูแล้วมองหน้าคนที่มาใหม่

อีกฝ่ายเป็นหญิงคนหนึ่งในหมู่บ้าน เมื่อเห็นว่าคนเปิดประตูเป็นลู่ฉาวอวี่ นางก็ยิ้มแห้ง ๆ ออกมา “แม่เจ้าอยู่หรือไม่ มีเรื่องเกิดขึ้นกับแม่ของนาง”

ลู่ฉาวอวี่มองไปยังมู่ซืออวี่ที่อยู่ในลานบ้าน

มู่ซืออวี่ได้ยินสิ่งที่หญิงคนนั้นพูดแล้วจึงลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงถามเพิ่มเติมว่า “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”

หญิงคนนั้นมองมู่ซืออวี่ด้วยความประหลาดใจ

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

และในขณะที่มู่ซืออวี่กำลังลุกยืนขึ้น นางก็รู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมา เพราะสายตาดูถูกที่กำลังจ้องมองมาอย่างไม่ปิดบัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 23 คนไม่มีหัวใจ

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 23 คนไม่มีหัวใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 23 คนไม่มีหัวใจ

บทที่ 23 คนไม่มีหัวใจ

เมื่อเห็นว่าแม่ของตนดูกระวนกระวาย มู่เจิ้งหานจึงรีบช่วยพยุงร่างผอมบางให้ลุกขึ้น

สองแม่ลูกไปถึงห้องนอนก็พบว่าแม่เฒ่าเจียงเจอกากหมูที่ห่อไว้อย่างดีซ่อนอยู่ใต้หมอนเสียแล้ว

มือเหี่ยวย่นของหญิงชราสั่นเทาด้วยความโกรธ นางหันกลับมาทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของถงซื่อ

ดวงตาแดงก่ำของแม่เฒ่าเจียงจ้องถงซื่อเขม็ง ราวกับว่าจะเจาะอีกฝ่ายให้ทะลุด้วยสายตาน่ากลัวนั้น ดูราวกับใกล้จะลุกเป็นไฟอยู่รอมร่อ

“นังสารเลว! กล้าดียังไงถึงได้แอบซ่อนเนื้อเอาไว้ลับหลังข้า ไหนบอกมาซิว่ามีอะไรที่เจ้าแอบซ่อนเอาไว้อีก” หญิงชรายัดกากหมูไว้ในอกเสื้อพลางรื้อค้นข้าวของในห้องด้วยความโกรธ

“ท่านแม่ อย่ารื้อของอีกเลย ข้าไม่ได้ขโมยไข่จริง ๆ ไก่ออกไข่ทุกวัน ต้องมีบางวันที่ได้ไข่ไม่ครบบ้างไม่ใช่หรือ ไม่ใช่เรื่องแปลก” ถงซื่อร้องไห้สะอึกสะอื้น

ถังซื่อและมู่ซือเจียวยังไม่สาแก่ใจ พวกนางเดินเข้ามาช่วยรื้อค้นของในห้องอย่างขันแข็ง

เมื่อเห็นกระเป๋าใบใหม่ที่เพิ่งปักเสร็จในตะกร้าเย็บผ้า ถังซื่อก็ยึดเอามาเป็นของตนเอง พลางคิดว่าจะเอาไปขายที่ตลาด น่าจะได้เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ มาใช้เอง

แม้ว่าถงซื่อจะดูโง่เง่าไร้ทางสู้ แต่กลับทำงานเย็บปักได้สวยงามไร้ที่ติ ถ้าใช้วัสดุที่ดีกว่านี้คงทำเงินได้ไม่น้อย

เสียงโครมครามจากด้านในเกิดจากบรรดาสตรีที่กำลังรื้อค้นข้าวของไม่หยุดหย่อน

แน่นอนว่ามู่ต้าไห่ ลูกชายคนโตของบ้านไม่ได้เข้าไปร่วมรื้อค้นของในห้องน้องชายเหมือนคนอื่น

เมื่อเห็นว่าแม่เฒ่าเจียงกำลังรื้อของในห้อง มู่ต้าซานเพียงเหลือบมองภรรยาอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าไปหยุดแม่ของตน

ครอบครัวนี้แม่เฒ่าเจียงมีอำนาจมากที่สุด แม้แต่ลูกชายก็ยังไม่กล้าขัดแม่ตัวเอง นับประสาอะไรกับลูกสะใภ้ ไม่ว่าแม่สามีจะทำเรื่องเลวร้ายแค่ไหน ก็เพียงแต่ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมไปเท่านั้น

บาดแผลที่ถูกโจ๊กลวกของถงซื่อสาหัสมากจนนางไม่มีแรงจะยืนด้วยตัวเอง นางทำได้เพียงยืนพิงประตูเอาไว้ มองห้องส่วนตัวที่ป่นปี้ไปด้วยข้าวของกระจุยกระจายเกลื่อนกลาดอย่างเศร้าใจด้วยน้ำมือของคนทั้งสาม

มู่เจิ้งหานคว้ามือแม่ของตนไว้ ก่อนจะลากออกมาเต็มแรง “ท่านแม่ ข้าจะพาท่านไปหาหมอ ปล่อยคนพวกนั้นไป อยากทำอะไรก็เชิญ”

ห้องของสองสามีภรรยาซอมซ่อที่สุดในบ้านนี้แล้ว นอกจากเสื้อผ้าขาด ๆ สองสามตัวกับผ้าห่มเก่า ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรให้รื้อค้นอีก ว่ากันตามตรงแม้แต่หนูก็ยังไม่อยากจะเข้ามาอยู่ในห้องนี้เลยด้วยซ้ำ

“แต่…” ถงซื่อร้องห้าม “ไปหาหมอต้องมีเงิน เราจะไปเอาที่ไหนมาจ่าย”

แม่เฒ่าเจียงค้นของหมดทุกซอกทุกมุม สภาพห้องเหลือเพียงความยับเยิน ไม่ต่างอะไรจากกองขยะ

หญิงชรารีบตรงเข้ามาตบหน้าลูกสะใภ้รองอย่างแรง

เพี๊ยะ!

ร่างบางของถงซื่อสะบัดไปตามแรงมือจนถลาล้มลงกับพื้น

ในขณะที่มู่เจิ้งหานถลาเข้าไปรับผู้เป็นแม่อย่างรวดเร็ว

ร่างกายผอมบางราวกิ่งไม้แห้งของนางมีน้ำหนักเบามากจนแม้แต่เด็กชายร่างเล็กก็รองรับเอาไว้ได้

มู่เจิ้งหานกอดร่างผอมบางของมารดาไว้ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความแค้นเคือง

แต่เด็กตัวเล็ก ๆ อย่างเขาจะทำอะไรได้อีกเล่า

“สารเลว! กล้าขโมยเนื้อมาแอบเก็บไว้ ที่หาไข่ไม่เจอเพราะเจ้าแอบกินมันเข้าไปแล้วล่ะสิ” แม่เฒ่าเจียงกัดฟันกรอด จ้องลูกสะใภ้ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ท่านแม่ ข้าไม่ได้เอาไข่ไปจริง ๆ บางทีไก่อาจจะออกไข่แค่สามตัวก็ได้” ถงซื่อเอ่ยอย่างเศร้าใจ “มันอาจจะแค่ต่างจากวันอื่นเท่านั้นเอง”

“แล้วเนื้อหมูนี่ล่ะ?” แม่เฒ่าเจียงเข้ามาตบตีลูกสะใภ้ระหว่างที่ก่นด่า “ข้าจะฆ่าเจ้า! เจ้ามันผีส่งมาเกิด! เป็นผีที่อดตายมากระมังถึงได้ตะกละนัก มาดูซิว่าจะยังกล้าขโมยอาหารอีกไหม คนแบบเจ้าต้องเอาให้ตาย…”

มู่เจิ่งหานเข้ามาขวางเอาไว้ “ท่านย่า ท่านแม่บาดเจ็บอยู่ อย่าตีนางอีกเลย”

“หลบไปให้พ้นไอ้เด็กเหลือขอ! ลืมแซ่ตัวเองไปแล้วงั้นรึ” หญิงชรายกขา หมายจะเตะหลานชายออกไปให้พ้นทาง

แต่มู่เจิ้งหานรู้ทุกการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายดีจึงหลบได้ทัน

“นี่กล้าหลบข้างั้นหรือ!” แม่เฒ่าเจียงโมโหยิ่งกว่าเดิม “มู่ต้าซาน ไอ้ลูกเลว เมียเจ้าขโมยทั้งไข่ทั้งเนื้อ ยังมีลูกชายเป็นเด็กเหลือขออีก ข้าคลอดลูกชายที่ไร้ประโยชน์แบบเจ้าออกมาได้อย่างไรกัน”

มู่ต้าซานพยายามห้ามปรามแม่ตนเองอย่างระมัดระวัง “ท่านแม่ เมื่อวานข้าเป็นคนซื้อเนื้อมา คนที่ปรุงมันก็คือท่านเอง แม่ของหานเอ๋อร์จะขโมยมันมาได้อย่างไร ท่านอาจจะเข้าใจอะไรผิดไปก็ได้”

“แล้วกากหมูนี่จะอธิบายว่าอย่างไร ต้องแอบซ่อนไว้โดยที่ข้าไม่เห็นแน่ ๆ”

ถงซื่อที่ถูกเตะซ้ำบริเวณแผลที่ถูกลวกก็ร้องออกมาเสียงดังทันที

“โอ๊ย!”

“ท่านแม่!…” มู่เจิ้งหานรีบเข้าไปหานางทันที “ท่านแม่…”

แม่เฒ่าเจียงยังกระทืบเพิ่มอีกสองสามครั้งอย่างโกรธเคือง

“ทำเป็นสำออยรึ จะแกล้งตายหนีความผิดหรือไง คิดว่าข้าจะยอมปล่อยเจ้าไปงั้นหรือ ข้าจะฆ่าเจ้า! นังสารเลวจอมตะกละ ยังจะขโมยของกินอีกรึ!”

สถานการณ์เริ่มย่ำแย่ มู่ต้าซานจึงพยายามเข้าไปหยุดแม่ของตัวเอง “ท่านแม่ นางจะตายอยู่แล้ว หยุดทำร้ายนางเถิด”

“โอ๊ย สะใภ้รองจะตายง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ครั้งนี้เมียเจ้าทำความผิดก็สมควรจะได้รับการสั่งสอน ไม่อย่างนั้นในวันข้างหน้า มือสกปรกของนางจะฉกเอาอะไรไปอีกก็ไม่รู้”

“ถูกต้อง นางทำเกินไปแล้ว บ้านเราไม่ได้มีเนื้อมากมาย แต่นางกลับแอบซ่อนมันเอาไว้ ที่ท่านปกป้องนางเพราะนางแบ่งเนื้อให้ท่านใช่หรือไม่”

“ไร้สาระ ข้าไม่ได้กินด้วยเสียหน่อย” มู่ต้าซานตอบอย่างกระวนกระวาย “ข้าก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหนเหมือนกัน…”

มู่เจิ้งหานกอดถังซื่อแล้วร้องไห้ออกมา “ท่านแม่… ท่านแม่…”

มู่เจิ้งหานรู้สึกผิดหวังในตัวพ่อของเขาอย่างยิ่ง

ภรรยาของตนเองกำลังจะตายอยู่แล้ว ยังจะมัวกลัวว่าตัวเองจะโดนหางเลขไปด้วยอยู่อีก เขาเคยคิดว่าท่านพ่อเป็นคนขี้ขลาด ไม่สามารถปกป้องครอบครัวได้ แต่ตอนนี้เขารู้ชัดแล้วว่าท่านพ่อไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่เป็นคนไร้หัวใจต่างหาก

เรื่องความวุ่นวายในบ้านนี้เป็นที่รู้กันทั่ว เพราะไม่มีทางที่เพื่อนบ้านจะไม่ได้ยินเสียงโวยวายและเสียงร้องขอความเมตตาของถงซื่อ พวกเขารู้สึกเห็นอกเห็นใจแต่ก็ไม่ได้ประหลาดใจกับเรื่องราวนี้

ในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยสะใภ้ที่ถูกกดขี่ แน่นอนว่าไม่มีใครตกต่ำได้เท่าถงซื่ออีกแล้ว นางคงเป็นหญิงที่ไม่มีอะไรดีเอาเสียเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางยอมทนถูกปฏิบัติราวกับสุนัขไร้ค่ามาตลอดหลายปี

ทางด้านมู่ซืออวี่นั้น เวลานี้กำลังนั่งยอง ๆ อยู่ที่พื้นในลานเล็ก ๆ หน้าบ้าน พลางมองดูลูกเจี๊ยบอย่างครุ่นคิด

ลู่จื่ออวิ๋นเข้ามานั่งลงข้าง ๆ ในท่าเดียวกัน เสียงไพเราะหวานใสของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความสงสัย “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านกำลังจะเอามันไปทำอาหารหรือ พวกนี้ยังตัวเล็กเกินกว่าจะกินได้นะเจ้าคะ”

“ใครจะไปกินลูกเจี๊ยบแบบนี้เล่า” หญิงสาวบีบจมูกเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู “ข้ากำลังดูสภาพร่างกายพวกมันอยู่ต่างหาก เจ้าว่าสองตัวนี้ดูไม่ค่อยดีหรือเปล่า”

“เอ๋?” ลู่จื่ออวิ๋นมองลูกเจี๊ยบสองตัวที่ถูกชี้ จากนั้นก็พยักหน้าตาม “มันยังไม่ตายก็จริง แต่เหตุใดถึงดูเป็นแบบนั้นล่ะเจ้าคะ”

“เลี้ยงลูกไก่ให้เติบโตไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าหนาวเกินไป ร้อนเกินไป หรือป่วยขึ้นมาก็ตายไปได้ง่าย ๆ แม่ว่ามันน่าจะป่วย ตัวนี้น่าจะเจ็บที่ขากับเท้า ข้าจะคอยดูมันอย่างใกล้ชิดกว่าตัวอื่น ๆ”

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูหน้าบ้านดังขึ้น

ลู่ฉาวอวี่เปิดประตูแล้วมองหน้าคนที่มาใหม่

อีกฝ่ายเป็นหญิงคนหนึ่งในหมู่บ้าน เมื่อเห็นว่าคนเปิดประตูเป็นลู่ฉาวอวี่ นางก็ยิ้มแห้ง ๆ ออกมา “แม่เจ้าอยู่หรือไม่ มีเรื่องเกิดขึ้นกับแม่ของนาง”

ลู่ฉาวอวี่มองไปยังมู่ซืออวี่ที่อยู่ในลานบ้าน

มู่ซืออวี่ได้ยินสิ่งที่หญิงคนนั้นพูดแล้วจึงลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงถามเพิ่มเติมว่า “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”

หญิงคนนั้นมองมู่ซืออวี่ด้วยความประหลาดใจ

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

และในขณะที่มู่ซืออวี่กำลังลุกยืนขึ้น นางก็รู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมา เพราะสายตาดูถูกที่กำลังจ้องมองมาอย่างไม่ปิดบัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+