สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 28 เจ้าคิดว่ากระดูกตัวเองทำจากเหล็กงั้นหรือ

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 28 เจ้าคิดว่ากระดูกตัวเองทำจากเหล็กงั้นหรือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 28 เจ้าคิดว่ากระดูกตัวเองทำจากเหล็กงั้นหรือ

บทที่ 28 เจ้าคิดว่ากระดูกตัวเองทำจากเหล็กงั้นหรือ

หลังจากที่ท่านหมอออกไปแล้ว มู่ซืออวี่ก็ปิดประตูลงแล้วค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของถงซื่อ

เห็นได้ชัดว่านางอยู่ในวัยสามสิบต้น ๆ เท่านั้น เป็นอายุที่ยังอยู่ในวัยสะพรั่งสำหรับโลกอนาคตที่หญิงสาวจากมา แต่ผิวของนางกลับหยาบกร้าน มีร่องรอยแผลทั้งเล็กและใหญ่ทั่วทั้งตัว ร่างกายบอบบางผอมแห้ง ดูเป็นหนังหุ้มกระดูกไปเสียทุกส่วน

นี่คือร่างกายของสตรีวัยสามสิบกว่าอย่างนั้นหรือ ดูราวกับคนอายุเกินสี่สิบไปมากแล้ว หญิงคนนี้ตรากตรำทำงานอย่างหนักและถูกทารุณนับครั้งไม่ถ้วน ในเมื่อร่างกายทรุดโทรมได้ถึงเพียงนี้ แล้วหัวใจเล่าจะเป็นอย่างไร

นางค่อย ๆ ทายาลงบนแผลอย่างเบามือ

แม้ว่ามารดาจะไม่ได้สติ แต่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเป็นพัก ๆ คงจะต้องรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

หลังจากทายาเสร็จสิ้น มู่ซืออวี่ก็พบว่าลู่อี้ถือถังน้ำอยู่

“จริงสิ… ข้าพาแม่กับน้องชายมาด้วยโดยไม่ได้ถามความเห็นเจ้าเลย ถ้าเจ้าไม่เห็น…”

“เจ้าทำถูกแล้ว” ลู่อี้เทน้ำลงไปในตุ่ม “ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันที่นี่ เราไม่ได้อดอยากถึงเพียงนั้น”

“เจ้าไม่ว่าข้าหรือ?” มู่ซืออวี่จ้องหน้าเขา

ลู่อี้เองก็มองหน้านางเช่นกัน “แม้แต่อีกายังรู้จักที่จะเลี้ยงดูแม่ของมัน เพราะแบบนั้นตระกูลลู่ของเราจะด้อยกว่าพวกนกที่เป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานได้อย่างไร”

“ขอบคุณเจ้ามาก” มู่ซืออวี่ดูสบายใจขึ้น “ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะหาเงินให้ได้มากกว่านี้ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระของเจ้า”

ลู่อี้ขมวดคิ้ว “ข้าไม่เคยมองว่าเป็นภาระ”

“ไม่ได้สิ…” มู่ซืออวี่บิดตัวไปมา “มันไม่ง่ายเลยที่จะหาเลี้ยงครอบครัวใหญ่ขนาดนี้ด้วยตัวคนเดียว ข้าจะรบกวนเจ้าให้ดูแลทั้งแม่และน้องชายอยู่คนเดียวได้อย่างไรกัน”

“เจ้าแค่ดูแลพวกเขา ส่วนข้าก็หาเงิน” ลู่อี้ตอบอย่างใจเย็น “แต่ตอนนี้เตียงที่บ้านไม่กว้างพอ ข้าจะขอให้ช่างไม้มาทำเตียงเพิ่มอีก ดังนั้น…”

“ช่างไม้หรือ ไม่จำเป็นหรอก” แววตาหญิงสาวเปล่งประกาย “ข้าทำเองได้ ให้ข้าจัดการเถอะ”

ลู่อี้มองนางอย่างเงียบ ๆ

หญิงสาวเองก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองพูดแปลก ๆ ออกไป

เจ้าของร่างเดิมเป็นคนขี้เกียจและไร้ความรู้ จะทำเครื่องเรือนเองได้อย่างไร ผู้ชายที่ฉลาดเป็นกรดคนนี้จะไม่ระแคะระคายใช่หรือไม่

นางกัดริมฝีปากด้วยความหงุดหงิดใจ

“ข้าหมายถึง…”

“เอาสิ” ลู่อี้เดินถือถังออกมา “แต่วันนี้ค่ำแล้ว นอนเบียดกันไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยทำก็แล้วกัน”

มู่ซืออวี่กะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะพึมพำอยู่กับตัวเอง “ช่างเป็นผู้ชายที่ดีอะไรขนาดนี้ เหมือนข้าจะเจอขุมทรัพย์เข้าให้แล้ว”

หากไม่ใช่ขุมทรัพย์ก็คงเป็นวายร้ายตัวฉกาจ เมื่อนึกถึงเส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับไปได้ในอนาคต มู่ซืออวี่ก็พลันกังวลใจขึ้นมา

ถงซื่อยังคงหมดสติ เป็นเรื่องยากที่จะป้อนข้าวป้อนยาให้นาง มู่ซืออวี่ใช้ไม้ไผ่ค่อย ๆ หยอดมันเข้าปากผู้เป็นแม่ โชคดีที่สามารถป้อนลงไปได้ถึงครึ่งชาม

ยามค่ำคืน ลู่จื่ออวิ๋นนอนลงข้างมู่ซืออวี่แล้วเริ่มถามคำถามมากมาย ตอนนี้เด็กน้อยไม่ได้กลัวมู่ซืออวี่อีกต่อไปแล้ว อีกทั้งยิ่งมีความสุขมากที่ได้สัมผัสกลิ่นหอมจากตัวท่านแม่

“ท่านแม่ของข้าตัวหอมจังเลย”

“หืม ข้าใช้กลีบดอกไม้มาผสมน้ำอาบน่ะ” หญิงสาวง่วงงุน แต่ก็ยังอธิบายกับเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

“ดีล่ะ คราวหน้าข้าก็จะอาบน้ำผสมกลีบดอกไม้ด้วย”

“ได้สิ”

“ท่านแม่ วันนี้ท่านน้าเล็กเก่งมาก ลูกเจี๊ยบบาดเจ็บที่ปีก ท่านน้าพันแผลให้มันด้วย เดี๋ยวก็คงจะหายแล้ว”

“ใช่ เขาเก่งมาก เจ้าชอบเขาไหม?”

“ชอบสิเจ้าคะ เพราะท่านน้าเล็กเคยช่วยข้าเอาไว้ก่อนหน้านี้” ลู่จื่ออวิ๋นเล่า “ตอนนั้นข้ากับพี่ชายถูกเด็กในหมู่บ้านรังแก ท่านน้าเล็กเป็นคนไล่พวกนั้นไป เขาเป็นคนดีมาก”

บ้านในชนบทเช่นนี้ผนังบาง ไม่ป้องกันเสียงแม้แต่น้อย กระท่อมตระกูลลู่ขนาดไม่กว้างขวางนัก แบ่งออกเป็นหลายห้อง เมื่อพูดคุยกันก็ได้ยินเสียงไปทั้งบ้าน โดยเฉพาะในยามค่ำคืนเช่นนี้ เสียงเล็ก ๆ ของเด็กน้อยจึงดังไปทั่ว ทุกคนในบ้านได้ยินสิ่งที่นางพูดอย่างชัดเจน

มู่เจิ้งหานอยู่บนเตียงเดียวกับลู่ฉาวอวี่ คืนนี้ลู่อี้และลู่เซวียนจึงไปนอนด้วยกันเพราะไม่มีห้องว่างในบ้านอีกแล้ว ส่วนถงซื่ออยู่ในห้องของมู่ซืออวี่เพื่อความสะดวกในการดูแล

ความจริงแล้วหากมีเตียงที่กว้างขวางพอ การจัดห้องเช่นนี้ก็เหมาะสมอย่างยิ่ง เพียงรอให้มู่ซืออวี่จัดการมันในวันพรุ่งนี้ ทุกคนก็จะได้นอนกันอย่างสบาย ๆ ไม่ต้องเบียดเสียด

อีกห้องหนึ่ง ลู่เซวียนเอ่ยขึ้นเบา ๆ ว่า “พี่ชาย ท่านหลับหรือยัง?”

“ยัง” ลู่อี้ตอบเสียงเบา

“ท่านว่า ผู้หญิงคนนั้นแปลกไปหรือไม่?”

“อืม”

“นางเปลี่ยนไปมาก เกิดอะไรขึ้นตอนที่เราไม่อยู่ นางเปลี่ยนไปขนาดนี้ได้อย่างไร”

“ไม่รู้สิ”

“บางครั้งข้าก็รู้สึกว่ามันแปลกเกินไป นางดูไม่เหมือนคนเดิมที่ข้ารู้จัก อย่างกับถูกผีสิง”

เสียงเย็นชาของลู่อี้ดังขึ้นมาข้างหูลู่เซวียน “ถ้าเป็นผีแล้วน่ากลัวหรือเปล่า?”

เมื่อนึกถึงมู่ซืออวี่คนเก่าและนางในตอนนี้ ลู่เซวียนก็ถอนหายใจ “ท่านพูดถูก ถ้านางเป็นผีจริง ๆ ผีตนนี้ก็คงจะน่ารักนิสัยดีกว่าตัวคนก่อนหน้าเสียอีก”

มู่ซืออวี่ถูกปลุกด้วยเสียงจากด้านนอก นางลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปที่ลู่จื่ออวิ๋น เด็กน้อยยังคงหลับสนิท นางจึงใช้มืออวบดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเล็ก จากนั้นก็ลุกจากเตียงเงียบ ๆ แล้วเดินออกจากห้อง

ในลานบ้าน ลู่อี้กำลังแบกไม้เข้ามาทางประตู

เมื่อมองเห็นว่ารอบ ๆ มีท่อนไม้อีกหลายท่อนเรียงกัน นางจึงรู้ว่าเขาตื่นมานานแล้ว

“ตื่นแล้วหรือ?” ชายหนุ่มเช็ดเหงื่อด้วยแขนเสื้อ

มู่ซืออวี่หยิบผ้าขนหนูที่แขวนอยู่บนเสาด้านข้างมาซับเหงื่อให้เขา

ลู่อี้พลันชะงักมือลง

ในเวลาที่ท้องฟ้ามืดสลัวช่วงเช้าตรู่ มองเห็นภาพรอบกายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เพราะสายตาที่ยอดเยี่ยมของชายหนุ่ม จึงสามารถออกไปตัดไม้ที่ภูเขาได้อย่างไม่ลำบาก และเขาก็สามารถมองเห็นนางได้อย่างชัดเจนมากเช่นกัน

ใบหน้าอ้วนท้วนและรูปร่างอวบอัดเช่นเดิม แต่การแสดงออกของนางช่างอ่อนโยนละมุนละไม ราวกับดอกไม้ที่บานสะพรั่งท่ามกลางขุนเขาและผืนป่า

ดอกไม้ป่าดอกน้อยไร้ชื่อไร้ราคา แต่ก็ยังคงสวยงามและยังมีกลิ่นหอมไม่เหมือนใคร สำหรับคนตกยากที่ติดอยู่ในป่าเขา ดอกไม้เป็นเครื่องมือเยียวยาจิตใจอันล้ำค่าที่สุด และมีเพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้

อาจเป็นเพราะฟ้ายังมืดสลัว นางจึงเข้าใจว่าเขาคงเห็นตนเองได้ไม่ชัดนัก หญิงสาวจึงผ่อนคลายลงอย่างมาก อีกทั้งยังใช้สายตาที่เป็นตัวของตัวเองมากกว่าในตอนกลางวัน

ลู่อี้จึงได้โอกาสนี้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของมู่ซืออวี่คนใหม่นี้

แม้แต่ลู่เซวียนยังรู้สึกถึงความผิดปกติของนาง เขาที่เป็นสามีจะไม่รู้ได้อย่างไร แม้ว่าคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปได้หลายครั้งตลอดชั่วชีวิต แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนอย่างกะทันหันแบบกลับดำเป็นขาวเช่นนี้

“ในที่สุด ข้าก็รู้ว่าฉาวอวี่เหมือนใคร” มู่ซืออวี่กล่าว “ผู้ชายตระกูลลู่ทุกคนไม่รู้จักรักษาสุขภาพกันบ้างเลยหรือ”

“ข้าแข็งแรงจะตาย” ลู่อี้ขมวดคิ้ว “ข้าดูแลสุขภาพของข้าอย่างดี”

“อย่างนั้นหรือ” มู่ซืออวี่มองหน้าสามี “เจ้านอนไปไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเช่นนี้ อยากเหนื่อยจนตายทิ้งให้พวกเราดูแลตัวเองกันหรือ?”

“ไร้สาระ” ลู่อี้ไม่ชอบคำพูดที่ฟังดูน่าเศร้าเช่นนั้น “เจ้าต้องทำเตียงก็ต้องมีไม้ ข้าถึงได้ตัดมาเตรียมเอาไว้ ระหว่างวันจะได้ออกไปหาล่าสัตว์บนภูเขาอย่างไรล่ะ ไม่ดีหรือ?”

“นี่มันมากเกินไป” มู่ซืออวี่รีบตอบ “เจ้าต้องเลี้ยงดูครอบครัว ข้ารู้ดี แต่ร่างกายของเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ตัดไม้แล้วจะไปล่าสัตว์อีก เจ้าคิดว่ากระดูกตัวเองทำจากเหล็กงั้นหรือ ค่อย ๆ ทำไปทีละอย่างเถอะ จะทำทุกอย่างให้เสร็จพร้อมกันอย่างนี้มันมากเกินไป กลับไปนอนอีกสักสองชั่วยามดีกว่า…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 28 เจ้าคิดว่ากระดูกตัวเองทำจากเหล็กงั้นหรือ

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 28 เจ้าคิดว่ากระดูกตัวเองทำจากเหล็กงั้นหรือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 28 เจ้าคิดว่ากระดูกตัวเองทำจากเหล็กงั้นหรือ

บทที่ 28 เจ้าคิดว่ากระดูกตัวเองทำจากเหล็กงั้นหรือ

หลังจากที่ท่านหมอออกไปแล้ว มู่ซืออวี่ก็ปิดประตูลงแล้วค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของถงซื่อ

เห็นได้ชัดว่านางอยู่ในวัยสามสิบต้น ๆ เท่านั้น เป็นอายุที่ยังอยู่ในวัยสะพรั่งสำหรับโลกอนาคตที่หญิงสาวจากมา แต่ผิวของนางกลับหยาบกร้าน มีร่องรอยแผลทั้งเล็กและใหญ่ทั่วทั้งตัว ร่างกายบอบบางผอมแห้ง ดูเป็นหนังหุ้มกระดูกไปเสียทุกส่วน

นี่คือร่างกายของสตรีวัยสามสิบกว่าอย่างนั้นหรือ ดูราวกับคนอายุเกินสี่สิบไปมากแล้ว หญิงคนนี้ตรากตรำทำงานอย่างหนักและถูกทารุณนับครั้งไม่ถ้วน ในเมื่อร่างกายทรุดโทรมได้ถึงเพียงนี้ แล้วหัวใจเล่าจะเป็นอย่างไร

นางค่อย ๆ ทายาลงบนแผลอย่างเบามือ

แม้ว่ามารดาจะไม่ได้สติ แต่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเป็นพัก ๆ คงจะต้องรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

หลังจากทายาเสร็จสิ้น มู่ซืออวี่ก็พบว่าลู่อี้ถือถังน้ำอยู่

“จริงสิ… ข้าพาแม่กับน้องชายมาด้วยโดยไม่ได้ถามความเห็นเจ้าเลย ถ้าเจ้าไม่เห็น…”

“เจ้าทำถูกแล้ว” ลู่อี้เทน้ำลงไปในตุ่ม “ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันที่นี่ เราไม่ได้อดอยากถึงเพียงนั้น”

“เจ้าไม่ว่าข้าหรือ?” มู่ซืออวี่จ้องหน้าเขา

ลู่อี้เองก็มองหน้านางเช่นกัน “แม้แต่อีกายังรู้จักที่จะเลี้ยงดูแม่ของมัน เพราะแบบนั้นตระกูลลู่ของเราจะด้อยกว่าพวกนกที่เป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานได้อย่างไร”

“ขอบคุณเจ้ามาก” มู่ซืออวี่ดูสบายใจขึ้น “ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะหาเงินให้ได้มากกว่านี้ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระของเจ้า”

ลู่อี้ขมวดคิ้ว “ข้าไม่เคยมองว่าเป็นภาระ”

“ไม่ได้สิ…” มู่ซืออวี่บิดตัวไปมา “มันไม่ง่ายเลยที่จะหาเลี้ยงครอบครัวใหญ่ขนาดนี้ด้วยตัวคนเดียว ข้าจะรบกวนเจ้าให้ดูแลทั้งแม่และน้องชายอยู่คนเดียวได้อย่างไรกัน”

“เจ้าแค่ดูแลพวกเขา ส่วนข้าก็หาเงิน” ลู่อี้ตอบอย่างใจเย็น “แต่ตอนนี้เตียงที่บ้านไม่กว้างพอ ข้าจะขอให้ช่างไม้มาทำเตียงเพิ่มอีก ดังนั้น…”

“ช่างไม้หรือ ไม่จำเป็นหรอก” แววตาหญิงสาวเปล่งประกาย “ข้าทำเองได้ ให้ข้าจัดการเถอะ”

ลู่อี้มองนางอย่างเงียบ ๆ

หญิงสาวเองก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองพูดแปลก ๆ ออกไป

เจ้าของร่างเดิมเป็นคนขี้เกียจและไร้ความรู้ จะทำเครื่องเรือนเองได้อย่างไร ผู้ชายที่ฉลาดเป็นกรดคนนี้จะไม่ระแคะระคายใช่หรือไม่

นางกัดริมฝีปากด้วยความหงุดหงิดใจ

“ข้าหมายถึง…”

“เอาสิ” ลู่อี้เดินถือถังออกมา “แต่วันนี้ค่ำแล้ว นอนเบียดกันไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยทำก็แล้วกัน”

มู่ซืออวี่กะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะพึมพำอยู่กับตัวเอง “ช่างเป็นผู้ชายที่ดีอะไรขนาดนี้ เหมือนข้าจะเจอขุมทรัพย์เข้าให้แล้ว”

หากไม่ใช่ขุมทรัพย์ก็คงเป็นวายร้ายตัวฉกาจ เมื่อนึกถึงเส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับไปได้ในอนาคต มู่ซืออวี่ก็พลันกังวลใจขึ้นมา

ถงซื่อยังคงหมดสติ เป็นเรื่องยากที่จะป้อนข้าวป้อนยาให้นาง มู่ซืออวี่ใช้ไม้ไผ่ค่อย ๆ หยอดมันเข้าปากผู้เป็นแม่ โชคดีที่สามารถป้อนลงไปได้ถึงครึ่งชาม

ยามค่ำคืน ลู่จื่ออวิ๋นนอนลงข้างมู่ซืออวี่แล้วเริ่มถามคำถามมากมาย ตอนนี้เด็กน้อยไม่ได้กลัวมู่ซืออวี่อีกต่อไปแล้ว อีกทั้งยิ่งมีความสุขมากที่ได้สัมผัสกลิ่นหอมจากตัวท่านแม่

“ท่านแม่ของข้าตัวหอมจังเลย”

“หืม ข้าใช้กลีบดอกไม้มาผสมน้ำอาบน่ะ” หญิงสาวง่วงงุน แต่ก็ยังอธิบายกับเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

“ดีล่ะ คราวหน้าข้าก็จะอาบน้ำผสมกลีบดอกไม้ด้วย”

“ได้สิ”

“ท่านแม่ วันนี้ท่านน้าเล็กเก่งมาก ลูกเจี๊ยบบาดเจ็บที่ปีก ท่านน้าพันแผลให้มันด้วย เดี๋ยวก็คงจะหายแล้ว”

“ใช่ เขาเก่งมาก เจ้าชอบเขาไหม?”

“ชอบสิเจ้าคะ เพราะท่านน้าเล็กเคยช่วยข้าเอาไว้ก่อนหน้านี้” ลู่จื่ออวิ๋นเล่า “ตอนนั้นข้ากับพี่ชายถูกเด็กในหมู่บ้านรังแก ท่านน้าเล็กเป็นคนไล่พวกนั้นไป เขาเป็นคนดีมาก”

บ้านในชนบทเช่นนี้ผนังบาง ไม่ป้องกันเสียงแม้แต่น้อย กระท่อมตระกูลลู่ขนาดไม่กว้างขวางนัก แบ่งออกเป็นหลายห้อง เมื่อพูดคุยกันก็ได้ยินเสียงไปทั้งบ้าน โดยเฉพาะในยามค่ำคืนเช่นนี้ เสียงเล็ก ๆ ของเด็กน้อยจึงดังไปทั่ว ทุกคนในบ้านได้ยินสิ่งที่นางพูดอย่างชัดเจน

มู่เจิ้งหานอยู่บนเตียงเดียวกับลู่ฉาวอวี่ คืนนี้ลู่อี้และลู่เซวียนจึงไปนอนด้วยกันเพราะไม่มีห้องว่างในบ้านอีกแล้ว ส่วนถงซื่ออยู่ในห้องของมู่ซืออวี่เพื่อความสะดวกในการดูแล

ความจริงแล้วหากมีเตียงที่กว้างขวางพอ การจัดห้องเช่นนี้ก็เหมาะสมอย่างยิ่ง เพียงรอให้มู่ซืออวี่จัดการมันในวันพรุ่งนี้ ทุกคนก็จะได้นอนกันอย่างสบาย ๆ ไม่ต้องเบียดเสียด

อีกห้องหนึ่ง ลู่เซวียนเอ่ยขึ้นเบา ๆ ว่า “พี่ชาย ท่านหลับหรือยัง?”

“ยัง” ลู่อี้ตอบเสียงเบา

“ท่านว่า ผู้หญิงคนนั้นแปลกไปหรือไม่?”

“อืม”

“นางเปลี่ยนไปมาก เกิดอะไรขึ้นตอนที่เราไม่อยู่ นางเปลี่ยนไปขนาดนี้ได้อย่างไร”

“ไม่รู้สิ”

“บางครั้งข้าก็รู้สึกว่ามันแปลกเกินไป นางดูไม่เหมือนคนเดิมที่ข้ารู้จัก อย่างกับถูกผีสิง”

เสียงเย็นชาของลู่อี้ดังขึ้นมาข้างหูลู่เซวียน “ถ้าเป็นผีแล้วน่ากลัวหรือเปล่า?”

เมื่อนึกถึงมู่ซืออวี่คนเก่าและนางในตอนนี้ ลู่เซวียนก็ถอนหายใจ “ท่านพูดถูก ถ้านางเป็นผีจริง ๆ ผีตนนี้ก็คงจะน่ารักนิสัยดีกว่าตัวคนก่อนหน้าเสียอีก”

มู่ซืออวี่ถูกปลุกด้วยเสียงจากด้านนอก นางลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปที่ลู่จื่ออวิ๋น เด็กน้อยยังคงหลับสนิท นางจึงใช้มืออวบดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเล็ก จากนั้นก็ลุกจากเตียงเงียบ ๆ แล้วเดินออกจากห้อง

ในลานบ้าน ลู่อี้กำลังแบกไม้เข้ามาทางประตู

เมื่อมองเห็นว่ารอบ ๆ มีท่อนไม้อีกหลายท่อนเรียงกัน นางจึงรู้ว่าเขาตื่นมานานแล้ว

“ตื่นแล้วหรือ?” ชายหนุ่มเช็ดเหงื่อด้วยแขนเสื้อ

มู่ซืออวี่หยิบผ้าขนหนูที่แขวนอยู่บนเสาด้านข้างมาซับเหงื่อให้เขา

ลู่อี้พลันชะงักมือลง

ในเวลาที่ท้องฟ้ามืดสลัวช่วงเช้าตรู่ มองเห็นภาพรอบกายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เพราะสายตาที่ยอดเยี่ยมของชายหนุ่ม จึงสามารถออกไปตัดไม้ที่ภูเขาได้อย่างไม่ลำบาก และเขาก็สามารถมองเห็นนางได้อย่างชัดเจนมากเช่นกัน

ใบหน้าอ้วนท้วนและรูปร่างอวบอัดเช่นเดิม แต่การแสดงออกของนางช่างอ่อนโยนละมุนละไม ราวกับดอกไม้ที่บานสะพรั่งท่ามกลางขุนเขาและผืนป่า

ดอกไม้ป่าดอกน้อยไร้ชื่อไร้ราคา แต่ก็ยังคงสวยงามและยังมีกลิ่นหอมไม่เหมือนใคร สำหรับคนตกยากที่ติดอยู่ในป่าเขา ดอกไม้เป็นเครื่องมือเยียวยาจิตใจอันล้ำค่าที่สุด และมีเพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้

อาจเป็นเพราะฟ้ายังมืดสลัว นางจึงเข้าใจว่าเขาคงเห็นตนเองได้ไม่ชัดนัก หญิงสาวจึงผ่อนคลายลงอย่างมาก อีกทั้งยังใช้สายตาที่เป็นตัวของตัวเองมากกว่าในตอนกลางวัน

ลู่อี้จึงได้โอกาสนี้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของมู่ซืออวี่คนใหม่นี้

แม้แต่ลู่เซวียนยังรู้สึกถึงความผิดปกติของนาง เขาที่เป็นสามีจะไม่รู้ได้อย่างไร แม้ว่าคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปได้หลายครั้งตลอดชั่วชีวิต แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนอย่างกะทันหันแบบกลับดำเป็นขาวเช่นนี้

“ในที่สุด ข้าก็รู้ว่าฉาวอวี่เหมือนใคร” มู่ซืออวี่กล่าว “ผู้ชายตระกูลลู่ทุกคนไม่รู้จักรักษาสุขภาพกันบ้างเลยหรือ”

“ข้าแข็งแรงจะตาย” ลู่อี้ขมวดคิ้ว “ข้าดูแลสุขภาพของข้าอย่างดี”

“อย่างนั้นหรือ” มู่ซืออวี่มองหน้าสามี “เจ้านอนไปไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเช่นนี้ อยากเหนื่อยจนตายทิ้งให้พวกเราดูแลตัวเองกันหรือ?”

“ไร้สาระ” ลู่อี้ไม่ชอบคำพูดที่ฟังดูน่าเศร้าเช่นนั้น “เจ้าต้องทำเตียงก็ต้องมีไม้ ข้าถึงได้ตัดมาเตรียมเอาไว้ ระหว่างวันจะได้ออกไปหาล่าสัตว์บนภูเขาอย่างไรล่ะ ไม่ดีหรือ?”

“นี่มันมากเกินไป” มู่ซืออวี่รีบตอบ “เจ้าต้องเลี้ยงดูครอบครัว ข้ารู้ดี แต่ร่างกายของเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ตัดไม้แล้วจะไปล่าสัตว์อีก เจ้าคิดว่ากระดูกตัวเองทำจากเหล็กงั้นหรือ ค่อย ๆ ทำไปทีละอย่างเถอะ จะทำทุกอย่างให้เสร็จพร้อมกันอย่างนี้มันมากเกินไป กลับไปนอนอีกสักสองชั่วยามดีกว่า…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+