สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 613 หาไม่ได้อีกแล้ว

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 613 หาไม่ได้อีกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 613 หาไม่ได้อีกแล้ว

บทที่ 613 หาไม่ได้อีกแล้ว

“ข้าอยากพบฮูหยิน ตอนนี้ฮูหยินว่างหรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถามหลังจากออกมา

“ฮูหยินกำลังรอคุณหนูลู่อยู่เจ้าค่ะ” สาวใช้กล่าว “เชิญทางนี้…”

ลู่จื่ออวิ๋นเดินตามสาวใช้กลับไปที่เรือนของฮูหยินอู่อันโหว

ยังไม่ทันได้เข้าไปก็ได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญเสียแล้ว

“ท่านป้า ท่านต้องตัดสินให้หว่านเอ๋อร์นะเจ้าคะ”

ลู่จื่ออวิ๋นไม่พอใจขึ้นมา

สตรีผู้นั้นมีปัญหาจริง ๆ พบหน้ากันก็ลอบโจมตีนางแล้ว

อย่างไรก็ตาม ขณะที่นางกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า ในที่สุดก็นึกได้ว่าเคยพบอีกฝ่ายที่ใด

สตรีผู้นั้นคือคนที่ต้องการซื้อเรือนพักผ่อนบนภูเขาของสกุลลู่ในตอนนั้น บุตรสาวผู้มั่งคั่งนิสัยหยาบคายที่ถูกท่านแม่ของนางไล่กลับไปในท้ายที่สุด อย่างไรเสียตอนนั้นอีกฝ่ายก็เดินทางไปกับเซี่ยเฉิงจิ่น อีกทั้งยังเรียกเขาว่าญาติผู้พี่

“ฮูหยิน คุณหนูลู่ขอพบเจ้าค่ะ”

“เชิญนางเข้ามา” น้ำเสียงของฮูหยินอู่อันโหวยังคงอ่อนโยนเป็นอย่างมาก

ลู่จื่ออวิ๋นเดินตามสาวใช้เข้ามาในห้องโถง

ฮูหยินอู่อันโหวนั่งอยู่ข้างบน ด้านข้างมีเซี่ยเฉิงจิ่นผู้นิ่งเงียบมาตลอดนั่งอยู่

ที่แท้เขาก็อยู่ที่นี่

เซี่ยเฉิงจิ่นเงยหน้าขึ้นมามองนางแวบหนึ่ง เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวนาง เขาพลันแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาชั่วขณะ แล้วหันกลับไปมองฮูหยินอู่อันโหว

ฮูหยินอู่อันโหวแสดงรอยยิ้มพึงพอใจออกมา “ไม่เลวเลย หลังจากผ่านฝีมือปรับเปลี่ยนของเจ้าก็แตกต่างออกไปในทันที ชุดนี้เป็นชุดที่ข้าใส่ตอนยังเยาว์ เคยใส่เพียงครั้งสองครั้งเท่านั้น หากเจ้าไม่รังเกียจ เช่นนั้นก็มอบให้เจ้าแล้ว เนื้อผ้าที่ใช้คงหาไม่ได้อีกแล้ว จนกระทั่งบัดนี้ข้าก็ยังไม่เคยเห็นสินค้าใหม่ ๆ ออกมา แต่ไหนแต่ไรเจ้าก็ชอบของเหล่านี้ สามารถนำกลับไปค่อย ๆ ศึกษาดูได้”

“นี่ไม่ดีกระมังเจ้าคะ?” ลู่จื่ออวิ๋นตกใจเมื่อนางได้ยินคำว่า ‘หาไม่ได้อีกแล้ว’ ทว่าเมื่อคิดว่านี่เป็นของฮูหยินอู่อันโหว นางก็รู้สึกว่าไม่ควรนำมันกลับไป “วันนี้เดิมทีข้ามาส่งเสื้อผ้าให้ฮูหยิน หากทำหน้าที่ไม่สำเร็จ แล้วยังนำชุดของฮูหยินกลับไปอีกชุด เช่นนี้คงจะเสียมารยาทยิ่งนัก”

“เจ้าสวมใส่ชุดนี้ได้งดงาม ข้ายินดีมอบให้เจ้า มีอันใดเสียมารยาทกัน?” ฮูหยินอู่อันโหวกล่าว “ตกลงตามนี้แหละ”

“ท่านป้า…” หานหว่านเอ๋อร์หันไปมองมองฮูหยินอู่อันโหวด้วยความคับข้องใจ “หว่านเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บแล้ว ท่านป้าไม่ตัดสินให้หว่านเอ๋อร์ ทั้งยังมอบเสื้อผ้าให้คนที่ทำร้ายหว่านเอ๋อร์จนกลายเป็นเช่นนี้ หว่านเอ๋อร์ไม่ยอมนะเจ้าคะ”

“เช่นนั้นเจ้าว่ามา เหตุใดเจ้าจึงไปอยู่ที่ศาลาได้?” ฮูหยินอู่อันโหวเอ่ยอย่างใจเย็น

“หว่านเอ๋อร์ชอบศาลาหลังนั้นจึงอยากไปนั่ง”

“เช่นนั้นหรือ? เจ้าชอบศาลาหลังนั้น แล้วเมื่อเจ้าพบคุณหนูลู่ เจ้าคิดจะทำอันใดนาง?”

“ไม่นะเจ้าคะ หว่านเอ๋อร์ไม่ได้ทำอันใดเลยนะเจ้าคะ”

“หากเจ้าไม่ได้ทำอันใด สุนัขตัวนั้นจะกัดเจ้าไปไย?” ฮูหยินอู่อันโหวเอ่ยอย่างเย็นชา “หานหว่านเอ๋อร์ ที่นี่คือจวนอู่อันโหว ไม่ใช่จวนหานของพวกเจ้า เจ้าสร้างความขุ่นเคืองใจให้แขกพิเศษของข้าในจวนของข้า ฮูหยินผู้นี้เห็นแก่ความเป็นญาติจึงไม่ได้ทำให้เจ้าลำบากใจ เจ้ายังกล้าปัดความผิดให้ผู้อื่นหรือ? เรื่องที่เจ้าทำที่ศาลาเมื่อครู่นี้ข้าล้วนเห็นทุกอย่าง ไม่อาจยอมรับคำปฏิเสธของเจ้าได้”

เซี่ยเฉิงจิ่นที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้นนิ่ง ๆ “เจ้าคิดว่าข้าเป็นเพียงผู้เดียวที่เห็นหรือ? ท่านป้าของเจ้าก็อยู่ไม่ไกลออกไป ย่อมมองเห็นเรื่องที่เจ้าทำหมดแล้ว”

สีหน้าหานหว่านเอ๋อร์ไม่น่าดูชมขึ้นมาทันที

นางนึกไม่ถึงว่าฮูหยินอู่อันโหวจะอยู่ที่นั่น หากนางรู้…

ไม่สิ หากนางเห็นเซี่ยเฉิงจิ่น นางคงไม่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนั้นแน่นอน

ทว่าตอนนั้นเมื่อนางเห็นลู่จื่ออวิ๋นก็ไม่อาจระงับความแค้นภายในใจได้ จึงผลักอีกฝ่าย

ศาลานั้นตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างสูง หากผลักอีกฝ่ายจากด้านบนแล้วตกลงมา ย่อมไม่ง่ายดายเหมือนการหกล้ม นั่นจะต้องทำให้ลู่จื่ออวิ๋นได้รับความเจ็บปวดอย่างแน่นอน

เดิมทีลู่จื่ออวิ๋นยังคิดจะอธิบาย แต่ในเมื่อฮูหยินอู่อันโหวรู้ที่มาที่ไปทั้งหมดแล้ว เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใดอีก

“ฮูหยิน บนเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนคราบสกปรก ไม่สามารถสวมใส่ได้แล้ว จื่ออวิ๋นจะทำตัวใหม่ส่งมาให้นะเจ้าคะ”

“เสื้อผ้าเสียหายในจวนอู่อันโหวของเรา ไม่ตำหนิเจ้า ทว่าเจ้าช่วยข้าทำอีกชุดเถิด ราคายังคงเท่าเดิม มามา จ่ายเงินให้นางด้วย”

มามาที่อยู่ข้าง ๆ นำกล่องออกมา จากนั้นจึงหยิบตั๋วเงินห้าฉบับ

ลู่จื่ออวิ๋นไม่ได้เกรงใจ รับเอาตั๋วเงินไป

“เช่นนั้นจื่ออวิ๋นไม่รบกวนแล้ว ขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”

“ไปเถอะ” ฮูหยินอู่อันโหวเอ่ย “ข้าเองก็มีเรื่องที่บ้านต้องจัดการพอดี”

ลู่จื่ออวิ๋นหันกลับไปมองหานหว่านเอ๋อร์และกล่าวว่า “ก่อนที่ข้าจะไป ข้าขอแนะนำท่านสักเรื่อง ท่านแม่ข้ากล่าวว่าควรระงับอารมณ์ตนเองจะดีกว่า วันนี้เห็นแก่ฮูหยินและซื่อจือ ข้าจึงไม่ได้ตอบโต้ท่าน ครั้งหน้าข้าคงไม่เกรงใจเพียงนี้ ท่านอาจไม่รู้ว่าข้ามีผู้คุ้มกันคอยปกป้องลับ ๆ สี่คน ล้วนเป็นคนที่ท่านพ่อจัดหามาให้ เมื่อครู่นี้หากข้าไม่ลงมือ เกรงว่าจะเป็นพวกเขาที่ลงมือแล้ว หากพวกเขาลงมือคงไม่ใช่เพียงแค่ทิ่มเข็มเป็นแน่ แต่เป็น…”

นางทำท่าทางเชือดคอตนเอง

หานหว่านเอ๋อร์ “…”

นางหนาวยะเยือกไปทั่วสรรพางค์กาย รู้สึกราวกับเพิ่งรอดพ้นความตายมาได้

“ข้าจะไปส่งนาง” เซี่ยเฉิงจิ่นลุกขึ้นยืน

“ได้ รีบไปส่งเถิด” ฮูหยินอู่อันโหวยิ้มแย้มออกมา

เด็กคนนี้ช่างเป็นคนที่หาได้ยากจริง ๆ นางชักจะอยากแย่งชิงกลับมาไว้ที่บ้านแล้ว

ลูกสาวยังคงดีกว่าลูกชาย หน้าตาก็งดงาม นิสัยหรือก็อ่อนหวาน พูดจานุ่มนวลรื่นหู ไม่เหมือนกับลูกชาย…

นอกจากหล่อเหลาก็ไม่มีอันใดดี

เซี่ยเฉิงจิ่นไปส่งลู่จื่ออวิ๋นถึงประตู

“ขอบคุณท่านซื่อจื่อที่มาส่ง” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “เช่นนั้นข้า…”

“เจ้ามีผู้คุ้มกันลับ ๆ มากกว่าสี่คน” เซี่ยเฉิงจิ่นกล่าว “คงมีหกคนกระมัง”

ลู่จื่ออวิ๋น “…”

เขามองออกได้อย่างไร?

ในเมื่อเป็นผู้คุ้มกันลับ แน่นอนว่าเป็นเพราะอยู่ในเงามืด ปกติแม้แต่นางยังไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ใด

“จวนอู่อันโหวมีผู้คุ้มกันลับอยู่มากมาย เจ้าคิดว่าหากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ผู้คุ้มกันลับของเจ้าจะเข้าไปในจวนแห่งนี้ได้หรือ?” เซี่ยเฉิงจิ่นเลิกคิ้ว “ทว่าฝีมือของพวกเขาไม่เลวจริง ๆ”

ลู่จื่ออวิ๋นถลึงตามองเขา จากนั้นจึงเดินจากไปด้วยความโมโห

ฝีมือไม่เลว ทว่าเมื่อเทียบกับเขาแล้วยังด้อยกว่าเล็กน้อย เขาต้องการจะกล่าวเช่นนี้กระมัง?

เซี่ยเฉิงจิ่นถูกคุณหนูลู่ชักสีหน้าใส่จนทำให้สับสน

ไม่ว่าเขาจะฉลาดเพียงใดก็ยังไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่นี้นางยังดี ๆ อยู่แท้ ๆ เหตุใดถึงโกรธขึ้นมาได้?

เมื่อครู่นี้คำพูดของเขามีที่ใดไม่ถูกต้องหรือ?

ฮูหยินอู่อันโหวมองหานหว่านเอ๋อร์ที่กำลังคุกเข่าร้องไห้อยู่ที่นั่น “เจ้าก็เห็นแล้ว ทุกครั้งที่เจ้ามา บ้านเราไม่เคยได้สงบเลย ภายหน้าเจ้าไม่มีเรื่องอันใดก็ไม่ต้องมาแล้ว”

“ท่านป้า…” หานหว่านเอ๋อร์มองนางด้วยความตกใจ “ข้าเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของท่านลุงนะเจ้าคะ”

“แล้วอย่างไร? เจ้าคิดว่าข้าไล่เจ้าออกไป ท่านลุงเจ้าจะโกรธข้าหรือ?” ฮูหยินอู่อันโหวมองนางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

“ท่านลุง… ท่านลุงจะต้องไม่พอใจเป็นแน่” หานหว่านเอ๋อร์กล่าวด้วยท่าทีแข็งกร้าว

“หานหว่านเอ๋อร์ เมื่อก่อนข้าตามใจเจ้า เพราะถึงแม้เจ้าจะเอะอะโวยวายก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร แต่ตอนนี้เจ้ากลับกล้าทำร้ายคนในจวนพวกเรา แม่นางเช่นเจ้า พวกเราจวนอู่อันโหวไม่กล้ารับเอาไว้เป็นอันขาด เจ้ากลับไปที่สกุลหานของพวกเจ้าเถอะ ข้าจะเขียนจดหมายสักฉบับ ให้พ่อแม่ของเจ้าแต่งเจ้าออกไปโดยเร็วที่สุด ส่วนเฉิงจิ่นของพวกเรา เจ้าอย่าได้คาดหวังเลย”

“ท่านป้า ข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคนนะเจ้าคะ ข้าเพียงแค่อยากล้อเล่นกับแม่นางลู่เท่านั้น ผู้ใดจะรู้ว่านางจะตอบสนองรุนแรงเช่นนี้ ญาติผู้พี่ก็เข้าใจข้าผิดแล้วเช่นกัน” หานหว่านเอ๋อร์เอ่ยอย่างลนลาน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด