สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 482 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 482 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 482 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง

บทที่ 482 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง

“เหตุใดต้องสงสาร” มู่ซืออวี่เอ่ย “อย่าทำอะไรขาดเขลาไปหน่อยเลย ท่านอาจูดีกับท่านถึงเพียงนี้ หากรู้ว่าท่านยังเข้าไปพัวพันกับมู่ต้าซานอีก เขาคงเสียใจเป็นแน่”

“เรียกชื่อเขาเฉย ๆ ได้อย่างไร?” ถงซื่อตำหนิ “ไม่ว่าเจ้าจะไม่ชอบเขาเพียงใด เขาก็เป็นบิดาของเจ้า”

“หากไม่เรียกชื่อเขา เช่นนั้นจะให้เรียกว่าอะไรเล่า? ท่านอา? ท่านพ่อ? ข้ายินดีรับฟังท่าน แต่ไม่ยินดีเรียกหรอกนะ!” มู่ซืออวี่กล่าว “ท่านคงเข้าใจในความหมายของข้า”

ขนมอบยอดนิยมสำหรับวันเกิดพร้อมแล้ว มู่ซืออวี่เดินถือมันเข้าใปในห้องโถง

“ก้อนขนมนี่คืออะไร?” เวินเหวินซงเอ่ยขึ้น “พี่สะใภ้ ท่านยังมีความลับที่ปิดบังอยู่ใช่หรือไม่?”

“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นสิ่งนี้” ท่านหมอจูเอ่ย “นี่เรียกว่าอะไรหรือ?”

“สิ่งนี้เรียกว่า ‘เค้กวันเกิด’ เป็นขนมที่กินกันในวันเกิดน่ะ” มู่ซืออวี่วางของลงบนโต๊ะ “ญาติสนิทมิตรสหายและผู้อาวุโสอยู่พร้อมหน้ากันที่นี่ เด็กทั้งสองก็อายุสิบเอ็ดปีแล้ว เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วนัก พวกเราผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย เรื่องราวของเราล้วนจารึกอยู่ที่นี่ พวกเรามาอธิษฐานพร้อม ๆ กันเถอะ!”

ในสมัยโบราณ ท่ามกลางบ้านเรือนสมัยเก่า มู่ซืออวี่นำคนยุคก่อนร้องเพลงวันเกิด จุดเทียน และสอนให้เด็กน้อยอธิษฐานขอพร ตามพิธีการในวันเกิด

ดูเหมือนรสชาติของเค้กวันเกิดจะดึงดูดใจทุกคน แต่ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน เหล่าบุรุษก็ยังคงไม่ชมชอบของหวาน เค้กจึงลงไปอยู่ในท้องของเด็ก ๆ และสตรีเป็นส่วนใหญ่

“ขนมอบที่เรียกว่าเค้กนี่ราคาแพงเสียจริง นมวัว ไข่ แป้งหมี่ขาวละเอียด อีกทั้งยังมีผลไม้สดอื่น ๆ มากมาย เพียงแค่มองส่วนผสมเหล่านี้ก็รู้ว่าคนธรรมดาไม่อาจซื้อหาได้ อีกทั้งคนทำก็ต้องเชี่ยวชาญ หากผิดพลาดแม้เพียงน้อยนิด ผลลัพธ์อาจไม่เป็นอย่างที่หวัง เมื่อครู่เห็นพี่หญิงทำผิดไปเพียงขั้นตอนเดียว ทั้งหมดก็พังเสียแล้ว ข้าปวดใจจริง ๆ” หวงอันหนิงเอ่ย “เดิมที ข้าคิดว่าเค้กนี่หน้าตาสวยงาม อยากจะเรียนไปทำขายที่ร้านบ้าง ทว่าหลังจากเห็นขั้นตอนทั้งหมด ข้าก็ขอยอมแพ้ ถึงแม้ข้าจะทำออกมาได้ แต่คนก็คงซื้อกินไม่ไหว”

“เค้กมีราคาแพงจริง ๆ อีกทั้งวิธีทำก็ค่อนข้างยุ่งยาก” มู่ซืออวี่เอ่ย “ได้ยินว่าพวกเจ้าคิดค้นสินค้าใหม่ ๆ ขึ้นมา อีกทั้งลูกค้ายังนิยมเป็นอย่างมาก”

“ยังคงไม่ประณีตเท่าขนมของพี่หญิง”

“ของพวกนี้ข้าไม่ได้คิดขึ้นมาด้วยตัวเอง” มู่ซืออวี่เอ่ย

เหยาซื่อ เฉินซื่อ และถงซื่อนั่งอยู่ในสวนพลางกินเมล็ดแตง เหยาซื่อมองถงซื่อที่มีใบหน้าอมชมพูแล้วเอ่ยว่า “ยังคงเป็นท่านที่ได้ใช้ชีวิตดี ๆ ดูหน้าแดงปลั่งของท่านสิ ราวกับแม่นางน้อยแหนะ พวกเราอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ข้าเอาแต่อุ้มหลานชาย ทั้งวันมีแต่กลิ่นอุจจาระปัสสาวะคละคลุ้งทั่วตัว หาได้หอมฟุ้งเหมือนท่าน กลิ่นราวกับบุปผาแดนเซียนอย่างไรอย่างนั้น”

“เจ้าก็พูดเกินจริง” ถงซื่อเอียงอาย “กล่าวถึงเรื่องดูแลเด็ก ๆ แล้ว ข้าไม่ได้ดูแลเด็ก ๆ เหมือนกันหรือไร”

“จูเฉินเป็นเด็กเข้มแข็งและซื่อตรง เหมือนพี่ชายของเขาเมื่อยังเด็ก” เฉินซื่อลดเสียงลงแล้วกระซิบเบา ๆ “ความสัมพันธ์ของพี่ชายน้องชายทั้งสองเป็นอย่างไรหรือ? ไม่ทำให้ท่านลำบากใจใช่หรือไม่?”

“พวกท่านยังไม่เข้าใจหานเอ๋อร์อีกหรือ? หากเขาเป็นคนไร้เหตุผล ข้าคงไม่ได้มีชีวิตอย่างทุกวันนี้ ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เขาจะเป็นฝ่ายยอมเสมอ แต่พวกเจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ผิดต่อหานเอ๋อร์แน่นอน หากเฉินเอ๋อร์ไม่ฟังพี่ชายของเขา ถึงแม้ข้าจะไม่ตี พ่อเขาก็ต้องทำอย่างแน่นอน สามีข้ามักจะเอ่ยว่ารู้สึกติดค้างหานเอ๋อร์เสมอ”

“ข้าก็ว่าอยู่ว่าเหตุใดบุรุษที่ดีอย่างท่านหมอจูจึงไม่แต่งงานมาตลอดหลายปี ที่แท้เขาก็รอเจ้านี่เอง!” เหยาซื่อเอ่ยอย่างอิจฉา “สตรียังต้องหาคู่ชีวิต ดูข้าสิ ลูกชายแต่งภรรยา ลูกสาวของข้าก็มีลูกเขยแล้ว ตอนนี้นอกจากดูแลเด็ก ๆ ข้าก็ไม่รู้จะไปทำอะไร”

สตรีหลายคนพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีมานี้ ลู่เหม่ยฉินและคนอื่น ๆ กำลังพูดคุยถึงปัญหาวุ่นวายของพวกนาง ชีวิตก็เช่นนี้ เรียบง่ายแต่ก็ยากเย็น ดีบ้างร้ายบ้าง แม้โศกเศร้าแต่ก็มีความสุข บ่นเสร็จแล้ว วันถัดไปก็ใช้ชีวิตต่อตามปกติ

“นังหนูอวี่จะพาเด็ก ๆ เข้าเมืองหลวงแล้ว ท่านทำใจแยกจากนางลงหรือ?”

“ไม่ช้าก็เร็วล้วนต้องไป ไปเร็วหน่อยก็ดี ลูกเขยของข้าไม่รู้จักใครในเมืองหลวง เขาโดดเด่นเพียงนั้น ไม่รู้มีสตรีมากเพียงใดหมายตา” ถงซื่อเอ่ย “ข้าทำใจแยกจากพวกเขาไม่ได้ ทว่าเมื่อลูกเติบใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ต้องโผบินออกไป เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ไม่อาจเหนี่ยวรั้งพวกเขาไว้ได้”

เจิ้งซูอวี้กอดมู่ซืออวี่แล้วเอ่ยว่า “วันนี้พวกเราไม่เมาไม่เลิกรา”

“ยังต้องดูแลเด็ก ๆ นะ!” มู่ซืออวี่เอ็ด “ถึงแม้ข้าจะไม่ต้องดูแลเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์และฉาวอวี่ แต่เสี่ยวชิงเอ๋อร์ยังเด็กนัก!”

“พวกเราอยู่นี่แล้ว เจ้าอยู่กับนางไปเถอะ!” เหยาซื่อเอ่ย “จากลากันครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่”

“ได้ยินหรือไม่? ตอนนี้มาดื่มเป็นเพื่อนข้าเสียดี ๆ วันนี้ข้าจะต้องทำให้เจ้าเมาให้ได้”

ท้ายที่สุด เจิ้งซูอวี้ก็ไม่ได้มอมมู่ซืออวี่อย่างปากว่า พวกนางหาที่เงียบ ๆ ดื่มกันสองจอก จากนั้นก็นั่งพิงกันชมพระจันทร์และดวงดาว เอ่ยถึงความกังวลและปลดเปลื้องความรู้สึกต่าง ๆ ออกมา

“ข้าขอให้นายน้อยฉินส่งจดหมายไปยังเมืองหลวงให้ สามีข้าตอบกลับมาแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “เหยี่ยวส่งจดหมายไม่ธรรมดาจริง ๆ ตอบกลับมารวดเร็วถึงเพียงนี้”

“เจ้าถามเรื่องฟางโจวอวี่หรือ?”

“ฟางโจวอวี่ทำความผิดร้ายแรงเช่นนั้น แม้เขาจะไม่ถูกตัดสินโทษประหารก็ไม่ควรถูกปล่อยตัวออกมา บางทีเขาอาจหลบหนีมาจากคุก ข้าจึงอยากรู้ให้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น” มู่ซืออวี่เอ่ย “สามีเขียนมาว่าฟางโจวอวี่ถูกตัดสินโทษประหารและเขาถูกประหารไปแล้ว การที่เขาปรากฏตัวด้านนอก จึงตีความได้เพียงอย่างเดียวว่าเขายังไม่ตาย!”

“ผู้ที่อยู่เบื้องหลังฟางโจวอวี่ปิดฟ้าด้วยมือเปล่า!” เจิ้งซูอวี้มองหน้าสหาย “พวกเจ้าอยู่ในเมืองหลวงคงอันตรายกว่าเมืองฮู่เป่ยมากนัก เจ้าจะต้องระวังตัวให้ดี”

ห้าวันต่อมา พวกมู่ซืออวี่ก็ออกเดินทางอย่างยิ่งใหญ่

หน้าประตูเมือง มีคนมากมายยืนรอส่งอยู่

คนเหล่านี้ล้วนเป็นญาติและมิตรสหายของมู่ซืออวี่ ทั้งยังมีคนคุ้นหน้าที่นางจำชื่อไม่ได้

มู่ซืออวี่พัฒนาเศรษฐกิจของเมืองฮู่เป่ย ทำให้ผู้คนที่นี่มั่งคั่งมากกว่าเดิม ราษฎรจึงจดจำความดีงามของนางได้

มู่ซืออวี่ไม่เพียงพาลูก ๆ ของนางไปเมืองหลวงเท่านั้น แต่ยังพามู่เจิ้งหานไปด้วย

“ช้าก่อน… ช้าก่อน…..” คนผู้หนึ่งไล่ตามมาบนหลังม้า

ข้างหลังคนผู้นั้นยังมีคนอื่น ๆ อีกหลายคน ทั้งหมดล้วนมีฝีมือไม่เลว พวกเขาต่างก็ควบม้าตามมาทั้งสิ้น

“เหตุใดเขาจึงมาอีกแล้ว?” ลู่จื่ออวิ๋นขมวดคิ้วเมื่อนางเห็นผู้ที่ตามมา

“ฮูหยินลู่ ข้าก็อยากกลับไปเมืองหลวงเช่นกัน ขอร่วมทางไปในรถม้าด้วยได้หรือไม่?” ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยขออนุญาต

มู่ซืออวี่เปิดม่านออกแล้วเอ่ยกับฟ่านเหยี่ยน “ท่านไปที่รถม้าด้านหลังเถอะ! ฉาวอวี่และน้องหานอยู่บนนั้น”

“ขอบคุณฮูหยิน” ฟ่านเหยี่ยนยกยิ้ม “เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ พวกเราพบกันอีกแล้ว”

ลู่จื่ออวิ๋นไม่สนใจเขา

มู่ซืออวี่อุ้มลู่จื่อชิงไว้ ลูบหลังนางเบา ๆ อย่างอ่อนโยนพลางกล่อมให้หลับ หลังจากฟ่านเหยี่ยนไปแล้ว นางจึงเอ่ยกับลู่จื่ออวิ๋น “อย่างไรเขาก็เป็นถึงองค์ชายห้า อย่าได้เสียมารยาทกับผู้อื่น”

“ท่านแม่ ข้าทราบแล้ว” นางรับคำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด