สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 521 ฮูหยินผู้สูงศักดิ์หนีหนี้

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 521 ฮูหยินผู้สูงศักดิ์หนีหนี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 521 ฮูหยินผู้สูงศักดิ์หนีหนี้

บทที่ 521 ฮูหยินผู้สูงศักดิ์หนีหนี้

มู่ซืออวี่พักผ่อนหนึ่งคืน วันถัดมานางจึงไปดู ‘เรือนกรุ่นฝัน’ ตั้งแต่เช้าตรู่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

เดิมทีลู่อี้ลาหยุดสองสามวัน ตั้งใจว่าจะใช้เวลาอยู่ที่บ้านกับนาง ทว่าเมื่อเห็นภรรยาเป็นเช่นนี้ เขาได้แต่จำใจเปลี่ยนชุดขุนนางพาจือเชียนไปสะสางคดีที่อยู่ในมือต่อ

“อาจารย์ แผ่นแปะทำความร้อนขายได้ดีมาก พวกเราควรทำเพิ่มอีกสักชุดหรือไม่ขอรับ?” เฟิงเจิงยืนอยู่หน้าโต๊ะ รอคอยคำแนะนำจากมู่ซืออวี่

มู่ซืออวี่ส่ายศีรษะเบา ๆ “ไม่ละ อากาศเริ่มอุ่นขึ้นแล้ว ต่อไปอากาศจะไม่หนาวอีก ไม่จำเป็นต้องทำเพิ่ม”

“ขอรับ”

“เมื่อครู่นี้ตอนข้าเข้ามาเห็นคนแปลกหน้ามากมาย ระยะนี้เจ้าจ้างคนงานใหม่เพิ่มหรือ?”

เฟิงเจิงมองออกไปนอกประตูแล้วลดเสียงลง เอ่ยเบา ๆ ว่า “พี่อี้เพิ่งส่งมาขอรับ แต่ละคนล้วนแต่มีฝีมือ ข้าไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าในเมื่อเป็นคนที่พี่อี้ส่งมา เช่นนั้นต้องไว้ใจได้เป็นแน่”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” มู่ซืออวี่นึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ ลู่อี้คงทำเช่นนี้เพื่อความปลอดภัยของนาง คิดเช่นนี้แล้ว ในใจก็อดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้

เช้านี้ตอนที่นางบอกว่าจะมาที่ร้าน เขายังไม่ลุกจากที่นอน เอนกายอยู่บนเตียงด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย ดวงตาที่ปกติทำให้ผู้ร้ายหวาดผวาจนขวัญหนีดีฝ่อเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย ราวกับสามีที่ถูกภรรยาทอดทิ้ง

นางกอดเขา จูบเขาอยู่อย่างนั้นหลายครั้ง ความหดหู่ของลู่อี้จึงลดลงได้ เขาลุกขึ้นจากเตียงออกไปทำงานอย่างอิดออด

เฟิงเจิงเห็นมู่ซืออวี่นิ่งไปจึงโบกมือไปมาเบื้องหน้านาง พร้อมเรียก ‘อาจารย์’ อยู่หลายครั้ง

“หืม?”

“อาจารย์ ท่านและพี่อี้แต่งงานกันมามากกว่าสิบปีแล้ว เหตุใดยังไม่เบื่อหน่ายกันอีกเล่า?” สีหน้าเฟิงเจิงราวกับทนไม่ได้ “โชคยังดีที่อีกไม่นานข้าก็จะแต่งงานแล้ว”

มู่ซืออวี่แบมือออกสองข้าง สีหน้าจนปัญญา “ช่วยไม่ได้ พี่อี้ของพวกเจ้าไม่อาจอยู่โดยไม่มีข้า เมื่อครู่นี้เจ้าว่าอย่างไรนะ?”

“คือว่า… ไม่นานมานี้พวกเราไม่ได้รับค่าสินค้า คนงานของพวกเราไปถึงประตูบ้านลูกค้าหลายครั้งแล้ว แม้กระทั่งผู้ดูแลเรือนก็ยังไม่ได้พบ สกุลนี้เป็นสกุลที่ได้รับความเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง คนของเราจึงไม่กล้าล่วงเกิน”

“ใบแจ้งหนี้เล่า?”

เฟิงเจิงนำสมุดเล็ก ๆ จากชั้นข้าง ๆ ออกมา เขาเปิดมันออก ชี้ไปที่หน้าหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “สกุลนี้ขอรับ”

“จวนเจี่ยง” มู่ซืออวี่ฉีกหน้านั้นออกมา “ข้าจะจัดการเอง”

ครึ่งชั่วยามต่อมา มู่ซืออวี่รู้จากฉานอีว่า ‘จวนเจี่ยง’ เป็นจวนของเจี่ยงเฟิงหยาง รองผู้บัญชาการศาลต้าหลี่

“รองผู้บัญชาการศาลต้าหลี่?” จื่อซูเอ่ย “นั่นมิใช่สหายร่วมงานนายท่านของพวกเราหรือ? สกุลเช่นนี้จะค้างชำระหนี้ได้อย่างไร?”

ร่างของสตรีนางหนึ่งปรากฏขึ้นในความคิดของมู่ซืออวี่

“ฉานอี เจ้าส่งคนไปตรวจสอบว่าผู้ใดเป็นฮูหยินของรองผู้บัญชาการเจี่ยง”

“บ่าวตรวจสอบจวนเจี่ยงออกมาชัดแจ้งแล้วเจ้าค่ะ” ฉานอีส่งรายละเอียดที่นางตรวจสอบพบให้

มู่ซืออวี่อ่านเนื้อหาของรายงานฉบับนั้น จากนั้นจึงเอ่ยกับฉานอี “ไม่เลว ฉานอี ไม่เสียแรงที่เป็นคนที่พี่ใหญ่เซี่ยพามา”

เป็นดังนางคาด ฮูหยินของรองผู้บัญชาการเจี่ยงก็คือฮูหยินหรงซึ่งชอบพูดจาเสียดสีเหน็บแนมที่นางเคยพบครั้งก่อนนั้น

“จื่อซู จื่อเยวี่ยน ไปส่งคำเชิญให้ข้า ข้าอยากเชิญฮูหยินของศาลต้าหลี่ทั้งหมดไปแช่น้ำพุร้อนที่เรือนพักร้อน”

ไม่นานหลังจากคำเชิญถูกส่งออกไป หลายคนก็ตอบรับ มู่ซืออวี่ให้ความสนใจกับฮูหยินหรงแห่งจวนเจี่ยงผู้นั้นเป็นพิเศษ นางมิได้กล่าวว่าตนจะมา ทว่าก็ไม่ได้กล่าวว่าตนไม่อาจมาได้ ความหยิ่งทะนงนี้แผ่ออกมาจากกระดูกของอีกฝ่าย หากไม่รู้มาก่อนว่านางเป็นเพียงบุตรสาวอนุจากสกุลขุนนางขั้นสี่ ยังคิดว่าพื้นเพของนางสูงศักดิ์กว่าฮูหยินถานที่เป็นบุตรสาวคนโตจากภรรยาเอกของขุนนางขั้นสองเสียอีก

การเดินทางครั้งนี้เริ่มขึ้นในอีกห้าวันให้หลัง เพื่อให้บรรดาฮูหยินได้มีเวลาเตรียมตัว

ในวันนี้เอง ลู่จื่ออวิ๋นก็ขอลาหยุด นางไปยังเรือนเรือนพักร้อนกับมู่ซืออวี่เพื่อแช่บ่อน้ำพุร้อนพลางชื่นชมทิวทัศน์หิมะด้วยเช่นกัน

อันอวี้กำลังท้อง ไม่ควรเดินทางไกล นางจึงไม่ได้รับเชิญให้ร่วมปฏิบัติการครั้งนี้

เมื่อเอ่ยถึงอันอวี้ หลังจากมู่ซืออวี่ทำงานที่ร้านเสร็จแล้วนางก็ไปเยี่ยมอีกฝ่าย สภาพจิตใจของอันอวี้ดียิ่ง อีกทั้งยังเจ้าเนื้อขึ้นกว่าเดิม คนทั้งคนแผ่ประกายของความเป็นแม่ออกมา

ห้าวันหลังจากนั้น รถม้าของสกุลลู่ก็หยุดอยู่ที่หน้าประตูเมือง มู่ซืออวี่และลู่จื่ออวิ๋นนั่งอยู่ในรถม้ารอให้ฮูหยินทุกท่านมาถึง

“รอนานแล้วหรือยัง?” รถม้าสกุลเจี่ยมาถึงเป็นคันแรก

หลังจากรถม้ามาถึง ฮูหยินเจี่ยก็พาเจี่ยหลิงหลงเข้ามากล่าวคำทักทาย

เสื้อผ้าที่ทั้งสองคนสวมใส่เรียบง่ายยิ่ง ไม่โอ้อวดแม้แต่น้อย หากกล่าวถึง ‘เครื่องประดับ’ ที่แม่ลูกสวมใส่บนร่างกายแล้ว ของล้ำค่าที่สุดคงเป็นปิ่นทองบนศีรษะพวกนาง ทั้งผู้ใหญ่และเด็กปักปิ่นปักผมทอง แม้กระทั่งรูปแบบยังคล้ายคลึงกัน

มู่ซืออวี่ค่อนข้างประทับใจฮูหยินเจี่ยผู้นี้ ครั้งก่อนหลังจากกลับไป นางก็ให้คนไปสอบถามเรื่องของอีกฝ่ายมา นางจึงรู้ว่าฮูหยินเจี่ยเป็นสะใภ้ที่ได้รับการเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเยาว์เพื่อให้แต่งงานกับใต้เท้าเจี่ย ต่อมาใต้เท้าเจี่ยสอบขุนนาง ได้รับเกียรติยศจึงมายังเมืองหลวงพร้อมกับภรรยาและลูกสาว ฮูหยินเจี่ยคลอดเจี่ยหลิงหลงแล้วก็ไม่ได้ตั้งครรภ์อีก ว่ากันว่าร่างกายของนางไม่แข็งแรงนัก

เมื่อทราบเรื่องนี้ มู่ซืออวี่ก็ยกย่องนับถือใต้เท้าเจี่ยเป็นอย่างมาก ถึงขั้นทำให้ลู่อี้รู้สึกอิจฉาขึ้นมา

“พวกเราเพิ่งมาถึง ดูสิ พวกท่านเป็นแขกคนแรกที่มาถึงเลยนะ” มู่ซืออวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “รีบขึ้นรถม้าอบอุ่นร่างกายเถอะ อย่าได้ตากลมหนาวอยู่ข้างล่างนี้นานนัก”

ตั้งแต่เจี่ยหลิงหลงได้พบลู่จื่ออวิ๋นครั้งก่อน นางก็รู้ว่าน้องสาวที่ราวกับเทพธิดาผู้นี้ต่างจากบุตรสาวสกุลผู้ดีคนอื่น ๆ นางไม่เอ่ยคำพูดเหน็บแนมเสียดสีหรือทำให้รู้สึกอับอายแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่ดูถูกรูปร่างที่ติดจะอ้วนกลมและลักษณะภายนอกที่ดู ‘บ้านนอก’ ของเจี่ยหลิงหลงด้วย

“ท่านแม่ข้าหั่นผลไม้แห้งมา อยากลองชิมดูหรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นส่งชิ้นหนึ่งไปให้เจี่ยหลิงหลง

ทั้งสองคนเล่นด้วยกันอีกครั้ง

ฮูหยินเจี่ยมองเด็กทั้งสองคนแล้วเอ่ยกับมู่ซืออวี่ “หลิงหลงอยู่ในเมืองหลวงมาห้าปีแล้วกลับไม่มี สหายดี ๆ แม้เพียงคนเดียว ตอนนี้ได้พบแม่นางจากบ้านท่าน ในที่สุดนางก็แย้มยิ้มน้อย ๆ ออกมาเสียที”

“หากนางชอบเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ของพวกเรา ก็แค่เพียงมาเล่นกับนาง เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์เรียนเย็บปักถักร้อย ปกตินางไม่ค่อยมีเวลาว่างนัก ทว่านางยังมีวันหยุดพักผ่อนเป็นครั้งครา”

“ดอกไม้บนผ้าเช็ดหน้าสวยยิ่งนัก” เจี่ยหลิงหลงเห็นผ้าเช็ดหน้าในมือของลู่จื่ออวิ๋นจึงเอ่ยขึ้น “ท่านแม่เจ้าปักหรือ?”

“ท่านแม่ข้ามีฝีมือ หากเป็นงานไม้ยังพอใช้ได้ ทว่าหากให้นางมาเย็บปักถักร้อย เกรงว่าจะทำเข็มทิ่มมือเสียก่อน นี่ข้าปักเอง” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าชอบ ข้ายังมีที่ไม่ได้ใช้จะเอาให้เจ้าอีก”

สกุลอื่นค่อย ๆ ทยอยมาถึงสกุลแล้วสกุลเล่า เมื่อฮูหยินถานมาถึง รถม้าของสกุลเจี่ยงก็มาถึงพร้อมกัน

ครั้งนี้ไปที่เรือนพักร้อนเพื่อแช่น้ำพุร้อน ฮูหยินหลายท่านจึงนำลูกของตนเองมาด้วย มีทั้งเด็กชายและเด็กหญิง ในขณะที่ฮูหยินหรงผู้นั้นก็พาแม่นางน้อยผู้หนึ่งมาด้วย

“ฮูหยินลู่เป็นสตรีทำการค้าชื่อเสียงโด่งดัง น้ำพุร้อนของท่านต้องแตกต่างจากผู้อื่นเป็นแน่ พวกเราจะได้เปิดหูเปิดตา ได้เปิดประสบการณ์ นี่ดียิ่งนัก” ฮูหยินหรงจับผ้าเช็ดหน้าของตนด้วยท่าทีมีจริต

“เกรงว่าจะทำให้ฮูหยินหรงผิดหวังแล้ว” มู่ซืออวี่ค่อย ๆ ยิ้ม น้ำพุร้อนเป็นเพียงน้ำพุร้อน หากมันแตกต่างจากที่อื่น ก็ย่อมมิใช่น้ำพุร้อน คราก่อนข้าได้มีช่วงเวลาดี ๆ พูดคุยกับฮูหยินทุกท่าน ข้าคิดแล้วคิดอีกว่าจะหาโอกาสพบปะกันอีกสักครั้ง นี่เป็นเพียงข้อแก้ตัวที่จะได้พบฮูหยินทุกท่านเป็นครั้งที่สอง”

“ปากเล็ก ๆ นี่ช่างหวานเสียจริง มิเสียแรงที่เป็นสตรีผู้ทำการค้าอันดับหนึ่ง” ฮูหยินถานหัวเราะคิกคัก “ไปกันเถอะ ช่วงนี้ข้าอยากผ่อนคลายพอดี!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด