อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]ตอนพิเศษ 66 รู้สึกกดดัน

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter ตอนพิเศษ 66 รู้สึกกดดัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ 66 รู้สึกกดดัน

ตอนพิเศษ 66 รู้สึกกดดัน

เมื่อเห็นท่าทางจริงจังเช่นนั้น หัวใจของหลานสุ่ยชิงก็เต้นไม่เป็นจังหวะ นางรู้สึกกระวนกระวายใจทันที “แม่ของข้าเป็นอะไรไป?”

“ฮูหยินมีบางอย่างที่จะถามท่านเจ้าค่ะ” แม่นมหูกล่าว เมื่อเห็นว่าสายตาแปลกใจของนาง จึงกล่าวเสริมทันทีว่า “อย่ากังวลเจ้าค่ะ ฮูหยินสบายดี มันเป็นเรื่องอื่นเจ้าค่ะ”

จากนั้นหลานสุ่ยชิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางลูบอกตัวเองแล้วพูดว่า “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

แม่นมหูพยักหน้า เมื่อเห็นนางรีบเดินไป สีหน้าของนางก็ซับซ้อนมาก

ตอนที่แม่นมปู้มาบอกเรื่องนั้นกับฮูหยิน ในฐานะแม่นมที่ฮูหยินไว้ใจที่สุด นางจึงแอบฟังอยู่ข้าง ๆ ยิ่งได้ยินก็ยิ่งกลัว หากคุณหนูตกหลุมรักชายอื่นจริง ๆ เรื่องต่าง ๆ ก็จะวุ่นวายเป็นแน่

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ แม่นมหูก็กังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงรีบเดินตามเข้าไปในสวนหลานอย่างรวดเร็ว

สวนหลานมีสาวใช้อีกสองคนอยู่ด้วย พวกนางคอยรับใช้อยู่ภายนอก

อู๋ซื่อรักสันโดษ นางไม่ต้องการให้พวกนางมาปรนนิบัตินางเป็นการส่วนตัว แม่นมซ่งจึงไม่ได้บังคับนาง และทำตามคำขอของนาง

ในขณะนี้มีเพียงอู๋ซื่อและแม่นมปู้อยู่ในห้อง แม่นมหูไม่ได้เข้าไปในห้อง นางแค่ปิดประตูแล้วยืนเฝ้าอยู่ข้างนอก

เมื่อหลานสุ่ยชิงเห็นดังนั้นก็ยิ่งแปลกใจ นางนั่งบนขอบเตียงของอู๋ซื่อ แล้วถามด้วยเสียงเบาว่า “ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ? ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า? หรือว่าวันนี้มีคนมาทำให้ท่านขุ่นเคือง?”

อู๋ซื่อส่ายหัวซ้ำ ๆ ก่อนจะจับมือลูกสาวไว้ สีหน้าของนางดูกังวลมาก แต่น้ำเสียงมีความคาดคั้น “สุ่ยชิง บอกแม่มาตรง ๆ ว่าเจ้ามีใครบางคนอยู่ในใจแล้วหรือยัง?”

หลานสุ่ยชิงตกตะลึง ตัวแข็งทื่อ “ท่านแม่ ท่านกำลังพูดเรื่องอะไรเจ้าคะ?”

“อย่าโกหกแม่” อู๋ซื่อสังเกตสีหน้าของนางอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่เป็นธรรมชาติของนาง จึงอดไม่ได้ที่จะจับมือนางแน่นขึ้น “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ช่วงนี้เจ้าเหม่อลอย ไม่กี่วันมานี้ก็หงุดหงิดมากขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล สุ่ยชิง บอกความจริงแม่มา เข้าใจหรือไม่?”

หลานสุ่ยชิงถอนหายใจ แล้วพูดอย่างหมดหนทาง “ท่านแม่ อย่าคิดมากกับเรื่องที่ไม่เป็นความจริงเลยเจ้าค่ะ”

“สุ่ยชิง!!” อู๋ซื่อรู้สึกหงุดหงิด นางสะบัดมือออก คิ้วขมวดเข้าหากัน “แม่ไม่ใช่คนไร้เหตุผล แม่จะไม่ห้ามเจ้า แต่เจ้าไม่ควรปกปิดแม่จนถึงตอนนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าสถานการณ์ตอนนี้ซับซ้อนเพียงใด? ตอนนี้ซิวหวางเฟยมอบสินสอดทองหมั้นแล้ว เกือบทุกคนในเมืองหลวงรู้ว่าเจ้ากำลังจะแต่งงานกับหนานซื่อจื่อ แต่ตอนนี้…”

นางพูดอย่างหมดความอดทน จากนั้นจับมือลูกสาวไว้ แล้วพูดว่า “สุ่ยชิง ซิวหวางเฟยเป็นผู้มีพระคุณของเรา เราหลอกนางไม่ได้ เจ้ารู้หรือไม่? ยิ่งกว่านั้นคือแม่ไม่ต้องการให้เจ้าแต่งงานกับคนที่เจ้าไม่ได้ชอบ แม้ว่าหนานซื่อจื่อจะดีมาก แต่แม่รู้ว่าช่วงนี้เจ้าทุกข์ใจยิ่งนัก แม่ยังหวังว่าลูกจะมีความสุขได้ อย่าได้… อมทุกข์เหมือนแม่ ต่อไปอย่าปิดบังแม่อีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราสองแม่ลูกจะเผชิญมันไปด้วยกัน เข้าใจหรือไม่? ส่วนเรื่องซิวหวางเฟย แม่จะจัดการให้”

หลานสุ่ยชิงถอนหายใจ นางไม่ต้องการให้แม่ของนางรู้เรื่องนี้ นางรู้ว่าแม่ของนางจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อรู้เรื่องนี้

ตอนนี้นางรู้แล้วว่าอวี้ฉิงหนานเป็นหนานซื่อจื่อ จึงไม่จำเป็นต้องเล่า

แต่คาดไม่ถึงว่าแม่ของนางจะรู้เรื่องนี้ เมื่อเห็นท่าทางกังวลของแม่ ก็คิดว่าหากนางไม่อธิบายให้ชัดเจน ก็เกรงว่าแม่จะกังวลจนไม่สามารถพักฟื้นให้ดีได้

“ท่านแม่ ข้า… ได้พบชายคนหนึ่งเจ้าค่ะ”

แม้ว่าอู๋ซื่อจะเตรียมพร้อมทางจิตใจแล้ว แต่เมื่อได้รับคำตอบที่ชัดเจน ใบหน้าของนางก็ซีดลงในพริบตา

แม่นมปู้และเยียนจือที่อยู่ด้านข้างก็เปลี่ยนสีหน้า มองหน้ากัน และกัดริมฝีปากล่างแน่น

หลานสุ่ยชิงเห็นเช่นนั้นก็มุมปากกระตุก และรีบอธิบาย “แต่ท่านแม่ไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ คนที่ข้าพบคือซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิว”

“…เจ้าว่าอย่างไรนะ?” อู๋ซื่อไม่อาจตอบสนองได้

หลานสุ่ยชิงถอนหายใจอีกครั้ง “ข้าเพิ่งรู้ตอนที่ข้าไปหาเขาที่ตำหนักอ๋องซิววันนี้ ก่อนหน้านี้เขาเคยช่วยข้าไว้ และต่อมาก็ได้พบเขาอีกหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยเปิดเผยตัวตน เมื่อลองมาคิดดูแล้ว เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเขา แม่บอกว่าจี้เล็ก ๆ ที่ติดตัวข้านั้นมาจากเขาในตอนนั้น เมื่อเขาเห็นจี้ สีหน้าของเขาก็แปลกไปมากเช่นกัน ข้าคิดว่าตอนนั้นเขาคงจำได้ว่าข้าเป็นเด็กในตอนนั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาขอให้ซิวหวางเฟยมาที่นี่ด้วยตัวเอง เพื่อคืนความบริสุทธิ์ให้กับแม่และข้าเจ้าค่ะ”

“จริงหรือ?” ดวงตาของอู๋ซื่อเป็นประกาย นางรีบถามอย่างกระตือรือร้น “แล้วคนที่เจ้าชอบ คือซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องซิวหรือเปล่า?”

“…อืม” หลานสุ่ยชิงเอียงศีรษะ การยอมรับเรื่องเช่นนี้ต้องใช้ความกล้าหาญจริง ๆ

แม่นมปู้กับเยียนจือมีความสุขพอ ๆ กัน ในที่สุดหัวใจของพวกนางสองคนที่แบกรับความกังวลมาหลายวันก็ปล่อยวางได้ ในที่สุดเยียนจือก็เข้าใจ ว่าเหตุใดหนานซื่อจื่อกับคุณหนูถึงจับมือกันทันทีที่พบกัน

อู๋ซื่อหัวเราะ “แล้วเขาล่ะ? เขาชอบเจ้าหรือเปล่า?”

มุมปากของหลานสุ่ยชิงกระตุก นางไม่ควรถามเขาเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ?

แต่เมื่อเห็นว่าอู๋ซื่อดูประหม่ามากกว่านาง นางก็ทำได้เพียงพูดอย่างคลุมเครือว่า “ข้าคิดว่าคงเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ”

นางรู้สึกได้ถึงความเสน่หาที่เขามีต่อนาง

รอยยิ้มของอู๋ซื่อบ่งบอกถึงความสุขที่มีมากขึ้น ขณะที่ลูบมือของหลานสุ่ยชิง นางก็ร้องไห้ด้วยความปีติยินดี “เป็นเพราะพรหมลิขิต พรหมลิขิตแท้ ๆ ตอนนั้นหนานซื่อจื่อยังเคยพูดไว้ด้วยว่าเขาต้องการแต่งงานกับเจ้า เผลอครู่เดียวเขาก็ทำตามคำพูดจริง ๆ โชคชะตาของพวกเจ้าทั้งสองถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่เกิด “

หลานสุ่ยชิงเช็ดน้ำตาของนางด้วยผ้าเช็ดหน้า “เอาล่ะ ท่านแม่ ตอนนี้ท่านสบายใจได้แล้วใช่หรือไม่? เขาดีมากจริง ๆ เจ้าค่ะ”

“นี่ยังไม่ทันได้แต่งงานก็พูดแทนเขาแล้ว” ในที่สุดอู๋ซื่อก็หยุดร้องไห้ และอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อนาง

“…” ไม่ใช่เพื่อทำให้นางสบายใจหรอกหรือ

“มันดึกแล้ว เจ้าควรกลับไปพักผ่อนได้แล้ว แม่ก็เหนื่อยเหมือนกัน แม่จะไม่รั้งเจ้าไว้แล้ว” ในที่สุดอู๋ซื่อก็วางหินก้อนใหญ่ในใจลงได้ นางรู้สึกเหนื่อยจริง ๆ

ตั้งแต่นางได้ยินคำพูดของแม่นมปู้ นางก็ไม่อาจแม้แต่จะงีบหลับ เพราะคิดหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้มาก

ตอนนี้นางจึงรู้สึกเหนื่อยมาก อยากนอนพักผ่อน

หลานสุ่ยชิงพยักหน้า หลังจากห่มผ้าห่มให้นางแล้ว ก็หันหลังเดินออกจากสวนหลาน

เมื่อกลับมาถึงเรือนสุ่ยสี นางก็หรี่ตามองแม่นมปู้

แม่นมปู้รู้สึกผิด จึงรีบคุกเข่าลงทันที “คุณหนู ข้าพูดมากเกินไปเองเจ้าค่ะ”

“…เจ้าลุกขึ้นเถิด” เมื่อหันหน้าไปทางแม่นมที่เอาแต่ห่วงใยนาง หลานสุ่ยชิงก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ยื่นมือออกไปพยุงนาง จากนั้นมองไปที่เยียนจือ แล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าสองสามวันนี้พวกเจ้าทั้งสองดูแปลกไป”

ช่วงนี้นางหงุดหงิดบ่อยมาก นางจึงไม่ได้สนใจพวกนาง

“แต่ครั้งหน้าถ้ามีเรื่องสงสัยก็ให้ถามข้าก่อน อย่าไปบอกแม่ของข้า นางสุขภาพไม่ดี จะให้คิดมากเกินไปไม่ได้”

“เจ้าค่ะ คุณหนู”

จากนั้นหลานสุ่ยชิงก็กลับไปอาบน้ำ แม่นมปู้และเยียนจือถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทั้งสองมองหน้ากันและยิ้มอีกครั้งด้วยความสบายใจ

“คุณหนู พรุ่งนี้ท่านจะไปตำหนักอ๋องซิวหรือเจ้าคะ?” แม่นมปู้ถาม

“อืม” หลานสุ่ยชิงกัดฟันเมื่อนึกถึงคนที่ได้รับบาดเจ็บภายใน แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เก็บข้าวของแล้วเข้านอน

เช้าวันต่อมา เมื่อนางตื่นขึ้นอีกครั้ง แม่นมปู้ก็ได้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้ว

หลานสุ่ยชิงอาบน้ำแล้วเดินออกจากเรือน แต่จู่ ๆ ก็ขมวดคิ้ว นางรู้สึกถึงรังสีกดดันอย่างอธิบายไม่ถูกในเรือนสุ่ยสี…

……………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

รู้ว่าหนานซื่อจื่อเป็นใครก็สบายใจได้แล้วสินะคะ

ทางสองพี่น้องตัวแสบนั่นส่งใครมาสอดแนมในเรือนสุ่ยสีหรือเปล่านะ?

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด