อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 885 เสียงร้องไห้สองเสียง

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 885 เสียงร้องไห้สองเสียง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 885 เสียงร้องไห้สองเสียง

ตอนที่ 885 เสียงร้องไห้สองเสียง

“เช่นนั้นก็ดี” เย่ซิวตู๋กล่าว

อวี้ชิงลั่วอึ้งไป เดินมาตรงหน้าเขา “ท่านเห็นด้วยหรือ?”

“อืม” เย่ซิวตู๋รู้สึกว่าไม่มีใครนวดไหล่ให้ก็ไม่ค่อยสบายตัวนัก จึงจับมือของนางมาวางไว้บนไหล่

อวี้ชิงลั่วจ้องเขาเขม็ง แต่เมื่อนึกได้ว่าช่วงนี้เขายุ่งหัวหมุนเสียจนน่าสงสารอย่างมาก เช่นนั้นนวดให้ก็แล้วกัน

จนกระทั่งนางนวดไหล่ให้เขาอีกครั้ง เย่ซิวตู๋จึงกล่าว “ที่เผิงอิงบอกก็พอจะมีเหตุผลอยู่ ขาสองข้างของเหวินเทียนยังต้องพักฟื้น อีกอย่างด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสามคน ให้แยกกันช่วงหนึ่งก็คงจะดี”

อวี้ชิงลั่วได้ยินดังนั้นก็ครุ่นคิดก่อนพยักหน้าตาม เผิงอิงก็คงต้องการเวลาเพื่อรักษาแผลใจใช่หรือไม่ คงไม่ดีนักหากเหวินเทียนมาอยู่ตรงหน้าเขาทุกวัน

“เดี๋ยวข้าจะเอาเรื่องนี้ไปคุยกับเหวินเทียน” เย่ซิวตู๋วางถ้วยชาลง หลับตาอย่างสบายตัว

อวี้ชิงลั่วยักไหล่ อย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาของเขา หากเขาเห็นด้วยแล้ว เช่นนั้นนาง… ก็ค่อยไปบอกเผิงอิง

วันพรุ่งนี้เช้าต้องออกเดินทางกลับอาณาจักรเฟิงชางแล้ว เย่ซิวตู๋ยังคงกังวลเรื่องผู้อาวุโสสกุลหมิง ไม่นานนักก็ลุกขึ้นไปที่ห้องของเขา แล้วก็นั่งอยู่เกือบทั้งคืน

อวี้ชิงลั่วไม่ไปรบกวนเขา พอดีกับที่เผิงอิงเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องของผู้อาวุโสสกุลหมิง เมื่อนางออกประตูมาก็เรียกเขามาคุยอีกด้านหนึ่ง

คิดไม่ถึงว่าเมื่อเผิงอิงได้รับรู้การตัดสินใจของเย่ซิวตู๋ สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความสงสัย

อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว “เหตุใดดูท่าทางเจ้าแล้วเหมือนไม่ค่อยดีใจนักเล่า เรื่องนี้เป็นเจ้าเองที่เสนอขึ้นมาไม่ใช่หรือ?”

เผิงอิงค่อยๆ เก็บสีหน้า จากนั้นครู่หนึ่งก็ยิ้มขื่น “ใช่ขอรับ ดังนั้นข้าเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรมีความสุข หรือควรจะทุกข์ในดี ในใจสับสนยิ่งนัก”

ถึงแม้เขาจะเป็นคนเสนอความเห็น แต่เมื่อตัดสินแล้วว่าจะให้เหวินเทียนอยู่ต่อกับหงเย่ทั้งวันทั้งคืน เขาก็รู้สึก… อึดอัดและเจ็บปวดเล็กน้อย

อวี้ชิงลั่วแสดงสีหน้าเข้าอกเข้าใจอย่างมาก “ตอนนี้ข้ากลับหวังให้ข้างกายมีหงเย่สองคนจริงๆ พวกเจ้าจะได้ไม่ต้องยุ่งเหยิงกันเพียงนี้”

“ในโลกนี้จะมีคนที่เหมือนกันสองคนได้อย่างไรเล่าขอรับ” เผิงอิงสูดหายใจเข้าลึกๆ เรื่องนี้จบลงแล้ว เช่นนั้นเขาก็ควรใจกว้างเสียหน่อย มองโลกในแง่ดีเสียหน่อย และยอมรับความจริงเสียหน่อยเถิด โชคดีที่อีกฝ่ายคือเหวินเทียน เป็นพี่น้องของเขา เขาก็ไม่มีอันใดต้องกังวลแล้ว

อวี้ชิงลั่วหัวเราะออกมา “ว่ากันตามจริง เจ้าเองก็อย่าปวดใจเกินไปเลย แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทราใช่หรือไม่เล่า ต่อไปเจ้าก็จะได้พบคนที่เจ้าชอบนางและนางก็ชอบเจ้ากลับเป็นแน่”

เผิงอิงยิ้ม ไม่ได้กล่าวอันใด

อวี้ชิงลั่วเป็นคนที่ไม่สามารถปลอบใจใครได้ โดยเฉพาะในด้านความรู้สึก

เงียบไปครู่หนึ่ง ก็ทำได้เพียงกล่าว “ไม่อย่างนั้นเจ้าไปหาเสิ่นอิงเถิด เขายังเป็นคนโสดอยู่ พวกเจ้าอาจจะพัฒนาความสัมพันธ์รักใคร่กันก็เป็นได้”

“รักใคร่หรือขอรับ” เผิงอิงเผยสีหน้างงงวย

อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่าตนเริ่มพูดจาไม่ปกติอีกแล้ว จึงรีบกล่าว “ข้าหมายความว่า เมื่อมีเวลาว่าง พวกเจ้าสองคนก็สามารถดื่มสุราและพูดคุยกันได้ บางเรื่องก็จะได้ลืมไปง่ายๆ อย่างไรเล่า”

“…” เผิงอิงมองนางอย่างแปลกใจ เหตุใดเขารู้สึกว่าแม่นางอวี้กล่าวเช่นนี้ เหมือนจะมีความหมายอื่น

เขาคิดมากเกินไปหรือ?

อวี้ชิงลั่วยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าหัวข้อกำลังไปในทิศทางที่ไม่ดีนัก รีบหยุดทันที ยิ้มแล้วเปลี่ยนประเด็น “ข้าได้ยินหนานหนานบอกว่าเจ้าหาของเล่นสนุกๆ ให้เขาตั้งมากมายนี่”

“เพียงแค่เห็นว่ามันน่าสนใจ คิดว่าเขาน่าจะชอบ ก็เลยเอามาให้เขาน่ะขอรับ” แน่นอนว่าเมื่อกล่าวถึงเรื่องอื่น สีหน้าของเผิงอิงก็ดูสบายใจขึ้นไม่น้อย “กลับไปครั้งนี้ จะพกเดินทางไปด้วยคงไม่ดี เช่นนั้นเก็บไว้ที่ดินแดนเหมิงเถิดขอรับ”

อวี้ชิงลั่วกำลังจะพยักหน้า ก็เห็นเย่ซิวตู๋เดินออกมาจากห้อง

เผิงอิงลดสายตาลงทันทีแล้วหยุดพูด

เย่ซิวตู๋เหลือบมองอวี้ชิงลั่ว ส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ “ไปเถิด พรุ่งนี้ต้องรีบออกเดินทาง รีบไปพักผ่อนเสีย”

อวี้ชิงลั่วเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก เดินตามฝีเท้าของเขาไปอย่างรวดเร็ว

เช้าวันต่อมา พวกเสิ่นอิงเตรียมพร้อมกันเรียบร้อยแล้ว นำของทุกอย่างขนขึ้นรถม้าไป

ร่างสูงใหญ่ของเย่ซิวตู๋ยืนอยู่หน้าเรือนของผู้อาวุโสสกุลหมิง เงียบอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้เดินเข้าไป

จนกระทั่งโม่เสียนเดินมากระตุ้น เขาจึงโบกมือแล้วกล่าวเสียงทุ้ม “ไปกัน”

กลุ่มคนเดินหน้าออกจากประตูใหญ่ไปอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร ฝ่ายแม่นมเก๋อก็มีเหมิงจื่อฉีประคอง ค่อยๆ เดินไปที่ประตูเพื่อส่งพวกเขา

นางเองก็มีหลายเรื่องที่ยังไม่วางใจ จับมืออวี้ชิงลั่วและหนานหนานเพื่อฝากฝังอยู่นาน

เหมิงฮูหยินเองก็ยืนอยู่หน้าประตู มองบุตรชายที่มีท่าทางกระตือรือร้นแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ออกไปข้างนอกต้องระวังตัวให้ดี มีเรื่องอันใดก็ไปหาลูกพี่ลูกน้องของเจ้าเป็นอันใช้ได้แล้ว”

“ท่านแม่ ท่านกับน้องก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ นะขอรับ ข้าไม่อยู่ ท่านก็ต้องระวังให้มาก หากท่านปู่ฟื้นแล้วจะต้องส่งข่าวมาบอกข้านะขอรับ” เหมิงจื่อเชียนสูดหายใจลึก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาออกจากดินแดนเหมิง ในใจรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก

สองวันผ่านมาเกิดเรื่องใหญ่เช่นนั้น เขาก็ค่อยๆ ปรับอารมณ์ได้แล้ว

หลังรู้ว่าเหมิงจื้อเฉิงขังมารดาของตนมาถึงสิบห้าปีเต็ม ความรู้สึกที่มีในฐานะพ่อและลูกก็เหือดหายไปจนหมดสิ้น

งานศพของเหมิงจื้อเฉิง ท่านประมุขเป็นคนจัดการ เหมิงลู่ได้ถอดเขาออกจากลำดับวงศ์ตระกูลของชาวเหมิง เขาเองก็ถือว่าไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับจวนผู้อาวุโสสกุลหมิงแล้ว

เหมิงฮูหยินทำใจลำบากมาก อย่างไรเสียไม่ได้เจอกันมาหลายปี เพิ่งจะได้พบกันไม่กี่วันก็จากไปอีกครั้ง

แต่ในใจของนางไม่เหมือนหญิงทั่วไป ในมุมมองของนาง บุรุษก็ควรมีความทะเยอทะยาน ไม่ควรเป็นเหมือนเหมิงจื้อเฉิง ใจแคบ คิดว่าตนฉลาด ทำร้ายคนอื่น สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นหาเรื่องใส่ตัว

ดังนั้นต่อให้ไม่เต็มใจเพียงใด แต่นางก็ต้องการให้เหมิงจื่อเชียนจากดินแดนเหมิงไป ออกไปดูโลกภายนอก เขาอาจจะได้เห็นสิ่งต่างๆ มากมายที่แตกต่างออกไป

ทั้งสองคนพูดคุยกันครู่หนึ่ง เหมิงจื่อเชียนอดทนต่อความไม่เต็มใจของตน หันหน้าไปกล่าวกับน้องสาวสองประโยค จากนั้นก็กำชับกับน้องเขยอย่างจริงจัง จากนั้นก็กระโดดขึ้นม้าไป

เย่ซิวตู๋ยังคงคุยกับเหวินเทียนอยู่ ในเมื่อเขาอยู่ต่อ เช่นนั้นบางเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จเรียบร้อยทางด้านนี้ก็ล้วนมอบหมายให้เขา

จิตใจของเหวินเทียนในตอนนี้สับสนอย่างมาก เขาอยากอยู่ข้างกายหงเย่จริงๆ แต่ก็ต้องการปกป้องนายท่าน ทำเรื่องที่เขาควรทำ

ตอนนี้…

“นายท่านขอรับ การให้ข้าน้อยอยู่ที่นี่ เป็นคำขอ… ของเผิงอิงหรือไม่ขอรับ?” เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามคำหนึ่ง

เย่ซิวตู๋ส่ายหน้า “เป็นข้าที่พิจารณาเอง ต่อให้เผิงอิงไม่พูด ข้าเองก็เตรียมจะให้เจ้าอยู่ที่ดินแดนเหมิงเพื่อจัดการบางเรื่องอยู่แล้ว”

จากนั้นเหวินเทียนก็มีสีหน้าจริงจังขึ้นมา พยักหน้าแล้วกล่าว “ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ” ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของนายท่าน เช่นนั้นการที่เขาอยู่ต่อก็จะมีประโยชน์อย่างมาก

เย่ซิวตู๋ตอบอืม เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วและแม่นมเก๋อที่อยู่ข้างๆ พูดคุยกันเสร็จแล้ว เขาก็สั่งไปคำหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังขึ้นม้าไป

แต่ทว่าเมื่อเย่ซิวตู๋เพิ่งจะปรับหัวม้าเสร็จ ก็ได้ยินเสียงร้องไห้สองเสียงดังพร้อมกันลอยเข้ามาในหูทันที

“ฮือๆๆๆ…” เสียงหนึ่งร้องดังลั่น

“ฮือๆๆๆๆ…” เสียงหนึ่งดังพร้อมกับเจือเสียงสะอื้นไห้

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ชิงลั่วใจเย็น ไม่ใช่ว่าจะต่อเรือเสิ่นอิงกับเผิงอิงนะ นี่ไม่ใช่นิยายตันเหม่ย

ใครมาร้องไห้ตอนนี้กัน?

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด