อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 565 อาการไม่สู้ดีแล้ว

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 565 อาการไม่สู้ดีแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 565 อาการไม่สู้ดีแล้ว

ตอนที่ 565 อาการไม่สู้ดีแล้ว

อวี้ชิงลั่วตกตะลึง เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่จึงทำให้แม่นมเซียวตกใจเสียจนหน้าซีดเพียงนี้ ถึงขนาดว่าหนานหนานชนะการแข่งขันก็ยังไม่สนใจจะชายตามองสักแวบ

ดูเหมือนในที่สุดเย่หว่านเยียนก็มีปฏิกิริยาตอบกลับ รีบยกชายกระโปรงรุดตามมาสองสามก้าว “แม่นางชิง เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ ต้องการให้ช่วยหรือไม่”

อวี้ชิงลั่วก็ยังคงสับสน นางรีบเดินตามไปแล้วถามเสียงเบา “แม่นมเซียว มีเรื่องอันใด”

แม่นมเซียวเหลือบมองเย่หว่านเยียน ราวกับจะตรวจสอบสถานการณ์เสียก่อน จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าว “ท่านชายน้อยตระกูลอวี้เพิ่งจะส่งคนมาแจ้งว่าเขาไม่ค่อยสบายนัก อยากจะเชิญองค์หญิงไปดูอาการ เรื่องนี้เร่งด่วนมากเพคะ”

อวี้ชิงลั่วตกใจ อวี้เป่าเอ๋อร์ไม่สบายหรือ?

ไม่ใช่แล้ว… สายตาของแม่นมเซียวไม่เหมือนปกติ

ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วอวี้ชิงลั่วก็หันไปกล่าวกับเย่หว่านเยียน “ข้าจะกลับไปดูเสียหน่อย องค์หญิง อยู่ที่นี่เถิดเพคะ”

“ให้ข้าไปกับท่านไม่ดีกว่าหรือ อย่างไรเสียการแข่งขันก็จบแล้ว”

อวี้ชิงลั่วส่ายศีรษะ “พระองค์ทรงเป็นองค์หญิงแห่งอาณาจักรเฟิงชาง นอกจากราชวังและสนามแข่งนี้แล้ว ก็ไม่สามารถเสด็จไปที่อื่นได้หากไม่ได้รับพระบรมราชานุญาตเพคะ หากฝ่าบาททรงทราบเข้าว่าหม่อมฉันพาพระองค์ไป จะไม่พอพระทัยหม่อมฉันเอาได้”

เย่หว่านเยียนขมวดคิ้ว คิดๆ ดูแล้วก็ถูก ทำได้เพียงถอนหายใจ กล่าวอย่างหน้าม่อยคอตก “ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะอยู่ที่นี่ แม่นางชิงค่อยๆ ไปเถิด”

อวี้ชิงลั่วพยักหน้า หันกลับแล้วเดินไปที่ทางออกพร้อมแม่นมเซียว

จนกระทั่งทั้งสองคนเดินมาถึงที่ห่างไกลแล้ว นางจึงถามอีกคนเสียงเบา “เกิดเรื่องอันใดขึ้นแล้วหรือ”

“ท่านชายน้อยเป่าเอ๋อร์ให้หม่อมฉันมาบอกว่า ดูท่าใต้เท้าอวี้จะไม่ไหวแล้วเพคะ” สีหน้าของแม่นมเซียวเปลี่ยนเป็นกระสับกระส่าย

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วจนแทบกลายเป็นปม อวี้เจี้ยนต๋า… บางทีการที่อยู่ถึงตอนนี้ก็ถือว่าถึงขีดจำกัดแล้ว เมื่อสองวันก่อนตอนที่นางไปดูอาการ ในใจก็มีการประมาณไว้แล้วเช่นกัน

ทั้งสองคนคุยกันพลางเดินไปยังทางออก เห็นภาพคุ้นตาจากทางด้านหลังของรถม้า ดูท่าทางกำลังรอคอยอย่างร้อนรน ถือดาบเดินไปเดินมา

อวี้ชิงลั่วเพ่งมองไป กลุ่มคนที่เป่าเอ๋อร์ส่งให้มาแจ้งข่าวนาง ที่แท้ก็เป็นโม่เสียนที่เยว่ซินพามาที่จวนสกุลอวี้

“แม่นางอวี้” เพียงโม่เสียนเห็นนางก็ถอนหายใจโล่งอกในทันที รีบเดินมาตรงหน้าของนาง รีบเปิดม่านของรถม้าเพื่อให้นางขึ้นไปโดยไม่กล่าวอันใดต่อ

อวี้ชิงลั่วพยักหน้าให้เขา แม้แต่แท่นวางเท้าก็ยังไม่เหยียบ ก้าวขึ้นไปบนรถม้าโดยตรง

รถม้าแล่นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โม่เสียนเป็นคนที่ขับรถม้าเอง ท่าทางดูหนักแน่น

แม่นมเซียวไม่ได้รู้รายละเอียดเรื่องนี้ชัดแจ้งนัก อวี้ชิงลั่วเองก็ทำได้เพียงใช้โอกาสนี้ถามโม่เสียน

เสียงของโม่เสียนทุ้มต่ำ “อาการของใต้เท้าอวี้ไม่ดีมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วขอรับ ก่อนหน้านี้ก็กินยาที่แม่นางให้เอาไว้ อาการจึงคงที่อยู่บ้าง แต่เมื่อเช้าวันนี้ จู่ๆ ใต้เท้าอวี้ก็ดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมา ทั้งยังลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง จับมือเป่าเอ๋อร์แล้วพูดคุยหลายเรื่อง”

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว นี่คืออาการสดใสก่อนตายอย่างนั้นหรือ

“เป่าเอ๋อร์คิดว่าใต้เท้าอวี้เริ่มมีอาการดีขึ้นจึงมีความสุขมาก แต่เมื่อครู่ใต้เท้าอวี้จู่ๆ ก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดกองใหญ่ถึงสองครั้ง ไม่กี่วันมานี้ก็เอาแต่อยู่ที่จวนเพื่อรอให้ท่านหมอเจียงมาดูอาการใต้เท้าอวี้ พบว่าชีพจรมาๆ หายๆ อ่อนเสียจนไม่น่าเชื่อขอรับ ดังนั้นจึงให้ข้ามาตามแม่นางอวี้ทันที เป่าเอ๋อร์เกรงว่าข้าจะเข้าไปยังสนามแข่งขันไม่ได้ จึงใช้ป้ายอาญาสิทธิ์ที่ฮ่องเต้ประทานให้ในตอนแรกมา ข้าน้อยจึงสามารถเข้าไปตามหาแม่นมเซียวได้ขอรับ”

อวี้ชิงลั่วตอบ ‘อืม’ เบาๆ จากนั้นก็เงียบไป

นางเตรียมใจเรื่องอาการป่วยของอวี้เจี้ยนต๋ามานานแล้ว ถึงแม้ว่าในตอนแรกจะคุยกับพวกเฉินจีซินเรื่องการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจแล้ว แต่การเปลี่ยนหัวใจจะเป็นเรื่องเรียบง่ายเช่นนั้นเสียที่ไหน ในยุคนี้ที่ไม่ได้มีเครื่องตรวจวัดที่แม่นยำดังเช่นยุคปัจจุบัน แค่จะหาหัวใจที่สามารถเข้ากันกับของเขาได้ก็ถือว่ายากแล้ว นางไม่สามารถหากรุ๊ปเลือดที่ตรงกับของเขาได้ ไม่สามารถใช้เครื่องพยุงการทำงานของหัวใจกับเขาได้ ถึงแม้ว่านางจะมีความสามารถ แต่เมื่อไม่มีปัจจัยภายนอก การที่นางจะช่วยคนได้ ต้องทำการผ่าตัดขนาดใหญ่เช่นนี้ นางไม่สามารถทำได้เลย

นางเป็นเพียงหมอ ไม่ใช่เทพเซียน

ดังนั้นสิ่งที่นางทำได้ก็มีเพียงลดความเจ็บปวดของอวี้เจี้ยนต๋าให้ได้มากที่สุดในช่วงเวลานี้ ให้เป่าเอ๋อร์คอยอยู่ข้างๆ เขา ให้เขาสามารถ… ผ่านช่วงเวลาสุดท้ายนี้ไปได้อย่างสงบ

อวี้ชิงลั่วค่อยๆ หลับตา ยื่นมือมานวดที่ปลายจมูกของตน รู้สึกหมดแรงเล็กน้อย

แม่นมเซียวเห็นดังนั้น ก็ยกสองมือขึ้นกดจุดไท่หยางของนางเบาๆ โดยอัตโนมัติ กล่าวอย่างอ่อนโยน “องค์หญิง เกิดแก่เจ็บตายเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต ทรงอย่ากดดันจนเกินไปเลยเพคะ”

แม่นมเซียวอยู่ข้างกายนางมานาน สามารถเข้าใจหลายอย่างได้ชัดเจน

ช่วงนี้อวี้ชิงลั่วเป็นกังวลกับเรื่องของอวี้เจี้ยนต๋าอยู่ไม่น้อย ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง นางก็มักจะไปหาผู้เชี่ยวชาญทางการรักษา พยายามหาวิธีการที่สามารถมาแทนการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้

นางทำถึงขนาดใช้การป่วยของซ่างกวนจิ่น พยายามหายาที่จะพอบรรเทาอาการของอวี้เจี้ยนต๋าได้บ้างในคลังยาของวังหลวง

แต่ทว่า ไม่ใช่ทุกการพยายามที่จะประสบผลสำเร็จ

กล่าวได้เพียงว่า นี่เป็นชะตาของใต้เท้าอวี้

ในใจของอวี้ชิงลั่วว่างเปล่า นางเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ความรู้สึกนี้ก็เกิดขึ้นมา นางและอวี้เจี้ยนต๋าไม่มีความรู้สึกอันใดต่อกัน แต่เมื่อรู้ว่าเขาคงจะต้องตายเสียแล้ว ก็เอาแต่รู้สึกเศร้าเสียใจเช่นนั้น

บางที… อาจเป็นเพราะร่างนี้ ยังคงมีเลือดของอวี้เจี้ยนต๋าวนเวียนอยู่ก็เป็นได้ เลือดข้นกว่าน้ำ บางทีอาจจะเป็นดังคำกล่าวนี้

อวี้ชิงลั่วยิ้มขมขื่น ราวกับว่าการมายังโลกใบนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับคำว่า ‘ถูกความตายพรากจาก’

“แม่นางอวี้ ถึงแล้วขอรับ” เสียงโม่เสียนลงจากรถม้าดังออกมาจากด้านนอก ตามด้วยผ้าม่านของรถม้าที่ถูกเปิดออก เยว่ซินที่รออยู่ด้านหน้าประตูไม่รอให้รถม้าหยุดดีก็รีบวิ่งมาหาทันที

ท่าทางที่จะพุ่งเข้าชนรถม้านั้นทำเอาโม่เสียนที่ตกใจรีบเข้ามาห้ามนางไว้ เยว่ซินหยุดชั่วคราว แล้วจึงเดินวนไปด้านข้างของรถม้า แล้วยื่นมือเพื่อช่วยประคองอวี้ชิงลั่วลงจากรถม้า

ดวงตาของเยว่ซินเป็นสีแดง นางอยู่ที่จวนสกุลอวี้มาหลายปี ช่วงนี้นายท่านของจวนสกุลอวี้นั้นผอมซูบลง ทุกวันล้วนเจ็บปวด ในใจนางเองก็เจ็บปวดไปด้วยเป็นอย่างมาก

“คุณหนู ในที่สุดท่านก็มาแล้ว” เยว่ซินพยุงมือของนาง ฝีเท้าก้าวค่อนข้างเร็ว “เมื่อครู่นายท่านอาเจียนเป็นเลือดอีกแล้วเจ้าค่ะ กินยาของคุณหนูไปก็ไม่ดีขึ้น ยังคงไออย่างหนัก ตอนนี้นายน้อยเองก็ร้องไห้อย่างหนักจนแทบจะเป็นลมแล้วเจ้าค่ะ”

มุมปากของอวี้ชิงลั่วตึงขึ้นมา เม้มเสียจนแน่น

แม่นมเซียวถลึงตาใส่เยว่ซิน “พูดให้มันน้อยๆ หน่อย”

เยว่ซินตกใจก่อนจะรีบหุบปากอย่างรู้ความ เห็นสีหน้าของคุณหนูของตนเองก็ไม่สู้ดีนัก ก้มหน้าเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด

ทั้งสองสามคนเงียบไป มีเพียงฝีเท้าที่ก้าวเร็วขึ้นเรื่อยๆ

ผ่านไปไม่นานนักก็มาถึงหน้าประตูลานบ้านของอวี้เจี้ยนต๋า

ทั้งด้านในและด้านนอกต่างเต็มไปด้วยสาวใช้ที่เร่งรีบ ได้กลิ่นเลือดจางๆ ลอยมาแต่ไกล คิดดูว่าจะอาเจียนเป็นเลือดมากถึงเพียงไหนกัน

อวี้ชิงลั่วรวบกระโปรงแล้วเดินเข้าประตูลานบ้านไป ยังไม่ถึงหน้าประตู จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องแหบแห้งดังออกมาจากด้านใน

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ชิงลั่วจะไปทันการสั่งเสียครั้งสุดท้ายไหมนะ งือออ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *