อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 983 เหมียวกงกงมาแล้ว

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 983 เหมียวกงกงมาแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 983 เหมียวกงกงมาแล้ว

ตอนที่ 983 เหมียวกงกงมาแล้ว

น้ำเสียงเย็นชาของอวี้ชิงลั่วดังขึ้นมาจากด้านหลังของนาง “ซวนหย่า ถ้าหากเจ้ากล้าหว่านเสน่ห์ผู้ชายของข้า ข้ารับรองเลยว่าเจ้าจะตายโดยไร้ศพ”

หญิงสาวที่กำลังวิ่งไปหาเย่ซิวตู๋หยุดชะงักไปทันที จากนั้นก็หมุนตัวด้วยท่าทางที่แปลกประหลาดอย่างมาก แล้ววิ่งไปยังข้างๆ กรอบประตู

จากนั้นก็หันหน้าไปส่งยิ้มยั่วยวนให้เย่ซิวตู๋ จากนั้นก็กล่าวออกมาอย่างคับข้องใจ “พูดเหมือนกับข้าเป็นสตรีที่ชอบแย่งบุรุษของสหายไปได้”

อวี้ชิงลั่วแสร้งยิ้มแล้วกล่าว “ดูเหมือนเจ้าจะแย่งบุรุษของสหายเจ้ามาถึงสองคนแล้วนะ”

ในสังคมศักดินาเช่นนี้ พฤติกรรมของซวนหย่าถือเป็นพฤติกรรมนอกรีตอย่างชัดเจน

ซวนหย่าหัวเราะแห้งๆ แล้วลูบผม “เช่นนั้นบุรุษของอวี้ชิงลั่ว ข้าจะกล้าหรือ?”

“ก็ดี คืนนี้อย่ามาปรากฏตัวในเรือนของข้า แล้วก็อย่าไปแสร้งทำเป็นทอดสะพานตามทางผ่านของท่านอ๋องซิวด้วย ไม่อย่างนั้นข้าจะให้หนานหนานไปกัดเจ้า”

รอยยิ้มของซวนหย่าแข็งทื่อไป ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ลดไหล่ลงอย่างอ่อนแรง “เฮอะ ตอบแทนน้ำใจด้วยความร้ายกาจชัดๆ ลาก่อน”

นางบิดเอวในทันที หมุนตัวออกจากเรือนของอวี้ชิงลั่วไปอย่างไม่พอใจมาก

จากนั้นเย่ซิวตู๋จึงเดินมา มือข้างหนึ่งโอบรอบเอวของอวี้ชิงลั่ว เลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าของนางพร้อมรอยยิ้มแล้วกัดริมฝีปากของนางครั้งหนึ่ง

ถึงแม้จะไม่ได้นอนทั้งคืน แต่แววตาของเขาก็ยังคงสดใสอย่างน่าประหลาด “ข้าพอใจนักที่เจ้าอยากครอบครองข้าเพียงนี้”

“…” เมื่อครู่นางกล่าวอันใดให้เขาเข้าใจผิดว่าตนอยากครอบครองเขาหรือ ไม่มีกระมัง?

เย่ซิวตู๋แทบจะกดร่างทั้งร่างลงบนร่างของนาง “ชิงเอ๋อร์ สตรีคนนั้นเป็นสหายเจ้าหรือ?”

“ทำไมหรือ?”

“ข้าไม่ชอบแววตานางเวลามองข้า” ดูเหมือนเขาเป็นเหยื่อของนางอย่างไรอย่างนั้น หญิงเช่นนี้เขาพบเจอมามาก และรู้สึกรังเกียจอย่างมาก

อวี้ชิงลั่วยิ้มพลางรั้งคอของเขา “สายตาแบบไหนหรือ? สายตาแบบยั่วยวนท่านหรือ?”

“ในเมื่อรู้ว่านางจะยั่วยวนข้า เจ้ายังจะล่อหมาป่าเข้ามาในเรือนอีกหรือ?” เย่ซิวตู๋ส่งเสียงฮึดฮัด โน้มตัวเข้าหาแล้วกัดปากนางอย่างแรงอีกครั้ง

อวี้ชิงลั่วหัวเราะคิกคัก “ท่านอย่าถือสาเลย ซวนหย่ามีบุคลิกเช่นนี้ก็เท่านั้น เมื่อก่อนนี้นางมีสหายคนหนึ่งที่หลงชายคนหนึ่งหัวปักหัวปำ ชายคนนั้นนอกจากจะไม่เก็บไปใส่ใจแล้วยังไม่ซื่อสัตย์เป็นอย่างมาก เพื่อให้สหายได้เห็นธาตุแท้ของเขาอย่างชัดเจน ซวนหย่าจึงเป็นฝ่ายไปหลอกล่อชายผู้นั้น คิดไม่ถึง…ว่าสหายของนางกลับดูถูกและมองว่านางเป็นนางจิ้งจอกแทน”

หลังจากนั้นก็เห็นได้ชัดว่าซวนหย่าและสหายผู้นั้นแยกทางกัน

แต่ที่ซวนหย่าคิดไม่ถึงก็คือสหายรักคนที่สองของนางก็ต้องพบเรื่องเช่นนี้อีกครั้ง ซวนหย่าใช้เล่ห์เหลี่ยมเดิมซ้ำอีก และประวัติศาสตร์กลับซ้ำรอยอย่างน่าประหลาดใจ

ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว สหายคนนั้นยังเกลียดนางเข้ากระดูกดำเพราะเรื่องนี้ จนถึงกับลงมือฆ่านาง

และก็เป็นตอนนั้นเองที่ซวนหย่าถูกอวี้ชิงลั่วช่วยเอาไว้

เพียงแต่ดูเหมือนว่านิสัยของนางนั้นจะเปลี่ยนไปเพราะเหตุการณ์นี้ การหลอกล่อชายหนุ่มกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของนิสัยของนางที่ขาดไม่ได้

เย่ซิวตู๋ได้ยินเช่นนั้นก็แค่นหัวเราะ “เด็กน้อยนัก”

อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว “ถึงแม้จะเด็กน้อย แต่นางก็มีความตั้งใจดี ความจริงแล้วซวนหย่าทุ่มเทให้เพื่อนอย่างมาก ไม่อย่างนั้นครั้งนี้นางก็คงไม่มาช่วยข้า”

“นั่นสินะ ช่วยเจ้า ก็ถือโอกาสช่วยเจ้าทดสอบข้าด้วยใช่หรือไม่?”

อวี้ชิงลั่วรีบโบกมือ “ท่านอย่าคิดอะไรมั่วซั่วสิ ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย ข้าน่ะเชื่อสายตาตัวเอง ดังนั้นเมื่อครู่ข้าจึงห้ามการกระทำของซวนหย่าทันทีไม่ใช่หรอกหรือ?”

เย่ซิวตู๋หยิกแก้มของนางอย่างพึงพอใจ “ชิงเอ๋อร์กล่าวเช่นนี้เอาชนะใจข้าไปเลย”

เพียงแต่ต่อจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “แต่ครั้งหน้าหากเจ้าจะดื่มชากับนาง ก็อย่าดื่มในห้องของเรา เก้าอี้ยาวตัวนั้น อีกเดี๋ยวก็เปลี่ยนเสียเถิด”

“…” อวี้ชิงลั่วจุดเทียนไว้อาลัยซวนหย่าเงียบๆ ดูเหมือนว่าเย่ซิวตู๋จะไม่เคยแสดงความเมตตาต่อสตรีที่เขารังเกียจเลยแม้แต่น้อย

เหตุใดนางจึงรู้สึกว่าเป็นนางเองที่รู้จักทะนุถนอมสตรีมากกว่า?

เย่ซิวตู๋เหนื่อยเล็กน้อยแล้ว อวี้ชิงลั่วเห็นความเหนื่อยล้าปรากฏในแววตาของเขา ก็รีบพยุงเขาไปนอนบนเตียง “ท่านพักผ่อนก่อนเถิด หากมีเรื่องอันใดข้าจะมาบอก”

“ได้สิ”

สถานการณ์ด้านนอกเป็นอย่างไรนั้น อวี้ชิงลั่วไม่รู้เลย แต่เห็นสภาพของเย่ซิวตู๋แล้ว น่าจะตึงเครียดอย่างมาก

นางได้ยินฟ่านผิงอวิ๋นบอกว่า หลายปีที่ผ่านมานี้เหมิงกุ้ยเฟยมีอำนาจไม่น้อย มีคนมากมายที่ปิดบังเอาไว้อย่างลึกซึ้ง

หากไม่ใช่ว่าครั้งนี้องค์ชายเจ็ดต้องการทุ่มหมดตัว เกรงว่าคงไม่สามารถขุดเอาอำนาจของนางที่หลบซ่อนไว้ออกมาได้เยอะเพียงนี้

ตกดึก ฮวาเฟิงและท่านยายฮ่วนกลับมาแล้ว สีหน้าเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

อวี้ชิงลั่วใจเต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่เลวร้ายอย่างมาก “หาไม่เจอหรือ?”

อันฝูซือถอนหายใจ “เบาะแสหายไปที่หน้าตำหนักองค์ชายเจ็ด”

“พวกเราสงสัยว่าตำหนักองค์ชายเจ็ดอาจจะมีทางลับ เพียงแต่ตำหนักนั้นใหญ่มาก เกรงว่าคงยังหาไม่เจอไปอีกสักพัก” ฮวาเฟิงลูบเคราของตนอีกครั้งแล้วถอนหายใจ

อวี้ชิงลั่วเผยสีหน้าเคร่งเครียด “ตามหา ต่อให้ต้องขุดไปสามฉื่อ ก็ต้องหาทางลับนั้นให้เจอ ท่านปู่ฮวา ตอนนี้ที่ตำหนักองค์ชายเจ็ดมีคนหรือไม่?”

“ไม่มีแล้ว ทั่วทั้งตำหนักว่างเปล่า ไม่มีคนเลยแม้แต่เงา”

อวี้ชิงลั่วพยักหน้า “ดี พรุ่งนี้ข้าจะไปกับพวกท่านด้วย”

ทางด้านเย่ซิวตู๋ก็เกรงว่าไม่สามารถโยกย้ายคนออกมาได้แล้ว น่าเสียดายที่เวลาของพวกเขามีจำกัด คนที่อยู่ห่างออกไปก็ย่อมมองไม่เห็นหงหลินเยียน ไม่อย่างนั้นนางคงมีคนมาช่วยมากกว่านี้

เช้าวันต่อมา อวี้ชิงลั่วลากซวนหย่าไปที่ตำหนักองค์ชายเจ็ดด้วยกัน

ตำหนักขององค์ชายเจ็ดต่างจากของเย่ซิวตู๋อย่างสิ้นเชิง ทั้งศาลาและอาคารที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรามีอยู่มากมาย อีกทั้งภูมิประเทศยังซับซ้อนมากด้วย

อวี้ชิงลั่วเห็นสิ่งเหล่านี้ก็รู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมา

โชคดีที่มีท่านปู่ฮวาอยู่ด้วย คอยค้นหาไปทีละจุด อย่างไรก็ต้องพบเส้นทางลับ

อวี้ชิงลั่วอยากจะอาเจียนเสียจริงๆ บ้านของคนชั่วเหล่านี้ล้วนมีนิสัยแปลกๆ ชอบขุดทางลับในบ้านหรือ?

…ดูเหมือนจะไม่ใช่ ที่เรือนเก่าก่อนหน้าของเย่ซิวตู๋ก็มีทางลับหนึ่งเหมือนกัน

เป็นอย่างที่ท่านปู่ฮวาคิด ทางลับน่าจะตั้งอยู่ในห้องของเจ้าของตำหนัก เช่นนั้นจะเป็นการสะดวกกับเจ้าของตำหนักมากกว่า

ดังนั้นเป้าหมายแรกของพวกเขาก็คือห้องนอนของเย่ฮ่าวถิง

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาผิดหวังก็คือ ในห้องนอนนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย

ตามหากันอยู่หนึ่งวัน ก็ไม่พบเบาะแสของทางลับเลย

อวี้ชิงลั่วมองไปยังตำหนักองค์ชายเจ็ดที่ยิ่งใหญ่ มีความคิดอยากจะเผาเสียให้หมด

“กลับกันเถิด” อวี้ชิงลั่วโบกมือ กลับไปยังตำหนักอ๋องซิวพร้อมกับพวกท่านปู่ฮวา

พวกลู่หลานเฟิงสองสามคนนั้นก็ก้าวเข้าไปในตำหนักพร้อมกัน

อวี้ชิงลั่วเดินไปพลางถาม “ทางด้านพวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“สืบพบที่อยู่เจาะจงของเหมิงกุ้ยเฟยแล้ว คืนนี้จะวางแผนกัน พรุ่งนี้ก็จะเริ่มลงมือ”

“เช่นนั้นก็ดี” อวี้ชิงลั่วถอนหายใจโล่งอก ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร หากหาตัวอวี้เป่าเอ๋อร์ไม่พบ แต่เหมิงกุ้ยเฟยตกอยู่ในเงื้อมมือตน ก็จะมีเบี้ยไว้ต่อรองแลกเปลี่ยน

ขณะกล่าว เสิ่นอิงก็รีบเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน “แม่นางอวี้ ท่านอ๋องหายตัวไป เหมียวกงกงมาแล้วขอรับ ตอนนี้รออยู่ในห้องตำรา ดูเหมือนสถานการณ์จะน่าเป็นกังวลมาก ท่านว่า…”

อวี้ชิงลั่วตะลึง เหมียวกงกงมา หรือว่าอาการของฝ่าบาทจะแย่ลง?

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับทางฮ่องเต้กันนะ เรื่องราวเริ่มวิกฤตแล้วสิ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด