อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 813 จับตัวไว้เสีย

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 813 จับตัวไว้เสีย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 813 จับตัวไว้เสีย

ตอนที่ 813 จับตัวไว้เสีย

เย่ซิวตู๋หรี่ตา ผ้าสีดำในมือถูกเขาดึงไว้แน่น มองดูชายที่มีใบหน้าขาวซีดอยู่อย่างนั้น

หนานหนานยื่นเชิงเทียนเข้ามาใกล้อีกนิด แล้วเบิกตากว้างในทันที “ท่านไม่ใช่ ไม่ใช่…”

เหมิงลู่เดินมาข้างหน้าแล้วเตะเขาครั้งหนึ่ง “เจ้ามันยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก เขาเป็นปู่ของเจ้า ปู่แท้ๆ ของเจ้า เจ้ายังกล้าลงมือ มโนธรรมในใจของเจ้าถูกหมากินไปหมดแล้วหรือ?”

เหมิงจื่อเย่าร้องออกมาอย่างเจ็บปวด กุมหน้าอกแล้วไออย่างหนัก จากนั้นก็หัวเราะเย้ยหยัน “ปู่แท้ๆ อันใดกัน ในใจของเขามีเพียงสองพี่น้องเหมิงจื่อเชียนและเหมิงจื่อฉี เคยมีข้าตั้งแต่เมื่อไร เขาไม่เคยเห็นข้าเป็นหลานเลย เหตุใดข้าต้องเห็นเขาเป็นปู่ด้วย”

เหมิงลู่ตัวสั่นด้วยความโกรธ เรื่องราวในจวนผู้อาวุโสสกุลหมิงนั้นเขาพอรู้ชัดเจนอยู่

เหมิงจื่อเย่าเป็นคนไม่เอาไหน กลับได้รับความโปรดปรานจากเหมิงจื้อเฉิง แต่สองพี่น้องเหมิงจื่อเชียนนั้นตั้งแต่เด็กก็ไม่เคยได้รับความรักจากพ่อเลย ด้วยเหตุนั้นเอง ผู้อาวุโสสกุลหมิงจึงแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเด็กทั้งสองคนเป็นพิเศษ อย่างไรเสียในจวนผู้อาวุโสสกุลหมิงนี้ พวกเขาสองพี่น้องจะได้รับความอบอุ่นบ้างเล็กน้อย

แต่แม้จะไม่ได้ดีกับเหมิงจื่อเย่าเท่าพวกเหมิงจื่อเชียน แต่ก็ไม่เคยปฏิบัติกับเขาอย่างเลวร้าย ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงลูกนอกสมรส ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับตน แต่สิ่งที่ควรมีก็ไม่เคยละทิ้ง

ผู้อาวุโสสกุลหมิงเป็นถึงขั้นนี้แล้ว เหมิงจื่อเย่าก็ยังคงไม่พอใจ ใจแคบจนถึงขนาดต้องลงมือจัดการผู้อาวุโสสกุลหมิง ช่างเป็นสัตว์เดรัจฉานเสียจริงๆ

เหมิงลู่ถอนหายใจยาว กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “เข้ามา เข้ามาจับเขาไว้เสีย”

ผู้อารักขาด้านนอกรีบเข้ามาทันที เพียงสองสามครั้งก็มัดเหมิงจื่อเย่าเอาไว้ได้

เหมิงจื่อเย่าอึ้งงัน จากนั้นก็ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง “ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า มาจับข้าทำไม ปล่อย”

“จับทำไมหรือ” เหมิงลู่หัวเราะเสียงเย็น “ก็เพราะเจ้าลงมือกับปู่ของตนอย่างคนเสียสติ ก็เพราะเจ้าทำร้ายปู่ของตนจนเขาต้องนอนหมดสติอยู่บนเตียงจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้น ปู่ของเจ้าคือผู้อาวุโสสกุลหมิงแห่งดินแดนเหมิง มือสังหารที่ฆ่าเขา ข้าก็ย่อมมีสิทธิ์ลงโทษ”

“ข้าเปล่า ข้าไม่ได้ฆ่าเขา ที่เขาหมดสติยังไม่ฟื้นนั้นไม่ใช่ฝีมือข้า ข้าไม่ใช่มือสังหาร” เหมิงจื่อเย่าฝืนเท้าของตนอย่างหนัก เหงื่อตก รีบแก้ตัว “ข้าเพียงได้ยินว่าเขาจะฟื้นขึ้นมา ต่อไปข้าจะไม่มีที่ยืนในจวนผู้อาวุโสสกุลหมิง จึงเกิดความคิดชั่วร้าย ก่อนหน้านี้ที่เขาถูกคนลอบสังหารนั้นไม่ใช่ฝีมือข้า พวกท่านจะกล่าวหาข้าเช่นนี้ไม่ได้นะ ปล่อย ปล่อยข้า”

เหมิงลู่ปวดเศียรเวียนเกล้าไปหมด ขมวดคิ้วแล้วโบกมือโดยไม่มีความคิดจะฟังเขาอธิบาย ให้คนรีบพาตัวเขาไป

เหมิงจื่อเย่ายังคงตะโกน เสียงของเขาดังชัด และยิ่งดังเป็นพิเศษในคืนที่เงียบสงัด

เย่ซิวตู๋ส่งสายตาให้ผู้อารักขาที่อยู่ด้านข้าง ผู้อารักขาผู้นั้นยกมือขึ้นแล้วฟาดคนจนสลบ จากนั้นก็ลากเขาออกไป

ห้องขนาดใหญ่จึงค่อยๆ เงียบลง

เหมิงลู่ค่อยๆ ถอนหายใจ เหลือบตาขึ้นถามเย่ซิวตู๋ “เรื่องนี้เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?”

“ตกม้าตายตอนสุดท้ายขอรับ” เย่ซิวตู๋หรี่ตาเล็กน้อย

เหมิงลู่พยักหน้า เหมิงจื่อเย่าผู้นั้นไม่ใช่คนฉลาด ทั้งยังชอบใช้กลอุบาย ดูจากสิ่งที่เขาทำในวันนี้ ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ กลัวว่าหลังจากผู้อาวุโสสกุลหมิงฟื้นขึ้นมาแล้วตนจะไม่มีที่ยืนในจวน

แต่เพราะการที่เขาก่อเรื่องเช่นนี้ก็ทำให้คนที่ต้องการมาตรวจสอบตัวจริงนั้นมองเห็นภัยแล้วล่าถอยกลับไป

ในคืนนี้ถือว่าพวกเขาเสียแรงเปล่า

หนานหนานเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ จากนั้นก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่ร้ายแรงมากเรื่องหนึ่ง เขาดึงมือเย่ซิวตู๋แล้วกล่าว “ท่านพ่อ เราจับคนผู้นั้น ท่านปู่จะต้องไม่พอใจเป็นแน่ หากเขามาหาเรื่องพวกเราจะทำอย่างไรเล่า?”

“มาก็มาเถิด อย่างไรก็ปล่อยคนไปไม่ได้” เหมิงลู่ส่งเสียงฮึดฮัด “ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ เขาก็ทำได้เพียงสร้างปัญหาให้เราเล็กน้อยเท่านั้น บิดาของตนยังหมดสติอยู่ เขากลับจะมาสร้างเรื่องเพื่อถ่วงเรา”

เหมิงลู่เม้มปาก ลดสายตาลงมองไปยังผู้อาวุโสสกุลหมิงที่อยู่บนเตียง อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ

โชคดีที่หลานชายสุดที่รักของเขามาแล้ว ไม่อย่างนั้นทั้งจวนผู้อาวุโสสกุลหมิงนี้เกรงว่าจะมีคนที่เป็นห่วงเขาจริงๆ นั้นไม่มากนัก

“พวกเจ้ากลับไปเถิด อีกเดี๋ยวฟ้าจะสว่างแล้ว”

เย่ซิวตู๋พยักหน้า เดินไปทางด้านเตียงของผู้อาวุโสสกุลหมิง นึกถึงท่าทางของเหมิงจื่อเย่าที่จะลงมืออย่างไร้ปรานี ในใจก็รู้สึกเย็นเยียบ

เขาก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วห่มผ้าให้อีกฝ่าย กล่าวด้วยเสียงเบา “ท่านตา ข้าจะหาตัวมือสังหารให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร… ก็จะไม่ปล่อยมันไป หากสุดท้ายแล้วไม่เป็นอย่างที่หวัง ก็ขอให้ท่าน… เข้าใจด้วยเถิด”

คนบนเตียงไม่ตอบสนองอันใด เย่ซิวตู๋ถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็ก้มลงอุ้มหนานหนาน ค่อยๆ เดินออกจากห้องของผู้อาวุโสสกุลหมิง

ท้องฟ้าด้านนอกค่อยๆ สว่าง เย่ซิวตู๋กระชับกอดหนานหนานเข้ากับตัว กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คิดถึงท่านแม่เจ้าหรือไม่”

“คิดถึงขอรับ” หนานหนานดวงตาเป็นประกาย คิดได้ว่าเมื่อวานนี้ท่านพ่อบอกเขาว่าพบท่านแม่แล้ว หัวใจดวงน้อยของเขาก็เต้นตึกตักไม่หยุด ตื่นเต้นมาก

เย่ซิวตู๋ลูบหัวของเขา กล่าวเบาๆ “อีกไม่นานแล้ว อีกวันเดียว เจ้าก็จะได้พบนางแล้ว”

หนานหนานมีสีหน้าผิดหวัง แต่เมื่อคิดอีกที เวลาหนึ่งวันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขากลับไปนอนอีกรอบหนึ่ง เมื่อตื่นมาก็ได้พบท่านแม่แล้ว จึงไม่ถือว่านานเกินไป

เย่ซิวตู๋เร่งฝีเท้าขึ้นเล็กน้อย เดินไปทางด้านประตูใหญ่

เพียงแต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆ ก็เห็นว่าไม่ไกลนั้นมีร่างหนึ่งเดินผ่านไป ทางที่เดินไปนั้น… ก็คือโถงเฉินมู่ที่เหมิงจื้อเฉิงอาศัยอยู่ มุมปากก็กระตุกอย่างอดไม่ได้

“ท่านพ่อ มีอะไรหรือขอรับ”

“อีกเดี๋ยวท่านตาของเจ้าจะมาทางด้านนี้ ข้าไม่อยากให้เขารบกวนท่านอาจารย์เลยจริงๆ” หากเหมิงจื้อเฉิงรู้ว่าลูกรักของตนถูกจับ จะต้องเอะอะโวยวายเป็นแน่ ตอนนี้ผู้อาวุโสสกุลหมิงหมดสติอยู่ แต่ก็เหมือนที่ชิงเอ๋อร์บอกเอาไว้ บางครั้งยามคนเราหมดสติ ก็ยังได้ยินเสียงภายนอกอยู่ รู้ถึงสถานการณ์ภายนอกได้เช่นกัน

ร่างเมื่อครู่ที่วิ่งไปยังโถงเฉินมู่นั้น น่าจะรู้สถานการณ์ทางด้านนี้และนำไปบอกกล่าวแล้ว

ส่วนในห้องหนังสือที่โถงเฉินมู่ตอนนี้ก็มีสภาพเละเทะไปหมด

บนพื้นเต็มไปด้วยเศษแจกันดอกไม้แตก คนที่มารายงานนั้นก้มหน้าด้วยอาการสั่นเทา ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

“โง่ โง่เง่านัก ไอ้คนไร้ค่า กลับทำเรื่องเช่นนี้ได้ เขานี่ช่าง… ทำให้ข้าโกรธเสียแทบตาย ทำข้าโกรธยิ่งนัก”

“นายท่านเจ้าคะ ไม่ว่าจะอย่างไรก็พาเขากลับมาก่อนค่อยว่ากันเถิด ข้า ข้ามีเพียงเขาเป็นบุตรชายคนเดียว…” หรูซือที่อยู่ด้านข้างยกผ้าคลุมหน้า ร้องไห้อย่างน่าสงสาร ชวนให้เห็นใจอย่างยิ่ง

เหมิงจื้อเฉิงเพียงเห็นหน้านาง สีหน้าก็อ่อนโยนลงเล็กน้อย “เอาล่ะ ไม่ต้องร้องแล้ว ข้าจะไปพบท่านประมุข จะต้องพาจื่อเย่ากลับมาได้แน่”

หรูซือเอนซบตัวเขา สะอื้นเบาๆ แม้จะถึงตอนนี้แล้ว นางก็ยังคงร้องไห้ทำเอาคนหวั่นไหวเป็นอย่างมาก

เหมิงจื้อเฉิงปลอบนางสองสามประโยค จากนั้นก็ค่อยๆ ตบไหล่ของนางแล้วกล่าว “เจ้ากลับห้องไปก่อนเถิด”

หรูซือย่อตัวคำนับ จากนั้นก็หมุนเอวบางจากไป

เหมิงจื้อเฉิงจึงหันหน้ากลับมา มองไปยังเหมิงพั่วที่นั่งอยู่ด้านข้างดื่มชาอย่างใจเย็นราวกับไร้ตัวตนมาตั้งแต่แรก

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ผู้ต้องสงสัยเริ่มร้อนตัวแล้วล่ะสิ รอดูคนร้อนตัวไปยาวๆ เลย

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *