อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 330 จัดงานเลี้ยง

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 330 จัดงานเลี้ยง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 330 จัดงานเลี้ยง

ตอนที่ 330 จัดงานเลี้ยง

อวี้ชิงลั่วปฏิเสธคำขอของหนานหนานไปตามตรงโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิด

พูดเป็นเล่น วันพรุ่งเป็นวันอะไร? งานเลี้ยงนั้นไม่ได้มีแค่คนของอาณาจักรเฟิงชาง แต่ยังมีฉีหานเว่ยและคนที่มีความเก่งกาจเหล่านั้น หากหนานหนานเข้าวัง เขาไม่มีทางยอมอยู่ในเรือนเล็กอย่างสงบจิตสงบใจเป็นแน่

หนานหนานรู้สึกได้รับความอยุติธรรม เขายังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นท่าทางของอวี้ชิงลั่วที่ดูเหมือนกำลังโกรธเคือง จึงทำได้เพียงเดินออกไปอย่างอาลัยอาวรณ์ด้วยท่าทางน่าสงสาร

ภายในใจของอวี้ชิงลั่วยังคงหงุดหงิดเย่ซิวตู๋ไม่หาย เพียงแต่ชั่วครู่ก็นึกได้ว่าวันพรุ่งจะได้เข้าวังอีกครั้ง บางทีอาจเจอเบาะแสเกี่ยวกับแม่นมเก๋อ

คิดเช่นนี้แล้วนางก็เกิดแรงกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากกินมื้อค่ำเสร็จ ก็อาบน้ำแปรงฟันและขึ้นเตียงนอนตั้งแต่หัวค่ำ นอนหลับให้เต็มอิ่มเพื่อให้วันพรุ่งสามารถลงมือได้เป็นอย่างดี

เช้าวันรุ่งขึ้น หลินมาก็เดินแย้มยิ้มมารอด้านนอกประตู

ครั้นแลเห็นนางตื่นแล้ว จึงรีบเข้ามาแต่งตัวให้ ฝีมือของนางรวดเร็วและช่ำชอง แค่ขยับนิดขยับหน่อยก็ทำให้รูปร่างหน้าตาของอวี้ชิงลั่วเปลี่ยนไปจากเดิมได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

เยว่ซินที่ยืนดูอยู่ข้าง ๆ นั้นดวงตาแทบถลนออกมา นางพูดกับหลินมาด้วยความประหลาดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า “หลิน…หลินมา ท่านเก่งมากเลยเจ้าค่ะ ท่านไปเรียนความสามารถนี้มาจากที่ใดกัน ว่าง ๆ ช่วยสอนเยว่ซินด้วยเถิด ระยะเวลาเพียงครู่เดียว คุณหนูกลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน น่าทึ่งเกินไปแล้ว”

อวี้ชิงลั่วหัวเราะ ‘พรืด’ หนึ่งเสียง แค่นางขยับ แป้งที่หลินมาทาไว้ก็ขยับเคลื่อนเล็กน้อย ใบหน้าของอวี้ชิงลั่วจึงเปื้อนในทันที

“โถ่ แม่นางอวี้ อย่าเพิ่งขยับสิเจ้าคะ เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว หากไม่รีบทำเวลา ท่านอ๋องคงรอจนร้อนใจ” ระหว่างที่พูด นางก็รีบเกลี่ยจุดที่หลุดออกมาเมื่อครู่ ทว่ากลับไม่ได้ตอบคำถามของเยว่ซิน

เยว่ซินได้ยินหลินมาพูดแบบนี้ก็เกิดความประหลาดใจ แต่ไม่กล้าพูดอะไรเพราะกลัวว่าจะทำให้คุณหนูกลั้นขำไว้ไม่ไหว ถึงเวลานั้นหากทำให้เข้าวังล่าช้า คงยุ่งยากแล้ว

เพียงแต่ อวี้ชิงลั่วกลับแอบเหลือบมองหลินมาปราดหนึ่งพร้อมกับนั่งยืดตัวตรง

หลินมาคือคนของเย่ซิวตู๋ ความสามารถของนางคงไม่ได้มีอย่างไร้เหตุผล เกรงว่าเย่ซิวตู๋คงให้คนมาสอนนาง ดังนั้น ต่อให้เยว่ซินอยากเรียนรู้ คาดว่าหลินมาก็คงไม่กล้าตอบรับโดยไม่ได้รับอนุญาต

ผ่านไปครู่ใหญ่ หลังจากรูปร่างหน้าตาของอวี้ชิงลั่วเปลี่ยนเป็นเด็กรับใช้ที่ดูดีและว่านอนสอนง่าย หลินมาจึงถอนใจและวางของที่อยู่ในมือ ดันตัวอวี้ชิงลั่วให้เดินออกไปด้วยรอยยิ้ม

“แม่นางอวี้ รีบไปเถิดเจ้าค่ะ ท่านอ๋องยังรอ…เอ่อ ท่านอ๋อง”

หลินมาเพิ่งดันนางออกไปด้านนอก ก็พบว่ามีคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ หลังจากเห็นอวี้ชิงลั่วก็หมุนกายเดินออกไป

เขามีท่าทีเย็นชาแบบนี้มาจนชินแล้ว อวี้ชิงลั่วเห็นเช่นนี้ก็รีบเดินตามไปโดยเร็ว

การเข้าวังในครั้งนี้ อวี้ชิงลั่วกลับไม่ได้นั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกับเย่ซิวตู๋ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็มีสายตาของคนจำนวนมากจ้องมองตำหนักอ๋องซิวอยู่ นางจึงต้องทำตามภาระหน้าที่อันพึงกระทำสักหน่อย เช่นนั้นขึ้นไปนั่งบนรถม้าพร้อมกับสารถีก็แล้วกัน

รถม้าแล่นเข้าวังอย่างรวดเร็ว เย่ซิวตู๋นำอวี้ชิงลั่วเดินเข้าไปด้านใน

ภายในวังมีคนเดินทางมาถึงที่นี่จำนวนไม่น้อย ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคนที่สวมใส่ด้วยชุดต่างอาณาจักรกำลังเดินขวักไขว่อยู่ภายในวัง

ผู้เข้าแข่งขันของสามอาณาจักรเดินทางมาถึงแล้ว วันนี้คนของอาณาจักรหลิวอวิ๋น อาณาจักรจิงเหลยและอาณาจักรเทียนอวี่ต่างก็เข้าวังมาตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อถวายพระพรฮ่องเต้เสียก่อน

จากนั้นจึงให้คนจัดงานเลี้ยงภายในอุทยานอวี้ฮวา การต้อนรับราชทูตของสามอาณาจักรก็ถือว่ากลมกลืนสามัคคีแล้ว

ในฐานะที่อวี้ชิงลั่วเป็นเด็กรับใช้ของเย่ซิวตู๋ จึงไม่มีสิทธิ์ตามเขาเข้าไปด้านใน ตอนที่มาถึงเรือนหลังเล็กแห่งหนึ่งก็ถูกคนขวางไว้ แจ้งว่าฝั่งนี้เป็นสถานที่พักผ่อนของเด็กรับใช้ ให้พวกเขาอยู่รอที่นี่ รอจนกระทั่งงานเลี้ยงเลิกแล้วค่อยตามนายท่านออกจากวัง

เย่ซิวตู๋ไม่ได้ยืนกรานจะพาอวี้ชิงลั่วเข้าไปด้านใน เพียงแต่ช้อนสายตามองนางปราดหนึ่ง อ้าปากทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไป

อวี้ชิงลั่วขานตอบอย่างเชื่อฟัง เพียงไม่นานก็เดินเข้าไปในห้องที่เด็กรับใช้เหล่านั้นรออยู่

เพียงแค่ก้าวเท้าเข้ามา คิ้วของนางพลันขมวดเข้าหากัน แม้ว่าภายในห้องแห่งนี้จะกว้างขวางอย่างยิ่ง แต่ภายในห้องก็เป็นบุรุษทั้งหมด กลิ่นนั่น…เป็นกลิ่นเหม็นของเหงื่อ โดยเฉพาะตอนนี้ที่เป็นคิมหันต์ฤดู สิ่งนี้ยิ่งทำให้อวี้ชิงลั่วรู้สึกคลื่นไส้

ขันทีในวังจัดเตรียมขนมไว้ส่วนหนึ่งภายในห้อง ก็ถือว่าเป็นการต้อนรับพวกเขาแล้ว

แม้ว่าเด็กรับใช้และผู้อารักขาเหล่านั้นจะมาพร้อมกับนายท่านของตนเอง แต่วันนี้ฮ่องเต้เชื้อเชิญเจ้าหน้าที่ขั้นสามขึ้นไปเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาย่อมเห็นของดีมาไม่น้อย ของกินที่อยู่ในวังแตกต่างจากข้างนอก อย่างน้อย ๆ ก็เป็นฝีมือของครัวหลวง หลังจากพวกเขาได้เห็นย่อมต้องรีบเข้าไปกินเช่นกัน

ทว่ามีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น คนที่ค่อนข้างมีความมั่นคงยังคงนั่งอยู่ข้าง ๆ แต่ก็เหลือบมองบ้างเป็นครั้งคราว

อวี้ชิงลั่วยังยืนอยู่ข้างประตู ไม่เต็มใจที่จะเข้าไปด้านใน นางจึงยืนพลางครุ่นคิดไป ตอนนี้นางเข้ามาในวังแล้ว ด้วยความสามารถของนางหากคิดจะออกจากห้องแห่งนี้เพื่อออกไปเดินด้านนอกย่อมมิใช่ปัญหา คราวก่อนนางก็เคยเห็นมาแล้ว จึงรู้ตำแหน่งโดยประมาณของพระราชวังแห่งนี้

ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นของแม่นมเก๋ออยู่ในพระราชวังอย่างแน่นอน ดูจากปฏิกิริยาโต้ตอบของเย่ซิวตู๋แล้วเป้าหมายคงไม่พ้นคนเพียงไม่กี่คนภายในวังหลัง คนที่นางสงสัยก็คือเหมิงกุ้ยเฟย ดังนั้นนางย่อมต้องไปที่ตำหนักอี๋ซิ่ง

เพียงแต่สถานที่พักผ่อนของเด็กรับใช้แห่งนี้ตั้งอยู่ด้านหน้า ค่อนข้างใกล้กับประตูพระราชวัง แต่กลับห่างไกลจากวังหลังอย่างมาก

อีกอย่าง หากไปด้านหลัง….เช่นนั้นย่อมต้องผ่านอุทยานอวี้ฮวาที่ฮ่องเต้ใช้จัดงานเลี้ยงต้อนรับแขกเหรื่อ หากผ่านไปทางนั้นย่อมมิใช่เรื่องง่ายดายนัก

อวี้ชิงลั่วเม้มปากครุ่นคิด ด้านนอกห้องมีคนเดินเข้ามาอีกหนึ่งคนแล้ว อวี้ชิงลั่วถึงกับชะงัก ดูเหมือนว่านางจะมีความทรงจำบางส่วนเกี่ยวกับคนคนนี้ ดูเหมือนว่า…ถูกต้องแล้ว คนข้างกายของหลีจื่อฟาน

นางเองก็ไม่ได้เจอเขามานานแล้ว ไม่รู้ว่ากินยาเข้าไป สถานการณ์ของเขาจะดีขึ้นบ้างหรือยัง

ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด นางกลับรู้สึกได้ว่าจู่ ๆ ก็มีสายตาคู่หนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลกำลังทอดมองมา

อวี้ชิงลั่วชะงักงัน รีบเงยหน้าขึ้นก็พบว่ามีเด็กรับใช้คนหนึ่งนั่งห่างออกไปไม่ไกล ปากยังคงกินขนมเคี้ยวจนแก้มตุ่ย ทว่าสายตากลับเอาแต่มองมาทางนี้

อวี้ชิงลั่วจำเขาได้ คนคนนี้คือเด็กรับใช้ของตระกูลอวี๋จั้วหลิน ดูเหมือนว่าจะชื่ออากุ้ย ติดตามอวี๋จั้วหลินมาหลายปีแล้ว

ได้ฟังจากแม่นมเก๋อบอกว่า อากุ้ยไม่ใช่คนดี เขาเองก็ช่วยอวี๋จั้วหลินรังแกนางไม่น้อย

โชคดีที่สายตาของอากุ้ยผู้นี้ไม่ได้มองมาที่นาง แต่เขากำลังมองคนของเสนาบดีฝั่งขวาที่เพิ่งก้าวเท้าเข้าประตู

ดูเหมือนว่าหลีจื่อฟานและอวี๋จั้วหลินนั้นไม่ถูกกัน แม้แต่เด็กรับใช้ก็ไม่ถูกโฉลกกันด้วย

อวี้ชิงลั่วไม่มีกะจิตกะใจจะอยู่ที่นี่ต่อไป จึงเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ มองทหารยามที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกปราดหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าเดินไปยังห้องสุขา

อวี้ชิงลั่วคิดจะหลบสายตาของทหารยามเพื่อออกไปจากที่นี่ซึ่งยังเป็นเรื่องง่าย เวลานี้ไม่เช้าแล้ว งานเลี้ยงทางฝั่งอุทยานอวี้ฮวาก็คงจะเริ่มแล้ว นางจะใช้โอกาสตอนที่ฝั่งนั้นกำลังครึกครื้นและไม่ได้สนใจนางเพื่อลอบเดินผ่านอุทยานอวี้ฮวาและวิ่งไปยังวังหลัง

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แย่งชิงลั่วกันออกหน้าออกตามาก กระทั่งคนรับใช้ยังเขม่นกันเลยทีเดียวพญานกทั้งสองคนนี้

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *