อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 586 แต่ละตำหนัก แต่ละวิหาร แต่ละจวน

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 586 แต่ละตำหนัก แต่ละวิหาร แต่ละจวน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 586 แต่ละตำหนัก แต่ละวิหาร แต่ละจวน

ตอนที่ 586 แต่ละตำหนัก แต่ละวิหาร แต่ละจวน

ท่าทางของเจี่ยนเซียงดูสิ้นหวังอย่างมาก กล่าวเสียงเบา “เสี่ยวปิ๋งจื่อ ครั้งก่อนเสี่ยวปิ๋งจื่อกล่าวกับหม่อมฉันว่าหว่านเฟยเหนียงเหนียงมีสมุดเล่มเล็กอยู่เล่มหนึ่ง ในนั้นมีชื่อหลายชื่อ คนพวกนั้น… คนพวกนั้นล้วนเป็นคนของหว่านเฟยเหนียงเหนียง ในแต่ละตำหนัก แต่ละวิหาร แต่ละจวนต่างก็มีทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ห้องพระเครื่องต้นเพคะ…”

เหมิงกุ้ยเฟยตกใจมาก ดึงเสื้อของเจี่ยนเซียงแล้วกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “พูดอะไรของเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่บอกเรื่องนี้แต่แรก?”

หว่านเฟยสูดลมหายใจอย่างประหลาดใจ เจี่ยนเซียงรู้เรื่องสมุดเล่มนั้นได้อย่างไร สมุดเล่มเล็กเล่มนั้น มีเพียงนางและหลานจือที่รู้สิถึงจะถูก เสี่ยวปิ๋งจื่อเองก็ไม่เคยเห็น

ทั้งตำหนัก วิหาร และจวนท่านอ๋องหรือ? รูม่านตาของฮ่องเต้หดลง หันไปทอดพระเนตรหว่านเฟยในทันที “เป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่?”

หว่านเฟยรีบส่ายหน้า โชคดีที่เมื่อครู่นางตอบสนองอย่างรวดเร็ว รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จือให้หลานจือกลับไปที่ตำหนักอิ๋งสุ่ยเพื่อทำลายสมุดเล่มเล็กเล่มนั้นในทันที

ตอนนี้ต่อให้ฮ่องเต้จะสั่งคนไปค้นหา ก็คงหาไม่เจอแล้ว

หากไม่มีหลักฐาน ต่อให้ฮ่องเต้จะสงสัย นางก็ยังใช้ความสามารถของตน ทำท่าทางเสียใจเพื่อลดความสงสัยได้

“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันไม่รู้มาก่อนว่ามีสมุดเล่มเล็กอันใด เด็กคนนี้พูดเรื่องไร้สาระ พยายามจะใส่ร้ายหม่อมฉันจริงๆ เพคะ”

ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ เจี่ยนเซียงกล่าวถึงขนาดนี้แล้ว ต่อให้เขาสับสนเพียงใด ก็จะต้องให้คนไปค้นหาอยู่ดี

ครั้นเหลือบพระเนตรขึ้นก็ทรงมองไปยังเปาเหอเฟิง ตรัสเบาๆ “เจ้าไปที่ตำหนักอิ๋งสุ่ยเสีย ค้นหาให้ละเอียด ดูสิว่าจะมีสมุดเล่มเล็กที่เจี่ยนเซียงพูดถึงหรือไม่ เหมียวกงกงเจ้าเองก็ไปด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ” ทั้งสองคนรับคำสั่งแล้วออกไป

หว่านเฟยหน้าซีดเป็นอันมาก น้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ “ฝ่าบาทเพคะ หลายปีมานี้หม่อมฉันรู้ที่ทางของตนดี อยู่คนเดียวเงียบๆ แม้แต่จะออกจากตำหนักอิ๋งสุ่ยก็ยังไม่บ่อยนัก ตอนนี้ถูกคนเขาวางแผนใส่ร้าย ฮ่าวหรานก็ถูกขังอยู่ในคุก ฝ่าบาทกลับไม่ทรงรับฟังคำอธิบายของหม่อมฉัน ให้คนไปตรวจสอบตำหนักอิ๋งสุ่ยของหม่อมฉัน เรื่องน่าอายเช่นนี้ หม่อมฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไมเล่าเพคะ”

ฮ่องเต้ขมวดพระขนง จากนั้นก็ถอนพระปัสสาสะ เสด็จตรงไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง “เหตุใดหว่านเฟยจึงกล่าวเช่นนี้เล่า ข้าเพียงต้องการตรวจสอบความจริงให้ชัดแจ้งเท่านั้น หากหาสมุดเล่มนั้นไม่เจอ ก็จะทำให้เจ้าบริสุทธิ์อย่างไรเล่า นี่ไม่ใช่ว่ากำลังล้างมลทินให้เจ้าอยู่หรือ”

หว่านเฟยร้องไห้อย่างโศกเศร้าถึงที่สุด กลับส่ายหน้าไม่กล่าวอันใดอีก

ฮ่องเต้รู้สึกว่าเริ่มปวดพระเศียรขึ้นมาอีกครั้ง หากบอกว่าหว่านเฟยต้องการทำร้ายเขา เขาก็จะไม่เชื่อจริงๆ หว่านเฟยเป็นคนรักสงบและสง่างาม วัน ๆ เอาแต่อ่านหนังสือ อีกทั้งยังสุขุมและเงียบขรึม ไม่มีปากเสียงกับใคร นางจะทำเรื่องที่เกินขอบเขตเช่นนี้ได้อย่างไร

แต่เจี่ยนเซียงเองก็พูดชัดเจนและมีเหตุผล ทำให้คนอยากจะเชื่อถือ

ห้องตำราหลวงเงียบสนิทลง เหมิงกุ้ยเฟยมองลงไปยังหว่านเฟย ลอบยกยิ้มมุมปาก จากนั้นก็กลับไปสงบนิ่งตามเดิมอย่างรวดเร็ว

ท่านอ๋องเป่ากลับสนใจในเรื่องนี้มากขึ้น เขาเองก็ไม่เคยคิดว่าคนอย่างหว่านเฟยจะเกี่ยวข้องกับเรื่องเช่นนี้ แต่เรื่องนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่เจี่ยนเซียงพูดจริงๆ ในทุกตำหนัก วิหาร และจวนต่างก็มีคนของหว่านเฟย เช่นนั้นตำหนักอ๋องเป่าของพวกเขาเล่า จะไม่มีได้อย่างไร

ยังมีตำหนักเซิงผิงของหมู่เฟยอีก อีกทั้ง… พิษที่อยู่ในร่างของหมู่เฟย หรือว่าทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นฝีมือของหว่านเฟย

อ๋องเป่ารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ หันไปมองทางด้านอวี้ชิงลั่วอย่างอธิบายไม่ถูก

อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ได้สนใจบรรยากาศในห้องตำราหลวงแม้แต่น้อย และไม่ได้มองเหมิงกุ้ยเฟยกับหว่านเฟยเลย เพียงแต่ก้มหน้าปัดตามเนื้อตัวของหนานหนานที่กินขนมเสียจนเศษขนมเลอะเสื้อผ้าไปหมด ทั้งยังหยิกแก้มสีชมพูของเขา

หนานหนานเบ้ปาก เชิดคางขึ้นอย่างไม่ยอมให้นางแตะต้อง แต่เขาตัวเล็กขาสั้น ไม่ว่าจะยืดคอสักเพียงไหนก็ไม่สามารถหนีจากมือนั้นได้ หลังผ่านไปสองสามครั้งก็ทำได้เพียงมองท่านแม่ของตนด้วยท่าทางน่าสงสาร ราวกับว่าน้ำตาจะไหลก็ไม่ปาน

สองแม่ลูกนั้นราวกับทำการแสดงละครใบ้อยู่ ไร้เสียง แต่มีชีวิตชีวา

อ๋องเป่าลอบส่ายศีรษะ หันมาพิจารณาหว่านเฟยใหม่อีกครั้ง

หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม เปาเหอเฟิงและเหมียวเชียนชิวก็เข้ามาจากด้านนอกพร้อมกัน สีหน้าดูแล้วไม่น่าดูชมเอาเสียเลย

“เป็นอย่างไรบ้าง?” ฮ่องเต้ตรัสถาม ในพระทัยกลับมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเลยแม้แต่น้อย

เปาเหอเฟิงคำนับฮ่องเต้ “ฝ่าบาท กระหม่อมทำการค้นหาทั่วตำหนักอิ๋งสุ่ยแล้ว สุดท้ายแล้วก็พบสมุดเล่มนี้ในกล่องลับใต้เตียงของหว่านเฟยเหนียงเหนียงพ่ะย่ะค่ะ ทั้งยังมีตั๋วเงินมูลค่าสามล้านตำลึง และขวดยาอีกสองสามขวดพ่ะย่ะค่ะ”

หว่านเฟยตกตะลึง หันไปมองเปาเหอเฟิงรวมถึงสิ่งของที่เขาถืออยู่ในมือด้วยความตระหนก

เป็นไปได้อย่างไร หรือว่าหลานจือไม่ได้กลับไปเพื่อทำลายสิ่งของพวกนี้? กล่องลับนั้นทำมาอย่างดี คนธรรมดาไม่สามารถหาพบได้ อีกทั้งถ้าไม่มีวิธีพิเศษก็จะไม่สามารถเปิดออกได้อีกด้วย ต่อให้พลิกเตียงทั้งหลังดู กล่องลับนั้นก็จะล่องหนไม่ปรากฏออกมา

ถึงแม้เปาเหอเฟิงผู้นี้จะอยู่ข้างกายฝ่าบาทมาหลายปีในฐานะผู้มีฝีมือโดดเด่นคนหนึ่ง ก็ไม่สามารถหาของสิ่งนี้ได้ในเวลาอันสั้นเป็นแน่

หว่านเฟยหันไปมองเหมิงกุ้ยเฟยอีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว มุมปากของอีกฝ่ายยกยิ้มออกมาอย่างแนบเนียน

หว่านเฟยตกใจมาก ให้ตายเถิด นางตกหลุมพรางของเหมิงกุ้ยเฟยเสียแล้ว

เหมียวเชียนชิวลอบถอนหายใจ นำสิ่งของแสดงต่อหน้าฮ่องเต้ รายงานเสียงนุ่มนวล “ขณะที่กระหม่อมและใต้เท้าเปาไปถึงประตูทางเข้าตำหนักอิ๋งสุ่ย ก็พบนางข้าหลวงของหว่านเฟยเหนียงเหนียงกำลังพยายามนำสมุดเล่มเล็กออกมาทำลายอย่างรีบร้อน คงเป็นเพราะรู้สถานการณ์ของห้องตำราหลวง จึงรีบรุดกลับไป คิดไม่ถึงว่าจะช้าไปเพียงก้าวเดียว กลับถูกกระหม่อมและใต้เท้าเปาจับได้คาหนังคาเขาเสียได้พ่ะย่ะค่ะ”

เหมิงกุ้ยเฟยลูบเล็บสีแดงสดของตนเบาๆ มองไปยังหว่านเฟยแวบหนึ่ง

นางกำชับเหมิงพั่วไว้เป็นพิเศษว่าให้ปลุกหลานจือก่อนที่เปาเหอเฟิงจะไปค้นหา หลานจือฟื้นขึ้นมาก็มึนงงไปหมด คิดได้ว่าหว่านเฟยสั่งให้รีบไปยังตำหนักอิ๋งสุ่ย เห็นว่าตำหนักอิ๋งสุ่ยไม่มีคน จึงเปิดกล่องลับเพื่อนำสมุดเล่มเล็กออกมาในทันที

น่าเสียดายที่ถูกคนเขาจับได้คาหนังคาเขา

เหมียวเชียนชิวกล่าวอีกครั้ง “หลานจือผู้นั้นเห็นกระหม่อมและคนอื่นๆ เข้าไปตรวจสอบ จึงพยายามโยนสมุดไปยังสระบัวนอกหน้าต่าง โชคดีที่ใต้เท้าเปามีวรยุทธ์แก่กล้า แย่งเอาสมุดเล่มเล็กมาได้ทันเวลา เพียงแต่ว่าหลานจือเห็นท่าไม่ดี จึงวิ่งเอาศีรษะโขกผนังตายในทันทีพ่ะย่ะค่ะ”

หว่านเฟยตะลึง หลานจือตายแล้วหรือ หลานจือ… ตายแล้ว

ฮ่องเต้บีบนิ้วพระหัตถ์แน่น เปิดดูขวดยาสองสามขวดที่อยู่บนโต๊ะ จากนั้นก็ให้คนนำไปส่งให้อวี้ชิงลั่ว

จากนั้นก็พลิกดูตั๋วเงินบนโต๊ะมูลค่าสามล้านตำลึงที่หนาเป็นกอง เฟยจื่อผู้หนึ่งในวังหลวงมีเงินติดตัวมากถึงเพียงนี้ หากบอกว่าไม่มีเจตนาอื่น ใครจะไปเชื่อเล่า?

ฮ่องเต้ค่อยๆ หลับพระเนตรลง พยายามสะกดโทสะในใจของตนเอาไว้ ยกพระหัตถ์ขึ้นไปหยิบสมุดเล่มเล็กเล่มนั้น

เปิดไปดูที่หน้าแรก ก็พบกับชื่อหนึ่งที่สะดุดตา ‘ผู้บัญชาการเว่ย’

ผู้บัญชาการเว่ยหรือ ผู้บัญชาการทหารองครักษ์ที่ติดสินบนแม่ลูกตระกูลอวี้เพื่อจัดการกับอวี้ชิงลั่วเมื่อครั้งก่อนมิใช่หรือ?

ฮ่องเต้มองดูอีกครั้ง ชื่อนี้ถูกขีดทิ้งด้วยหมึกสีแดงไปแล้ว

ฮ่องเต้บีบนิ้วพระหัตถ์ตัวเอง เมื่อเปิดไปอีกสองสามหน้า ก็พบชื่อของอาฝู เสี่ยวปิ๋งจื่อ เย่โฉวและคนอื่นๆ

พระองค์ยกพระหัตถ์ขึ้นทันที ปาสมุดเล่มนั้นใส่หว่านเฟยอย่างแรง

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ตายแน่ ตายแน่ๆ หว่านเฟย แล้วประเด็นคือเป็นหมู่เฟยของอ๋องแปดด้วย

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *