อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 689 ไม่อายบ้างหรือ

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 689 ไม่อายบ้างหรือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 689 ไม่อายบ้างหรือ

ตอนที่ 689 ไม่อายบ้างหรือ

ชายผู้นี้ดูเคร่งขรึมและน่าเกรงขาม ดูแล้วเป็นคนจริงจัง ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย

เขามองหมอเฒ่าฉยงซานแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วเอ่ย “ท่านหมอเฒ่า ท่านพ่อของข้าอยู่ห้องหนังสือ เรียนเชิญทางนี้ขอรับ”

“เจ้าเป็นบุตรชายของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงหรือ? ” หมอเฒ่าฉยงซานพิจารณาเขาแวบหนึ่ง เหตุใดจึงรู้สึกว่าชายผู้นี้ดูนิสัยไม่เหมือนผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูเหมือนเย่ซิวตู๋เสียมากกว่า แปลกยิ่งนัก

เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนที่ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงสั่งสอนมา ต่างก็เป็นคนมีนิสัยเย็นชาเช่นนี้

เหมิงจื้อเฉิงพยักหน้า “เชิญท่านหมอเฒ่าทางนี้ขอรับ”

เขาเป็นบุตรชายของผู้อาวุโสเผ่าเหมิง บุตรชายและบุตรสาวของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงนั้นมีไม่มาก ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง บุตรสาวก็คือเหมิงกุ้ยเฟย บุตรชายเพียงคนเดียวก็คือเหมิงจื้อเฉิงตรงหน้านี้ เหมิงจื่อเชียนและเหมิงจื่อฉีต่างก็เป็นบุตรของเหมิงจื้อเฉิง ทั้งยังมีบุตรนอกสมรสหนึ่งคน เกิดจากภรรยาน้อยของเขาชื่อหรูซือ โตกว่าเหมิงจื่อเชียนหนึ่งปี

เพียงแต่ว่าในใจของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงกลับรักใคร่ในตัวหลานห่างๆ อย่างเย่ซิวตู๋มากที่สุด ถึงแม้เย่ซิวตู๋จะเกลียดเหมิงกุ้ยเฟยมากก็ตาม

เหมิงจื้อเฉิงเองก็ถือเป็นรุ่นน้องของหมอเฒ่าฉยงซาน หมอเฒ่าฉยงซานมองเขา จากนั้นก็พยักหน้าอย่างไร้อารมณ์ กล่าว “นำทางไปได้เลย”

อวี้ชิงลั่วหลบเลี่ยงกองเศษซากแมลงบนพื้นที่ยังไม่ได้ถูกจัดการอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เดินตามฝีก้าวของหมอเฒ่าฉยงซาน

กลุ่มคนเดินมาถึงตรงหน้าประตูห้องหนังสือ เหมิงจื้อเฉิงพยักหน้าให้อาเจียง จากนั้นก็เคาะประตูกล่าวเสียงเบา “ท่านพ่อ ท่านหมอเฒ่ามาขอรับ”

“อืม ให้เขาเข้ามา”

เหมิงจื้อเฉิงตอบ ‘ขอรับ’ จากนั้นก็ผลักประตูให้หมอเฒ่าฉยงซานเข้าไป

เพียงแต่เมื่ออวี้ชิงลั่วกำลังจะเข้าประตูไป เขาก็ยื่นมือมาขวางนางไว้ “แม่นางรอข้างนอกเถิดขอรับ”

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว หมอเฒ่าฉยงซานหันตัวกลับมาอย่างไม่พอใจในทันที ผลักมือของเหมิงจื้อเฉิงออก กล่าว “ให้รออะไรกัน เจ้ายังเป็นบุรุษอยู่หรือไม่ ทนให้สตรีคนหนึ่งตากแดดรออยู่ข้างนอกได้อย่างไร หากข้ากับพ่อเจ้าคุยกันเพลินเสียจนลืมเวลาเล่า เช่นนั้นหญิงสาวบอบบางอ่อนโยนคนหนึ่งจะไม่โดนเผาจนเกรียมหรือ?”

เหมิงจื้อเฉิงขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าหมอเฒ่าฉยงซานไม่สุภาพเอาเสียเลย คำกล่าวก็ไร้เหตุผล

ขณะที่เขากำลังจะกล่าวอธิบาย เสียงของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงก็ดังมาจากในห้องอีกครั้ง “ให้พวกเขาทั้งหมดเข้ามา”

เหมิงจื้อเฉิงจึงพยักหน้า ถอยหลังหนึ่งก้าว ให้อวี้ชิงลั่วเดินเข้าไป

ประตูห้องหนังสือถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว เหมิงจื้อเฉิงยืนอยู่นอกประตูครู่หนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวหันจากไป

แสงในห้องหรี่ลงในทันที อวี้ชิงลั่วหรี่ตา เห็นโต๊ะอยู่ตรงหน้าไม่ไกล บนนั้นมีกระดาษแผ่นใหญ่วางอยู่ และตรงหน้าโต๊ะนั้นก็มีชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ ดูมีชีวิตชีวา แววตาสงบ ยกมือขึ้นวาดไปตามกระดาษอย่างอิสระ เพียงชั่วพริบตานั้น ตัวอักษรสี่ตัวใหญ่ๆ ก็ปรากฏอยู่บนกระดาษ

จากนั้นเขาก็ดึงมือกลับด้วยความพอใจ วางพู่กันลงบนหินฝนหมึก เงยหน้าขึ้นมองหมอเฒ่าฉยงซาน

หมอเฒ่าฉยงซานเองก็มองเขา ไม่ขยับ ไม่ส่งเสียงใดๆ

อวี้ชิงลั่วหันซ้ายหันขวา ยิ่งรู้สึกพูดไม่ออก นี่คนเรายิ่งอายุมาก นิสัยยิ่งเหมือนเด็กๆ ใช่หรือไม่ เหมือนกับทั้งสองคนตรงหน้านี้

ทั้งสองคนอายุรวมกันก็ราว 150-160 ปีแล้วกระมัง เหตุใดจึงยังทำตัวเป็นเด็กเช่นนี้ เอาแต่จ้องกันเขม็ง มีอะไรให้จ้องนักหนาหรือ?

อวี้ชิงลั่วครุ่นคิดครู่หนึ่ง กำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อขัดจังหวะ ‘สายตาอันรักใคร่’ ของพวกเขา คิดไม่ถึงว่าในที่สุดทั้งสองคนก็จะรู้ตัว ละสายตาออกจากกันและกันโดยบังเอิญ

หมอเฒ่าฉยงซานหันหน้ากลับมา กะพริบตาอย่างแรง ดวงตาคู่นั้นเป็นสีแดงเล็กน้อย

ส่วนผู้อาวุโสเผ่าเหมิงดูท่าแล้วจะอาการดีกว่าหน่อย สมกับเป็นคนที่ฝึกวิชาต่อสู้ กำลังวังชายังมีมากกว่าหมอเฒ่าฉยงซานที่ด้อยกว่าหน่อย

“ฮั่วเหล่า นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน ครั้งก่อนข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าห้ามเจ้ามาที่จวนข้าอีก ตอนนั้นเจ้าเองก็ตอบรับอย่างหนักแน่นเลยไม่ใช่หรือ?” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเริ่มโจมตีก่อน เขารู้ว่าพวกเขาเป็นคนก่อเรื่องที่หน้าประตูนั้น

ไอ้เวรนี่ เห็นว่าตนมีฝีมือการแพทย์ดีหน่อยก็สุดยอดแล้วอย่างนั้นหรือ? นี่ยังจะมาทำลายจวนเขาอีก

หมอเฒ่าฉยงซานเพียงได้ยินเขากล่าวเรื่องนี้ สีหน้าก็อับอายเล็กน้อย ขยับกายอย่างลำบากใจ แต่ต่อจากนั้นก็เริ่มโวยวาย “เลิกพูดเรื่องพวกนั้นได้แล้ว ที่ข้ามาวันนี้ เพื่อมาถามหาคนคนหนึ่งกับเจ้า”

“ถามหาคนกับข้าหรือ” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแค่นหัวเราะ “เจ้าเล่นตลกแล้วหรือ จวนผู้อาวุโสเผ่าเหมิงของข้านี้จะมีคนของเจ้าที่ไหนกัน หรือว่าสหายรักของเจ้าหนีมาหาข้าที่นี่ เพราะไม่อยากคบหากับเจ้าแล้วกันเล่า?”

ขณะกล่าว ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงก็มองอวี้ชิงลั่วแวบหนึ่งอย่างมีความหมาย

อวี้ชิงลั่วสีหน้าหดหู่ จะมองนางทำไมกัน นางดูเหมือนสหายรักของหมอเฒ่าฉยงซานหรืออย่างไร อีกอย่าง เครื่องประดับผมของนางนั้นเห็นๆ อยู่ว่าเป็นของสตรี ดูเหมือนนางเป็นสหายรักของใครตรงไหนไม่ทราบ? ต่อให้นางจะมีบุตรชายแล้วก็เถอะ

เมื่อคิดถึงบุตรชาย อวี้ชิงลั่วก็จ้องหมอเฒ่าฉยงซานเขม็ง ให้เขารีบกล่าวเข้าเรื่องเสียที

แต่หมอเฒ่าฉยงซานเพียงพบกับผู้อาวุโสเผ่าเหมิง ก็เหมือนกับภูเขาไฟปะทุ โดยเฉพาะเมื่อเขากล่าวถึงสหายรัก นี่เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจที่ตนกล่าวถึงฮูหยินของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเมื่อครั้งก่อน ตอนนี้จึงมาตอบโต้

ไร้สาระ หมอเฒ่าฉยงซานอย่างเขาจะถูกรังแกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ ใช้คำพูดจาต่ำๆ เช่นนั้นมันมีอะไรดีหรือ

เขาเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่งทันที ส่งเสียงฮึดฮัด “จวนเจ้ามันสกปรกอยู่ตลอด คนเจ้าเล่ห์อย่างเจ้า ใครจะรู้ว่าทำร้ายคนไปเท่าไร ทำเรื่องเลวร้ายไปเท่าไร เร็วเข้า รีบส่งคนที่ข้าต้องการมาได้แล้ว ไม่เช่นนั้นข้าจะพังบ้านเจ้า ให้เจ้าต้องขายหน้าเสีย”

ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงโกรธจนตัวสั่น ตอนแรกเขายังชื่นชมที่ตาของอีกฝ่ายมีแวว ชื่นชอบหญิงที่เป็นแม่ของหนานหนาน

คิดไม่ถึง นี่ยังไม่นานเท่าไรนัก ก็มาหาเรื่องเขาถึงบ้านเสียแล้ว

“ฮั่วเหล่า!!” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงตะคอกเสียงดัง “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าตนดีเด่นัก ก็เพียงแค่เทของไร้สาระใส่ประตูจวนข้าเท่านั้นไม่ใช่หรือ หากเจ้าจะพังบ้านข้า ก็มาดูกันว่าเจ้าจะมีโอกาสได้ลงมือหรือไม่ เจ้ามีวิชาต่อสู้เพียงเล็กน้อย แต่กับข้าแล้ว เจ้าผ่านไปไม่ได้แม้เพียงกระบวนท่าเดียว อย่าว่าแต่ทำให้ข้าขายหน้าเลย ข้าตัดมือตัดเท้าเจ้าให้ขาดในพริบตาก็ยังได้”

“ดี ข้าบอกแล้วว่าเจ้าน่ะมันจิตใจชั่วร้าย เจ้ายังไม่ยอมรับ ตอนนี้กลับแสดงธาตุแท้ออกมาแล้ว เฮอะ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าวิชาต่อสู้ของเจ้าไม่มีใครสู้ได้ มาๆๆ เรามาลองกันสักตั้ง ดูว่าสุดท้ายแล้วข้าจะผ่านเจ้าไปได้สักกระบวนท่าหรือไม่ หากข้าผ่านไปได้ เจ้าต้องคุกเข่าคำนับข้าเสีย”

“ดี มา”

ทั้งสองคนทะเลาะกันพลางตั้งท่าทำทาง เสียงดังเสียจนแม้แต่อาเจียงที่อยู่ด้านนอกยังได้ยิน เขากระวนกระวายเล็กน้อย กำลังคิดว่าจะบุกเข้าไปดีหรือไม่

คิดไม่ถึงว่าต่อจากนั้น เสียงทั้งหมดก็เงียบลงในทันที

อวี้ชิงลั่วยืนอยู่ระหว่างทั้งสองคน สองมือกอดอกและยิ้มเยาะ “เหตุใดพวกท่านถึงไม่รู้จักโตเช่นนี้ อายุเท่าไรกันแล้ว ไม่อายกันบ้างหรือไร คุยกันสองสามคำก็ทะเลาะกันเสียแล้ว ไม่รู้เรื่องเท่าเด็กสามขวบเสียด้วยซ้ำ กลับไปอยู่ในท้องแม่เสียยังจะดีกว่า”

หมอเฒ่าฉยงซานไม่เคยปฏิเสธนาง ถูกนางบอกให้หยุด ก็หยุดในทันที

แต่ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงนั้น มุ่นคิ้วมองอวี้ชิงลั่วแล้วถาม “เจ้าเป็นใคร”

…………………………………………

สารจากผู้แปล​

สตรีผู้นี้คือแม่ของหนานหนานอย่างไรเล่าท่าน​ เป็นยังไง​ แสบใช้ได้ไหม

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *