อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 498 ย้ายที่คุกเข่า

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 498 ย้ายที่คุกเข่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 498 ย้ายที่คุกเข่า

ตอนที่ 498 ย้ายที่คุกเข่า

หงเย่ยกยิ้มขณะถ่ายทอดทุกคำพูดของจินหลิวหลีให้อวี้ชิงลั่วฟัง

“แม่นางจินบอกว่าตั้งแต่ท่านเสนาบดีจากไป อวี้ชิงโหรวก็เอามือทุบพื้นไม่หยุด โดยไม่สนใจว่าตนเองจะเลือดตกยางออก เห็นทีจะกระทบจิตใจนางจริง ๆ”

อวี้ชิงลั่ววางชามรังนกตุ๋นที่กำลังกินอยู่และเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งเสียง “อืม” เบา ๆ

ทันทีที่มีการกล่าวถึงหลีจื่อฟาน นางก็รู้สึกเหมือนเป็นหนี้เขาจริง ๆ และนางไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

“ฮึ่ม”

มีเสียงพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาลอยเข้าหูนาง อวี้ชิงลั่วตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และได้สติขึ้นมาทันทีว่าเย่ซิวตู๋ยังคงยืนอยู่ข้างนาง

นางรีบหัวเราะแห้ง ๆ แล้วรีบใช้ช้อนตักรังนกตุ๋นขึ้นมากินต่อโดยไม่ได้เอ่ยคำใด

หงเย่มีสายตาเฉียบคม นางจึงรีบกล่าวลา “องค์หญิง หม่อมฉันจะไปดูแลท่านเหวิน ขอทูลลาก่อนนะเพคะ”

“อืม” อวี้ชิงลั่วยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้น และก้มหน้าก้มตากินรังนกตุ๋นลงท้องจนหมด จากนั้นจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดปาก แล้วหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง

“หลีจื่อฟานก็โหดร้ายเช่นกัน” เย่ซิวตู๋เหลือบมองนาง และน้ำเสียงของเขายังคงเย็นยะเยือก

อวี้ชิงลั่วแหงนหน้ามองไปที่คานบนหลังคาขณะส่งเสียง “อืม” แผ่วเบา นางไม่ตอบจะดีกว่า เพราะหากนางพูดอะไรออกไปตอนนี้ เขาก็คงจะรู้สึกหงุดหงิดใจมากขึ้น อืม นางจึงยังคงเงียบ

เย่ซิวตู๋จ้องมองนาง “ภายนอกของชายผู้นั้นดูสุภาพอ่อนโยนมาโดยตลอด แต่สำหรับเจ้า มันเป็นข้อยกเว้น”

“เย่ซิวตู๋ ท่านดูไร้เดียงสามากนะเวลาที่ท่านหึง” ในที่สุดอวี้ชิงลั่วก็หันไปมองเขาและหัวเราะ

“…” เย่ซิวตู๋ถึงกับเสียอาการในทันที และลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันใด “เราไม่ได้หึง”

ด้วยสายตากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งของอวี้ชิงลั่ว เย่ซิวตู๋จึงอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้น แต่เสิ่นอิงกำลังมองหาเขาอยู่ข้างนอก เขาจึงเดินลงบันไดไปทันที “ข้ามีบางอย่างที่ต้องทำ เจ้าควรไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดี”

ไตร่ตรองหรือ? มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุกอย่างแรง จะให้นางไตร่ตรองเรื่องอะไร? ไตร่ตรองถึงความงามของบุปผา และเสน่ห์ของธรรมชาติหรืออย่างไร? หากเป็นเช่นนั้น นางไตร่ตรองเรื่องความตายไม่ดีกว่าหรือ?

อวี้ชิงลั่วผลักชามออกไป พลางพ่นลมหายใจเย็นชา

แม่นมเซียวที่รอให้เย่ซิวตู๋ออกไปรีบเดินเข้าประตูมาเงียบ ๆ ทันที และโบกมือให้คนมาหยิบชามบนโต๊ะไปเก็บ

อวี้ชิงลั่วเหลือบมองนาง แม่นมเซียวคนนี้ภักดีต่อเย่ซิวตู๋มากกว่าตัวนางเอง นางจึงรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย

“ว่าแต่ชิวหลานเป็นอย่างไรบ้าง?”

คุกเข่ามาหนึ่งวันแล้ว

ทันทีที่มีการพูดถึงชิงหลาน คิ้วของแม่นมเซียวก็ขมวดเข้าหากันจนแทบจะกลายเป็นเส้นเดียว พูดเย้ยหยันว่า “ยังคงมีความเพียรอยู่บ้าง นางไม่ได้กินหรือดื่มทั้งวัน และไม่ได้ปริปากพูดแม้แต่คำเดียว”

อวี้ชิงลั่วไม่แปลกใจกับผลลัพธ์นี้ คนเรานั้นถ้ามีความทะเยอทะยานมากเพียงใด ก็ย่อมทนทุกข์ได้มากเพียงนั้น

หากคนอย่างชิวหลานไม่รู้เรื่องนี้ นางก็คงไม่เสนอตัวมาอยู่เคียงข้างนางแทนเยว่ซิน

“ฮึ คนผู้นี้ไว้ใจไม่ได้ นางทำตัวราวกับว่าคนอื่นเป็นคนโง่เขลา ที่ไม่รู้ว่านางต้องการจะทำอะไร” ดูเหมือนแม่นมเซียวจะไม่ชอบชิงหลานมาก “นางทะนงตัวเกินไปจริง ๆ องค์หญิง ท่านเมตตานางมากเกินไป ทำให้นางคิดว่าท่านเป็นคนที่ถูกรังแกได้ง่าย สตรีอย่างนางเป็นพวกกินบนเรือนขี้บนหลังคา แม้นางจะพูดขัดจังหวะ ท่านก็ไม่ได้ว่ากล่าวนาง และไม่ต้องพูดถึงว่านางเคยทำร้ายเป่าเอ๋อร์มาก่อน”

แม้ว่าแม่นมเซียวจะเคร่งครัดเรื่องระเบียบวินัยมาก แต่นางก็ใจดีกับเด็ก ๆ ยิ่งนัก

ไม่ว่าจะเป็นหนานหนาน เย่หลานเฉิง หรืออวี้เป่าเอ๋อร์ หลังจากใช้เวลาร่วมกันสองสามวัน นางก็รู้สึกผูกพันแล้ว

เดิมทีนางไม่รู้ว่าชิวหลานได้ทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้น แต่ต่อมาเมื่อนางถามถึงเรื่องนี้ นางจึงได้รู้ว่าชิวหลานเคยรังแกอวี้เป่าเอ๋อร์บ่อยมากตอนที่นางยังเป็นคนรับใช้ของเฉินจีซิน ความเกลียดชังในหัวใจของนางจึงเพิ่มจนถึงขีดสุด และตอนนี้นางก็ยังนึกแช่งชักหักกระดูกชิวหลานอยู่

อวี้ชิงลั่วมองไปทางด้านข้าง แล้วถอนหายใจเบา ๆ “เอาล่ะแม่นมเซียว นี่ไม่ใช่การสอนบทเรียนให้นางหรอกหรือ?”

“ฮึ่ม” แม่นมเซียวยังคงไม่พอใจ บทเรียนอะไรกัน? หากนางเป็นองค์หญิง นางจะถอนฟันชิวหลานออกสักสองซี่แน่นอน และจะให้นางชดใช้กรรมที่รังแกเป่าเอ๋อร์มาหลายปีด้วย

“หม่อมฉันจะไปดูชิวหลาน”

อวี้ชิงลั่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเหลือบมองแม่นมเซียวด้วยสีหน้าสงสัย แต่ทันทีที่นางเห็นรอยยิ้มร้ายกาจ นางก็รู้ในใจว่าแม่นมเซียวกำลังอารมณ์เสีย และต้องการใช้โอกาสนี้โจมตี

อืม อย่างไรเสียแม่นมเซียวก็รู้ดีว่าต้องทำอย่างไร อยากไปก็ไปเถิด

“ข้าเหนื่อยนิดหน่อยจึงจะไปงีบหลับ เจ้าจัดการเองเถิด”

อวี้ชิงลั่วหาวเบา ๆ ตอนนี้นางรู้สึกง่วงมากเพราะเพิ่งกินไปจนอิ่ม

แม่นมเซียวพยักหน้า แล้วรอให้นางเปลี่ยนชุดจนเสร็จ และกำลังจะเดินออกจากตำหนักไปเงียบ ๆ

ทันทีที่นางก้าวออกจากประตูก็มีหญิงรับใช้คนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมาหา เมื่อนางวิ่งมาหยุดอยู่ข้างแม่นมเซียว นางก็หอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า

แม่นมเซียวประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น?”

“แม่นม องค์ชายแปดเสด็จเจ้าค่ะ”

“……”

เมื่อเห็นว่านางยังไม่ตอบสนอง หญิงรับใช้จึงรีบเอ่ยเตือน “สตรีที่ชื่อชิวหลานยังคงคุกเข่าอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า ท่านอ๋องไม่ได้ให้องค์ชายแปดเสด็จไปที่ห้องอ่านหนังสือ แต่ให้พ่อบ้านหยางนำเสด็จไปทางห้องโถงด้านหน้า เพื่อเป็นการรับแขกก่อน ทันทีที่พ่อบ้านหยางนึกขึ้นได้ว่าชิวหลานยังคงคุกเข่าอยู่ที่นั่น เขาก็รีบบอกให้ข้ามาถามแม่นางอวี้ว่าต้องการให้… ย้ายชิวหลานไปที่อื่นหรือไม่?”

พวกนางทุกคนรู้ว่าไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องขัดขวางสิ่งที่แม่นางอวี้ทำ

การที่ชิวหลานคุกเข่าอยู่กลางห้องโถงไม่ได้มีปัญหาในตอนแรก แม้ว่าองค์ชายแปดจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านอ๋อง แต่เขาก็ยังเป็นแขก ทันทีที่เขาเข้ามาในจวน สิ่งที่เขาจะเห็นก็คือใบหน้าของชิวหลานคนนี้…

พ่อบ้านหยางไม่ได้แนะนำให้เย่ซิวตู๋เปลี่ยนสถานที่รับแขก ดังนั้นเขาจึงต้องแนะนำอวี้ชิงลั่ว

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แม่นมเซียวก็รู้สึกว่าจะต้องรีบแก้ไขเรื่องนี้ ด้วยไม่ควรเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เร่งฝีเท้า “ไปเถิด ไปที่ห้องโถงด้านหน้ากัน”

“เจ้าค่ะ” หญิงรับใช้ตอบรับและรีบเดินตามไป

แต่ตำหนักของอวี้ชิงลั่วอยู่ไกล ครั้งนี้ไม่ว่านางจะวิ่งเร็วเพียงใด และไม่ว่าพ่อบ้านหยางจะถ่วงเวลาไว้นานแค่ไหน ตอนนี้เย่ฮ่าวหรานก็ก้าวเข้ามาในห้องโถงด้านหน้า ต่อหน้าต่อตาแม่นมเซียวแล้ว

เย่ซิวตู๋เพิ่งเปลี่ยนชุดเสร็จ และกำลังเดินเข้ามาในห้องโถง

เมื่อเห็นชิวหลานคุกเข่าอยู่กลางห้อง เขาก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด เสิ่นอิงจึงกระแอมเบา ๆ และกระซิบข้างหูเขา “แม่นางอวี้บอกให้นางคุกเข่าอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”

“หญิงรับใช้ในจวนหรือ? เกิดอะไรขึ้น?” เย่ซิวตู๋ประหลาดใจ หญิงรับใช้ในจวนล้วนได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี และจะไม่มีวันทำผิดวินัยด้วยการทำให้ชิงเอ๋อร์ขุ่นเคืองใจ นอกจากนี้ชิงเอ๋อร์ยังมีเมตตาข้าทาสบริวารเสมอมา แม้ว่าเยว่ซินจะไม่ค่อยเกรงกลัวนาง แต่ชิงเอ๋อร์ก็ไม่เคยดุนางเลย

เสิ่นอิงส่ายหน้า “ไม่ใช่หญิงรับใช้ในจวน แต่เป็นอดีตคนรับใช้ของจวนอวี้ เมื่อวานนี้…”

“เอ๊ะ นี่ใครกัน? เหตุใดจึงมาคุกเข่าที่นี่?” ก่อนที่เสิ่นอิงจะทันได้พูดจบ คนที่คุ้นเคยตรงหน้าประตูก็ตะโกนออกมา

นัยน์ตาหม่นหมองของชิวหลานพลันสว่างขึ้นทันที เมื่อนางเห็นคนหลายคนปรากฏตัวขึ้นที่ห้องโถงด้านหน้า ทันทีที่นางเงยหน้ามาพบกับสายตาของเย่ซิวตู๋และเย่ฮ่าวหราน น้ำตาของนางก็ไหลออกมาในทันใด

………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ท่านอ๋องซิวเวลาเสียอาการก็น่ารักเหมือนกันน้า

ดีใจเก้อละมั้งชิวหลาน บรรดาท่านอ๋องจะรังแกหล่อนซ้ำน่ะสิไม่ว่า

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *