อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 566 ไม่ได้ยินเจ้าเรียกมานานแล้ว

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 566 ไม่ได้ยินเจ้าเรียกมานานแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 566 ไม่ได้ยินเจ้าเรียกมานานแล้ว

ตอนที่ 566 ไม่ได้ยินเจ้าเรียกมานานแล้ว

“นั่นมันเป่าเอ๋อร์นี่” เสียงนั้นช่างคุ้นเคยนัก อวี้ชิงลั่วได้ยินแล้วจึงรีบก้าวเข้าไปในบ้าน

เพียงแค่เหลือบมองแวบเดียว นางก็เห็นอวี้เจี้ยนต๋ากลิ้งตกลงมาจากเตียง อวี้เป่าเอ๋อร์พยายามช่วยยกเขาขึ้นอย่างสุดกำลัง แต่เขายังเด็กและมีเรี่ยวแรงไม่มากพอ

เจียงอวิ๋นเซิงที่ยืนอยู่ปลายเตียงรีบเข้าไปช่วย แต่อวี้เจี้ยนต๋าดูเหมือนจะหมดสติไปแล้ว และไม่ได้ยินเสียงใดเลย

อวี้ชิงลั่วรีบก้าวเข้าไปหา แล้วบอกให้อวี้เป่าเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ถอยออกไป เพื่อดำเนินการช่วยเหลืออวี้เจี้ยนต๋าฉุกเฉิน

ทันทีที่อวี้เป่าเอ๋อร์และเจียงอวิ๋นเซิงเห็นนาง พวกเขาก็รู้สึกใจชื้นขึ้นและถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าดวงตาของพวกเขาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างของอวี้เจี้ยนต๋าอย่างไม่ละสายตา

อวี้ชิงลั่วพยายามกู้ชีพเขาอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งหน้าผากของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ คนบนเตียงก็เริ่มมีปฏิกิริยาเล็กน้อย ด้วยการขยับริมฝีปากซีดของเขา

อวี้ชิงลั่วถอนหายใจยาว แล้วนั่งลงพูดที่ขอบเตียงด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”

“…เจ้ามาหรือ?” อวี้เจี้ยนต๋าลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก และเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ข้างเขาคือนาง มุมปากของเขาก็กระตุก

อวี้ชิงลั่วรู้สึกได้ว่าการพูดอะไรสักคำนั้นเป็นเรื่องยากสำหรับเขามาก แต่นางก็รู้ว่าเขาต้องการจะพูดมากเพียงใดในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว

นางพยักหน้าเบา ๆ เสียงของอวี้ชิงลั่วก็ยังคงแผ่วเบามากเช่นเดิม “อืม ท่านจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากกินยานี้”

อวี้เจี้ยนต๋าเอียงศีรษะเล็กน้อย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อไม่กิน กินแล้วก็… ง่วงนอนอีก ให้เจ็บปวดบ้างก็ดี พ่อจะได้รู้สึก… รู้สึกว่ายังมีชีวิต”

อวี้ชิงลั่วหดหู่มาก นางนำยาในมือใส่กลับเข้าไปในขวดอีกครั้ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พยักหน้า “ข้าขอโทษ”

“เด็กโง่ เจ้ากำลังพูดอะไร” นางได้บรรเทาความเจ็บปวดให้เขามาก และให้เวลาเขาได้มีชีวิตอยู่ต่ออีกสองสามวัน แม้กระทั่งในทุกวันนี้ เขามีลูกชายที่ประพฤติตัวดีและมีเหตุผลคอยอยู่เคียงข้างเขา ดังนั้นหากต้องตายเขาก็ไม่เสียใจ

อวี้ชิงลั่วเม้มริมฝีปาก และมองไปยังร่างกายผ่ายผอมของเขาที่น้ำหนักลดฮวบอย่างรวดเร็วเงียบ ๆ

“พ่ออยากคุยกับพวกเจ้าเพียงลำพัง” อวี้เจี้ยนต๋าพูด

อวี้ชิงลั่วตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เข้าใจ นางจึงหันไปขอให้เจียงอวิ๋นเซิงและแม่นมเซียวพาสาวใช้ออกไป แล้วเรียกอวี้เป่าเอ๋อร์ให้มาอยู่ข้างเตียงด้วยกัน

อวี้เจี้ยนต๋าขมวดคิ้วจ้องมองลูกทั้งสองด้วยความพอใจมาก

“จากนี้ไปจะเหลือเพียงพวกเจ้าสองพี่น้อง ที่ต้องคอยดูแลกันและกัน” แม้จะพูดออกมาอย่างยากลำบาก แต่เขาก็พูดได้คล่องแคล่วมาก “ชิงลั่ว เป่าเอ๋อร์ พ่อขอโทษ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพ่อทำให้พวกเจ้าต้องทุกข์ทรมานมาก บัดนี้ที่พ่อต้องมีสภาพเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นการชดใช้กรรม แต่โชคดีที่อีกไม่นานพ่อจะได้พบกับแม่ของพวกเจ้าและเหล่าสหาย”

อวี้เป่าเอ๋อร์ร้องไห้ไม่ออก แต่ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงก่ำแล้ว และเขาก็กุมมืออันบอบบางของอวี้เจี้ยนต๋าไว้แน่นด้วยมือข้างเดียว ทว่าไม่กล้าออกแรงจับมากเกินไป เพราะกลัวว่าจะเผลอบีบมือของบิดาจนหัก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงจับไว้เบา ๆ

อวี้ชิงลั่วพยักหน้า แล้วพูดเสียงเบา “ข้าจะดูแลเป่าเอ๋อร์ให้ดี ข้า…”

นางพูดต่อไม่ได้ ความรู้สึกอัดอั้นดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ

อวี้ชิงลั่วก้มศีรษะลง แล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ

อวี้เจี้ยนต๋ายังคงมองนางด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดอย่างประหม่าเล็กน้อย “ชิงลั่ว เรียกพ่อว่าพ่ออีกครั้งเถิด… นานแล้ว ไม่ได้ยินมานานเหลือเกิน”

อวี้ชิงลั่วเศร้ามาก นางเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ต้องคิด แล้วเรียกเขาด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านพ่อ”

“ดี ดี” อวี้เจี้ยนต๋าเผยรอยยิ้มกว้าง ขอบตาของเขาร้อนผ่าว จากนั้นน้ำตาอุ่น ๆ สองหยดก็ไหลจากดวงตาของเขาลงสู่ผ้าห่ม

อวี้เป่าเอ๋อร์เรียกเขาจากด้านข้าง “ท่านพ่อ ท่านพ่อ…”

“เป่าเอ๋อร์ ในอนาคตเจ้าต้องเชื่อฟังคำพูดของพี่สาวเจ้าอย่างเคร่งครัด เมื่อเจ้าได้แต่งงานกับภรรยาที่ดีในอนาคต อย่าได้สับสนหลงผิดเหมือนพ่อ ที่ทำร้ายทั้งแม่ของเจ้าและเจ้า”

“รู้แล้ว ข้ารู้แล้ว ในอนาคตหากข้าได้แต่งงานกับภรรยาที่ดีเหมือนกับพี่สาว ข้าจะแต่งงานกับนางเพียงคนเดียว”

อวี้เจี้ยนต๋าโล่งใจมาก “ดีแล้ว ดีแล้ว เจ้าฉลาดกว่าพ่อ”

อวี้เป่าเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะร้องไห้อีกครั้ง และซุกหน้าเข้ากับขอบเตียง และไม่กล้ามองริมฝีปากของบิดาที่เริ่มสั่นเทา

อวี้เจี้ยนต๋าหัวเราะครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นมองอวี้ชิงลั่ว “ชิงลั่ว พ่อขอเจอหนานหนานได้หรือไม่? ครั้งสุดท้ายที่ได้พบกัน เขาอยู่ด้านบนในห้องโถงใหญ่ และพ่อไม่ทันได้ดูเขาให้ชัด ๆ เด็กคนนั้น เด็กคนนั้นน่ารัก”

อวี้เป่าเอ๋อร์ก็หันมาพูดเช่นกัน “พี่สาว ท่านพ่อชอบหนานหนานมาก ทุกวันนี้เขาถามข้าเรื่องหนานหนานบ่อยมาก”

ร่องรอยของความอับอายปรากฏบนใบหน้าของอวี้เจี้ยนต๋า

อวี้ชิงลั่วยกยิ้ม “หนานหนานเพิ่งแข่งขันจบ ข้าบอกให้คนรออยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อเสร็จเรียบร้อย เขาจะมาที่นี่ในไม่ช้า”

“จริงหรือ?” ดวงตาของอวี้เจี้ยนต๋าเป็นประกาย และอาการของเขาดูเหมือนจะดีขึ้นมากในทันที

ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ จู่ ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงของหนานหนานที่ดูเหมือนจะเบากว่าปกติ “ท่านแม่ ท่านอยู่ในนั้นหรือไม่?”

“กล่าวถึงโจโฉ โจโฉก็มา” อวี้ชิงลั่วมองอวี้เจี้ยนต๋า แล้วลุกไปเปิดประตู

ทันทีที่เงยหน้าขึ้น นางก็เห็นเย่ซิวตู๋กำลังมองนางด้วยสีหน้ากังวลใจ เขาอุ้มหนานหนานซึ่งยังคงเหงื่อท่วมกายไว้ในอ้อมแขน เพราะเด็กชายยังไม่ทันได้เปลี่ยนชุด

อวี้ชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ “เหตุใดท่านถึงมาที่นี่ด้วย?”

“ข้าเห็นว่าเจ้าถูกแม่นมเซียวพาออกไป ข้าจึงตามออกไปดู เสิ่นอิงที่ยืนอยู่ข้างนอกบอกว่าเจ้ากลับมายังจวนอวี้ และมีบางอย่างเกิดขึ้นกับใต้เท้าอวี้ ข้าจึงหาทางแก้ตัวกับเสด็จพ่อ แล้วพาหนานหนานมา”

เย่ซิวตู๋อธิบายชัดเจน

อวี้ชิงลั่วมองไปที่ยังเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยฝุ่นของเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขารีบมามาก

เย่ซิวตู๋ถาม “ใต้เท้าอวี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

อวี้ชิงลั่วส่ายหน้าด้วยอารมณ์หดหู่ “อาจจะ… แค่ราวหนึ่งชั่วยามนี้เท่านั้น”

เย่ซิวตู๋ประหลาดใจ “หนักถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”

“อืม” อวี้ชิงลั่วถอยเปิดทางให้เขา เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาแล้ว นางก็ปิดประตูเงียบ ๆ

ระหว่างทางเย่ซิวตู๋เล่าได้เล่าสถานการณ์ทั่วไปให้หนานหนานฟัง เขาจึงรู้ว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงดูเหมือนจะจากไปแล้ว

เมื่อเห็นมารดาอยู่ในสภาพโศกเศร้าในตอนนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า หลังจากที่เข้าประตูมาแล้วเห็นอวี้เป่าเอ๋อร์ร้องไห้จนหน้าแดงก่ำ ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงโดยไม่รู้ตัว

อวี้เจี้ยนต๋ามองไปยังหนานหนานอย่างจริงจัง แม้แต่เย่ซิวตู๋ที่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาก็ไม่ได้สนใจ

หนานหนานลงไปที่พื้น แล้วก้าวเข้าไปหาอวี้เป่าเอ๋อร์ ก่อนเรียกเขาเบา ๆ ขณะเช็ดน้ำตา “ท่านน้าเป่าเอ๋อร์”

อวี้เป่าเอ๋อร์ฝืนยิ้ม แล้วพูดกับอวี้เจี้ยนต๋าว่า “ท่านพ่อ นี่คือหนานหนาน ลูกชายที่พี่สาวของข้าให้กำเนิดเมื่อหกปีที่แล้ว เขาฉลาดและแข็งแกร่งมาก”

อวี้ชิงลั่วกลับไปที่ขอบเตียง แล้วกวักมือเรียกหนานหนาน “หนานหนานมานี่สิ นี่คือตาของเจ้า มา เรียกตาของเจ้าสิ”

หนานหนานเดินไปอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นร่างกายอันผ่ายผอมของอวี้เจี้ยนต๋า ที่กำลังทุกข์ทรมานด้วยโรคร้าย เขาก็รู้สึกแสบจมูกเล็กน้อย ขณะเรียกเสียงเบาว่า “ท่านตา”

……………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

งือออ สภาพใต้เท้าอวี้ย่ำแย่มาก ขอให้จากไปอย่างไม่เจ็บปวดไม่ติดค้างอะไรกับลูกๆ ทั้งคู่นะคะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *