อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 997 เสิ่นอิง เจ้าจะตายได้อย่างไร

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 997 เสิ่นอิง เจ้าจะตายได้อย่างไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 997 เสิ่นอิง เจ้าจะตายได้อย่างไร

ตอนที่ 997 เสิ่นอิง เจ้าจะตายได้อย่างไร

เย่ฮ่าวหรานและจินหลิวหลีมองหน้ากัน ก่อนเม้มริมฝีปากราวกับว่าอายเกินกว่าที่จะพูด

“พี่ห้า เรื่องนี้ข้าต้องขอโทษด้วย หากไม่ใช่เพราะ… หมู่เฟย เผิงอิงก็คงไม่ได้อยู่เคียงข้างท่านมาหลายปีเช่นนี้ และเขาคงไม่กลายเป็นคนของเหมิงกุ้ยเฟยที่ปองร้ายพวกท่าน”

เย่ซิวตู๋หัวเราะ “ในเวลาเช่นนี้ ข้าไม่อยากได้ยินเรื่องนี้หรอก ตลอดหลายปีที่ผ่านมาขนาดข้าเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นไส้ศึก มันเป็นความบกพร่องของข้าเอง”

“พี่ห้า…”

“เอาล่ะ ข้าไม่เคยโทษเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่างน้อยเจ้าก็รีบมาในช่วงเวลาวิกฤต ข้ายังอยากขอบคุณเจ้าด้วย”

เย่ฮ่าวหรานหัวเราะขณะมองไปที่เย่ซิวตู๋ เมื่อทั้งสองก็มองหน้ากัน ก็รู้สึกราวกับว่าความรักฉันท์พี่น้องของพวกเขาได้กลับคืนมาแล้ว

หลังจากนั้นไม่นาน รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่ฮ่าวหรานก็หายไป เขาพูดอย่างจริงจังว่า “พี่ห้า แม้ว่าเสด็จพ่อจะไม่ให้ข้ากลับมาที่เมืองหลวง แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ช่วงนี้ข้าก็หวังจะอยู่เคียงข้างท่านเสมอ เดิมทีข้ากลับไปที่เจียงเฉิงกับหลีเอ๋อร์ แต่ข้าก็อยู่นานไม่ได้ เพราะรู้สึกไม่สบายใจ ข้ารู้ว่าไม่ช้าก็เร็ว เหมิงกุ้ยเฟยจะจัดการกับท่าน ดังนั้นข้าจึงรีบมาเมืองหลวงกับหลีเอ๋อร์ แต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะได้ยินข่าวลือร้ายก่อนที่จะมาถึงเมืองหลวง”

เขาชำเลืองมองเย่ซิวตู๋ ฝ่ายหลังจึงถามด้วยความหงุดหงิด “เจ้าได้ยินข่าวลือว่าข้ากักขังเสด็จพ่อ และยึดอำนาจราชสำนักใช่หรือไม่?”

เย่ฮ่าวหรานยกยิ้ม “ใช่แล้ว แต่ข้ารู้ว่าเดิมทีเสด็จพ่อต้องการให้พี่ห้าสืบทอดบัลลังก์อยู่แล้ว ดังนั้นพี่ห้าจึงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย ข้าคิดว่าสถานการณ์ในเมืองหลวงน่าจะร้ายแรงมาก ทว่ายิ่งเข้าใกล้เมืองหลวงมากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงสถานการณ์ในเมืองหลวงมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งเช้าวันนี้ เมื่อข้ามาถึงชานเมือง ข้าก็ได้ยินว่าองค์ชายเจ็ดกำลังเริ่มรวบรวมกองกำลัง โดยให้เหตุผลว่าจะช่วยเหลือเสด็จพ่อ และปลดปล่อยราชสำนัก ข้าจึงรู้ได้ว่าสวรรค์ได้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ”

“ข้าคิดว่าต่อให้ข้าจะเป็นสามัญชนไปแล้ว แต่ข้าก็สามารถช่วยพี่ห้าได้เสมอ ทว่าเมื่อข้าแฝงตัวเข้ามาในเมืองหลวง ก็มีคนหยุดข้าไว้”

“พี่ห้า ท่านรู้หรือไม่ ก่อนที่หมู่เฟยของข้าจะสิ้นชีวิต นางได้ทิ้งกลุ่มทหารเดนตายไว้ให้ข้า โดยสั่งให้พวกเขาคอยปกป้องและเชื่อฟังข้า ข้าได้เจอทหารเดนตายเหล่านั้นทุกคนแล้ว แต่ข้าคิดว่าตัวเองไม่ใช่องค์ชายอีกต่อไป พวกเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องคอยติดตามข้าอีก ข้าจึงขอให้คนที่เป็นหัวหน้าทหารสั่งให้พวกเขาสลายตัวแยกย้ายกันไป แต่หัวหน้าไม่ยอมเห็นด้วยกับคำขอของข้า ข้าจึงบอกให้พวกเขาแยกย้ายกันชั่วคราว โดยบอกว่ายังไม่จำเป็นต้องได้รับการปกป้อง แต่ถ้าข้าต้องการในสักวันหนึ่ง ข้าก็ยังเรียกพวกเขาทุกคนให้มารวมตัวกันได้ อีกทั้งหัวหน้าทหารก็คอยติดตามพวกเราตลอดเวลาโดยไม่ได้ทิ้งไปไหน”

“เมื่อเช้านี้เขาเป็นคนที่หยุดข้าไว้ ข้าเห็นว่าเขาลังเลที่จะพูด ราวกับว่าเขามีบางอย่างอยากจะบอก โดยไม่ต้องการให้ข้าเข้าไปในเมืองหลวง”

“คาดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่เขาบอกจะสำคัญมาก เพราะทำให้ข้าได้ช่วยพี่ห้าระบุตัวไส้ศึกที่ซ่อนตัวอยู่ข้างกายพี่ห้ามานานหลายปี เฮ้อ ข้าเพิ่งรู้ในตอนนั้นว่าแม่ของข้าใช้กลอุบายเช่นนี้ คาดไม่ถึงเลยว่านางจะส่งคนมาอยู่ข้างกายพี่ห้าด้วย แต่ข้าไม่ได้คาดหวังว่าสุดท้าย เขาจะเชื่อฟังคำสั่งของเหมิงกุ้ยเฟย”

“หัวหน้าทหารบอกว่าก่อนที่นางจะเสียชีวิต แม่ของข้าไม่ได้เปิดเผยว่าใครเป็นไส้ศึก นางแค่อยากให้พี่ห้าต่อสู้กับเหมิงกุ้ยเฟย และอย่าปล่อยให้เหมิงกุ้ยเฟยมีความสุข แต่สุดท้าย แม่ของข้าก็ไม่ต้องการให้เหมิงกุ้ยเฟยชนะ นั่นเป็นเหตุผลที่นางสั่งหัวหน้าทหารเดนตาย ให้บอกข้าว่าใครเป็นไส้ศึกในยามจำเป็น เพื่อให้ข้ามาบอกพี่ห้า เมื่อข้ามาถึงตำหนักอ๋องซิว ข้าก็บังเอิญเห็นเผิงอิงและเสิ่นอิงกำลังพาหนานหนานออกไปจากตำหนัก จึงรีบไล่ตามพวกเขาไป”

หว่านเฟยเป็นคนฉลาดมากจริง ๆ นางรู้ดีว่าหากองค์ชายเจ็ดได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ในอนาคต แม้เย่ฮ่าวหรานจะกลายเป็นสามัญชนไปแล้ว แต่องค์ชายเจ็ดก็คงไม่ปล่อยเขาไป

ทว่านางก็รู้ดีว่า ถ้าเย่ซิวตู๋ไม่ถูกสถานการณ์บังคับ เขาก็คงไม่ต้องการครองตำแหน่งนั้นเช่นกัน

ในความคิดของหว่านเฟย หากโอรสของนางไม่อาจขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ได้ คนเดียวที่สามารถรับตำแหน่งนั้นได้ก็คือเย่ซิวตู๋ ผู้ซึ่งมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีที่สุดกับโอรสของนาง

สุดท้ายก่อนที่หว่านเฟยจะเสียชีวิต นางก็ยังคงมีแผนการที่ดี เป็นแผนการอันแยบยลที่จะจัดการทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

เย่ซิวตู๋ทำตามที่นางต้องการ หลังจากประสบกับเหตุการณ์ลอบสังหารผู้อาวุโสสกุลหมิง และเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ เขาก็ค่อย ๆ มีความมุ่งมั่นที่จะกำจัดเหมิงกุ้ยเฟย

หว่านเฟยบอกอวี้ชิงลั่วในตอนนั้นว่า การตามหาแม่นมเก๋ออาจนำมาซึ่งผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึง นางรู้ดีอยู่แล้วว่าผลประโยชน์ครั้งนี้คืออะไร และนางก็รู้ดีว่า… ตัวตนที่แท้จริงของเหมิงกุ้ยเฟยคือใคร

นางไม่ได้พูดในตอนนั้น เพราะนางรู้ว่าเย่ซิวตู๋ยังไม่ได้เกลียดชังเหมิงกุ้ยเฟยมากพอ ทำให้ยังไม่โหดร้ายมากพอในตอนนั้น หากนางบอกความจริงเรื่องนี้ไป บางทีเย่ซิวตู๋อาจจะยังยอมอ่อนข้อให้นางอยู่

แต่ตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เย่ซิวตู๋จะไม่ยอมปล่อยให้เหมิงกุ้ยเฟยเดินหน้าได้อีก ไม่ว่าประสบการณ์ชีวิตของเหมิงกุ้ยเฟยจะน่าสังเวชเพียงใด เย่ซิวตู๋ก็จะไม่มีวันยอมให้กับเหมิงกุ้ยเฟยแม้แต่ครึ่งก้าว

บัดนี้เย่ซิวตู๋ค่อย ๆ เข้าใจแล้วว่าหว่านเฟยกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเหมิงกุ้ยเฟย ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาทำได้เพียงเดินหมากตามความคิดของหว่านเฟยเท่านั้น

“พี่ห้า ข้า… ข้าขอโทษ” มารดาของเขาใช้กลอุบายมากมาย และเย่ซิวตู๋ก็เป็นคนที่สำคัญที่สุดในบรรดาทุกคนในแผนการ

เย่ซิวตู๋โบกมือ ก่อนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เรื่องต่าง ๆ ได้ผ่านพ้นแล้ว ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการจัดการกับเหมิงกุ้ยเฟยและองค์ชายเจ็ด ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็กลับมาแล้ว ข้าจึงได้ผู้ช่วยเพิ่มมาอีกคน”

“เย่ซิวตู๋ ข้าก็ถือได้ว่าเป็นผู้ช่วยที่แข็งแกร่งเหมือนกันนะ” จินหลิวหลีตะคอกด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น แต่หนานหนานในอ้อมแขนของเขาได้ปรับอารมณ์แล้ว จึงไถลตัวลงจากแขนของเขา ก่อนจะวิ่งไปหาจินหลิวหลี จับมือนางแล้วพูดว่า “นั่นสินะ ท่านน้าจินเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดเลยขอรับ”

จินหลิวหลีรักเขามาก นางอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา “หนานหนานของข้าน่ารักที่สุด”

หนานหนานพยักหน้าอย่างแรง เขายังคงรู้สึกแย่เล็กน้อย เพราะเรื่องของอวี้เป่าเอ๋อร์และเสิ่นอิง แต่ก็รู้สึกดีขึ้นมากหลังจากได้เจอจินหลิวหลีและเย่ฮ่าวหรานอีกครั้ง

เขาโอบแขนรอบคอของจินหลิวหลี แล้วหันหน้าไปมองเย่ซิวตู๋ “แต่ว่านะขอรับ ท่านพ่อ ท่านลุงเจียงกลับมาได้อย่างไร? แล้วพี่สาวคนนั้นคือใคร? นางรู้จักท่านลุงเสิ่นด้วยหรือขอรับ?”

ระหว่างที่พูดอยู่นั้น จู่ ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก แล้วเจียงอวิ๋นเซิงที่เหงื่อท่วมกายก็ออกมา

‘ฟึ่บ’ ทุกคนที่อยู่นอกประตูลุกขึ้นจากเก้าอี้ ขณะมองมาที่เขาโดยพร้อมเพรียงกัน

ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวโน้มตัวเข้ามาใกล้เขา ก่อนจะดึงแขนเสื้อของเขาอย่างกระวนกระวาย แล้วถามว่า “ท่านหมอเจียง เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ? เสิ่นอิงเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่เป็นอะไรแล้วใช่หรือไม่?”

เจียงอวิ๋นเซิงถอนหายใจ แล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย

ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวตกตะลึง นางถอยหลังไปสองก้าวทันที น้ำตาไหลพรากอาบหน้านาง ก่อนจะทิ้งตัวล้มลงบนพื้น และเริ่มร้องไห้คร่ำครวญ “เสิ่นอิง ฮือๆ เสิ่นอิง เจ้าจะตายได้อย่างไร? เจ้าช่างใจร้ายนัก เจ้าตายแล้วข้าจะทำอย่างไรเล่า? เจ้าคนเลว เจ้าคนเลว ฮือฮือ”

………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

หว่านเฟยคือล้ำลึกสุด ตัวตายไปแล้วแต่ยังชักใยคนอื่นได้อยู่ สุดยอด

ท่านเสิ่นจะตายไม่ได้น้าา

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด