อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 56 ฝากไปบอกอวี้ชิงลั่ว

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 56 ฝากไปบอกอวี้ชิงลั่ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 56 ฝากไปบอกอวี้ชิงลั่ว

หนานหนานเม้มปาก แม้แต่ดวงตาก็หรี่ลง ปากเล็ก ๆ ของเขาขยับเข้ามาใกล้หูของเย่ซิวตู๋ บ่นพึมพำอยู่ครึ่งค่อนวัน ก่อนจะเชิดคางขึ้นเล็กน้อยอย่างภาคภูมิใจ

  

เย่ซิวตู๋ประหลาดใจ “เก๋อมามา?”

 

“ใช่แล้ว ท่านย่าเก๋อของข้าเป็นคนดีมาก เป็นคนใจดีและสวยมากด้วย หลายปีมานี้ก็คอยดูแลข้าและท่านแม่มาโดยตลอด แต่เมื่อครึ่งปีก่อนกลับหายตัวไป ข้ากับท่านแม่หาตัวอยู่นานก็ไม่เจอ สาเหตุที่พวกเรามาที่เจียงเฉิงก็เพราะได้ข่าวคราวมาว่าท่านย่าเก๋ออยู่ที่เจียงเฉิง”

  

ครั้นพูดถึงเก๋อมามา อารมณ์ของเด็กน้อยก็ดูหดหู่ลงอย่างเห็นได้ชัด

  

ซึ่งก็พอจะมองออกว่า ความรู้สึกระหว่างเขาและเก๋อมามาผู้นั้นคงดีมาก มิเช่นนั้นคงไม่เปิดเผยอารมณ์เช่นนี้ออกมา

  

“เฮ้อ แต่พวกเราก็ตามหาอยู่ที่เจียงเฉิงมานานแล้ว ท่านป้าจินและคนอื่น ๆ ก็ช่วยตามหาแต่ก็ไม่เจอ ท่านป้าบอกว่าเก๋อมามาคงไม่ได้อยู่เจียงเฉิงแล้วแน่ ๆ มิเช่นนั้นหากนางได้ยินข่าวเรื่องที่หมอปีศาจอยู่เจียงเฉิงไม่มีทางที่จะไม่ปรากฏตัวออกมา วันนั้นข้าขี่พยัคฆ์ทมิฬอยู่บนถนนตั้งหลายรอบ ท่านย่าเก๋อก็ยังไม่ออกมาเลย ข้าคิดว่านางไม่ได้อยู่ที่นี่แน่นอน”

  

เย่ซิวตู๋ตระหนักขึ้นได้ในทันใด ที่แท้วันนั้นที่เขาทำแบบนั้นบนถนนใหญ่ ก็เพื่อตามหาคนหรอกหรือ?

  

หนานหนานอยู่ในอ้อมกอดของเขา ฟังเสียงการเต้นหัวใจของเขา จู่ ๆ ก็รู้สึกได้ถึงความสงบจิตสงบใจ ความสงบแบบนี้ไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ข้างกายท่านแม่ ราวกับว่า ราวกับว่า ถูกต้อง ราวกับว่าจะมากกว่านิดหน่อย

  

หรือว่านี่คือความรู้สึกที่ได้รับจากพ่อ?

  

หนานหนานกะพริบตาด้วยความสับสน กล่าวต่อไปว่า “อันที่จริงท่านแม่ก็สงสัยเหมือนกันว่าท่านย่าเก๋อไม่ได้อยู่ที่เจียงเฉิงแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับข่าวคราวว่าท่านย่าอยู่ที่อื่นเช่นกัน ข้าคิดว่า ท่านย่าเก๋ออาจจะอยู่ที่เมืองหลวง ท่านย่าใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลวงมาตั้งหลายปีแล้ว ทั้งยังมีความคุ้นเคยกับที่นั่นมาก ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจว่าจะกลับเมืองหลวงไปกับท่านด้วย บางทีอาจหาตัวท่านย่าเจอก็ได้”

  

เย่ซิวตู๋ก้มหน้ามองท่าทางจริงจังของหนานหนานด้วยความประหลาดใจ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงหัวเราะออกมาเบา ๆ “ข้ารู้แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นพวกเราก็ลงมือตอนนี้กันเถอะ”

  

“ตอนนี้?” หนานหนานเงยหน้ามองเย่ซิวตู๋กล่าวด้วยความตกตะลึง

 

“ป้องกันไม่ให้เรื่องราวยืดเยื้อ” เดิมทีเขาคิดจะออกเดินทางไปที่เมืองหลวงวันนี้อยู่แล้ว แต่ยังคิดหาวิธีโน้มน้าวอวี้ชิงลั่วไม่ได้ก็เท่านั้น ในเมื่อหนานหนานเป็นคนบอกวิธีนี้กับเขาด้วยตนเอง เขาจะพลาดโอกาสนี้ได้อย่างไรกัน?

  

หนานหนานขมวดคิ้วเล็ก ๆ มุ่ยปากราวกับรู้สึกลำบากใจ

  

ลงมือตอนนี้ไม่รีบร้อนเกินไปหน่อยรึ? เขายังไม่ได้กินของและดื่มเครื่องดื่มอร่อย ๆ เล่นก็ยังเล่นสนุกไม่เต็มที่ จะให้ไปแบบนี้ เขารู้สึกไม่เต็มใจอย่างมาก

  

“ระหว่างทาง ข้าจะให้เจ้าขี่พยัคฆ์ทมิฬด้วย” เย่ซิวตู๋จ้องใบหน้าขบขันของหนานหนานที่มุ่ยจนกลายเป็นก้อนซาลาเปา จึงขว้างเหยื่อออกมา

  

หนานหนานเกิดความกระปรี้กระเปร่าขึ้นทันใด เขาเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างจริงจัง “ท่านลุงเย่พูดถูก พวกเราไม่ควรล่าช้าต่อไปอีกแล้ว บางทีท่านย่าเก๋อของข้าอาจจะรอข้าอยู่ที่เมืองหลวงก็ได้ ข้ารักท่านย่าขนาดนั้น ไม่มีทางปล่อยให้ท่านย่ารอนาน พวกเราไปกันเถอะ ไปหาท่านลุงต้าอู่ก่อน”

  

เย่ซิวตู๋หลุดขำ คิดแทนคนอื่น…เก่งจริง ๆ

  

เย่ซิวตู๋ยกร่างเล็ก ๆ ของหนานหนานขึ้นมาและลุกขึ้นยืนในทันที ใช้ปลายเท้าแตะเล็กน้อย ร่างของเขาก็ลงมาจากบนหลังคาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งไปยังห้องครัวของโรงเตี๊ยมฝูหลง

  

ตอนนี้เป็นช่วงที่กำลังกินอาหารเที่ยงพอดี ภายในห้องครัวจึงยุ่งกันหมด โดยเฉพาะเมื่อวานหลังจากหมอปีศาจมารักษาคนไข้ที่โรงเตี๊ยมฝูหลง ช่วง 1-2 วันนี้ โรงเตี๊ยมแห่งนี้เกรงว่าคงมีลูกค้าเข้าร้านเยอะจนแน่นขนัดเป็นพิเศษ

 

ผลกระทบจากการกระจายข่าวแบบนี้ของหมอปีศาจอยู่ได้นานมาก

 

หนานหนานหดหัวเล็ก ๆ เดินเข้าไปด้านในประตูอย่างระมัดระวัง แอบปีนขึ้นไปด้านบนเตา เมื่อเห็นขาไก่ชิ้นใหญ่สองชิ้นวางอยู่ด้านบน เขาจึงคว้าใส่ไว้ในถุงกระดาษเคลือบน้ำมันของตัวเองโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

  

มุมปากของต้าอู่กระตุกวูบเมื่อเห็นเด็กคนนี้ทำตัวเป็นขโมยอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ จึงก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าวอย่างเงียบเชียบ

  

“หนานหนาน ทุกคนกำลังมองเจ้าอยู่นะ” เป็นเพราะการบุกรุกเข้ามาของเขา ทำให้การเคลื่อนไหวข้างมือของทุกคนหยุดลง และมองการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ของเขาด้วยรอยยิ้ม

  

หนานหนานหันมอง ก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า “พวกท่านจะมองข้าทำไม ช่วยทำเหมือนข้าเป็นมนุษย์ล่องหนไม่ได้เชียวรึ?”

  

“หนานหนาน อยากกินอะไรก็บอกลุงต้าอู่มาตรง ๆ ก็ได้ ลุงต้าอู่จะยกไปให้เจ้าเอง”

 

“ความหมายมันไม่เหมือนกัน” หนานหนานเอ่ยปากพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ระหว่างนั้นก็หยิบขนมฝูหรง [1] ใส่เข้าไปในกระเป๋าของตัวเอง “จริงสิ ลุงต้าอู่ ข้ามาหาท่าน ท่านรีบตามข้ามา ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย”

  

ต้าอู่มองเด็กน้อยด้วยความสงสัย เขาหันไปฝากงานให้ลูกน้องในร้าน ก่อนจะอุ้มหนานหนานเดินออกไป

 

“รอสักครู่ แอปเปิลลูกนั้นขอข้าสองลูกนะ” หนานหนานขยับมือทั้งสองข้าง ก่อนจะกวาดของอร่อยใส่ลงไปในกระเป๋าของตัวเองอีกครั้ง

  

ต้าอู่รู้สึกประหลาดใจมาก เด็กคนนี้จะนำของมากมายขนาดนี้ไปทำอะไรกัน? อยากกินอะไร พวกเขายกไปให้ที่ห้องก็สิ้นเรื่องแล้วมิใช่รึ? ยังต้อง…ใส่ห่ออีกรึ?

  

ถึงอย่างไร ต้าอู่ก็ไม่ได้คิดอะไรที่ลึกซึ้ง จู่ ๆ บนคอของเขาก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา ตามมาติด ๆ ด้วยร่างของเขาที่ถูกลากเข้าไปด้านในห้องข้าง ๆ

  

“ท่านเองรึ?” ต้าอู่รีบอุ้มหนานหนานไว้ในอ้อมกอดจนแน่น คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยขณะเงยหน้าขึ้น ตอนที่พบเย่ซิวตู๋ก็รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก “นี่ท่านจะทำอะไร?” คนคนนี้คือสหายของแม่นางอวี้มิใช่รึ? ได้ยินจากเถ้าแก่เนี้ยจิน ความสัมพันธ์ระหว่างแม่นางอวี้และเขาก็ดูคลุมเครือเล็กน้อยด้วย

  

หนานหนานดิ้นอยู่สองครั้งก็หลุดออกจากอ้อมกอดของต้าอู่และไหลลงมา เมื่อเห็นว่าภายในห้องยังมีเมล็ดทานตะวันและถั่ว เขาก็จัดการนำทุกอย่างใส่ลงไปในกระเป๋าทั้งหมดอีกครั้ง

  

เย่ซิวตู๋ถึงกับหน้าดำอึมครึม เขาพูดอย่างหมดแรงว่า “หนานหนาน เจ้าอยากกินอะไรค่อยไปซื้อระหว่างทางก็ได้”

  

มากขนาดนี้ เขาไม่รู้สึกหนักหรืออย่างไรกัน?

 

“ท่านลุงเย่ ท่านไม่ต้องสนใจข้า ท่านปรึกษากับท่านลุงต้าอู่ก่อน อีกไม่นานก็ห่อเสร็จแล้ว” หนานหนานไม่ได้หันกลับมา เขานั่งอยู่บนโต๊ะ ใช้มือโกยขึ้นมากำแล้วกำเล่า

  

เย่ซิวตู่ไอกระแอมเบา ๆ หนึ่งเสียง ก่อนจะหันมามองต้าอู่ที่มองด้วยใบหน้าสงสัย บนใบหน้าของเขาพลันปรากฏความเขินอายจาง ๆ

 

อันที่จริง เดิมทีเขาไม่ได้คิดจะใช้วิธีแบบนี้เพื่อข่มขู่ให้ต้าอู่ช่วยพวกเขานำคำพูดไปบอก แต่หนานหนาน…ยืนกรานว่าแบบนี้ทำให้ตื่นเต้นขึ้นอีกหน่อย

  

เอาเถอะ เขาจะตามใจหนานหนานสักครั้งก็แล้วกัน

เขาคลายมือลง เอ่ยปากพูดด้วยใบหน้านิ่งสงบ “ต้าอู่ เจ้าช่วยไปบอกแม่นางอวี้หน่อย”

  

มุมปากของต้าอู่กระตุกวูบ แค่ฝากคำพูดไปบอก ต้องทำขนาดนี้เชียวรึ? ให้หนานหนานมาบอกเขาตรง ๆ ก็สิ้นเรื่องแล้ว ทำตัวมีลับลมคมในแบบนี้…เดี๋ยวก่อน…หนานหนานไม่ไปบอกแม่นางอวี้ด้วยตัวเอง ก็หมายความว่าสิ่งที่พวกเขาจะให้เขาไปบอก ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้นเป็นแน่

  

เขาออกไปได้หรือไม่?

 

หนานหนานนำของใส่ถุงเสร็จแล้ว เขาจึงนั่งลงบนโต๊ะ มองต้าอู่ด้วยรอยยิ้มตาหยี “ท่านลุงต้าอู่ ข้ารู้ว่าท่านรักหนานหนานมากที่สุด รบกวนท่านลุงหน่อยนะ”

  

พูดจบ เขาก็พยักหน้าให้เย่ซิวตู๋ อีกฝ่ายเม้มปากและนำคำพูดฝากต้าอู่ไว้

 

ต้าอู่ถึงกับรูม่านตาขยาย เขาออกแรงส่ายหน้า แต่เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทางน่าเวทนาของหนานหนาน ก็เกิดอาการใจอ่อนอย่างฉับพลันอีกครั้ง

  

หลังจากลังเลอยู่นาน เขาจึงพยักหน้าราวกับเห็นความตายดั่งคืนสู่มาตุภูมิ

……………………………………………………………………………………

[1] ขนมฝูหรง (芙蓉糕扫) ขนมที่มีลักษณะและสีสันคล้ายดอกบัว จึงมีชื่อว่าขนมฝูหรงหรือขนมดอกบัว มีรสชาติหอมหวาน เนื้อนุ่มละมุนลิ้น

สารจากผู้แปล

เด็กคนนี้ เจ้าจะกินทุกอย่างเลยเหรอ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *