อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 819 เอาหูมานี่

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 819 เอาหูมานี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 819 เอาหูมานี่

ตอนที่ 819 เอาหูมานี่

ผ่านไปเกือบจะครึ่งชั่วยามแล้ว หนานหนานจึงจับจ้องไปยังทางเข้าของห้องลับแล้วเดินไป

คำพูดเหล่านั้นในน้ำเสียงทุ้มต่ำของเหมิงฉี่เยว่ดังก้องอยู่ในหู แววตาเปลี่ยนเป็นจริงจังผิดปกติ ฝีเท้าก็มั่นคงขึ้นมาก

เขารู้สึกราวกับบนบ่ามีภาระหนักอึ้ง ทันใดนั้นมันก็หนักขึ้นมาก

ผ่านไปครู่ใหญ่ เขายืนอยู่ที่บันไดทางเข้า เงยหน้ามองแผ่นหินที่ปิดสนิทแล้วยักไหล่

ไม่รู้ว่าด้านนอกนั้นมีคนหรือไม่ ตอนนี้ฟังดูแล้ว ทางด้านนอกไม่มีเสียงเลยแม้แต่น้อย แต่ที่นี่คือห้องตำรา ใครจะรู้ว่าคนชั่วเหมิงจื้อเฉิงนั้นกำลังอ่านตำราหรือเขียนหนังสืออยู่หรือไม่

หนานหนานสับสนมาก เขาจะออกไปดีหรือไม่ แต่หากบังเอิญถูกจับได้ เช่นนั้นก็จะถือว่าตกม้าตายตอนจบไม่ใช่หรือ เขารู้ว่าการที่ฮูหยินเหมิงถูกขังอยู่ในนี้เป็นเรื่องร้ายแรง จะต้องถูกเหมิงจื้อเฉิงฆ่าปิดปากเป็นแน่

หนานหนานลำบากใจอย่างมาก อยู่ตรงขั้นบันไดทางเข้า นำหูแนบกับแผ่นหิน ผ่านไปนานก็ไม่ขยับ

ในตอนที่เขากำลังคิดว่าควรเสี่ยงหรือไม่นั้นเอง จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงเปิดประตู ตามด้วยน้ำเสียงที่รีบร้อน “นายท่าน ไม่ได้การแล้วขอรับ นายท่านพั่วได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอท่านไปดูทีขอรับ”

เสียงดัง ‘ปัง’ เก้าอี้ใต้ร่างของเหมิงจื้อเฉิงล้มลงกับพื้น ส่งเสียงดังอย่างมาก

หนานหนานรู้สึกแสบแก้วหูจนแทบจะส่งเสียงร้องออกมา เขารีบปิดเอาไว้แล้วย่อตัวลงอย่างระมัดระวัง

จากนั้นเสียงอุทานของเหมิงจื้อเฉิงก็ดังขึ้น “ใครทำร้ายเขา ตอนนี้อยู่ที่ใด?”

ขณะกล่าวก็มีเสียงฝีเท้าดังตามขึ้นมา เดินออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อน

ไม่นานนัก หนานหนานก็รู้สึกว่ามีเสียงเปิดและปิดประตูดังเข้ามาในหู เขาถอนหายใจเล็กน้อย โชคดีที่เมื่อครู่มองการณ์ไกลและฉลาดพอจะไม่ออกไป ไม่เช่นนั้นคงจบสิ้นแล้วเป็นแน่

ยังดีๆ…หนานหนานบอกตนเอง

ทันใดนั้นก็งุนงงเล็กน้อย เหตุใดเหมิงจื้อเฉิงจึงต้องตื่นเต้นเพียงนั้น เขาซ่อนอยู่ใต้แผ่นหิน ไม่ได้ยินเสียงพูดคุยกันของคนผู้นั้น และไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น แต่แน่ใจได้ว่าจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน

หนานหนานพยักหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ จากนั้นก็หากลไกด้านข้างอย่างระมัดระวัง แล้วกดเบาๆ

จากนั้นไม่นาน แผ่นหินที่อยู่บนหัวก็ค่อยๆ เปิดออก หนานหนานก็ใช้มือเล็กๆ ค้ำแล้วกระโดดขึ้นจากด้านล่าง แล้วออกจากใต้โต๊ะอย่างเงียบๆ

ในห้องตำราเงียบสงัด หนานหนานมองไปรอบๆ จากนั้นก็พิงประตูแล้วตั้งใจฟังการเคลื่อนไหวด้านนอกครู่หนึ่ง

หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ค่อยๆ เปิดรอยแยกอย่างเงียบๆ กลอกตามองอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ด้านนอกห้องตำราไม่มีใครเฝ้าอยู่

หนานหนานเองก็รู้สึกแปลก ในห้องลับใต้ห้องตำรานั้นขังเหมิงฮูหยินเอาไว้แท้ๆ ที่นี่เป็นสถานที่สำคัญ เหตุใดจึงไม่มีใครมาเฝ้าเลยแม้แต่น้อย

หรือว่าเหมิงจื้อเฉิงแสร้งทำเป็นเร้นลับซับซ้อนหรือ

หนานหนานส่ายหน้า จากนั้นร่างเล็กก็แทรกตัวออกมาผ่านรอยแยกของประตู กำกระเป๋าแน่น กวาดเท้าแล้วออกจากโถงมู่เฉินในทันที

ผู้อารักขาที่เฝ้าอยู่เหล่านั้นขมวดคิ้ว ขยี้ตา รู้สึกเพียงว่าวันนี้มีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้พบอันใด

หนานหนานกลับไปที่เดิมอีกครั้ง ก็เห็นว่ามีร่างสูงยืนรออยู่ตรงนั้นแล้ว

เจ้าตัวน้อยรีบวิ่งไปอย่างร่าเริง ทันใดนั้นก็โผเข้าสู่อ้อมแขนของเย่ซิวตู๋ “ท่านพ่อ กลับมาแล้วหรือ”

เย่ซิวตู๋หรี่ตา ดึงเขาออกจากร่างของตน “เจ้าไปที่ใดมา ข้าสั่งไว้ว่าให้รออยู่ตรงนี้ไม่ใช่หรือ”

“ข้า… ข้า… ข้าเป็นลูกกตัญญูยิ่งนัก จึงไปเอาของกินมาให้ท่านขอรับ” ขณะกล่าว เขาก็ควักเอาหมั่นโถวสีขาวในกระเป๋าของตนออกมาสองลูก ยื่นไปตรงหน้าเขาอย่างประจบประแจง “ท่านพ่อดูสิขอรับ กินเถิด อย่ามัวหิวอยู่เลย”

“…” เย่ซิวตู๋หน้าผากกระตุกอย่างแรง นำหมั่นโถวใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าของเขา ส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ อุ้มเขาขึ้นจากพื้นแล้วกล่าว “เจ้าไปหาของกิน คงไม่น่าใช้เวลานานเพียงนี้กระมัง”

“ท่านพ่อฉลาดนัก ท่านเป็นพ่อที่เก่งกาจที่สุด ฉลาดเฉลียวที่สุดในโลกใบนี้แล้วจริงๆ”

เย่ซิวตู๋ลอบถอนหายใจ ตบก้นของเขาทันที “ไม่ต้องประจบแล้ว เจ้าไปทำอันใดมากันแน่”

“ท่านพ่อเอาหูมานี่สิขอรับ” หนานหนานกวักมือให้เขา กล่าวอย่างมีเลศนัย

เอามานี่หรือ บางครั้งเย่ซิวตู๋ก็ทำอะไรไม่ถูกกับคำพูดคำจาของบุตรชายสุดที่รัก

“ท่านพ่อ ข้าจะบอกความลับน่าตกใจให้ท่านฟัง ข้าพบเหมิงฮูหยินแล้ว”

“เหมิงฮูหยินหรือ?” เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว เมื่อครู่ตอนเขาเพิ่งกลับมาก็มองรอยเท้ารอบๆ อย่างระมัดระวัง พบว่าเส้นทางที่หนานหนานไปนั้นคือโถงเฉินมู่ มีเพียงรอยเท้าของเขาคนเดียว แสดงว่าไม่ได้มีใครมาจับไป ด้วยนิสัยของเขา ส่วนใหญ่แล้วน่าจะไปหาของกิน

ดังนั้นเขาจึงยืนรอให้อีกฝ่ายกลับมาอยู่ที่เดิม แต่ตอนนี้เขากลับบอกว่าไปพบเหมิงฮูหยิน

เรือนที่เหมิงฮูหยินอาศัยอยู่นั้นอยู่ตรงข้ามกับโถงเฉินมู่โดยสิ้นเชิง ทั้งยังอยู่ค่อนข้างไกล หนานหนานไม่น่าจะไปทางด้านนั้นกระมัง

“ท่านพ่อ ข้าหมายถึงเหมิงฮูหยินตัวจริงขอรับ” หนานหนานโน้มตัวเข้ากับหูของเขาแล้วกล่าวพึมพำ บอกกล่าวถึงเหตุผลที่เหมิงฮูหยินถูกจับขังไว้ในห้องลับ ทั้งยังถูกจับมากี่ปี ไปจนถึงสถานการณ์ในตอนนี้อย่างละเอียด

เย่ซิวตู๋ได้ยินเรื่องนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา แววตานั้นเต็มไปด้วยความตกใจและแปลกใจ

เหมิงฮูหยินในจวนนั้นเป็นตัวปลอมหรือ เรื่องนี้ ดูเหมือนจะไม่มีใครเคยสงสัยมาก่อน

แม้แต่สองพี่น้องเหมิงจื่อเชียนและผู้อาวุโสสกุลหมิงเองก็ไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในจวนของตน น่าประหลาดใจเกินไปแล้ว

“ท่านพ่อ เหมิงฮูหยินต้องการให้เราไปที่เรือนอีกแห่ง” หนานหนานกอดคอของเขาพร้อมกระซิบ

เย่ซิวตู๋กลับหรี่ตาแล้วส่ายหน้า “ไปหาท่านประมุขก่อน” เหมิงลู่และเหมิงฉี่เย่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน หากจะมีใครที่ตัดสินได้ว่าเหมิงฮูหยินในจวนนี้เป็นตัวจริงหรือตัวปลอม ก็คงจะมีเพียงเหมิงลู่เท่านั้น

แม้ว่าสิ่งที่หนานหนานพูดจะสมเหตุสมผลมาก แต่พวกเขาจะประมาทไม่ได้ เรื่องนี้จะต้องยืนยันอย่างรอบคอบจึงจะใช้ได้

หนานหนานตอบ ‘ขอรับ’ ออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็พิงบนร่างเขาอย่างง่วงงุน

เย่ซิวตู๋หัวเราะออกมาเบาๆ ตบหลังเขาแล้วกล่าวเสียงเบาว่า “หากง่วงก็ไปนอนเสียหน่อย พ่อจะเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านประมุข แล้วพาเจ้ากลับไป ดีหรือไม่”

“ขอรับ” หนานหนานนั้นเหนื่อยมากเป็นแน่ ที่ผ่านมาเขามักจะกินเยอะนอนเยอะ แต่ช่วงหนึ่งวันหนึ่งคืนมานี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ตอนนี้ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

หนานหนานหลับไปอย่างรวดเร็ว เย่ซิวตู๋เดินไปเรื่อยๆ ทำให้เขาสบายตัวเป็นอย่างมาก

เหมิงลู่ยังคงอยู่ในห้องของผู้อาวุโสสกุลหมิง เมื่อครู่เหมิงจื้อเฉิงมาอาละวาด สิ่งที่ไม่สมควรกล่าวก็กล่าวออกมาทั้งหมด ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัว ต่อให้เหมิงจื่อเย่าจะฆ่าผู้อาวุโสสกุลหมิง ก็เป็นเรื่องภายในของพวกเขา คำกล่าวที่กลับผิดเป็นถูกเช่นนี้ล้วนกล่าวออกมาทั้งหมด

เหมิงลู่ผิดหวังในตัวเหมิงจื้อเฉิงอย่างมาก ผู้อาวุโสสกุลหมิงฉลาดหลักแหลมมาโดยตลอด กลับมีบุตรชายและหลานชายเช่นนี้ ช่างขายหน้าสิ้นดีจริงๆ

หมอเฒ่าฉยงซานเดินมาตรงหน้าเขา ตบบ่าของเขาเบาๆ แล้วกล่าวเสียงต่ำ “มโนธรรมของเขาเช่นนั้น ท่านก็รู้มาตั้งแต่แรกแล้ว อย่าไปคิดมากเลยจะดีกว่า”

“ข้าเพียงแต่เสียดายน้องสาวของข้าผู้นั้น…” ต้องแต่งงานกับชายเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าไม่กี่ปีมานี้ยิ่งรักสันโดษมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่ายอมรับในความผิดหวังแล้ว

ขณะกล่าว จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาจากด้านนอก “ท่านประมุข นายน้อยไป๋ ไป๋อีเฟิงมาแล้วขอรับ”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ท่านพ่อรับน้ำใจหนานหนานไว้หน่อยแล้วกันค่ะ อุตส่าห์เสี่ยงไปหาของกินให้ท่านแล้วยังไปได้ความลับมาให้ด้วยนะคะ

ไป๋อีเฟิงมาทำอะไรที่นี่กันนะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *