อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 882 ไปบ้านสกุลอวี๋

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 882 ไปบ้านสกุลอวี๋ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 882 ไปบ้านสกุลอวี๋

ตอนที่ 882 ไปบ้านสกุลอวี๋

หนานหนานรู้สึกว่าตนเจ็บหนักที่สุด

เมื่อวันก่อนแม่นมเก๋อต้องการคุยกับท่านพ่อของเขาตามลำพัง ส่วนเขากับท่านแม่ต้องนั่งรอเขาอยู่ข้างนอกอย่างน่าสมเพช

ต่อมานางก็ต้องการคุยกับท่านแม่ตามลำพังอีก และเขาต้องรออยู่ข้างนอกคนเดียวอีกครั้ง

หรือว่า…หรือว่าแม่นมเก๋อไม่มีอะไรจะพูดกับเขาบ้างเลย? แต่พูดอย่างชัดเจนว่าคนที่นางรักที่สุดคือเขา

หนานหนานมองแม่นมเก๋อด้วยความเสียใจ แล้วจูงมือเหมิงหลัวอวี้ไปด้วยความเศร้า “ไปกันเถิด ข้าเป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้ง ช่างน่าสงสารเสียนี่กระไร”

แม่นมเก๋อทำอะไรไม่ถูก “หนานหนาน แม่นมเก๋อจะคุยกับเจ้าตามลำพังทีหลัง ตกลงหรือไม่?”

หนานหนานหายเป็นปกติทันที เขารีบพยักหน้าอย่างแรงด้วยสายตายิ้มแย้ม แล้วพูดว่า “อืม ตกลงตามนั้นขอรับ”

หลังจากพูดจบ เขาก็ออกจากบ้านไปพร้อมกับเหมิงหลัวอวี้และเถี่ยชิวเอ๋อร์ ด้วยสีหน้าเบิกบานใจยิ่ง

อวี้ชิงลั่วพูดไม่ออก หลังจากที่เสียงของเด็ก ๆ หายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว นางก็นั่งลงข้างเตียงเพื่อจับชีพจรของแม่นมเก๋อ แล้วถามว่า “แม่นมต้องการบอกอะไรข้าหรือเจ้าคะ?”

“คุณหนู พรุ่งนี้ท่านจะกลับไปที่อาณาจักรเฟิงชาง ข้ายังมีอาการบาดเจ็บอยู่ จึงยังไม่อาจไปกับท่านได้ แต่มีบางอย่างที่ข้าพูดได้ในตอนนี้เท่านั้น”

เมื่อเห็นท่าทางจริงจังขณะที่นางพูด อวี้ชิงลั่วก็ห่มผ้าห่มให้นาง แล้วพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลว่า “อืม ข้าฟังอยู่เจ้าค่ะ”

“หลังจากที่ท่านกลับมาเมืองหลวงแล้ว จงไปบ้านสกุลอวี๋”

บ้านสกุลอวี๋หรือ? อวี้ชิงลั่วชะงักไปครู่หนึ่งและขมวดคิ้วเล็กน้อย “ท่านหมายถึงบ้านของอวี๋จั้วหลินหรือ?”

นางไม่มีความประทับใจที่ดีกับบ้านหลังนั้นเลย และเมื่อนางนึกถึงจดหมายของซ่างกวนจิ่น ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขากลับมาดำรงตำแหน่งรองเจ้ากรมฝ่ายการทหารอีกครั้ง โดยมีองค์ชายเจ็ดและเหมิงกุ้ยเฟยคอยหนุนหลังอยู่ นางจึงรู้สึกอารมณ์เสียยิ่งนัก

น่าเสียดายที่เขาเป็นข้าหลวงของราชสำนัก และตอนนี้เขายังเป็นคนขององค์ชายเจ็ดด้วย ดังนั้นนางจึงไม่อาจลอบสังหารเขาได้ แม้ว่านางจะต้องการก็ตาม

หากเขาเสียชีวิต องค์ชายเจ็ดและเหมิงกุ้ยเฟยจะต้องสอบสวนอย่างละเอียดแน่นอน และผู้ต้องสงสัยรายแรกก็จะเป็นนางกับเย่ซิวตู๋ ซึ่งโทษของการสังหารข้าหลวงของราชสำนักนั้นไม่เบาเลย

กลับไปคราวนี้นางต้องหาทางฆ่าเขาอย่างเปิดเผย

เมื่ออวี้ชิงลั่วนึกถึงเรื่องนี้ นัยน์ตาของนางก็ฉายแววกระหายเลือด

ทันใดนั้นนางก็รู้สึกดุถึงความอบอุ่นที่หลังมือ นางชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นมองลงไปเห็นแม่นมเก๋อกำลังแตะหลังมือของนางอยู่ แล้วลูบอย่างแผ่วเบา “ข้ารู้ว่าท่านไม่อยากไป คนเหล่านั้นในบ้านสกุลอวี๋คงไม่กล้าทำอะไร ข้าได้ยินแม่นมเซียวบอกว่าท่านเป็นคนจัดการหลี่หรานหร่านคนนั้นใช่หรือไม่?”

“นางทำตัวเอง ข้าไม่มีเวลาสนใจนางหรอก” ความสนใจของนางยังคงอยู่ที่อวี๋จั้วหลิน ผู้ร้ายตัวจริงคืออวี๋จั้วหลินจอมโฉดที่สมควรตายเป็นที่สุด

แต่หลี่หรานหร่านยืนกรานที่จะกระจายข่าวลือไปทุกที่ และยังแสร้งทำเป็นป่วยหนักเพื่อมารับการรักษาที่บ้าน อวี้ชิงลั่วไม่ได้คิดหาวิธีฆ่านาง แต่นางมาตายด้วยตัวเอง

แม่นมเก๋อหัวเราะ “ข้ารู้ว่านางไม่คณามือท่านหรอก” ในอดีตคุณหนูอาจเป็นเพียงเนื้อบนเขียงให้คนอื่นเชือด แต่ตอนนี้มันต่างไปแล้ว ด้วยนิสัยของนางตอนนี้ การไม่ฆ่าตั้งแต่แรกก็ถือเป็นความเมตตาที่สุดแล้ว

“ทว่า…” แม่นมเก๋อเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ “แม้ท่านจะไม่ต้องการก้าวเข้าไปในบ้านสกุลอวี๋ แต่ครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรท่านก็ต้องหาโอกาสเข้าไปให้ได้ แอบเข้าไปในเรือนที่ท่านเคยอยู่จะดีที่สุด ลานบ้านที่ท่านเคยอยู่ ข้าวางของไว้ที่นั่น”

“อะไรหรือเจ้าคะ?”

จู่ ๆ แม่นมเก๋อก็เงียบไป นางนิ่งไปชั่วคราว ก่อนจะถอนหายใจและพูดว่า “เมื่อท่านเห็นแล้วก็ย่อมจะเข้าใจเอง หลังจากที่ท่านเข้าไปในเรือนของท่านได้แล้ว ให้ไปที่มุมกำแพงด้านตะวันออก แล้วขุดใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงนั้น จะมีกล่องใบหนึ่งถูกฝังอยู่ข้างใต้ และสิ่งของต่าง ๆ ก็อยู่ในกล่องนั้นเจ้าค่ะ”

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว แต่ยังคงพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”

ครั้งสุดท้ายที่ไป ดูเหมือนว่านางจะเคยเห็นต้นไม้ต้นนั้นจริง ๆ แต่เนื่องจากไม่มีใครดูแลตลอดทั้งปี ต้นไม้จึงค่อนข้างแห้งเหี่ยวไปแล้ว

แม่นมเก๋อหยุดไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นจับมือนางแล้วพูดเบา ๆ ว่า “เรื่องนี้ท่านต้องรู้เพียงคนเดียว อย่าเพิ่งบอกองค์ชายซิวตอนนี้นะเจ้าคะ”

“เพราะเหตุใดกัน?” ไม่สามารถบอกเย่ซิวตู๋ได้หรือ?

“สรุปคืออย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ตอนนี้ รอจนกว่าท่านจะอ่านสิ่งที่อยู่ในนั้นก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะพูดเรื่องนี้หรือไม่”

อวี้ชิงลั่วทำได้เพียงพยักหน้า เมื่อเห็นว่านางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

ทั้งสองคุยกันอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายนางก็ได้พบแม่นมเก๋ออีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันนาน และอีกไม่นานพวกนางก็กำลังจะแยกจากกันอีกครั้ง ความรู้สึกใจหายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และมีอีกหลายสิ่งอย่างที่ทั้งสองอยากจะพูดอยู่ในใจ

สุดท้ายอวี้ชิงลั่วก็เป็นห่วงสุขภาพของนาง จึงบอกให้นางนอนพักผ่อน สุดท้ายแล้ว เมื่อนางหายดีและกลับไปที่อาณาจักรเฟิงชาง พวกนางก็ยังสามารถพบกันได้ในไม่ช้า

พอออกมาอีกทีก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว

ไม่รู้ว่าเด็กสามคนที่เล่นกันอยู่นอกประตูหายไปที่ใด ไม่มีวี่แววของพวกเขาเลย

ส่วนผู้อารักขาที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็รายงานว่า “…องค์ชายซิวมาที่นี่ขอรับ และบอกว่ากำลังจะเสด็จไปอำลาท่านประมุข เด็กทั้งสามจึงติดตามไปด้วย และตอนนี้องค์ชายซิวก็พาพวกเขาไปแล้วขอรับ”

อวี้ชิงลั่วพยักหน้า ยังมีสิ่งที่ต้องพูดคุยกับเหมิงลู่ เพราะชาวดินแดนเหมิงเพิ่งผ่านหายนะมาได้ไม่นาน

เนื่องจากเย่ซิวตู๋เป็นคนพาพวกเขาไป นางจึงไม่ต้องกังวล

นางกำลังจะจากไปในวันพรุ่งนี้ แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่นางยังไม่ได้อธิบาย

โดยเฉพาะหงเย่ตอนนี้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่านางจะฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่อาการของนางก็ยังไม่ค่อยจะดีนัก

อวี้ชิงลั่วกลับไปที่ห้อง เพื่อหยิบขวดกระเบื้องเคลือบสองขวดออกมาจากกระเป๋า ช่วงนี้นางใช้เงินไปกับยาเป็นจำนวนมาก และยาที่นางพกติดตัวก็กำลังจะหมดลง

โชคดีที่ตอนนี้หมอเฒ่าฉยงซานตกลงจะอยู่ต่อ จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องบาดแผลของหงเย่

แต่… นางก็ยังคงกังวลอยู่เสมอ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางก็ส่งเสียงเรียกเยว่ซินข้างนอก

“เตรียมพู่กันกับกระดาษให้ข้าด้วย”

เยว่ซินเอียงคอด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ทว่าแม่นมเซียวเคยสอนไว้ว่า คำสั่งของเจ้านายมีไว้ฟังเท่านั้น อย่าได้ถามคำถามมากเกินไป ต่อให้จะไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้านายต้องการทำ ก็ไม่อาจถามออกไปได้

แม้เยว่ซินจะรู้สึกว่าแม่นมเซียวเองก็ยังไม่สามารถทำได้ตลอด แต่ถึงอย่างไรนางก็ได้รับคำสั่งสอนจากแม่นมเซียวแล้ว นางจึงก้มลงไปหยิบพู่กัน หมึก กระดาษ และหินฝนหมึกมา

อวี้ชิงลั่วเขียนใบสั่งยาที่แม่นมเก๋อและหงเย่ต้องการอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะเรื่องบาดแผลของหงเย่ และความจำเป็นในการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นาง เนื่องจากหมอเฒ่าฉยงซานเป็นบุรุษ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่นางจะไม่กังวลกับหลายสิ่งหลายอย่าง

หลังจากเขียนเสร็จแล้ว นางก็ส่งกระดาษไปที่มือของเยว่ซิน แล้วพูดว่า “เมื่อหมอเฒ่าฉยงซานกลับมาบ้านในตอนเย็น เจ้าจงให้สิ่งนี้แก่เขา”

“เจ้าค่ะ” เยว่ซินเก็บใบสั่งยาอย่างระมัดระวัง

จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็ลูบคอตนเอง เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาอยู่ นางก็ลุกขึ้นเดินไปที่ลานบ้านที่หงเย่กำลังพักฟื้น

ทว่าขณะที่นางกำลังจะไปถึงซุ้มประตูเล็ก เสียงคุ้นเคยสองเสียงที่จงใจลดระดับลงก็ลอยมาเข้าหูของนาง

แต่… สองเสียงนั้นดูเหมือนจะเถียงกันอยู่

อวี้ชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ และอดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้

……………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มีความลับอะไรที่บ้านกระจั๊วนั่นกันนะ ถึงต้องเข้าไปอีกรอบ?

สองคนที่คุยกันเป็นใคร?

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด