อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 903 เสียงหัวเราะของเย่ซิวตู๋

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 903 เสียงหัวเราะของเย่ซิวตู๋ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 903 เสียงหัวเราะของเย่ซิวตู๋

ตอนที่ 903 เสียงหัวเราะของเย่ซิวตู๋

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย เย่ซิวตู๋ที่อยู่ข้างหน้าได้หยุดม้าแล้ว เขาชักม้า แล้วหันกลับไปมองหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ด้วยสายตาเย็นชา

ร่องรอยแห่งความหวาดเกรงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทหารรักษาพระองค์ แต่เขาก็ทำได้เพียงก้มหน้า จากนั้นจึงจับบังเหียนเพื่อเดินไปยังรถม้าที่อยู่ข้างหลัง “ใต้เท้า”

ม่านรถถูกยกขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าซีดเซียวและขุ่นเคืองของอวี๋จั้วหลิน

ทว่าเขายังคงยิ้มฝืดเฝื่อนขณะมองไปยังเย่ซิวตู๋ แล้วพูดว่า “องค์ชายกำลังออกเดินทาง เส้นทางไปยังเมืองหลวงยังอีกยาวไกล ในเมื่อกระหม่อมได้มาพบแล้ว ก็ย่อมไม่อาจเพิกเฉยได้ จึงจะตามเสด็จองค์ชายกลับสู่เมืองหลวงด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

เย่ซิวตู๋เย้ยหยัน “หากเปิ่นหวางจำไม่ผิด ดูเหมือนว่าใต้เท้าอวี๋จะได้รับราชโองการให้ไปจับกุมอาชญากร ทว่าใต้เท้าอวี๋กลับละเลยพระราชโองการ แล้วมารบกวนเปิ่นหวางแทน หากเรื่องนี้ไปถึงเสด็จพ่อ ใต้เท้าอวี๋อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นได้”

อวี๋จั้วหลินนึกเย้ยหยันเช่นกัน ช่วงนี้เขาถูกทรมานอย่างหนัก ใบหน้าของเขาจึงดูเหี้ยมเกรียมมากขณะที่เขายิ้ม แก้มของเขาตอบลงจนดูคล้ายกับอสุรกายในนรก

เขายังคงดูไม่สบายตัวนัก แต่เขาก็พูดคำต่อคำว่า “กระหม่อมพบว่าอาชญากรที่กระหม่อมกำลังไล่ล่านั้น ก็กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงเช่นกัน และตอนนี้มันเพิ่งไปทางเดียวกันกับองค์ชาย…”

ไปทางเดียวกันหรือ?

เย่ซิวตู๋เหลือบมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า แล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เปิ่นหวางก็จะส่งจดหมายไปทูลเสด็จพ่อ เกรงว่าคนนอกจะคิดว่าหากจับคนร้ายไม่ได้ ก็ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของเปิ่นหวางด้วย”

หลังจากพูดจบ เขาก็ชักม้ากลับไป โดยไม่แม้แต่จะมองพวกเขา และกลับไปยังด้านหน้าอีกครั้ง

ส่วนอวี๋จั้วหลินที่เตรียมตัวจัดการกับเย่ซิวตู๋ก็นิ่งงันไปชั่วขณะ และเผลอขมวดคิ้ว

ทหารรักษาพระองค์ที่อยู่ด้านข้างยังคงแปลกใจ ที่แม้ว่าพวกเขาจะไม่ทราบนิสัยขององค์ชายซิวอย่างถ่องแท้ แต่พวกเขาก็ยังเข้าใจความคิดทั่วไปของเขา

เขาจะไม่ยอมให้ใครตามหลังเป็นอันขาด และจะไม่ยอมให้คนอื่นเข้ามาแทรกแซงแผนการเดินทางของเขาตามใจชอบ

ยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นี้คืออวี๋จั้วหลินที่ขัดแย้งกับเขามาโดยตลอด มันจึงเป็นเรื่องแปลกนักที่องค์ชายซิวจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้

“ใต้เท้า ท่านดู…”

อวี๋จั้วหลินหรี่ตาลงเล็กน้อย ขณะรู้สึกว่าเริ่มปวดท้องอีกครั้ง เขารีบปิดม่านรถม้าลง ก่อนจะพ่นลมหายใจเย็นชา เสียงเหยียดหยามดังออกมาผ่านม่านรถม้าหนาทึบ “ไม่ต้องสนใจเขา ตามไป เจียงอวิ๋นเซิงอาจอยู่ในรถม้าของพวกเขา เราต้องคอยจับตามองไปตลอดทาง ย่อมมีโอกาสอยู่เสมอ เฮ้อ นางอวี้ชิงลั่วนั่น…”

คำพูดต่อไปนี้เริ่มไม่ชัดเจน แม้ว่าพวกทหารรักษาพระองค์จะได้ยินไม่ชัด แต่ก็สามารถเดาได้

ที่อวี๋จั้วหลินเป็นเช่นนี้ น่าจะเป็นเพราะองค์หญิงเทียนฝู หรือที่รู้จักกันในนามหมอปีศาจ

ตั้งแต่วินาทีที่เขาย้ายเข้าโรงเตี๊ยม เขาก็มีเริ่มมีอาการปวดท้องไม่หยุด ซึ่งหมอบอกว่าเป็นเพราะกินของแสลงเข้าไป

พวกเขากินและอยู่ด้วยกันเสมอ ทว่าทุกคนกลับสบายดี แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีเพียงใต้เท้าอวี๋คนเดียวที่มีปัญหามาหลายวันแล้ว?

บัดนี้จึงคิดว่าเขาอาจจะถูกวางยา และคนเดียวที่มียาแปลกประหลาดนี้ก็คือแม่นางอวี้คนนั้น

รถม้าเริ่มส่งเสียงดังกุกกักอีกครั้ง แต่อวี๋จั้วหลินไม่มีแรงเหลือแล้ว

เย่ซิวตู๋กลับไปที่นำคาราวานอีกครั้ง และทันทีที่ม่านรถม้าถูกยกขึ้น เขาก็ได้แอบเข้าไปในรถม้าของอวี้ชิงลั่วแล้ว

“เป็นอย่างไรบ้าง” อวี้ชิงลั่วพิงหมอนนุ่ม ขณะกำลังเล่นหมากรุกกับหนานหนาน

เจ้าตัวเล็กเอาชนะนางไปแล้วถึงสองตา นางไม่รู้ว่าการเคารพอาวุโสและรักเมตตาเด็กกำลังทำให้นางจนมุม นางจึงกำลังวางแผนจะแอบทำอะไรบางอย่าง เมื่อนางเห็นเย่ซิวตู๋เข้ามาแล้ว นางก็เพียงแค่กลอกตา แล้วแอบย้ายกระดานหมากรุกไปด้านข้าง พร้อมกับโปรยตัวหมากรุกทั้งหมดลงพื้น

หนานหนานยังคงเพ่งความสนใจไปยังหมากขาว เมื่อเห็นดังนั้นก็หยุดชะงักทันที “ท่านแม่ทำเช่นนี้ได้อย่างไรขอรับ? ข้ากำลังจะชนะเลย” พูดจบเขาก็รีบยกกระดานหมากรุกขึ้นมา ขมวดคิ้วและทำหน้าบูดบึ้ง แล้วไขว่ห้างเกาศีรษะ ก่อนจะเริ่มวางตัวหมากรุกกลับตำแหน่งเดิมทีละตัว โดยอาศัยความจำ

อวี้ชิงลั่วพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา ต่อให้เขาจะวางพวกมันทั้งหมดกลับเข้าที่เดิมได้ นางก็จะไม่ยอมรับ นี่ไม่ใช่การทำเรื่องไร้ยางอาย นางแค่จะใช้โอกาสนี้สอนหนานหนาน ให้รู้จักปกป้องกระดานหมากรุกตลอดเวลา และเพิ่มความรอบคอบมากกว่านี้

เย่ซิวตู๋ชำเลืองมองแม่ลูก และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาบิดตัวอย่างเกียจคร้าน แล้วพูดเสียงเบาว่า “ให้เขาตามมา”

“ฮะ…” อวี้ชิงลั่วงงงวยจึงขมวดคิ้ว “ปล่อยให้เขาตามมาเช่นนี้จะไม่ทำให้พวกเราต้องอึดอัดใจหรือ? ไม่เช่นนั้น… ข้าจะบอกให้หนานหนานไปวางยาเขาอีกครั้งดีหรือไม่?”

“ไม่จำเป็นหรอก” เย่ซิวตู๋หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอนกายนอนลงอย่างแช่มช้า

ขณะที่เขานอนลงเช่นนี้ หนานหนานก็เลิกวางตัวหมากรุกแล้ว

คนตัวเล็กนิ่งงันไป จากนั้นมองไปยังพ่อแม่ของเขาด้วยความโกรธ แล้วหันหลังไปเข้านอน

พวกเขาทั้งสองสมคบคิดกันรังแกเด็กน้อยอย่างเขาเป็นแน่ ดังนั้นไม่ควรไปสนใจพวกเขาแล้ว

ทว่าเย่ซิวตู๋คว้าตัวหมากรุกสองสามตัวขึ้นมาลูบ ท่าทางของเขาดูคาดเดาได้ยาก “ใช่ว่าจะไม่สะดวก”

อวี้ชิงลั่วไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ นางก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย และมักจะรู้สึกว่าจะมีการแสดงดี ๆ เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

เย่ซิวตู๋นอนอยู่สักพัก จากนั้นหยิบพู่กันและกระดาษมาจากเบาะหลังของรถม้า แล้วนำมาเขียนบนโต๊ะเล็ก

อวี้ชิงลั่วเอียงศีรษะมอง ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรผิดปกติ เขาแค่จะรายงานฮ่องเต้เกี่ยวกับสถานการณ์ขณะนี้

เขาเล่าอย่างกระชับว่าระหว่างเดินทางกลับ เขาบังเอิญพบกับอวี๋จั้วหลินที่กำลังไล่ล่านักโทษ อวี๋จั้วหลินบอกว่ากำลังจะไปทางเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางไปเมืองหลวงด้วยกัน และมีการเพิ่มประโยคในตอนท้ายด้วยว่า ด้วยการคุ้มครองของอวี๋จั้วหลิน เขาจะสามารถกลับไปยังเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัยในการเดินทางครั้งนี้

อวี้ชิงลั่วมองไม่เห็นอะไรเลย เย่ซิวตู๋ปิดผนึกซองจดหมายเสียแล้ว ก่อนจะเปิดม่านรถม้า แล้วส่งให้เสิ่นอิงข้างนอก

อวี้ชิงลั่วไม่อาจเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในใจของเขา แต่นางไม่อยากถาม และรู้สึกอยู่เสมอว่าการรอคอยเหตุการณ์ที่ไม่รู้นั้นน่าตื่นเต้นกว่า ดังนั้นนางจึงรู้สึกตื่นเต้นอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงยกมือขึ้นถูศีรษะของหนานหนาน

เจ้าตัวเล็กที่เพิ่งผล็อยหลับไปตื่นขึ้นทันทีหลังจากถูกนางสัมผัสถึงสองครั้ง เขาลุกพรวดขึ้นมาทันที แล้วมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงง

อวี้ชิงลั่วชักมือกลับด้วยความรู้สึกผิดทันที ก่อนกระแอมเบา ๆ และพูดคุยกับเย่ซิวตู๋ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หนานหนานเกาศีรษะพูดว่า “ท่านแม่ ดูเหมือนว่าข้าจะฝันร้ายขอรับ”

อวี้ชิงลั่วแสร้งถามด้วยความเป็นห่วง “ฝันว่าอะไรหรือ?”

“ไม่รู้สิขอรับ จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกเจ็บหนังหัว จึงสะดุ้งตื่นขึ้นมา” หนานหนานกะพริบตาและขมวดคิ้ว

เย่ซิวตู๋มองเขาแล้วหัวเราะ จากนั้นเสียงหัวเราะด้วยความขบขันก็ดังไปไกล

แม้แต่อวี๋จั้วหลินที่ตามมาข้างหลังก็ได้ยิน สีหน้าของเขากลายเป็นบึ้งตึงไปทันที และเขารู้สึกวิตกเล็กน้อยในใจ

พวกเขาติดตามเย่ซิวตู๋ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่รำคาญเท่านั้น แต่เขายังอารมณ์ดีอีกด้วยงั้นหรือ?

แม้แต่เสิ่นอิง โม่เสียน เผิงอิงและคนอื่น ๆ ก็อดประหลาดใจไม่ได้ แม้ว่าเจ้านายจะยิ้มมากขึ้นหลังจากพบแม่นางอวี้ แต่ก็ไม่เคยหัวเราะแบบควบคุมไม่ได้เหมือนตอนนี้

แม่นมเซียวและเยว่ซิน ที่เดิมทีนั่งอยู่ในรถม้าเพื่อดูแลเจียงอวิ๋นเซิง รู้สึกไม่สบายใจเพราะอวี๋จั้วหลินติดตามพวกเขามา แต่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเย่ซิวตู๋เมื่อสักครู่นี้ พวกนางก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน และรู้สึกสงบลงอย่างน่าอัศจรรย์

“ดูเหมือนว่าองค์ชายจะมีแผนที่ดีพร้อมรับมืออยู่แล้ว”

……………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ท่านอ๋องมีแผนอะไรกันนะ แต่กระจั๊วน่าจะได้รับโทษหนักแน่

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด