อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 492 ไม่ขาดแคลนคน

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 492 ไม่ขาดแคลนคน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 492 ไม่ขาดแคลนคน

ตอนที่ 492 ไม่ขาดแคลนคน

ทันทีที่อวี้ชิงลั่วเห็นแม่นมเซียว นางก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจและปล่อยมือจากเย่ซิวตู๋พลางกระแอมไอออกมาเบา ๆ จากนั้นก็ปรับอารมณ์และเดินไปข้างหน้าอย่างสง่างามสมกุลสตรี

แม่นมเซียวเดินมาหยุดอยู่ข้างนาง แล้วหันหน้าไปทางเย่ซิวตู๋ที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะกล่าวทักทายด้วยความเคารพ “องค์หญิง มีสตรีผู้หนึ่งอยู่ข้างนอกเพคะ นางบอกว่ามีเรื่องบางอย่างจะมาขอร้ององค์หญิง”

“สตรีที่ไหน?”

“นางบอกว่าชื่อของนางคือชิวหลาน นางเคยเป็นสาวใช้ที่ดูแลนายน้อยในจวนอวี้ นางบอกว่าองค์หญิงเคยสัญญาว่าจะให้นางทำงานในตำหนักท่านอ๋องเพคะ” เมื่อเล่าถึงตรงนี้ แม่นมเซียวก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย “องค์หญิง ด้วยวิธีนี้ ใครก็ตามก็สามารถเข้ามาในตำหนักท่านอ๋องซิวได้หรือเพคะ? แม้นางจะเคยดูแลท่านเป่าเอ๋อร์มาก่อน แต่ท่านเป่าเอ๋อร์ถูกคุมขังมาหลายปีแล้ว และไม่เคยเห็นนางดูแลท่านเลย องค์หญิงจะยอมเสี่ยงกับคนเช่นนี้หรือเพคะ?”

มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุกอย่างแรง นางทำผิดหรือไม่? นี่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงอาการป่วยทางจิตขององค์ชายสามอย่างชัดเจน

ไม่สิ องค์ชายสามไม่เคยยอมให้นางศึกษาเงื่อนไขการทำสิ่งต่าง ๆ ในตำหนักท่านอ๋องซิว เดิมทีชิวหลานเคยบอกว่านางกำลังจะออกจากจวนอวี้ ส่วนจะไปที่ไหนและทำอะไรหลังจากไปแล้วนั้น ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของนาง

ชิวหลานคนนี้ยังเป็นคนที่ชอบพูดจาเหลวไหลด้วย แล้วนางจะอยู่กับคนเช่นนี้ได้อย่างไร?

“แม่นม ปล่อยให้ชิวหลานนั่นเข้ามาเถิด”

คิ้วของแม่นมเซียวกระตุกทันที “องค์หญิง พระองค์ต้องการให้ชิวหลานเข้ามาทำงานในจวนท่านอ๋องจริงหรือเพคะ?” ขณะที่นางถามเช่นนั้น สายตาของนางก็กวาดไปทางเย่ซิวตู๋ องค์หญิงยังไม่ได้เป็นพระชายาของท่านอ๋องซิว หากรับคนเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนี้ ท่านอ๋องจะพิโรธหรือไม่?

เย่ซิวตู๋คิดว่าไม่เป็นอะไร เขาเชื่อว่าหากอวี้ชิงลั่วสัญญาว่าจะรับคนเข้ามาในตำหนักแล้วก็จะไม่มีปัญหา เช่นเดียวกับจินหลิวหลี, เยว่ซิน, แม่นมเซียวและหงเย่

“ก็ได้เพคะ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน หม่อมฉันจะไปแจ้งนางแล้วพระองค์ค่อยคุยกับนาง”

“อืม” อวี้ชิงลั่วพยักหน้า แล้วหันหลังเดินกลับไปที่ห้องโถงด้านหน้า

เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาเคร่งขรึมของแม่นมเซียวที่จ้องมองนางตลอดเวลา อวี้ชิงลั่วจึงกระแอมออกมาเบา ๆ และยังคงรู้สึกว่าจำเป็นต้องอธิบายให้ชัดเจน

แน่นอนว่าต้องใช้ประโยชน์จากการเดินทางตอนนี้ เพื่อบอกเล่าสถานการณ์ในครั้งนั้น

ยิ่งแม่นมเซียวฟังมากเท่าไร ใบหน้าของนางก็ดูน่าเกลียดมากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายนางก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ดูเหมือนว่าชิวหลานคนนี้จะเป็นคนประพฤติตัวไม่เหมาสม การปล่อยให้คนเช่นนี้เข้ามาในตำหนักท่านอ๋องมีแต่จะทำให้ถูกติฉินนินทา และทำให้เสื่อมเสียนะเพคะ”

“อืม” อวี้ชิงลั่วบอกว่านางเห็นด้วย เป็นเรื่องยากที่นางจะมีความเห็นพ้องต้องกันกับแม่นมเซียว

ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องโถงด้านหน้าด้วยกัน และชิวหลานก็ยืนอยู่ที่นั่นแล้ว นางกำลังจ้องมองราวบันไดหยกแกะสลักตรงหน้าด้วยความชื่นชม ช่างหรูหราอะไรถึงเพียงนี้

ความโลภฉายแววในดวงตาของนางอย่างชัดเจน แม้แต่สาวใช้ที่รออยู่ในห้องโถงด้านหน้าก็ยังเผลอขมวดคิ้ว บ่งบอกว่าไม่ชอบสตรีผู้นี้เลย

แม่นมเซียวเหลือบมองนางอย่างเย็นชา จู่ ๆ ก็กระแอมออกมา

เมื่อได้ยินเสียงนั้น ชิวหลานก็สะดุ้งทันที และเมื่อนางหันกลับมาเห็นอวี้ชิงลั่ว นางก็รีบคุกเข่าลงเสียงดัง ‘ฟึ่บ’

“ข้า… เอ่อ หม่อมฉันถวายบังคมองค์หญิงเพคะ”

นางเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่านางต้องการจะประจบอวี้ชิงลั่วเพื่อไต่เต้าขึ้นไปจริง ๆ

อวี้ชิงลั่วเดินผ่านนางไปนั่งบนเก้าอี้ สาวใช้รีบนำถ้วยชามาให้นางทันที

ชิวหลานที่คุกเข่าอยู่ด้านล่างเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พร้อมรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้าของนาง

อวี้ชิงลั่วมองอย่างระมัดระวัง และพบว่ามีคราบเลือดบนสันจมูกและหน้าผากของนาง ราวกับว่านางเพิ่งถูกทุบตีมา

นางเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย “อาการบาดเจ็บของเจ้า…”

เมื่อนางถามคำถามนี้ ใบหน้าของชิวหลานก็ฉายแววโศกเศร้าทันที ไหล่ของนางสั่นสะท้านราวกับว่ากำลังจะร้องไห้ “องค์หญิง นี่… นี่เป็นฝีมือของฮูหยินและคุณหนูรองเพคะ”

อวี้ชิงลั่วรู้อยู่แล้วว่าก่อนที่หลี่เจ๋อจะจากไป เขาได้พาตัวชิวหลานไปเป็นพยานด้วย เกรงว่าตอนที่หลี่เจ๋อกำลังสอบปากคำ เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวคงจะโกรธจัดจนทำร้ายชิวหลานอย่างโหดเหี้ยม

“แล้วตอนนี้ฮูหยินและคุณหนูรองเป็นอย่างไรบ้าง?” อวี้ชิงลั่วรู้ว่าชิวหลานต้องการจะพูดอะไร แต่รู้สึกไม่ชอบสิ่งที่นางกำลังจะพูด จึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน

ชิวหลานลำบากใจเล็กน้อย แต่ในเมื่ออวี้ชิงลั่วถาม นางจึงไม่อาจเลี่ยงที่จะตอบได้

“กราบทูลองค์หญิง ฮูหยินและคุณหนูรองไม่ยอมรับว่าพวกนางใส่ร้ายองค์หญิง นับประสาอะไรกับการยอมรับความผิดโทษฐานสังหารอดีตฮูหยินที่เสียชีวิตไป แม้จะมีหลักฐานแน่ชัด แต่ก็ยังบอกว่ามีคนอื่นใส่ร้ายพวกนางว่าเป็นคนฆ่า ตอนนี้ใต้เท้าหลี่จึงสั่งให้คนนำตัวพวกนางไปขังไว้ในห้องขัง แล้วจะสอบสวนอีกครั้งในวันอื่นเพคะ”

ปฏิเสธที่จะยอมรับหรือ? คิดถูกแล้ว ต่อให้พวกนางจะโง่เขลาสักเพียงใด พกวนางก็ย่อมรู้ว่าไม่อาจยอมรับผิดในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ได้ อย่างน้อยวิธีนี้ก็ยังช่วยให้ยังมีชีวิตรอดได้

แต่หลี่เจ๋อคนนี้เป็นคนดีจริง ๆ ฟังจากที่ชิวหลานเล่าแล้วก็เห็นว่าเขาคงไม่แตะต้องแม่ลูกคู่นี้เลย ต่างจากเย่โฉวที่มักจะทำร้ายผู้คนก่อนแล้วจึงสอบสวน

“องค์หญิง” เมื่อชิวหลันเห็นว่านางไม่เอ่ยคำใดออกมา ความคับข้องใจบนใบหน้าของนางก็รุนแรงขึ้น ดูเหมือนว่าอารมณ์ของนางจะถึงจุดที่แบกรับไม่ไหวอีกต่อไป นางจึงร้องไห้ออกมาทันที “เกรงว่าฮูหยินและคุณหนูรองจะเกลียดชังหม่อมฉันแล้ว ดูบาดแผลของหม่อมฉันสิเพคะ หากไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าที่มาหยุดพวกนางไว้ในตอนนั้น หม่อมฉันคงถูกพวกนางบีบคอตายไปแล้ว องค์หญิง หม่อมฉันไม่มีที่อาศัยในจวนอวี้อีกแล้ว หม่อมฉันไม่รู้ว่าต้องไปที่ใด จึงขอร้องให้องค์หญิงเป็นเจ้านายของหม่อมฉันเพคะ”

อวี้ชิงลั่วจิบชา เสียงถอนหายใจอย่างเย็นชาของแม่นมเซียวลอยเข้าหูของนางชัดเจน

นางยกยิ้ม วางถ้วยชาลงแล้วถามว่า “เจ้าต้องการให้ข้าเป็นนายของเจ้าอย่างไร?”

“หากองค์หญิงไม่ขุ่นเคืองใจก็ให้หม่อมฉันคอยอยู่เคียงข้างท่าน หม่อมฉันจะขอบคุณในพระมหากรุณาธิคุณ และยินดีเป็นวัวควายและม้าเพื่อตอบแทนองค์หญิงเพคะ”

แม่นมเซียวถอนหายใจอีกครั้ง “องค์หญิงไม่มีปัญหาขาดแคลนคน”

ใบหน้าของชิวหลานแข็งทื่อขึ้นมาครู่หนึ่ง แต่ก็รีบปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว “องค์หญิง…”

“คุณหนู” ชิวหลานยังไม่ทันได้พูดต่อ จู่ ๆ ร่างสองร่างก็วิ่งมาจากข้างนอกอย่างรวดเร็ว

เยว่ซินเม้มปากและรีบวิ่งเข้ามาในห้องโถง

เมื่อนางเห็นใบหน้าที่ไร้ความปรานีของแม่นมเซียว นางก็สะดุ้งทันทีและรีบหยุดฝีเท้าของนาง ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาอย่างแช่มช้า

โม่เสียนที่อยู่ข้างหลังนางก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเดินเข้ามา

แม่นมเซียวส่ายหน้า “เยว่ซิน เจ้าเป็นอะไรไป? เหตุใดเจ้าถึงได้อวดดีราวกับที่แห่งนี้ปราศจากกฎเกณฑ์”

เยว่ซินแลบลิ้นออกมา แล้วเดินไปหาอวี้ชิงลั่วด้วยความหวาดเกรง ก่อนจะกระซิบขออภัย “แม่นมเซียว ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ”

“พี่เยว่ซิน” ชิวหลานที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของนางยังคงเต็มไปด้วยน้ำตา ดูน่าสงสารยิ่งนัก

เยว่ซินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หลังจากมองชิวหลันอยู่สักพัก นางก็ได้สติ “เจ้าคือ… ชิวหลานหรือ? เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่?”

อวี้ชิงลั่วมองเหลือบมองเยว่ซินที่อยู่ด้านข้าง ดูเหมือนว่านางไม่ได้ตั้งใจจะให้ทั้งสองคนมารำลึกความหลังกัน นางจึงขัดจังหวะ “เยว่ซิน เจ้ามีเรื่องอะไรถึงต้องรีบวิ่งถึงเพียงนั้น?”

“…คุณหนู ข้าได้ยินมาจากคุณหนูจินว่าท่านมีแผนจะให้ข้ากลับไปจวนอวี้เพื่อดูแลนายน้อย”

“เจ้าไม่เต็มใจหรือ?”

“ไม่ แน่นอนว่าไม่เจ้าค่ะ ข้าเต็มใจ แต่ว่า… แต่ว่าโม่เสียนบอกว่าเขาต้องการติดตามไปด้วยเจ้าค่ะ”

ดวงตาของชิวหลานเป็นประกาย แม่นมเซียวเพิ่งกล่าวว่าไม่มีปัญหาขาดแคลนคนรอบกายองค์หญิง แต่เนื่องจากเยว่ซินจะต้องไปจวนอวี้ แล้วจะไม่มีปัญหาขาดแคลนคนได้อย่างไร?

…………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เธอดูมีพิรุธนะชิวหลาน เป็นนางนกต่อใครหรือเปล่า

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *