อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 919 คารมของหลีจื่อฟาน

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 919 คารมของหลีจื่อฟาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 919 คารมของหลีจื่อฟาน

ตอนที่ 919 คารมของหลีจื่อฟาน

หลีจื่อฟานหัวเราะ ก่อนจะก้มมองอวี๋จั้วหลินด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย แล้วพูดว่า “ใต้เท้าอวี๋ เท่าที่ข้ารู้ องค์ชายเสด็จกลับมาเมืองหลวงโดยปกปิดสถานะเอาไว้ ด้วยการทำตัวเรียบง่ายประหนึ่งสามัญชนที่เดินทางไปเยี่ยมญาติหรือสหายตามทางปกติ หากไม่ใช่เพราะใต้เท้าอวี๋ยืนกรานจะคุ้มกัน และกระทำการเอิกเกริกเปิดโปงที่อยู่ขององค์ชาย แล้วองค์ชายจะถูกซุ่มโจมตีจนหายตัวไปเช่นนี้ได้เยี่ยงไร?”

อวี๋จั้วหลินเกลียดหลีจื่อฟานคนนี้จริง ๆ เขาป่วยหรืออย่างไร? เพราะเขาไม่ได้เข้าวังนานเกินไปหรือ? การจากบ้านเกิดเมืองนอนไปไกล ทำให้เขายินดีปรีดิ์เปรมถึงเพียงนี้เลยหรือ?

แม้จะนึกโมโหอยู่ในใจ แต่เขาก็ทำได้เพียงสะกดกลั้นอารมณ์ไว้

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นเขาก็ตกใจจนหน้าซีด เงยหน้าขึ้น “เสนาบดีฝั่งขวาหมายความว่าอย่างไร? คนที่องค์ชายเผชิญหน้าด้วยคือโจร คนเหล่านั้นเป็นคนเลวทรามที่ปล้นจี้ไม่เลือกหน้า แม้จะเป็นสามัญชนก็ไม่อาจรอด ตราบใดที่พวกเขาต้องผ่านป่านั้นไป พวกโจรก็ไม่ปล่อยไปอยู่แล้ว แล้วจะเกี่ยวกับยศถาบรรดาศักดิ์อย่างไร?”

องค์ชายเจ็ดพยักหน้าเช่นกัน “เสด็จพ่อ บัดนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสอบสวนว่าใครถูกใครผิด สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดคือให้ใต้เท้าอวี๋นำทหารรักษาพระองค์ไปค้นหาพี่ห้าโดยด่วน เรื่องนี้ไม่อาจรอช้าได้ ในบรรดาผู้สูญหายมีองค์หญิงเทียนฝูแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ด้วย หากเรื่องนี้ไปถึงหูของฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเทียนอวี่ ลูกเกรงว่าเขาคงจะไม่ปล่อยไปง่าย ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อพูดจบ เขาก็ขยิบตาให้เสนาบดีที่อยู่ข้างเขา

จากนั้นหลายคนที่อยู่แถวหลังหลีจื่อฟาน ก็ก้าวมาข้างหน้าเพื่อร้องตะโกนว่า “ฝ่าบาท สิ่งที่องค์ชายเจ็ดตรัสนั้นเป็นความจริงอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

คิ้วของฮ่องเต้แทบจะขมวดเป็นปม เขากระตุกนิ้วเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะออกคำสั่ง หลีจื่อฟานก็พูดอีกว่า “คำพูดขององค์ชายเจ็ดเป็นเท็จ และการที่ใต้เท้าอวี๋กระทำเช่นนี้ก็น่าสงสัยจริง หากเขาได้รับอนุญาตให้ไปตามหาองค์ชายซิวอีก กระหม่อมเกรงว่าองค์ชายซิวจะตกอยู่ในอันตรายมากกว่านี้พ่ะย่ะค่ะ”

“เสนาบดีฝั่งขวาหมายความว่าอย่างไร?”

“ฝ่าบาท” หลีจื่อฟานเพิกเฉยต่อคำถามขององค์ชายเจ็ด แต่เงยหน้าขึ้นพูดว่า “ใต้เท้าอวี๋บอกว่ามีโจรเป็นร้อย หากพวกเขาต้องการจัดการกับสามัญชน เขาจะส่งคนจำนวนมากถึงเพียงนั้นไปที่นั่นได้อย่างไร ข้าเกรงว่าจะเป็นเพราะเหตุผลสามประการเท่านั้น”

“เหตุผลสามประการคืออะไร?” ฮ่องเต้ตรัสถาม ก่อนที่ซิวเอ๋อร์จะไปเยือนดินแดนเหมิง เขาได้พูดไว้อย่างละเอียดว่าสามารถพึ่งพาเสนาบดีฝั่งขวาได้ทุกเรื่อง

พระองค์มีความประทับใจเสนาบดีฝั่งขวาอยู่แล้ว เพราะทุกการกระทำของเขาล้วนรอบคอบ ดังนั้นฮ่องเต้ย่อมโปรดปรานเขามาก

“ประการแรก ใต้เท้าอวี๋จงใจกระทำการเอิกเกริก เพื่อเปิดเผยตัวตนขององค์ชายซิว พวกโจรเหล่านั้นจึงพยายามจะจัดการกับองค์ชายซิวอย่างสุดความสามารถ”

“ประการที่สอง พวกโจรเห็นทหารองครักษ์ที่ใต้เท้าอวี๋พาไป ด้วยความที่มีองครักษ์จำนวนมาก จึงทำให้ทุกคนรู้ว่าองค์ชายซิวและพรรคพวกของเขามีสถานะสูงส่ง แต่พวกโจรกลับยังกล้าปล้นอย่างไม่กลัวเกรง”

เขาพูดจบแล้วก็มองไปที่อวี๋จั้วหลิน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แต่สองเหตุผลนี้เลี่ยงไม่พูดถึงไม่ได้”

“หมายความว่าอย่างไร?” ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากทางด้านขวา

หลีจื่อฟานหันไปมองและพบว่าเป็นองค์ชายหกที่นิ่งเงียบตลอดเวลา และมักจะถูกทุกคนละเลย

ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดต่อ “ไม่ว่าจะเป็นการรู้ตัวตนที่แท้จริงขององค์ชายซิว หรือการเดาสถานะขององค์ชายจากการเห็นองครักษ์ที่ใต้เท้าอวี๋พาไปด้วย ใครก็ตามที่แม้จะมีสมองน้อยนิดย่อมรู้ว่าไม่ควรไปแตะต้ององค์ชายซิวและพรรคพวก กระหม่อมเชื่อว่าหากจำนวนโจรมีถึงร้อยคน ก็คงไม่ใช่โจรธรรมดาแล้ว หากจะยกกำลังมายิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ หัวหน้าโจรต้องฉลาดมาก”

“คนฉลาดย่อมรู้ว่าหากไปแตะต้องบุคคลดังกล่าวก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเวลานั้นจะมีเจ้าหน้าที่ทหารไปกวาดล้างพวกเขา องค์ชายซิวและพรรคพวกมีเพียงรถม้าไม่กี่คัน และไม่ได้มีเงินทองมากมายไปด้วย ไม่ว่าจะคิดอย่างไร มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมเสี่ยงโจมตีรถม้าสองสามคันนี้พ่ะย่ะค่ะ”

องค์ชายหกฟังและพยักหน้าหลายรอบ “มีเหตุผล สองเหตุผลแรกเลี่ยงไม่พูดถึงไม่ได้จริง ๆ หากเป็นเช่นนั้น แล้วเหตุผลประการที่สามเล่า?”

หลีจื่อฟานเหลือบมององค์ชายหกอีกครั้ง จากนั้นดวงตาของเขาก็คมกริบ ขณะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เหตุผลที่สามก็คือ คนพวกนั้นไม่ใช่โจรพ่ะย่ะค่ะ!!”

“อะไรนะ?” ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว “เสนาบดีฝั่งขวาหมายความว่าอย่างไร?”

“คนเหล่านั้นไม่ใช่โจรพ่ะย่ะค่ะ แต่พวกเขารู้ตัวตนขององค์ชายซิวมาตั้งแต่แรกแล้ว และคอยดักซุ่มโจมตีอยู่ที่นั่น ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะมุ่งเป้าจัดการองค์ชายซิวอย่างเจาะจงได้อย่างไร? องค์ชายซิวและพรรคพวกต่างก็แยกย้ายกันไป เสิ่นอิงก็เสียชีวิตไปแล้ว แต่ทหารรักษาพระองค์ที่ใต้เท้าอวี๋พาไปด้วยนั้น หายไปเพียงครึ่งเดียวใช่หรือไม่? ทุกคนต่างทราบดีว่าองค์ชายซิวมีวรยุทธ์ระดับปรมาจารย์ และเหล่าองครักษ์ที่อยู่รอบกายพระองค์ก็เป็นยอดฝีมือ ทว่าทหารรักษาพระองค์ที่ใต้เท้าอวี๋พาไปด้วยนั้นรอดจากเงื้อมมือโจรได้ แต่เหตุใดองค์ชายซิวจึงไม่รอดเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”

ทันใดนั้นสีหน้าของฮ่องเต้ก็เปลี่ยนไป คำพูดนั้นชัดเจนมากจนทุกคนในห้องโถงที่เข้าใจความหมาย ต่างก็เปลี่ยนสีหน้าทันที

แม้แต่องค์ชายเจ็ดยังหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ และต้องการก้าวเข้าไปแก้ตัว

ทว่าหลีจื่อฟานนำหน้าเขาหนึ่งก้าว เขาพูดด้วยเสียงดังทรงพลัง “ที่ตัวตนขององค์ชายซิวถูกเปิดเผยจนถูกซุ่มโจมตี ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะใต้เท้าอวี๋ไม่ใช่หรือ? ผลก็คือองค์ชายซิวและพรรคพวกหายตัวไป และบางคนต้องถูกฆ่าตาย แต่ใต้เท้าอวี๋กลับปลอดภัยดี นี่หรือคือการคุ้มกันที่ใต้เท้าอวี๋บอก? โอ้ มันช่างเหลวไหลนัก เขาเคียดแค้นองค์ชายซิวเป็นการส่วนตัว ใครจะรู้ว่าเขากำลังล้างแค้นเรื่องส่วนตัวอยู่หรือไม่ อีกทั้งยังชักจูงให้ทหารรักษาพระองค์ทำสิ่งไม่รู้ถูกผิดด้วย ด้วยการกระทำเช่นนี้ ท่านจะกล้ามอบความไว้วางใจให้ค้นหาองค์ชายซิวได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”

ฮ่องเต้ทรงกริ้วมากหลังจากได้ยินเช่นนั้น และผุดลุกขึ้นจากบัลลังก์มังกรทันที หลังจากอ่านรายงานอีกครั้งก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทหาร จับกุมตัวอวี๋จั้วหลินเข้าคุกเพื่อรอการลงโทษ”

องค์ชายเจ็ดอ้าปากค้างและรีบคุกเข่าลง “เสด็จพ่อ โปรดเย็นพระทัยด้วย ใต้เท้าอวี๋…”

“ไม่จำเป็นต้องพูดตอนนี้ พ่อสั่งให้จับเขาเข้าคุกเพราะเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของเขา และนำความหายนะมาสู่องค์ชายซิว ฮึ่ม ลืมไปเลย ครั้งก่อนเขาวิ่งไปเจียงเฉิงเพื่อไปหาอนุ โดยทิ้งเมืองหลวงไว้ข้างหลัง เขาเคยทำเช่นนั้นแล้วยังไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากถูกตักเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งทำให้พ่อผิดหวังมาก เจ้าเจ็ด สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือตามหาพี่ห้าของเจ้า หากเจ้ายังเข้าไปพัวพันกับอวี๋จั้วหลินอีก ก็จะทำให้พ่อสงสัยในเจตนาของเจ้า”

ใบหน้าขององค์ชายเจ็ดซีดเผือด เขาก้มหน้าลงโดยไม่กล้าเอ่ยคำใดอีก

อวี๋จั้วหลินตะลึงงัน เมื่อเขาเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็รีบตะโกนว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมถูกใส่ร้าย ทุกสิ่งที่กระหม่อมพูดเป็นความจริง เสนาบดีฝั่งขวาพยายามกล่าวเท็จใส่ร้ายป้ายสีพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ไม่ฟังเขาเลย พระองค์ขมวดขนงและโบกพระหัตถ์

ทหารที่มาพาตัวเขาออกไปปิดปากเขาทันที และลากเขาออกไป

จากนั้นฮ่องเต้ก็ถอนหายใจเบา ๆ และนั่งลงบนบัลลังก์มังกรอีกครั้ง

เกิดความเงียบงันขึ้นในห้องโถง ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใดอีก

หลังจากนั้นไม่นาน พระสุรเสียงของฮ่องเต้ก็ดังขึ้น “เรื่องเร่งด่วนที่สุดคือตามหาองค์ชายซิวก่อน เสนาบดีฝั่งขวา เจ้ามีความคิดเช่นไร?”

“ฝ่าบาท ในตอนที่เกิดเหตุ นอกจากใต้เท้าอวี๋แล้ว ยังมีทหารรักษาพระองค์อีกนับสิบรายอยู่ด้วย ให้พวกเขาเป็นผู้นำทางไป หากค้นหาบริเวณนั้นอย่างรอบคอบ ย่อมต้องพบเบาะแสพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้พยักหน้า “เจ้าคิดว่าผู้ใดเหมาะจะไปตามหา?”

……………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

กระจั๊วโดนขังคุกไปแล้ว ทางองค์ชายเจ็ดกับเหมิงกุ้ยเฟยจะทำไงต่อ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด