อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 961 เป็นโอรสของฝ่าบาท

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 961 เป็นโอรสของฝ่าบาท at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 961 เป็นโอรสของฝ่าบาท

ตอนที่ 961 เป็นโอรสของฝ่าบาท

อวี้ชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าของนางก็สงบลง

หมอเริ่นพูดเช่นนี้เพราะต้องการบอกความลับในสมุดบันทึกเล่มนี้แก่เย่ซิวตู๋ แสดงว่ามันเกี่ยวกับเย่ซิวตู๋ใช่หรือไม่?

สวีอี้อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อนึกถึงอดีตทั้งหมด “เพราะสิ่งที่อาจารย์พูด ข้าจึงจงใจไปแถววังหลวงบ่อย ๆ เพื่อเฝ้าคอย ข้าแค่อยากเห็นว่าองค์ชายซิวหน้าตาเป็นอย่างไร เพื่อจะได้ไม่มอบของผิดคน”

อวี้ชิงลั่วรู้สึกละอายใจเล็กน้อย นี่คือการเฝ้าตอรอกระต่าย*ชัดๆ

(* เฝ้าตอรอกระต่าย (守株待兔) เป็นสำนวน หมายถึง ได้รับผลประโยชน์มาโดยไม่คาดคิด หรือได้มาโดยที่ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย)

แต่เย่ซิวตู๋ดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา สายตาของเขาจับจ้องไปที่สมุดบันทึก นิ้วมือเกร็งเล็กน้อย

อวี้ชิงลั่ววางมือลงบนไหล่ของเขาเบา ๆ แล้วกระซิบว่า “กลับกันเถิด”

เขาไม่รู้ว่าในนั้นเขียนอะไรไว้บ้าง แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร มันก็ไม่ใช่เรื่องสมควรนักที่จะอ่านต่อหน้าสวีอี้

เย่ซิวตู๋พยักหน้าเล็กน้อย แล้วยืนขึ้น

“องค์ชาย ท่านอาจารย์สั่งให้ข้าบอกบางอย่างแก่องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ” สวีอี้ก้าวถอยหลังแล้วพูดด้วยเสียงเบา

“บอกมาเลย”

“ท่านอาจารย์กล่าวว่า ไม่ว่าองค์ชายจะเห็นหรือรู้อะไร จงคิดให้ดีก่อนทำสิ่งใด”

เย่ซิวตู๋นิ่งเงียบ

“เข้าใจแล้ว” เขาพูดและออกจากห้องไป

คิดให้ดีหรือ? เขาคิดเรื่องนี้มานานแล้ว เมื่อเสด็จพ่อของเขาถูกลอบปลงพระชนม์ จะให้เขาคิดให้ดีอย่างไรอีก?

รอยยิ้มมุมปากของเย่ซิวตู๋เย็นชายิ่ง เมื่ออวี้ชิงลั่วตามเขาไปที่ลานบ้าน เขาก็หยิบของที่ได้มาแล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังคาทันที

นางลอบถอนหายใจ แล้วเดินกลับไปที่ร้านพร้อมกับสวีอี้

ก่อนที่จะเปิดม่านประตู สวีอี้ก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าถามอวี้ชิงลั่วว่า “แม่นางคือแม่นางชิงหมอปีศาจหรือเปล่า?” เขาได้ยินมาว่าหญิงสาวที่ติดตามองค์ชายซิวตอนนี้คือหมอปีศาจที่มีข่าวลือว่าแม้อายุยังน้อย แต่มีทักษะทางการแพทย์อันล้ำเลิศ

อวี้ชิงลั่วตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ใช่แล้ว”

ดวงตาของสวีอี้เป็นประกายขึ้นทันที

อวี้ชิงลั่วเห็นอย่างชัดเจน และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เถ้าแก่สวีไม่สนใจทักษะทางการแพทย์จริงหรือ?” ถ้าไม่สนใจ เหตุใดเขาถึงแสดงท่าทางตื่นเต้นเช่นนี้ เมื่อรู้ว่านางเป็นหมอปีศาจ?

สวีอี้สำรวมท่าทีเล็กน้อย ก่อนยกยิ้มเจื่อนและพูดว่า “หากสนใจทักษะทางการแพทย์แล้วจะเป็นอย่างไร? แม่นางก็น่าจะรับรู้ชะตากรรมของอาจารย์ของข้า และความคับข้องใจของพี่ชายข้าอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นหมอหลวงหรือหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แล้วจะสบายกว่าการได้เป็นเถ้าแก่ในร้านเช่นนี้ได้อย่างไร?”

อวี้ชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่คิดว่าสวีอี้จะมองสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างแตกฉาน

ถูกต้องแล้ว แม้แต่หมอก็ยังชอบยกย่องคนเก่งทั้งนั้น หากเขาตั้งใจเรียนแพทย์จริง ๆ ละก็ เขาจะไม่ใช่หมอธรรมดาเป็นแน่

อีกทั้งในฐานะลูกศิษย์ของหมอเริ่น ในอนาคตเขาจะเป็นจุดสนใจของทุกคน เช่นเดียวกับเจียงอวิ๋นเซิง

คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะถอนตัวออกจากเส้นทางนี้อย่างเด็ดขาดตั้งแต่อายุยังน้อย

ไม่น่าแปลกใจเลยที่หมอเริ่นมอบสมุดบันทึกเล่มนี้ให้กับเขา เพื่อความปลอดภัย

อวี้ชิงลั่วพยักหน้าเบา ๆ “ข้าเข้าใจแล้ว”

จากนั้นทั้งสองก็สงบลง เปิดม่านประตูและเดินออกไป พนักงานในร้านมาทักทายทันที แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าสีหน้าของอวี้ชิงลั่วไม่ค่อยดีนัก เขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ แล้วถามเบา ๆ ว่า “แม่นาง เถ้าแก่ไม่ยอมขายสูตรลับให้เจ้าหรือ?”

“ใช่ หวงแหนราวกับสมบัติ ฮึ่ม” อวี้ชิงลั่วแสร้งทำเป็นตะคอกเบา โดยไม่แม้แต่จะมองสวีอี้ แล้วออกจากร้านขายขนมไป

สวีอี้ตวาดขณะมองชายคนนั้น “ทำงานให้หนัก อย่าประจบประแจงพวกคนรวย คนแบบนี้หยิ่งผยองนัก เราไม่สามารถไปทำให้พวกเขาขุ่นเคืองได้”

ชายหนุ่มรู้สึกเสียหน้า เขาลูบศีรษะตัวเอง แล้วเดินกลับไปหลังโต๊ะบริการ

แต่อย่างไรเสีย แม่นางคนนั้นก็ให้เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่เขาอยู่ดี

ชายหนุ่มลูบไล้เงินอย่างมีความสุข แล้วเงยหน้าขึ้นมองออกไปนอกประตู เห็นหญิงสาวเข้าไปในรถม้าแล้วจากไป

ทันทีที่อวี้ชิงลั่วเข้าไปในรถ เย่ซิวตู๋ก็ดึงตัวนางไปใกล้

ใบหน้าของเขาบึ้งตึง ซบศีรษะลงบนไหล่ของนางโดยไม่ได้เอ่ยคำใด

อวี้ชิงลั่วอึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นนิ้วของเขาวางอยู่บนสมุดบันทึก ก็ถามด้วยความแปลกใจว่า “ท่าน… อ่านหรือยัง?”

“ยังเลย” เขายังคงลังเล

อวี้ชิงลั่วรู้สึกโล่งใจอย่างอธิบายไม่ถูก

ภายในรถม้าเงียบมาก อวี้ชิงลั่วรู้ว่าเขากำลังหนักใจยิ่งนัก นางจึงอยู่ข้างเขาโดยไม่ได้เอ่ยคำใด

รถม้าแล่นไปจนถึงตำหนักท่านอ๋องซิว

หนานหนานและเย่หลานเฉิงยังไม่กลับมา แต่พ่อบ้านหยางเข้ามาบอกว่า “…มีสาส์นส่งข้อความมาว่าบอกเสี่ยวซื่อจื่อทั้งสองงีบหลับก่อนจะกลับมา ทั้งสองเหนื่อยหลังจากพูดคุยกันนาน พวกเขาจึงพักผ่อนในห้องบรรทมของฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ”

เย่ซิวตู๋นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า แล้วเดินกลับตำหนักโดยไม่เอ่ยคำใดสักคำ

อวี้ชิงลั่วส่งผลไม้แช่อิ่มในมือให้พ่อบ้านหยาง และพูดว่า “ข้าซื้อสิ่งนี้มาฝากพวกเขา เมื่อหนานหนานกลับมา จงให้ผลไม้แช่อิ่มนี้แก่เขา”

“พ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านหยางรับห่อกระดาษหนัก ๆ นั้นมา แล้วมองดูทั้งสองเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ

เจ้านายทั้งสองยุ่งมาก ฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ เจ้านายจึงอารมณ์ไม่ดี เขาเองยังรู้สึกได้ว่าความวุ่นวายในเมืองหลวง ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

อวี้ชิงลั่วรีบตามเย่ซิวตู๋ไป และทั้งสองก็เข้าไปในห้องด้วยกัน

ประตูถูกปิดแล้ว แต่เย่ซิวตู๋วางสมุดบันทึกไว้บนโต๊ะ แล้วจ้องมองด้วยสายตาลุกโชนราวเปลวเพลิง แต่ยังไม่สัมผัสมัน

อวี้ชิงลั่วเห็นดังนั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยืนอยู่ห่าง ๆ

ห้องเงียบอยู่นาน ก่อนจะได้ยินเสียงที่ค่อนข้างแหบแห้งของเย่ซิวตู๋ “เจ้าช่วยข้าดูหน่อยสิ”

“…ตกลง” อวี้ชิงลั่วก้าวเข้าไปหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา

แต่ก่อนที่จะเปิด เสียงของเย่ซิวตู๋ก็ดังขึ้นอีกครั้ง “รอสักครู่”

อวี้ชิงลั่วหันกลับมา แล้วจับมือของเย่ซิวตู๋ขึ้น “ให้ข้าดูเอง”

เมื่อเห็นความลังเลของเขา นางก็ทำได้เพียงวางสมุดบันทึกไว้ในมือของเขา

แต่เมื่อเย่ซิวตู๋ต้องการจะเปิดมัน เขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง แล้วดึงนางมานั่งข้างเขา “มาอ่านด้วยกันเถิด”

“ท่านกังวลเรื่องอะไร?” ในที่สุดอวี้ชิงลั่วก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป เขามักจะตรงไปตรงมาและเด็ดขาด แต่ตอนนี้กลับลังเลมาก จึงทำให้นางรู้สึกขัดใจ

ทว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเหมิงกุ้ยเฟย เขาจึงมีความกังวลในใจมาก

อวี้ชิงลั่วคิดว่าบางทีก่อนหน้านี้ นางควรจะบอกเขาเรื่องสิ่งที่แม่นมเก๋อให้นางมา

เย่ซิวตู๋ลูบหว่างคิ้วของตน ก่อนเงียบไปอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ข้าเกรงว่า… น้องเจ็ดจะไม่ใช่โอรสของเสด็จพ่อ”

สุดท้ายเขาก็พูดออกมา แต่เสียงของเขาเบามาก หากอวี้ชิงลั่วไม่อยู่ใกล้เขา นางก็อาจจะไม่ได้ยินเลย

“เขาต้องเป็นสิ”

เย่ซิวตู๋ชะงัก “เจ้าพูดอะไร?”

“เย่ฮ่าวถิง เป็นโอรสของฮ่องเต้” อวี้ชิงลั่วมั่นใจมาก

เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว “เจ้า…” เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามอย่างไม่มั่นใจว่า “สิ่งที่เจ้าพบในบ้านสกุลอวี๋เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่?”

“อืม” อวี้ชิงลั่วชี้ไปยังสมุดบันทึกในมือของเขา แล้วพูดว่า “ท่านควรอ่านสิ่งที่หมอเริ่นทิ้งไว้ให้ก่อน และเมื่ออ่านจบ ข้าจะเล่าทั้งภูมิหลังของท่าน และภูมิหลังของเย่ฮ่าวถิงให้ฟังทุกเรื่อง”

……………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ลุ้นกันค่ะว่าใครจะเป็นลูกแท้ใครจะเป็นลูกกาเหว่า

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด