อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 300 แยกกันทั้งหมด

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 300 แยกกันทั้งหมด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 300 แยกกันทั้งหมด
ตอนที่ 300 แยกกันทั้งหมด

โม่เสียนตกตะลึงและดึงฝ่ามือข้างขวากลับมา สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไป ขณะที่เด็กน้อยกระเด็นออกไป

เพียงแต่การกระทำของเขาก็ช้าไปหนึ่งก้าว หนานหนานล้มกระแทกลงกับพื้นและกรีดร้องออกมา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ทำให้แม้แต่อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็ตกใจจนสะดุ้ง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาเด็กน้อย

“หนานหนาน เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?” เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบผุดซึมทั่วแผ่นหลังของโม่เสียน ชายหนุ่มไม่รู้ว่าฝ่ามือเมื่อสักครู่นั้นรุนแรงเพียงใด หนานหนานจึงกระเด็นออกไปเช่นนี้

“เจ็บ เจ็บมาก ๆ ท่านลุงโม่เสียน รีบไปตามท่านแม่มาเร็ว เร็วสิ” ใบหน้าเล็ก ๆ บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด และมือเล็กๆ ดูเหมือนว่าจะเคล็ด เด็กน้อยจึงเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

สติของโม่เสียนหลุดไปแล้ว เมื่อได้ยินเด็กน้อยเอ่ยเช่นนั้นจึงรีบพยักหน้า “ได้ ๆ แม่นางอวี้ก็อยู่ในโรงเตี๊ยมนี้ มา ข้าจะอุ้มเจ้าไปหานาง ”

ว่าพลางโม่เสียนก็ได้ยื่นมือออกไปอุ้มหนานหนาน แต่ขณะกำลังจะสอดมือเข้าไปใต้ศีรษะ เด็กน้อยก็ได้กรีดร้องออกมา “อย่าแตะ อย่าแตะนะ ดูเหมือนว่ากระดูกของข้าจะหัก ข้าจึงขยับไม่ได้ ท่านลุง ท่าน…ท่านรีบไปเรียกท่านแม่มาที่นี่เร็วเข้า”

“ได้ ได้ เจ้าอย่าขยับล่ะ ข้าจะไปตามแม่นางอวี้มาเดี๋ยวนี้” โม่เสียนตื่นตระหนกจนแม้แต่ความคิดขั้นพื้นฐานก็ไม่สามารถคิดออก เมื่อเห็นหนานหนานในสภาพเหงื่อโซมกาย จิตใจของเขาก็ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ชายหนุ่มต้องการแค่บรรเทาความเจ็บปวดของเด็กน้อยให้เร็วที่สุด

“เจ้าสองคนดูแลหนานหนานด้วย ข้าจะรีบกลับมา” โม่เสียนลุกขึ้น และรีบวิ่งออกไปจากประตูห้อง

อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงต่างไม่เคยเห็นหนานหนานเป็นเช่นนี้มาก่อน เมื่อเห็นเด็กน้อยเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ทั้งสองก็แทบจะร้องไห้ออกมาทันที

“หนานหนาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้า เหตุใดเจ้าจึงไปท้าประลองกับท่านลุงโม่ล่ะ แล้วตอนนี้เป็นเช่นไรบ้าง?”

“จริงด้วยหนานหนาน เจ้า เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง? เจ็บมากไหม?”

“…” หนานหนานกลอกตา ก่อนลุกขึ้นมาจากพื้นและก้มตัวปัดฝุ่นตามร่างกาย หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “เอาล่ะ พวกเรามีเวลาไม่มาก รีบไปกันเถอะ”

แต่เดินไปข้างหน้าได้ไม่กี่ก้าว ก็พบว่าบริเวณข้างหลังไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ ตามมา เด็กน้อยจึงอดที่จะงวยงงไม่ได้

เมื่อหันกลับไปมอง ก็พบว่าสหายทั้งสองนั้นตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

“พวกเจ้าเป็นอะไรไป?” หนานหนานกะพริบตา และต่อมาก็ได้เริ่มเกาศีรษะแล้วพลางเอ่ยถามขึ้น “หรือพวกเจ้าเพิ่งจะพบว่าข้านั้นรูปงามเอาเสียมาก ๆ จนเสียการควบคุมไปเลยหรือ?”

“…หนาน หนานหนาน เจ้าไม่เป็นไร?” อวี้เป่าเอ๋อร์รีบก้าวขึ้นไปข้างหน้า มือทั้งสองจับไหล่ของเด็กน้อยเอาไว้และพิจารณามองดูหนานหนานอย่างละเอียด

หนานหนานถอนหายใจ “ฝีมือของข้าเยี่ยมยอด เหตุใดจึงจะเกิดอะไรกับข้าได้? ไอหยา ข้าไม่ได้บอกพวกเจ้าไปแล้วหรือว่าข้านั้นมีแผนการ? พวกเจ้าไม่ได้ยินเสียงในหัวของข้าหรือ? เข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ พวกเราก็รู้จักมักจี่กันมานาน เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่รู้ใจกันเลยแม้แต่น้อย”

“เออ…หนานหนาน เจ้าทำให้ท่านลุงโม่ตกใจเป็นอย่างมาก” อวี้เป่าเอ๋อร์เอ่ยขึ้นอย่างจนใจ

“ข้ายังไม่ได้แสร้งกระอักเลือดสักหน่อย ถ้าเป็นเช่นนั้นถึงจะเรียกว่าทำให้ท่านลุงโม่ตกใจ พวกเจ้าวางใจเสียเถิด โดยปกติแล้วท่านลุงโม่นั้นรักและทะนุถนอมข้ามาก ๆ ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ทำอะไรเขามากมาย ท่านลุงไปตามท่านแม่ของข้า เมื่อเขากลับมาก็จะรู้เองว่าเกิดอะไรขึ้น” หนานหนานโบกมือ “เอาล่ะ อย่ามากความเลย พวกเรารีบไปกันเถิด เวลามีจำกัด ไม่เช่นนั้นแล้วหากพวกท่านแม่มาถึง พวกเราจะไม่สามารถไปที่ใดได้ ”

เย่หลานเฉิงและอวี้เป่าเอ๋อร์ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่กลืนน้ำลายเงียบ ๆ และได้ตามเด็กน้อยออกไปจากโรงเตี๊ยม

ทั้งสามคนหยุดกะทันหันเมื่อมาถึงบริเวณประตูหลังโรงเตี๊ยม

หนานหนานโบกมือเรียกเสี่ยวเอ้อของโรงเตี๊ยมและยื่นเงินให้กับเขา หลังจากนั้นจึงเอ่ยเบา ๆ “เรียกรถม้ามาที่ประตูให้ข้าห้าคัน”

เสี่ยวเอ้อตกตะลึง รถม้าห้าคัน? คุณชายน้อยผู้นี้ต้องการจะทำสิ่งใด?

แต่เมื่อมองดูจำนวนเงินที่อยู่ตรงหน้า ต่อให้จะรู้สึกงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาก็ปฏิบัติตามคำสั่งของลูกค้าอย่างเชื่อฟัง

เย่หลานเฉิงตกใจเป็นอย่างมาก “หนานหนาน เจ้ายินดีที่จะจ่ายเงินมากมายเช่นนี้…”

“อ้อ เงินนี้ข้าได้มาจากถุงเงินของท่านลุงโม่”

“…” เย่หลานเฉิงเงยหน้ามองคานบริเวณด้านบน ช่างมันเถิด คิดเสียว่าเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาแล้วกัน

เสี่ยวเอ้อของโรงเตี๊ยมลงมือจัดการอย่างรวดเร็ว บริเวณด้านหลังโรงเตี๊ยมมีรถม้าสำหรับให้ลูกค้าเช่าอยู่หลายคัน และตอนนี้เขาก็ได้พามันออกมา

หนานหนานให้อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงขึ้นรถม้าคนละหนึ่งคัน หลังจากนั้นจึงเอ่ยกำชับขึ้น “พวกเจ้านั่งรถม้าไปรอบ ๆ เมือง หลังจากผ่านไปสักครึ่งชั่วยามค่อยกลับมาที่นี่”

อวี้เป่าเอ๋อร์ประหลาดใจ “หนานหนาน พวกเราไม่ได้จะไปด้วยกันหรือ?”

“ถ้าไปด้วยกันจะไม่สามารถสร้างความสับสนได้ เอาล่ะ เอาล่ะ รีบเข้าไปซะและอย่าโผล่หน้าออกมา ไม่เช่นนั้นจะถูกคนพบเข้า” ว่าพลางหนานหนานก็ผลักศีรษะของอวี้เป่าเอ๋อร์เข้าไปในรถ หลังจากนั้นก็หันไปเอ่ยกับคนขับรถที่อยู่ข้าง ๆ “รีบไปได้แล้ว”

คนที่จ่ายเงินคือคุณชาย เมื่อคนขับเห็นว่าเด็กน้อยนั้นเร่งรีบเป็นอย่างมาก จึงรีบออกรถในทันที

เย่หลานเฉิงเห็นว่ารถม้าที่อวี้เป่าเอ๋อร์นั่งออกไปนั้นเริ่มไกลออกไปเรื่อย ๆ เด็กน้อยจึงไม่เห็นด้วยขึ้นมาทันที “หนานหนาน ข้าไม่มีทางให้เจ้าไปคนเดียว…”

“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าจะตีเจ้าให้มึนเลย” ว่าพลางหนานหนานก็ผลักเย่หลานเฉิงเข้าไปในรถ และหันไปบอกกับผู้ควบคุมรถให้รีบออกไป

รถม้าทั้งสองออกออกจากโรงเตี๊ยมไป หนานหนานจึงเข้าไปในรถม้าคันที่สาม และเมื่อมองเห็นเบาะนั่งบริเวณด้านใน จึงเข้าไปนั่งบริเวณด้านใต้เบาะโดยที่ไม่เอ่ยอะไรสักคำ

รถม้าอีกสามคันค่อย ๆ ออกจากร้านอาหารไป ผู้พิทักษ์ทมิฬสองนายที่ฮ่องเต้ส่งมาถึงกับขมวดคิ้วและสบตากัน หลังจากนั้นจึงได้เริ่มตามรถม้าที่ออกไปทางด้านซ้ายไป

อย่างไรก็ตามหลังจากที่พวกเขาหยุดรถไว้และเปิดม่านตรวจสอบดู กลับพบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ข้างใน

ทั้งสองคนสบตากัน เสียงสัญญาณก็ดังเตือนอยู่ในใจ หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ไม่ได้การละ ต้องแยกกันไป”

ถ้าหากว่าทำให้นายน้อยทั้งสองหายไป เกรงว่ากลับไปแล้วศีรษะของพวกเขาคงจะหลุดออกจากบ่า

ผู้พิทักษ์ทมิฬทั้งสองนายนั้นร้อนใจเป็นอย่างมาก ทั้งสองได้แยกกันออกไป เมื่อได้หยุดรถม้าอีกสองคันที่เหลือก็พบว่าทั้งสองคันนั้นก็ว่างเปล่าเช่นเดียวกัน

และเมื่อเข้าไปหยุดรถม้าคันที่สี่ที่ได้วิ่งออกไปนั้น หนึ่งในผู้พิทักษ์ทมิฬก็พบเย่หลานเฉิงที่อยู่ด้านในรถ

เย่หลานเฉิงตกตะลึงเป็นอย่างมาก เมื่อพบกับสีหน้าไร้อารมณ์ของบุรุษที่อยู่ข้างนอก ก็นึกขึ้นได้ว่านี่คือผู้พิทักษ์ทมิฬที่เสด็จปู่ส่งมา

ส่วนผู้พิทักทมิฬอีกนาย หลังจากที่ได้หยุดรถม้าของอวี้เป่าเอ๋อร์เอาไว้ก็ได้ขมวดคิ้วขึ้น แต่อวี้เป่าเอ่อร์ไม่ใช่นายของพวกเขา ดังนั้นจึงไม่ได้สั่งให้หยุดรถม้าแต่อย่างใด เพียงแต่กำชับว่าให้ผู้ควบคุมรถนั้นกลับไปส่งเขาที่โรงเตี๊ยม และได้ตามรถมาอีกคันไป

หลังจากที่ตามรถม้าอีกคัน ก็พบว่าข้างในนั้นว่างเปล่าไร้ผู้คนเช่นกัน

ผู้พิทักษ์ทมิฬปิดม่านลงอย่างรุนแรง และขมวดคิ้วแน่นจนแทบจะรวมเข้าด้วยกัน ไม่ว่าเขาจะดูคันไหนก็ไม่พบกับผู้ใดเลย และทำได้แค่เพียงหวังว่าผู้พิทักษ์อีกนายจะเจอตัวเด็กน้อย

และเมื่อรอให้ผู้พิทักษ์ทมิฬกลับไปแล้ว หนานหนานที่อยู่ใต้เบาะนั่งก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เด็กน้อยออกมาจากด้านในด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นก็ตรงไปที่เรือนรับรองของอาณาจักรหลิวอวิ๋น

……………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ร้ายกาจมากเจ้าเด็ก แถมยังพาเพื่อนสองคนมาซวยด้วย กลับไปโดนตีตูดลายแน่

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *