อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 430 ข้าทำร้ายท่านลุงเหวินแล้ว

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 430 ข้าทำร้ายท่านลุงเหวินแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 430 ข้าทำร้ายท่านลุงเหวินแล้ว

ตอนที่ 430 ข้าทำร้ายท่านลุงเหวินแล้ว

รอยยิ้มที่มุมปากของหยวนสือถึงกับแข็งทื่อ ความสามารถในการจดจำคนของเด็กคนนี้แย่ขนาดนี้เชียวรึ?

“ข้าคือ…หยวนสือคนนั้นที่อยู่ข้างกายผิงซื่อจื่อตอนเจอกันในโรงเตี๊ยมหลินสุ่ยเมื่อหนึ่งเดือนไง แล้วก็…คราวก่อน…ที่เจอกันบนถนนใหญ่ด้วย”

หนานหนานครุ่นคิด ก่อนนึกขึ้นได้ในทันที “ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง โอ้โห ไม่ได้เจอเจ้าตั้งนานแล้ว อีกอย่างนะ ข้าเองก็ไม่ได้เจอท่านพี่ผิงนานมากแล้วด้วย เขาไม่เห็นมาเล่นกับข้าเลย ข้าเองก็คิดถึงเขาอยู่เหมือนกัน”

เย่หลานผิงไม่มา แผนการงอกเงยเงินของหนานหนานถึงพังทลาย…จุกจนพูดไม่ออก

หยวนสือชะงัก “ซื่อจื่อน้อยไม่รู้หรือว่าผิงซื่อจื่อถูกฮ่องเต้กักบริเวณแล้ว?”

“กักบริเวณ?” หนานหนานกะพริบตาปริบ ๆ “ทำไมรึ?”

“เอ่อ…คือ…ครั้งก่อนตอนที่อยู่บนถนนใหญ่ ผิงซื่อจื่อช่วยสั่งสอนสองแม่ลูกตระกูลอวี้ แล้วม้าของเสนาบดีฝั่งขวาที่ลากรถที่สองแม่ลูกตระกูลอวี้นั่งถูกผู้อารักขาเหวินฆ่าตาย เสนาบดีฝั่งขวาจึงไปฟ้องเรื่องของผิงซื่อจื่อต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ ดังนั้น…”

หนานหนานเบิกตาโต มิน่าล่ะ…มิน่าล่ะเขาถึงไม่ได้เจอหน้าเย่หลานผิงนั่นอีกเลย ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง

“โถ่เอ๊ย จริง ๆ เลย ทั้ง ๆ ที่สองคนนั้นเป็นฝ่ายผิด เหตุใดเสด็จปู่ถึงได้ปฏิบัติกับท่านพี่ผิงอย่างไร้ความยุติธรรมเช่นนี้ กลับไปข้าจะไปคุยกับเสด็จปู่ให้ชัดเจน เพื่อคืนความบริสุทธิ์ให้ท่านพี่ผิง แย่เกินไปแล้ว ท่านพี่ผิงเป็นสหายคนแรกของข้าตั้งแต่ข้ามาอยู่ที่นี่เชียวนะ”

และเป็นวิธีแรกในการหาเงินของเขาด้วย

หยวนสือชะงักงันอีกหน คิดไม่ถึงเลยว่าหนานหนานจะมีความแค้นเคืองต่อความอยุติธรรมถึงเพียงนี้ เมื่อมาคิด ๆ ดูแล้ว เขาจึงตัดสินใจบอกเรื่องเหวินเทียนกับหนานหนาน

ถึงอย่างไรหนานหนานก็ถูกนำตัวไปแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับ อีกไม่นานตำหนักอ๋องซิวก็ต้องรู้เรื่อง หนานหนานก็ต้องรู้เรื่องอยู่ดี เหตุใดเขาจึงไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างความโปรดปรานสักครั้ง ทำให้ตำหนักอ๋องซิวยอมรับความหวังดีของเขาเล่า?

“ซื่อจื่อน้อย ที่ข้ามาตอนนี้ก็เพราะมาหาเจ้านี่แหละ มีเรื่องสำคัญมากที่ข้าจำเป็นต้องบอกเจ้า”

หนานหนานยังรู้สึกอารมณ์เสียหงุดหงิดและยุ่งเหยิง เมื่อได้ยินคำพูดของหยวนสือจึงเงยหน้าขึ้นทันที เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า “เรื่องสำคัญมาก?” หรือว่าวันนี้เขาตัดสินใจจะเหมาะหนังสือทั้งหมด?

“เมื่อครู่ข้าเห็น…ผู้อารักขาเหวินถูกผู้ตรวจการเมืองหลวงจับตัวไปข้อหาฆาตกรรม” หยวนสือพยักหน้า รีบลากหนานหนานเดินมาด้านข้าง จากนั้นก็เล่าเรื่องที่ตนเองได้ยินมาจากการสนทนาของชาวบ้านและสิ่งที่ตนเองได้ยินมาทั้งหมดบนท้องถนนให้หนานหนานฟังรอบหนึ่ง

สายตาของหนานหนานเปลี่ยนไปภายในพริบตาเดียว หยวนสือที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกได้ถึงความโกรธที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของหนานหนานอย่างชัดเจน เด็กคนนี้สมกับที่เป็นบุตรของท่านอ๋องซิวแล้ว อายุยังน้อยกลับมีพลังถึงเพียงนี้

หนานหนานหมุนกายทำท่าจะเดินออกไปในทันที “ข้าจะไปคิดบัญชีกับผู้ตรวจการเมืองหลวงที่กวนฝู่ [1]”

หยวนสือขมวดคิ้วมุ่น รีบดึงหนานหนานกลับมา “ซื่อจื่อน้อย ท่านใจเย็นก่อน ข้ารู้ว่าท่านมีความสามารถและมีวรยุทธ แต่ถ้าท่านไปแบบนี้ มากสุดก็ทำได้แค่สร้างความวุ่นวาย ทั้งยังกลายเป็นข้ออ้างที่ผู้ตรวจการเมืองหลวงจะใช้เพื่อลงโทษผู้อารักขาเหวินด้วย ถึงเวลานั้นต่อให้มีเหตุผลก็กลายเป็นไร้เหตุผลได้”

หนานหนานขบฟันแน่น มุมปากขึงตึงเป็นเส้นตรง เป็นเพราะเขาไม่ดีเอง หากเมื่อครู่เขารั้งท่านลุงเหวินไม่ให้ไป ก็คงไม่ตกหลุมพรางคนอื่น

นี่เป็นครั้งแรกที่หยวนสือได้เห็นสีหน้าที่ซับซ้อนเช่นนี้บนใบหน้าของเด็กอายุห้าขบ จู่ ๆ เขาก็เกิดอาการใจอ่อน น้ำเสียงแผ่วเบาลงอย่างมาก “ซื่อจื่อน้อย เรื่องเร่งด่วนก็คือรีบไปหาท่านอ๋องซิว รวบรวมหลักฐานความบริสุทธิ์ของผู้อารักขาเหวินให้เร็วที่สุด ผู้ตรวจการเมืองหลวงผู้นั้นดูเหมือนคิดจะสร้างความลำบากใจให้ผู้อารักขาเหวินด้วย หากล่าช้าแม้เพียงหนึ่งเค่อ ผู้อารักขาเหวินอาจต้องทรมานมากขึ้น”

หนานหนานได้สติกลับมาโดยพลัน จริงด้วย ที่หยวนสือพูดก็มีเหตุผล เขาต้องไปหาท่านพ่อก่อน

หนานหนานต้องยอมรับว่าในเวลานี้ผู้ใหญ่จัดการเรื่องได้ดีกว่าเด็ก สถานะของท่านอ๋องย่อมมีพลังยับยั้งมากกว่าสถานะซื่อจื่อ

เขาพยักหน้าให้หยวนสือ ตอนที่ตัดสินใจกำลังหมุนตัวเดินออกไป อวี้เป่าเอ๋อร์ที่เห็นเขาก่อนหน้านี้ก็เดินตรงมาทางนี้อย่างสุดชีวิต

“หนานหนาน เจ้ากลับมาสักที น่าแปลกนัก ผู้อารักขาเหวินออกไปตั้งนานแล้ว ยังไม่กลับมาเลย”

อันที่จริงมีคนนำเรื่องที่ผู้อารักขาเหวินถูกจับตัวมาคุยในโรงเตี๊ยมแห่งนี้แล้ว ที่มุมโรงเตี๊ยมก็มีหลายคนกำลังถกเรื่องนี้อยู่ ทว่าอวี้เป่าเอ๋อร์ถูกเบียดอยู่ด้านหน้า จึงไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวก็เท่านั้น

หนานหนานจับมือเขา “ไปเถอะ เดินไปพลางคุยไปพลาง”

อวี้เป่าเอ๋อร์เห็นสีหน้าตึงเครียดของหนานหนาน จึงพยักหน้าเดินตามไปโดยไม่พูดอะไรให้มากความ

หยวนสือครุ่นคิด สายตาเห็นว่าพวกเขาปีนขึ้นรถม้าแล้ว ทว่าเหวินเทียนที่จากเดิมเป็นคนขับรถม้ากลับไม่อยู่แล้ว

หนานหนานกำลังจะสั่งให้โรงเตี๊ยมช่วยหาสารถีให้ หยวนสือก้าวเท้าเดินมาด้านหน้า “ซื่อจื่อน้อย พวกท่านไปนั่งบนรถม้าข้าเถอะ”

หนานหนานชะงักครู่หนึ่ง รีบลากอวี้เป่าเอ๋อร์ลงจากรถม้าของตำหนักอ๋องซิวทันใด

พวกเขามุ่งหน้าไปยังสนามแข่งขันของการแข่งขันสี่อาณาจักร อวี้เป่าเอ๋อร์ฟังเรื่องราวทั้งหมดภายในรถม้า เขาจึงรีบยกมือล้วงเข้าไปด้านในกระเป๋าเสื้อของตนเอง และค้นพบว่าข้อตกลงที่เป็นหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรของโรงพิมพ์แผ่นนั้นหายไปแล้วจริง ๆ

สีหน้าของเขาขาวซีดโดยพลัน “ข้าผิดเองที่ไม่ดูแลสัญญาฉบับแผ่นนั้นให้ดี ข้าทำร้ายท่านลุงเหวินแล้ว”

“ท่านน้าเป่าเอ๋อร์ เรื่องนี้โทษท่านไม่ได้ วันนี้ต่อให้ท่านดูแลสัญญาฉบับนั้นไว้อย่างดี คนอื่นก็ต้องหาของอย่างอื่นเพื่อมาใส่ร้ายท่านลุงเหวินอยู่ดี ท่านอย่าโทษตัวเองเลย” เป็นเรื่องยากที่หนานหนานจะเป็นคนปลอบใจด้วยสีหน้าจริงจังเช่นนี้

หยวนสือพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งนี้

อวี้เป่าเอ๋อร์รู้สึกไม่สบายใจ ทำได้เพียงแค่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา เพียงไม่นาน รถม้าก็มาจอดที่หน้าประตูทางเข้าสนามแข่งขัน

หนานหนานลงจากรถม้า ก็พบว่าเผิงอิงกำลังยืนอยู่ตรงนั้น

ทางตำหนักอ๋องซิวได้รับข่าวข่าวเรื่องที่เหวินเทียนถูกจับตัวเป็นที่แรก เผิงอิงได้ส่งคนไปดูแลแล้ว ทว่าก็ทนต่อการข่มเหงของคนที่เหนือกว่าไม่ไหว ผู้ตรวจการเมืองหลวงผู้นั้นแค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดี เหวินเทียนที่อยู่ในคุกเกรงว่าคงได้รับความลำบากไม่น้อย ดังนั้นจึงต้องมาหาท่านอ๋องให้เร็วที่สุดถึงจะถูก

เมื่อเห็นหนานหนานในเวลานี้ เผิงอิงก็รีบเดินเข้ามา กวาดตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเห็นว่าเขาปลอดภัยดี จึงเบาใจลงและถอนหายใจออกมาแรง ๆ เฮือกหนึ่ง

“ข้าให้คนเข้าไปรายงานท่านอ๋องแล้ว แต่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเริ่มการแข่งขันช่วงบ่าย เกรงว่าคนในวังคงไม่ยอมให้เข้าไปพบท่านอ๋องง่าย ๆ อาจไม่สามารถแจ้งข่าวได้ หนานหนาน คาดว่าคงมีแค่เจ้าแล้วที่จะเข้าไปได้” เหวินเทียนและเผิงอิงเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เมื่อเกิดเรื่องกับเหวินเทียน เผิงอิงจึงประหม่าและวิตกกังวลมากที่สุด

หนานหนานพยักหน้า ปล่อยมืออวี้เป่าเอ๋อร์ แสดงแผ่นป้ายที่ฮ่องเต้มอบให้ให้ทหารองครักษ์ดู จากนั้นก็รีบเข้าไปด้านใน

การเคลื่อนไหวในการเดินของเขาไม่ใช่น้อย ๆ ตอนนี้เขากลายเป็นบุคคลโดดเด่นแล้ว ด้วยเหตุนี้เมื่อเห็นว่าเขาขึ้นไปด้านบนอัฒจันทร์ จึงมีสายตาของคนจำนวนมากมองมาที่เขา

เพียงไม่นานเย่ซิวตู๋ก็เห็นการเคลื่อนไหวเช่นกัน เขาหันมามองก็พบว่าหนานหนานพุ่งตัวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดตนเองด้วยเหงื่อที่เปียกโชกท่วมศีรษะ

“เกิดอะไรขึ้น?” เย่ซิวตู๋ถึงกับตกใจ น้อยครั้งมากที่หนานหนานจะทำตัวร้อนรน สำนึกผิดและต้องการที่พึ่งพิงเช่นนี้ สิ่งนี้ทำให้เขาถึงกับใจเต้นแรง

หนานหนานเงยหน้าขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน “ท่านพ่อ ข้าทำร้ายท่านลุงเหวินแล้ว ทำอย่างไรดี?”

……………………………………………………………………………………………………………………….

[1] กวนฝู่ (官府) คือ ฝ่ายราชการหรือส่วนราชการของขุนนางในสมัยศักดินา

สารจากผู้แปล

จะไปช่วยเหวินเทียนยังไงดีคะ ถ้าท่านอ๋องไปก็คือติดกับดักไปด้วยอีกคนหนึ่งแน่

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *