อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]ตอนพิเศษ 69 จอมยุทธ์หรือ?

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter ตอนพิเศษ 69 จอมยุทธ์หรือ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ 69 จอมยุทธ์หรือ?

ตอนพิเศษ 69 จอมยุทธ์หรือ?

เยียนจือก็เห็นเช่นกัน นางเม้มปากทันที ก่อนถอยกลับออกมาเงียบ ๆ พยายามไม่ตื่นตระหนก แล้วปิดประตูอย่างนอบน้อม

หลานสุ่ยชิงกะพริบตา “เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่?”

หนานหนานประชด “ข้าไม่เคยรู้เลยว่าเจ้าเป็นคนไม่ทำตามคำพูด”

ไม่ทำตามคำพูดหรือ? หลานสุ่ยชิงขมวดคิ้ว และได้ยินเขาพูดต่อ “เจ้าบอกว่าวันนี้เจ้าจะไปตำหนักอ๋องซิว”

“…” มุมปากของหลานสุ่ยชิงกระตุก “ข้าส่งคนไปส่งจดหมายที่ตำหนักอ๋องซิว เพื่ออธิบายเหตุผลให้เจ้าแล้วนี่”

ไทเฮาเรียกนาง นางจะไม่ยอมไปได้อย่างไร?

“แล้วอย่างไร?” หนานหนานเดินมาหานางด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

หลานสุ่ยชิงขมวดคิ้วอีกครั้ง จากนั้นกวาดสายตามองเขา “อาการบาดเจ็บของเจ้า… หายหรือยัง?”

“…หลังจากกินยาที่ท่านแม่ให้มา ข้าก็เกือบจะหายแล้ว” เสียงของหนานหนานเบาลงอย่างเห็นได้ชัด

หลานสุ่ยชิงหรี่ตา “แต่ข้าเข้าไปในวังวันนี้ ซิวหวางเฟยบอกว่าเมื่อวานนางพักผ่อนอยู่ที่วัง ไม่ได้กลับจวน”

“…ข้าไปเรือนของแม่เพื่อหายาเอง” แน่นอนว่าท่านแม่ไม่กล้ากลับมาที่จวน แม้แต่เนี่ยนเนี่ยนกับเป่ยเป่ยก็ไม่ปรากฏตัวในตำหนักอ๋องซิว

หลานสุ่ยชิงหัวเราะเบา ๆ “สมแล้วที่ซิวหวางเฟยเป็นหมอปีศาจ ยาของนาง… ได้ผลชะงัดนัก”

หนานหนานพยักหน้าอย่างจริงจัง “อืม นั่นคือสิ่งที่ทุกคนพูด”

“……” กะล่อนนัก

หลานสุ่ยชิงจ้องมองเขา แล้วพูดอย่างเย็นชา “ตอนนี้ข้ายังโกรธเจ้าอยู่ ไปให้พ้นเลย”

“เมื่อวานเจ้าเป็นมิตรกับข้ามาก” ไม่คาดคิดว่าผ่านไปแค่วันเดียว นางก็ปฏิเสธเขาเสียแล้ว

“นั่นเป็นเพราะเจ้าบาดเจ็บ”

“เช่นนั้นก็แทงข้าอีกครั้งสิ ข้าบาดเจ็บแล้วเจ้าจะได้ดูแลข้า”

หลานสุ่ยชิงรู้สึกว่าคนผู้นี้เป็นบ้าจริง ๆ มีใครบ้างที่เป็นเช่นนี้? เขาเป็นซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิวไม่ใช่หรือ? เขาเป็นสุดยอดจอมยุทธ์ผู้ไร้ความปรานีไม่ใช่หรือ?

เหตุใดถึง… กะล่อนนัก?

หลานสุ่ยชิงจ้องมองเขาด้วยสายตาดุดัน แค่มองเพียงแวบดียว คิ้วของนางก็ขมวด นางรีบไปยืนข้างเขา ก่อนคว้ามือเปื้อนเลือดของเขาขึ้นมาดู แล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “เหตุใดมือของเจ้าถึงมีเลือดติดอยู่? บาดเจ็บจริงหรือ? เหตุใดเจ้าถึงประมาทนัก?”

หนานหนานภูมิใจมาก เขารู้ว่านางเป็นหญิงปากไม่ตรงกับใจ นางบอกว่านางโกรธเขา แต่ความจริงแล้วนางก็ยังห่วงใยเขา

แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้น

“ไม่ใช่เลือดของข้า แต่เป็นเลือดของคนในยุทธภพที่คอยจับตาดูเรือนของเจ้า”

หลานสุ่ยชิงตกตะลึง “จับตาดูเรือนของข้าหรือ? คนในยุทธภพหรือ?”

“อืม วันนี้ข้ามาที่นี่ แล้วพบว่ามีคนกำลังแอบจับตาดูเรือนของเจ้าอยู่ ดูเหมือนว่าทุกคนล้วนมาจากยุทธภพ ต้องมีคนจ้างพวกเขามา และอาจจะปองร้ายเจ้า แต่ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ข้าจัดการไปหมดแล้ว”

จู่ ๆ หลานสุ่ยชิงก็นึกถึงความรู้สึกกดดันที่นางรู้สึกในตอนเช้า อาจเป็นเพราะการปรากฏตัวของคนในยุทธภพเหล่านั้นใช่หรือไม่?

“เจ้าหมายความว่ามีคนจ้างจอมยุทธ์มาเฝ้าดูเรือนของข้า และปองร้ายข้างั้นหรือ?” ใครกันเป็นคนทำกัน?”

หลานสุ่ยชิงตกใจอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงข่าวที่ไฉ่เฟิงรายงาน เมื่อวานพี่ชายของจินซื่อมา…

หนานหนานเย้ยหยัน “นั่นเรียกว่าเป็นจอมยุทธ์หรือ? คนที่แค่ซ่อนลมหายใจยังไม่ได้ก็เป็นแค่แมวสามขาเท่านั้น”

ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้ง เขาก็กวาดล้างคนเหล่านั้นจนสิ้นซากไปแล้ว

หลานสุ่ยชิงใจหายเล็กน้อย คนเหล่านั้นย่อมไม่คณามือจอมยุทธ์เช่นเขาแน่นอน แต่สำหรับหญิงที่ไม่มีทางสู้ พวกนั้นก็ถือได้ว่าเป็นจอมยุทธ์แล้ว

เหตุใดยามของจวนหลานไร้ความสามารถถึงเพียงนี้? คาดไม่ถึงว่าแม้แต่คนในยุทธภพที่หนานหนานคิดว่าอ่อนแอ ก็ยังไม่สามารถขวางไว้ได้

“แต่ที่จวนของเจ้าไม่ปลอดภัยจริง ๆ ไม่ต้องห่วง ข้าจะส่งคนมาคอยคุ้มครองเจ้า” ตอนนี้นางคือว่าที่ภรรยาของเขา เขาจึงมีหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยของนาง

เดิมทีหลานสุ่ยชิงคิดว่าไม่สะดวก แต่เมื่อคิดได้ว่าทั้งเรือนสุ่ยสีและสวนหลานมีแต่ผู้หญิง หากมีอะไรเกิดขึ้น มันจะสายเกินไปที่จะเสียใจ

นางจึงนิ่งไปชั่วครู่ และทำได้เพียงพยักหน้าเห็นด้วยกับแผนของเขา

หนานหนานหัวเราะ แล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้นาง “ข้าแก้ปัญหาใหญ่ให้เจ้าแล้ว หายโกรธข้าแล้วใช่หรือไม่?”

“ฮ่าๆ” หลานสุ่ยชิงโน้มตัวไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินไปด้านข้างเพื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำ จากนั้นจับมือเขามาค่อย ๆ เช็ดคราบเลือดบนมือออก

หนานหนานหรี่ตาจ้องมองศีรษะของนาง เมื่อเห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจของนาง หัวใจเขาก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ

หลังจากที่หลานสุ่ยชิงเอาผ้าเช็ดหน้าออกไป เขาก็จ้องมองนาง แล้วถามว่า “ตอนที่เจ้าเข้าประตูมา เจ้ามีสีหน้าเคร่งเครียด อยากบอกข้าหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น?”

หลานสุ่ยชิงนิ่งอึ้งไป ทันใดนั้นนางก็กลับมามีสติและทำหน้ามุ่ยอีกครั้ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก เจ้าเข้าใจผิดแล้ว”

“จริงหรือ? แล้วข้าเห็นการครุ่นคิดในสายตาของเจ้าได้อย่างไร?”

“…” สายตาของชายคนนี้เฉียบคมเกินไป และประสาทสัมผัสของเขาก็เฉียบแหลมนัก นางต้อง… สงบสติอารมณ์

“เจ้าเข้าใจผิดจริง ๆ ข้าแค่กังวลเรื่องอาการป่วยของแม่” หลานสุ่ยชิงตอบอย่างใจเย็น “เริ่มดึกแล้ว เจ้าควรรีบกลับไปพักผ่อนก่อน”

หนานหนานหรี่ตาจ้องมองนางครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ก็ได้”

เขาเชื่อฟังมาก อย่างไรเสีย มันก็เป็นคำพูดของว่าที่ภรรยาของเขา เขาจะกลับไปพักผ่อน… สักสองในสี่ชั่วยาม แล้วค่อยกลับมาอีก

หลานสุ่ยชิงมองดูเขาจากไป แล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ

ไม่นานสายตาของนางก็กลับมาเฉียบคมอีกครั้ง

นางแน่ใจว่าคนในยุทธภพที่เฝ้าดูเรือนของนางนั้น ถูกพี่ชายของจินซื่อส่งมาแน่นอน

พวกนางถูกกักบริเวณอยู่หน้าห้องพระ หลังจากถูกลงโทษไป จินซื่อกับลูกสาวก็คงจะกระสับกระส่าย

หลานสุ่ยชิงพ่นลมหายใจเย็นชา แล้วเรียกเยียนจือเข้ามา

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นางกินข้าวเย็นกับอู๋ซื่อตลอด นางจึงคุ้นเคยกับการที่แม่ลูกต้องอยู่ด้วยกันเสมอ

แม้ว่าวันนี้ไท่ฮูหยินจะชวนนางไปกินข้าวที่ห้องโถงด้านหน้า แต่นางก็ปฏิเสธไป

ไท่ฮูหยินไม่กล้าบังคับนางในตอนนี้ และเหตุผลของนางก็มีน้ำหนักพอ โดยบอกว่านางต้องการอยู่กับอู๋ซื่อ และต้องการแสดงความกตัญญู

หลังจากกินข้าวเสร็จ อู๋ซื่อก็พักผ่อนหลังจากนั้นไม่นาน

หลังจากที่หลานสุ่ยชิงออกมาจากสวนหลาน นางก็กลับไปที่ห้องตัวเอง แม้แต่เยียนจือกับแม่นมปู้ก็เข้าไปไม่ได้

ทั้งสองมองหน้ากัน ขณะเดียวกันก็เห็นความสงสัยในสายตาของอีกฝ่าย

เมื่อตกกลางคืน ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดมิด แม้ว่าจะยังไม่ดึกมาก แต่จวนหลานก็เงียบสงบแล้ว

เนื่องจากพี่น้องจินซื่อถูกลงโทษให้หันหน้าเข้าหากำแพง ให้สำนึกความผิดพลาดในอดีต พวกนางจึงหยุดจัดกิจกรรมในตอนกลางคืน โดยไม่สนใจจะชมจันทร์และสนทนากันในศาลาจวนหลาน ทำให้จวนหลานดูเงียบเหงาขึ้นมาก

หลานสุ่ยชิงใช้ประโยชน์จากความเงียบนี้ออกจากเรือนสุ่ยสีเงียบ ๆ แล้วเดินออกจากเรือนไปโดยไม่ส่งเสียงใด

……………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

จ้างใครมาจัดการสุ่ยชิงก็ดูแบคของสุ่ยชิงด้วยจ้า ไม่งั้นจะเสียเงินจ้างเปล่าๆ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด