อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]ตอนพิเศษ 76 ลงมือก่อนได้เปรียบ

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter ตอนพิเศษ 76 ลงมือก่อนได้เปรียบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ 76 ลงมือก่อนได้เปรียบ

ตอนพิเศษ 76 ลงมือก่อนได้เปรียบ

หลานสุ่ยหยวนล้มลงกับพื้น ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัว

หลานสุ่ยเถียนก็รู้ข่าวเช่นกัน ขณะนี้นางรีบวิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว มองปราดเดียวก็เห็นพี่สาวกำลังสิ้นหวัง

นางรีบประคองหลานสุ่ยหยวนให้ลุกขึ้น แล้วพูดเสียงเบาว่า “พี่รอง พี่รองทำใจดี ๆ ก่อนเจ้าค่ะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสิ้นหวัง ข้าได้ยินมาว่าไท่ฮูหยินโกรธมากจนกระอักเลือด และท่านแม่อาจจะต้องหย่า”

จู่ ๆ หลานสุ่ยหยวนก็กลับมารู้สึกตัว นางรีบจับมือของหลานสุ่ยเถียนแล้วพูดว่า “ใช่ ๆๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเศร้า เราไปหาท่านพ่อกันเถอะ ท่านพ่อมีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านแม่ เขาน่าจะไม่ยอมแน่นอน”

“อืม ข้าส่งคนไปตามหาท่านลุงมาแล้ว เรื่องสำคัญคือต้องช่วยท่านแม่ให้ได้ก่อน”

เมื่อพูดถึงท่านลุงของตน หลานสุ่ยหยวนก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง

ให้ตายเถอะ คนจากยุทธภพเหล่านั้นไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? แค่ให้ตรวจสอบหลานสุ่ยชิงยังทำไม่ได้เลย

ไม่สิ คนเหล่านั้นต้องไม่ได้ถูกหลานสุ่ยชิงจัดการ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็แสดงว่า…

ดวงตาของหลานสุ่ยหยวนเป็นประกายขึ้นทันใด ใช่แล้ว ต้องเป็นคนที่นางกำลังมีปัญหาด้วย เป็นเช่นนี้แสดงว่าหลานสุ่ยชิงแอบติดต่อกับชายอื่น

“ท่านกำลังคิดอะไรอยู่?” หลานสุ่ยเถียนผลักนาง “รีบเตรียมตัว แล้วไปหาไท่ฮูหยินเดี๋ยวนี้เถิดเจ้าค่ะ”

“โอ้”

ทั้งสองรีบจัดการตัวเอง แล้วรีบไปที่เรือนโยวหรานพร้อมกับสาวใช้ข้างกาย

คาดไม่ถึงว่าขณะที่เดินไปถึงประตูเรือนโยวหราน พวกนางจะได้พบกับหลานสุ่ยชิงที่รีบเข้ามาเช่นกัน

เมื่อทั้งสามพบกัน สีหน้าของพวกนางก็เปลี่ยนไป

หลานสุ่ยหยวนพ่นลมหายใจเย็นชา แล้วรีบจูงมือหลานสุ่ยเถียนเข้าไปในห้องก่อน

เยียนจือที่ยืนอยู่ข้างหลังหลานสุ่ยชิงหรี่ตาลง แล้วถอนหายใจ “ฮูหยินรองกับอนุจินทำเรื่องเช่นนั้น แต่คุณหนูรองกับคุณหนูสามยังทำตัวหยิ่งผยองได้อีก พวกนางไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือเจ้าคะ?”

เยียนจือรู้ข่าวเมื่อเช้านี้ ไม่รู้ว่านางตื่นเต้นเพียงใดเมื่อได้ยินเรื่องนี้ นางจึงรีบไปบอกหลานสุ่ยชิงด้วยความดีใจ

แม้ว่าหลานสุ่ยชิงจะรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก แต่นางก็ไม่ได้บอกเยียนจือทุกเรื่อง ใต้ตาของนางเป็นสีคล้ำ เพราะเมื่อคืนนี้ไม่ได้นอนจนกระทั่งเกือบรุ่งสาง หนานหนานที่แฝงตัวอยู่ในห้องนางทนไม่ได้อีกต่อไป จึงแตะจุดฝังเข็มของนาง แล้วพานางไปนอนหลับบนเตียง

แม้จะนอนไม่ค่อยหลับ แต่นางก็มีกำลังใจที่ดี

หลังจากปล่อยให้เยียนจือปกปิดขอบตาคล้ำดำให้แล้ว นางก็นับเวลาคอย และในที่สุดก็มาถึงเรือนโยวหราน

ขณะนี้เยียนจือรู้สึกหงุดหงิด แต่นางไม่สนใจ นางยกยิ้มและพูดว่า “ไป เราเข้าไปข้างในกันเถอะ”

หลังจากนั้นก็ยกเท้าก้าวเข้าไป เยียนจือก้มหน้ารีบเดินตามไป

ขณะนี้มีผู้คนจำนวนมากห้อมล้อมไท่ฮูหยินอยู่ในห้อง หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวที่เดินเข้ามาก่อนคุกเข่าอยู่ที่ข้างเตียง เช็ดน้ำตาเงียบ ๆ และกล่าวขอโทษด้วยเสียงแผ่วเบา

รองเจ้ากรมหลานไม่ได้นอนทั้งคืน สีหน้าเขาดูคิดอะไรไม่ออกระคนอับอาย

เขานั่งบนเก้าอี้ด้านข้าง ขณะถูหว่างคิ้วตัวเอง โดยไม่สนใจหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวเลย

ไท่ฮูหยินยังคงหลับอยู่ ขณะท่านหมอกำลังคุยกับแม่นมซ่งว่าอาการของไท่ฮูหยินไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ต้องระวังตัวให้ดีอย่าให้ถูกกระตุ้นอีก ไม่เช่นนั้นนางจะเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ง่าย

แม่นมซ่งตอบรับขณะเช็ดน้ำตา นางนอนไม่หลับทั้งคืนเช่นกัน เพราะต้องคอยเฝ้าอยู่เคียงข้างเจ้านายตลอดเวลา ตอนนี้นางดูเหนื่อยล้ายิ่งนัก

ส่วนไฉ่ซินมีท่าทางร่าเริงขึ้น นัยน์ตาดูสดใส แม้ว่านางจะคอยอยู่ข้าง ๆ แต่สายตาของนางก็ไม่อาจหยุดเล็งไปยังรองเจ้ากรมหลานได้

ไฉ่เฟิงก็อยู่ในห้องเช่นกัน นางยืนก้มหน้าอยู่ในมุมที่ไม่โดดเด่น แต่รีบเงยหน้าขึ้นมองหลานสุ่ยชิงที่เข้ามาทันที

หลานสุ่ยชิงมองไปรอบ ๆ จากนั้นรีบหันกลับมา ก่อนเดินเข้าไปหารองเจ้ากรมหลาน แล้วทำความเคารพช้า ๆ

รองเจ้ากรมหลานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเป็นนางก็โบกมือเล็กน้อย แล้วถามอย่างหดหู่ว่า “เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่?”

“ลูกได้ยินว่าท่านย่าป่วย จึงรู้สึกเป็นห่วงมากเลยมาเยี่ยมเจ้าค่ะ”

รองเจ้ากรมหลานเงยหน้าขึ้นมองนางอีกครั้ง และพบว่าผมของนางยังคงยุ่งเหยิงเล็กน้อย ราวกับว่านางรีบมาทันทีเมื่อได้ยินข่าว และสีหน้าของนางก็ดูกังวลมากเช่นกัน ความซาบซึ้งใจพลันผุดขึ้นในหัวใจเขา สีหน้าเขาจึงอดไม่ได้ที่จะอ่อนโยนขึ้น “เจ้าช่างมีน้ำใจนัก”

เมื่อเปรียบเทียบนางกับหลานสุ่ยหยวนและน้องสาวที่มาร้องไห้ และพร่ำบอกว่าแม่ของนางเป็นผู้บริสุทธิ์ทันทีที่เข้าประตูมา จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าเหตุใดพวกนางทำตัวน่ารังเกียจนัก?

รองเจ้ากรมหลานขมวดคิ้ว แล้วจ้องมองหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสายตาเย้ยหยัน

จินซื่อเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่ เหตุใดเขาจะไม่รู้? สองคนนี้ที่ไม่รู้เรื่องอะไรกลับมาขอร้องแทนนางงั้นหรือ?

เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นยั่วยวนเขา เมื่อคืนเขาถูกกามารมณ์เข้าครอบงำ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เขาทำเช่นนั้นกับพวกนางในห้องพระ

ตอนนี้ใจเขาเต็มไปด้วยความสำนึกผิด โดยเฉพาะเมื่อเขาเห็นไท่ฮูหยินบนเตียง เขาก็แทบรอไม่ไหวที่อยากจะย้อนเวลากลับไป ไม่อยากก้าวเข้าไปในห้องพระเลยแม้แต่ครึ่งก้าว

“ท่านย่าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ? สุขภาพยังดีอยู่หรือไม่?” เสียงแผ่วเบาของหลานสุ่ยชิง ทำให้รองเจ้ากรมหลานหลุดจากภวังค์ “ร่างกายของท่านย่าแข็งแรงมาโดยตลอด เหตุใดถึงป่วยกะทันหันขึ้นมาได้? ข้าเห็นสีหน้าของท่านย่าซีดมาก จะไม่เป็นอะไรจริงหรือเจ้าคะ? ไม่เช่นนั้นก็ให้ลูกไปตำหนักอ๋องซิว เพื่อไปพา… จวิ้นจู่เนี่ยนเนี่ยนมาตรวจท่านย่าที่นี่หรือไม่เจ้าคะ?”

คำพูดของนางทำให้รองเจ้ากรมหลานรู้สึกละอายใจกว่าเดิม

อาการป่วยของแม่ของนางเกิดจากตัวเขาเองและจินซื่อ เขาจะมีหน้าไปพูดเช่นนั้นได้อย่างไร?

เป็นเรื่องน่าละอายยิ่งกว่า หากจะขอให้เสี่ยวจวิ้นจู่มาตรวจไท่ฮูหยิน ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป ตำหนักอ๋องซิวจะคิดอย่างไรกับเขา?

“ท่านย่าของเจ้าสบายดี เพียงแต่ว่านางอายุมากแล้ว และบางสิ่งก็อยู่เหนือการควบคุมเสมอ เจ้า เจ้าไม่ต้องกังวล…” รองเจ้ากรมหลานโบกมือ ไม่ต้องการพูดอะไรมากไปกว่านี้

หลังจากหลานสุ่ยชิงฟังแล้ว นางก็ค่อย ๆ เดินไปที่ข้างเตียง แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าจากสาวใช้มาเช็ดหน้าให้ไท่ฮูหยิน

หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวกัดฟันกรอด คับแค้นใจราวเพลิงสุมแน่นอก พวกนางนั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว แต่รองเจ้ากรมหลานไม่แม้แต่จะสนใจพวกนางด้วยซ้ำ หลานสุ่ยชิง นังแพศยา แม้กระทั่งท่านพ่อก็หันไปสนใจนางทันทีที่เข้าประตูมา

ทั้งสองมองหน้ากันและขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าการร้องไห้จะไม่สามารถทำให้รองเจ้ากรมหลานใจอ่อนได้อีกต่อไปเสียแล้ว ดังนั้นพวกนางต้องเปลี่ยนกลยุทธ์

ทั้งสองครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกำลังจะพูด ทว่าเสียงของไฉ่เฟิงดังมาจากข้างนอก “นายท่านเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่ อนุหลัวและอนุฉีมาเจ้าค่ะ”

รองเจ้ากรมหลานผงะไปครู่หนึ่ง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้โต้ตอบ เขาก็ได้ยินเสียงของหลานสุ่ยชิง “ท่านแม่ยังป่วยอยู่ เหตุใดท่านไม่พักผ่อนให้ดี เหตุใดจึงมาที่นี่?”

หลังจากที่นางพูดจบ อู๋ซื่อก็เดินเข้ามาพร้อมกับแม่นมหูที่คอยประคอง

รองเจ้ากรมหลานยืนขึ้นทันที แล้วมองนาง “เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่?”

“ข้าได้ยินมาว่าไท่ฮูหยินป่วย จึงรู้สึกเป็นห่วง แล้วข้าจะไม่แยแสได้อย่างไรเจ้าคะ?” อู๋ซื่อตอบ แล้วเดินอยู่ข้างไท่ฮูหยิน ก่อนจะขมวดคิ้ว “เหตุใดหน้าไท่ฮูหยินหน้าซีดนัก? ท่านหมอ ไท่ฮูหยินเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ฮูหยินไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ไท่ฮูหยินไม่ถูกกระตุ้น ย่อมไม่อันตรายถึงชีวิต”

ขณะที่นางกำลังจะพูด เสียงครวญครางแผ่วเบาก็ดังมาจากเตียง อู๋ซื่อจึงรีบพูดว่า “ไท่ฮูหยินฟื้นแล้ว”

……………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะลงมือ สุ่ยชิงลุยเลยค่ะ

ไหหม่า(海馬)

———————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด