อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 1025 มีคนขวางรถม้า

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 1025 มีคนขวางรถม้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1025 มีคนขวางรถม้า

ตอนที่ 1025 มีคนขวางรถม้า

ชายชุดดำหัวเราะเยาะเย้ย “เจ้าคิดว่าพวกข้าจะไปที่เรือนอีกหลังของอ๋องซิวจริง ๆ หรือ? นี่เจ้าโง่หรืออย่างไร? ที่นั่นเป็นเขตแดนของอ๋องซิว พวกข้าจะอยู่ที่นั่นได้อย่างไร?”

กล่าวจบชายชุดดำก็หันหน้ามามองเย่หลานเฉิงอย่างมีเลศนัยแวบหนึ่ง “อีกอย่าง ใครจะรู้ว่าเจ้าจะมีจิตใจชั่วร้ายเพียงพอที่จะหลอกเจ้าเด็กนี่ออกมาจริงหรือไม่กัน? ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะบอกแผนการทั้งหมดของพวกข้าให้อ๋องซิวรู้แล้ว และพวกข้าอาจโดนดักลอบโจมตีที่ตำหนักสำรองก็เป็นได้ นายท่านของข้าฉลาดนัก เขาไม่มีทางไปพบพวกข้าที่นั่นได้หรอก อีกอย่าง คนก็ถูกจับมาจากเรือนอีกหลัง ผ่านมาตั้งนานแล้วยังจะคงอยู่ที่เดิมได้อย่างไร?”

เย่หลานเฉิงฟังแล้วก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? จริง ๆ แล้วพวกเขาไม่เคยเชื่อใจตนเลยใช่หรือไม่? ต่อให้ตนจะสามารถพาหนานหนานออกมาได้แล้ว ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่คิดวางใจ ตอนแรกพวกนั้นคิดที่จะแทงหนานหนาน แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนจุดหมายอีกครั้ง

พวกเขากลับพาท่านอาชิงไปที่เรือนอีกหลังแล้ว เช่นนี้ก็แปลว่าพวกเขาไม่ได้ลงแรงเสียเปล่าหรอกหรือ? อีกอย่างครั้งนี้เป็นตนที่พาหนานหนานมาเจออันตรายแล้วจริง ๆ ด้วย

เย่หลานเฉิงรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย เขาหันหน้าไปส่งสายตาให้หนานหนาน เช่นนั้นแล้วตอนนี้เขาจัดการชายชุดดำเลยไม่ดีกว่าหรือ? หนานหนานจะได้ไม่เป็นอันตราย

เพียงแต่เมื่อหันมาเขาก็เห็นหนานหนานส่งสายตาปลอบโยนมาให้ มุมปากขยับและส่งสัญญาณอย่างเงียบ ๆ

อย่างไรเย่หลานเฉิงและหนานหนานก็เป็นสหายที่ดีที่สุด ทั้งสองคนไม่ต้องพูดอะไรมากมายก็รู้ใจกัน

เด็กชายตอบสนองขึ้นมาในทันที เมื่อรู้ว่าท่านน้าชิงมีแผนการของตนเอง เขาก็ค่อย ๆ ถอนหายใจโล่งอก นั่งบนรถม้าด้วยความสงบนิ่ง

เพียงแต่ปากก็ยังคงคอยตอบโต้คำพูดของชายชุดดำ “ข้าเป็นห่วงท่านแม่ พวกเจ้าจะเอาชีวิตท่านแม่ของข้ามาล้อเล่นไม่ได้นะ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่เชื่อใจข้า แต่รอให้ข้าได้พบหน้านายท่านของพวกเจ้าก่อนเถิด ก็จะรู้ว่าข้าตั้งใจทำภารกิจให้สำเร็จจริงหรือไม่ ข้าขอเพียงแต่ท่านแม่ปลอดภัยก็พอ ไปที่ไหนก็เหมือนกัน ข้าขอเพียงได้พบท่านแม่ของข้า”

ชายชุดดำฟังจบก็หันหน้ามามองเขาอย่างแปลกใจ เลิกคิ้ว มุมปากยกยิ้มขึ้น ไม่ได้กล่าวอันใดอีก

แต่หนานหนานก็เริ่มก่นด่าอีกครั้ง “สารเลว พวกเจ้ามันสารเลว เก่งนักก็มาแทงข้าสิ ยังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือไม่ เป็นอยู่หรือไม่”

เขาก่นด่าได้เพียงไม่กี่ประโยค ไม่นานนักก็รู้สึกอ่อนแรงไปทั้งตัว เอนกายลงบนหมอนนุ่มแล้วหลับตาลง

รถม้าเคลื่อนที่เร็วขึ้น กระเด้งกระดอนไปตลอดทาง เพียงแต่ยิ่งใกล้ที่หมายมากเท่าใด มือของเย่หลานเฉิงก็กำแน่น ในใจยิ่งประหม่ามากขึ้น

ส่วนทางด้านอวี้ชิงลั่วในตอนนี้ ก็กำลังนั่งอยู่ในรถม้าและหลับตาพักผ่อน

สวีโหรวเป็นแม่ของเย่หลานเฉิง ครั้งนี้องค์ชายเจ็ดจับตัวพวกเขาไป ก็เพื่อจะข่มขู่ตนและเย่ซิวตู๋

เพียงแต่แค่นางคิดว่าพวกเขาตัดนิ้วของสวีโหรว นางก็รู้สึกเหมือนว่าลมหายใจติดขัดอยู่ในอก เป็นทุกข์อย่างมาก

ลู่หลานอวิ๋นรินน้ำให้นาง หัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าว “เจ้าเองก็อย่ากังวลจนเกินไปเลย พวกเรามีคนต้องมากมาย จะต้องมีวิธีช่วยคนออกมาได้แน่”

“อืม” อวี้ชิงลั่วรับน้ำมาดื่มอึกหนึ่ง รู้สึกได้ว่าลมหายใจของตนสะดวกขึ้นเล็กน้อย

“เรื่องนี้ไม่ต้องบอกท่านอ๋องซิวหรือ?” ท่านปู่ฮวาถาม อย่างไรคนที่พวกเขาช่วยก็คืออดีตองค์รัชทายาท มีความเกี่ยวข้องกับเย่ซิวตู๋เป็นอย่างมาก

ไม่ว่าจะว่าอย่างไรก็ยังเป็นองค์ชาย หากไม่ระวังแล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้น ความรับผิดชอบทั้งหมดจะตกอยู่ที่อวี้ชิงลั่ว

พวกเขาล้วนเป็นคนของอวี้ชิงลั่ว ในใจย่อมต้องคิดเพื่อนางเป็นธรรมดา

อวี้ชิงลั่วกลับส่ายหน้า “ตอนนี้ที่สถานการณ์ที่ประตูเมืองตึงเครียดมาก ข้าไม่อยากให้เขาต้องเสียสมาธิ ทางฝั่งนั้นก็เกี่ยวพันกับชีวิตของทหารในสนามรบเป็นพันเป็นหมื่นคน จะให้มีข้อผิดพลาดไม่ได้”

ในเรื่องสงคราม นางไม่สามารถไปที่ประตูเมืองเพื่อต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาได้ และครั้งนี้นางจะไม่คอยถ่วงเขาอยู่ข้างหลังเช่นกัน

อีกทั้งหากเย่ซิวตู๋รู้ว่านางใช้หนานหนานเป็นเหยื่อล่อ ถึงแม้นางเองจะจำใจ แต่เขาจะต้องไม่พอใจแน่ ถึงตอนนั้นหากไม่ด่าทอนางนี่สิจึงจะแปลก

ท่านปู่ฮวาและท่านยายฮ่วนสบตากัน สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวอันใดแล้วเงียบลง

ส่วนอันฝูซือที่อยู่ข้าง ๆ ก็เม้มปากแล้วเสนอความคิด “ชิงลั่ว ในเมื่อพวกเราล้วนรู้ชัดเจนแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนขององค์ชายเจ็ด แล้วเหตุใดจึงไม่ลากเหมิงกุ้ยเฟยออกมา ในมือพวกเขามีตัวประกัน ในมือพวกเราเองก็มีเหมิงกุ้ยเฟยเช่นกัน เช่นนั้นก็ถือว่ายุติธรรมแล้ว ในเมื่อเหมิงกุ้ยเฟยอยู่ในมือของเรา พวกเขาเองก็ต้องมีความกังวลเช่นกัน”

เรื่องนี้อวี้ชิงลั่วย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ตอนนี้พวกเขาเป็นฝ่ายตั้งรับ แม้แต่ว่าพวกสวีโหรวนั้นอยู่ที่เรือนอีกหลังหรือไม่ก็ยังไม่รู้แน่ ทุกอย่างสับสนมืดมนไปหมด หากพาเหมิงกุ้ยเฟยออกมาเช่นนี้ ไม่แน่ว่าจะเป็นการเผยจุดอ่อน ให้คนมาทำลายพวกเขาได้ง่ายขึ้นแทนก็เป็นได้

องค์ชายเจ็ดไม่กล้าเคลื่อนไหวมาโดยตลอด ไม่กล้าบุกมาตำหนักอ๋องซิวเพื่อช่วยคน เกรงว่าเป็นเพราะตำหนักอ๋องซิวนั้นแข็งแกร่งไร้เทียมทานราวกับกำแพงเหล็กและทองแดง การจะเข้ามาช่วยคนคงยากกระมัง

ต่อให้พวกเขาสามารถส่งข่าวเข้ามาได้ แต่การจะพาคนออกไป ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพียงนั้น

ก็เพราะแบบนั้นเอง อวี้ชิงลั่วจึงเดาว่านี่คงเป็นกับดักขององค์ชายเจ็ด ไม่แน่ว่าจงใจให้เย่หลานเฉิงลงมือ โดยการให้เขาจงใจบอกเรื่องนี้กับนาง ให้นางพาเหมิงกุ้ยเฟยออกมาจากกำแพงแน่นหนานั้นก็เป็นได้

ขอเพียงนำตัวเหมิงกุ้ยเฟยออกจากตำหนักอ๋องซิวได้ แม้นางไร้เรี่ยวแรงก็สามารถช่วยได้ง่ายแล้ว

สำหรับอวี้ชิงลั่วแล้ว ตอนนี้ทุกก้าวที่เดินไปล้วนต้องระมัดระวัง

ดังนั้น กับคำถามของอันฝูซือ นางเองก็ทำได้เพียงแต่ยิ้มแล้วกล่าว “ยังไม่ถึงเวลา”

แต่ลู่หลานอวิ๋นกลับโน้มตัวเข้ามาใกล้ข้างกายนาง ยิ้มแล้วถาม “ข้าว่านะชิงลั่ว เจ้าจับเหมิงกุ้ยเฟยมาแล้วมีประโยชน์อันใด ช่างลึกลับนัก”

“ประโยชน์หรือ… ไม่แน่ว่า วันนี้เจ้าก็จะได้รู้แล้ว” อวี้ชิงลั่วยิ้ม แต่กลับยิ่งยากที่จะคาดเดามากขึ้นเรื่อย ๆ

ลู่หลานอวิ๋นพ่นลมหายใจเบา ๆ เปิดผ้าม่านแล้วมองออกไปด้านนอก

ลู่หลานเฟิงที่อยู่ข้างกายนางถลึงตามองนางแวบหนึ่ง แล้วจึงดึงม่านในมือของนางลงมาทันที

“มองอะไร ตอนนี้เข้าใกล้ตำหนักสำรองขึ้นมาเรื่อย ๆ แล้ว ไม่แน่ว่าเส้นทางนี้อาจจะเต็มไปด้วยคนขององค์ชายเจ็ดแล้วก็เป็นได้ เจ้ามองออกไปเช่นนี้ก็เท่ากับเปิดเผยที่อยู่ของตนไม่ใช่หรือ?”

ลู่หลานอวิ๋นเบ้ปาก “ข้ากลับคิดว่าองค์ชายเจ็ดคงไม่อยู่ที่ตำหนักสำรองอย่างว่าง่ายรอให้เราไปหาเป็นแน่”

ถึงแม้จะพูดออกไปเช่นนั้น แต่นางก็ยังฟังคำของพี่ชาย นั่งสงบเสงี่ยมอย่างเชื่อฟัง ไม่ไปเปิดม่านรถอีก

รถม้าเข้าใกล้เรือนสำรองเข้าไปเรื่อย ๆ เพียงแต่เงียบมาก เงียบเสียจนน่ากลัว

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็กล่าวกับคนขับ “อ้อมไป ไปที่ประตูหลังของตำหนักสำรอง”

“ขอรับ” คนขับเลี้ยวรถม้าในทันที ไม่ได้ตรงไปข้างหน้าอีกแม้แต่ก้าวเดียว รถม้าเริ่มตรงไปยังประตูหลังแทน

อวี้ชิงลั่วเองก็คิดว่าลู่หลานอวิ๋นพูดไม่ผิด คนอาจจะไม่ได้อยู่ที่จวนสำรอง แต่ก็ไม่อาจรับประกันว่าจะไม่มีคนซุ่มโจมตีอยู่ที่จวนสำรอง

ขณะที่นางกำลังคิด รถม้าก็กระตุกในทันที ต่อจากนั้นก็มีเสียงหอบหายใจของคนขับ

รถม้าหยุดชะงักลง อวี้ชิงลั่วสบตากับคนอื่น ๆ ในรถ ไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่คำเดียว

อวี้ชิงลั่วโบกมือ ลดเสียงลง ถามด้วยน้ำเสียงแข็งขึ้นเล็กน้อย “เหล่าจ้าว เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

“นายท่าน มีคนขวางรถม้าไว้ขอรับ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มาที่ตำหนักสำรองแบบนี้ แล้วที่ตำหนักหลักจะมีใครเฝ้าเหมิงกุ้ยเฟยไว้ล่ะ? จะติดกับหรือเปล่านะ?

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด