อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 1058 อีกไม่นาน

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 1058 อีกไม่นาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1058 อีกไม่นาน

ตอนที่ 1058 อีกไม่นาน

เย่ซิวตู๋ชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตายังคงปิดอยู่ เสียงของเขาทุ้มต่ำกว่าปกติ “ข้าไม่มีวันเก็บคนทรยศไว้ ข้าไม่อาจผ่อนปรนให้ได้ แม้ว่าเขาจะอยู่กับข้ามาหลายปีแล้วก็ตาม”

เขาผ่านประสบการณ์มากมายตั้งแต่ยังเด็ก และรู้ชัดเจนว่าการเป็นคนทรยศหมายความว่าอย่างไร

พฤติกรรมของเผิงอิงแสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่คิดจะกลับใจ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่เคยสนใจเรื่องความสัมพันธ์กับเสิ่นอิง เหวินเทียนและคนอื่น ๆ ที่มีมานานหลายปี

คนเช่นนี้ถ้าปล่อยไปครั้งหนึ่งก็จะกลับมาสร้างปัญหาอีก แม้ว่ามือและเท้าของเขาจะพิการไปแล้ว เขาก็จะยังเป็นเหมือนเดิม

เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยอมใช้ชีวิตของคนรอบข้างเป็นเดิมพัน โดยเฉพาะชิงเอ๋อร์และหนานหนาน เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะยอมให้พวกเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแม้เพียงเล็กน้อย

ดังนั้นเขาจึงไม่มีวันปล่อยเผิงอิงไป

เด็ดขาด…

“อย่างไรเสียเขาก็อยู่กับข้ามาหลายปี เขาทุกข์ทรมานเพราะถูกผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายตัดเอ็นร้อยหวาย และเส้นเอ็นทั่วร่างกาย ข้าจึงอยากให้เขาตายไปง่าย ๆ” ในที่สุดเย่ซิวตู๋ก็ลืมตาขึ้น และมองไปยังหัวเตียง ขณะพูดเสียงเบาว่า “เดิมทีข้าคิดจะขอยาที่ไม่ทำให้เขาทรมานจากเจ้า ทำให้เขาหลับไปโดยไม่ต้องเจ็บปวดได้ก็คงจะดี คาดไม่ถึงว่าความรู้สึกที่เขามีต่อหงเย่จะลึกซึ้งมากถึงเพียงนั้น เขาไม่ต้องการให้นางเกิดความลำบากใจเลยแม้แต่น้อย”

“ความจริงก็คือ ท่านได้ทำตามความปรารถนาของเขาแล้วใช่หรือไม่?” อวี้ชิงลั่วหันหน้ามาถาม “ท่านไม่ต้องการให้หงเย่เห็นสภาพเขาก่อนตาย จึงดับไฟทุกดวงในบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นการทำให้เขาจากไปอย่างหมดห่วง”

“อืม” เย่ซิวตู๋โน้มตัวลงไปจุมพิตนาง “หากปล่อยให้หงเย่เห็น ก็จะสร้างความทุกข์ให้หงเย่เช่นกัน”

อวี้ชิงลั่วหัวเราะและขยับเข้าไปใกล้เขา

ทั้งสองคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง อารมณ์ของเย่ซิวตู๋ก็ค่อย ๆ สงบลง เขาสูดกลิ่นกำยานที่อวี้ชิงลั่วจุด แล้วค่อย ๆ หลับไป

เมื่อนางตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น เย่ซิวตู๋ก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นอีกต่อไป

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ถอนหายใจ แล้วลุกขึ้นไปกินข้าว

เมื่อนางไปหาสวีโหรว สวีโหรวก็ตื่นขึ้นแล้ว ส่วนพระชายาสามก็มาด้วย

เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วใกล้เข้ามา พระชายาสามก็รีบลุกขึ้น ท่าทางเย่อหยิ่งมลายหายไปสิ้น ตั้งแต่ได้รับความช่วยเหลือจากอวี้ชิงลั่วและหนานหนานสองครั้ง นางก็รักคนในตำหนักอ๋องซิวมาก และยังสุภาพกับอวี้ชิงลั่วอีกด้วย

อวี้ชิงลั่วบอกให้นางนั่งลงด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะตรวจชีพจรสวีโหรว จากนั้นดึงมือออกด้วยความพึงพอใจ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าผิวจะยังค่อนข้างซีดเซียว แต่ก็มีสมุนไพรมากมายสำหรับบำรุงเลือด และบำรุงลมปราณอยู่ในบ้าน เมื่อกลับไปแล้วจงให้คนต้มให้ดื่ม แล้วเจ้าจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ”

ริมฝีปากของสวีโหรวกลายเป็นสีซีด แต่นางก็ยกยิ้มอย่างมั่นใจมาก “มีเจ้าอยู่ทั้งคน ไม่ว่าสุขภาพของข้าจะแย่เพียงใด ข้าก็จะดีขึ้น”

อวี้ชิงลั่วพอใจกับคำชมนี้มาก จึงคลี่ยิ้มด้วยความเขินอาย

เมื่อเห็นว่าบางครั้งนางก็ดูเหมือนหนานหนานมาก สวีโหรวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

ระหว่างสนทนา หนานหนานและเย่หลานเฉิงก็วิ่งเข้ามาด้วยกัน

ทันทีที่เขาเข้าประตูมา เด็กน้อยก็ปีนขึ้นไปบนตักของอวี้ชิงลั่ว นั่งบนตักของนางและตะโกนบอกนางว่า “ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าเพิ่งไปหาน้าเป่าเอ๋อร์มา ท่านน้าอาการดีขึ้นมาก ลุกจากเตียงและเดินไปมาได้บ้างแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าวางแผนว่าจะไปเดินเล่นรอบลานกับท่านน้าเป่าเอ๋อร์ทุกวัน เพื่อให้เขาฟื้นตัวเร็วขึ้น”

“ก็ได้ แต่เจ้าต้องลดเสียงหน่อยนะ ท่าทางของเจ้าดูกระตือรือร้นไปหน่อย”

หนานหนานไม่พอใจเล็กน้อย “ท่านแม่ดูถูกข้าอีกแล้ว เห็นได้ชัดว่าข้าเงียบขรึมยิ่งนัก ใช่หรือไม่ขอรับท่านน้าโหรว? หนานหนานเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังผู้ใหญ่”

สวีโหรวหัวเราะ เมื่อนางเห็นเย่หลานเฉิงนั่งอยู่ข้างเตียงนาง ด้วยท่าทางเรียบร้อย นางก็ยื่นมือออกไปจับมือเขา เมื่อนางได้ยินคำพูดของหนานหนาน ก็รีบตอบกลับทันทีว่า “ใช่แล้ว หนานหนานของพวกเราน่ารักที่สุด”

หนานหนานพยักหน้าอย่างกระฉับกระเฉง “ท่านแม่ได้ยินหรือไม่ขอรับ? ท่านน้าโหรวก็ชอบข้ามากเช่นกัน ท่านน้าโหรวไม่ต้องห่วงขอรับ เมื่อท่านดีขึ้น เสี่ยวเฉิงเฉิงกับข้าจะพาท่านไปเดินเล่นด้วยขอรับ”

อวี้ชิงลั่วมองเขาโดยไม่ได้เอ่ยคำใด ส่วนพระชายาสามกลอกตามองด้วยความอิจฉา และนิ่งไปครู่หนึ่ง

“เมื่อคืนข้าคุยกับองค์ชาย อีกสองวันเย่หลานเวยจะถูกพามาอยู่ในตำหนักด้วย ในตำหนักนี้มีเด็กหลายคน เขาจะได้มีเพื่อนด้วย” ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องแต่งตัวเป็นขันทีน้อยอยู่ในวังหลวงตลอด

ยิ่งกว่านั้นคือไทเฮาไม่ค่อยชอบเย่หลานเวย นางแค่ปล่อยให้เขาแต่งตัวเป็นขันทีตัวน้อยในวันปกติ ให้อาหารและเสื้อผ้าแก่เขาอย่างเพียงพอ แต่ก็ไม่ได้กอดและหยอกล้อบ้างเป็นครั้งคราว เหมือนกับที่นางชอบปฏิบัติต่อหนานหนาน เรื่องนี้ทำให้เย่หลานเวยเหงามาก

แม้จะมีหลิวเฟยอยู่ในวังด้วย แต่หลิวเฟยที่เป็นย่าแท้ ๆ ของเย่หลานเวยก็เป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย อีกทั้งยังไม่เหมาะที่จะไปตำหนักไทเฮาบ่อย ๆ เพราะเกรงว่าจะเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้น เขาจึงได้แต่อยู่หลังประตูวังที่ปิดสนิทประตู และพยายามควบคุมอารมณ์ตนเองให้ดี

หลังจากได้ยินเช่นนั้น พระชายาสามก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นมองอวี้ชิงลั่วด้วยความประหลาดใจ “ให้ ให้เขามาได้จริงหรือ? แต่ว่า แต่ว่าหากให้เขามาอยู่ในตำหนักนี้มันจะ… เหมาะสมหรือ?”

พระชายาสามอิจฉาอวี้ชิงลั่วและสวีโหรวมาก เมื่อเห็นลูกชายของทั้งสองพูดคุยและหัวเราะกันอยู่ข้าง ๆ นางจึงคิดถึงเย่หลานเวยมาก แต่ครั้งสุดท้ายที่องค์ชายสามอาละวาดในตำหนัก เย่หลานเวยก็หวาดกลัวจริง ๆ นางไม่รู้ว่าจะทำให้เขาเข้าใจความพยายามอันอุตสาหะขององค์ชายสามอย่างไร

อวี้ชิงลั่วพยักหน้า “เมื่อก่อนไม่เหมาะสม แต่ตอนนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่”

ในตอนที่ประตูเมืองยังไม่ปิด คนขององค์ชายเจ็ดล้วนอยู่ทุกหนทุกแห่ง เหมิงซินยังคงพเนจรอยู่ในเมือง และยังไม่พบคนทรยศในตำหนักอ๋องซิว

ในเวลานั้นหากรับเย่หลานเวยเข้ามาในตำหนัก ก็เกรงว่าคนแรกที่เผิงอิงจะโจมตีคงเป็นเย่หลานเวย

แต่ตอนนั้นองค์ชายเจ็ดยังคงต้องการให้องค์ชายสามยืนเคียงข้างเขา

ทว่าตอนนี้มันต่างออกไป เผิงอิงตายไปแล้ว เหมิงซินและเหมิงกุ้ยเฟยก็จากไปแล้วเช่นกัน ส่วนคนของอวี้เฟิงถังก็ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกัน และคังเฟยก็ไม่อาจทำอะไรได้อีกต่อไป

อาจกล่าวได้ว่ากำลังพลขององค์ชายเจ็ดที่กระจายอยู่ในเมือง ถูกพวกเขากวาดล้างไปเกือบหมดแล้ว

ตำหนักอ๋องซิวในปัจจุบันมีองครักษ์ลับของเย่ซิวตู๋ นักฆ่าของฟ่านผิงอวิ๋น และผู้คนจากอวี้เฟิงถังแอบเฝ้าดูอยู่ มันจึงเป็นดั่งกำแพงทองแดงหรือกำแพงเหล็กกล้า หากจะบุกเข้ามาก็ยากพอ ๆ กับปีนขึ้นไปบนสวรรค์

นอกจากนี้ยังมีอันฝูซือ ฉินเจี่ยวเพียวและคนอื่น ๆ อยู่ในตำหนักหลังนี้ คนเหล่านี้ต่างสัมผัสถึงอันตรายได้ว่องไวยิ่งนัก

หงเย่และเหวินเทียนก็กลับมาแล้วเช่นกัน แม้ว่าจินหลิวหลีและเย่ฮ่าวหรานจะไม่ได้อาศัยอยู่ในตำหนัก แต่พวกเขาก็จับตาดูทุกความเคลื่อนไหวในตำหนักอ๋องซิวเพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัย

ตอนนี้องครักษ์ลับของเย่ซิวตู๋รับผิดชอบดูแลตำหนักอ๋องซิว คนรับใช้ในตำหนักจะต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เมื่อพวกเขาเข้าออก

หากยังมีคนสามารถมาทำร้ายเด็กสองสามคนในตำหนักนี้ได้อีก ก็แสดงว่าไม่มีสถานที่ใดปลอดภัยแล้วจริง ๆ

หากเย่ซิวตู๋กำจัดองค์ชายเจ็ดและองค์ชายสี่ได้ แล้วพาตัวทหารเหล่านั้นกลับมา ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย

อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่าช่วงเวลานี้กำลังจะมาถึงในอีกไม่นานแล้ว

…………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

กระดานพลิกแล้วค่ะ องค์ชายเจ็ดจะต้านรับยังไงซิ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด