อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 1086 รับเจ้าสาว

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 1086 รับเจ้าสาว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1086 รับเจ้าสาว

ตอนที่ 1086 รับเจ้าสาว

หลังจากเนี่ยนเนี่ยนเกิดได้ไม่นาน ก็ถึงวันแต่งงานของเย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่ว

ตั้งแต่ผ่านหลังคลอดไปหนึ่งเดือน อวี้ชิงลั่วก็เริ่มลดน้ำหนัก งานแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ตลอดชีวิตจะมีเพียงครั้งเดียว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสวยไว้ก่อน เพื่อให้เย่ซิวตู๋มีความประทับใจแรกที่ลึกซึ้ง ทำให้เขาตกตะลึงไปเลยยิ่งดี

ดังนั้นเมื่อถึงวันแต่งงาน รูปร่างของนางจึงกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ทำให้นางภูมิใจอย่างมาก

นางออกเรือนในฐานะองค์หญิงแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ ถึงแม้ภายนอกจะบอกว่าเป็นงานแต่งงานอีกครั้งหนึ่ง แต่ทุกคนล้วนทำเหมือนกับว่านางจัดงานแต่งงานยิ่งใหญ่

ไม่เพียงแต่ข้าราชการของอาณาจักรเฟิงชางมาแสดงความยินดี ฮ่องเต้ให้รางวัล แม้แต่อาณาจักรหลิวอวิ๋นและอาณาจักรจิงเหลยก็ส่งทูตมามอบของขวัญแสดงความยินดี เพียงแต่ของขวัญที่ทูตของอาณาจักรจิงเหลยนำมานั้นทำให้เย่ซิวตู๋ต้องขมวดคิ้วแน่น เป็นเพียงหินก้อนเดียว และไม่รู้ว่าไปขุดมาจากที่ไหน ซ่างกวนจิ่นผู้นี้ขี้เหนียวเกินไปแล้ว

ส่วนอาณาจักรเทียนอวี่ก็ส่งองค์ชายสองคนและกลุ่มคนระดับสูงมามากมาย

หนึ่งในนั้นก็รวมไปถึงไป๋อีเฟิงที่กระตือรือร้นอยากจะมาอาณาจักรเฟิงชางตั้งนานแล้ว เพื่อหารือเกี่ยวกับฝีมือการหมักสุรากับโม่เสียน

คนที่มากับไป๋อีเฟิงก็ยังมีเด็กน้อยวัยสามขวบคนหนึ่ง หน้าตาราวกับหยกแกะสลัก เป็นบุตรชายของไป๋ชูเฟิง พี่ใหญ่ของเขา

เด็กคนนั้นอยู่ในวัยกำลังซน เมื่อเห็นเนี่ยนเนี่ยน แววตาก็เหมือนจะจับจ้องอยู่แต่กับนาง ไม่แม้แต่จะขยับไปไหน

หนานหนานขวางอยู่ข้างกายเขาอย่างดุดัน ไม่ยอมให้เขาได้แตะต้องน้องสาว ท่าทางราวกับผีห่าซาตานนั้นแทบจะทำให้ไป๋หลิวเจวี๋ยวัยสามขวบตกใจจนร้องไห้

อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่าจิตใจของไป๋ชูเฟิงไม่ใช่ผู้ใหญ่ทั่วไป เด็กคนนี้ยังเล็กเพียงนี้ กลับยอมให้ไป๋อีเฟิงพามาถึงอาณาจักรเฟิงชาง อืม อวี้ชิงลั่วลืมไปเสียสนิทว่าตนนั้นพาหนานหนานออกไปท่องโลกกว้างตั้งแต่เขาอายุเท่าใด

ไป๋หลิวเจวี๋ยชอบเนี่ยนเนี่ยนมาก ตั้งแต่มาถึงตำหนักอ๋องซิว ทุกวันก็จะมาคอยหาโอกาสแย่งชิงกับหนานหนาน เย่หลานเวย อวี้เป๋าเอ๋อร์เพื่อไปดูเนี่ยนเนี่ยน

เพียงแต่ว่าเขาอายุยังน้อย หากหนานหนานจะจัดการเขา ก็ง่ายราวกับจัดการมด

เนี่ยนเนี่ยนไม่สนใจใครทั้งนั้น เพียงแต่มองเด็กสองสามคนต่อสู้แย่งนาง จากนั้นก็หัวเราะคิกคักสองสามครั้ง จากนั้นก็พลิกตัวแล้วเริ่มหลับ อย่างไรก็มีพี่ชายอยู่ นางไม่จำเป็นต้องกังวลสิ่งใด

ในวันแต่งงาน อวี้ชิงลั่วออกเรือนจากบ้านพักนอกเมืองของเย่ซิวตู๋ ท่านแม่หลิน เสี่ยวอิง และคนอื่นๆ พากันขุดนางขึ้นจากเตียงตั้งแต่เช้าตรู่ แม้แต่พวกแม่นมเก๋อและแม่นมเซียวต่างก็ยุ่งกันจนหัวหมุน

เมื่อชุดแต่งงานสีแดงสวมเข้าบนร่างของนาง ผู้คนรอบๆ ก็ดวงตาเป็นประกาย

อวี้ชิงลั่วไม่เคยสวมใส่ชุดแดงเช่นนี้ นางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตนเหมาะกับเสื้อผ้าเช่นนี้มาก

เมื่อผ้าคลุมหน้าถูกสวมใส่บนศีรษะ นางก็ประหม่าและไม่สบายใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อยากให้เย่ซิวตู๋ได้เห็นสภาพของนางในตอนนี้มาก แต่ก็กลัวว่าเย่ซิวตู๋จะเห็นนางในสภาพเช่นตอนนี้

เมื่อคิดได้ว่าต่อไปก็จะเป็นภรรยาโดยชอบธรรมของเขา มีบทบาทในการเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการ นางก็รู้สึกว่าหัวใจทั้งดวงแทบจะกระดอนออกมาอย่างไรอย่างนั้น

ไม่นานนักก็มีเสียงฆ้อง เสียงกลอง เสียงประทัด เสียงดังเอะอะมากมายดังมาจากข้างนอก

องค์ชายสองคนจากอาณาจักรเทียนอวี่และไป๋อีเฟิงพาเพื่อนๆ ที่มาร่วมงานแต่งของอวี้ชิงลั่วมา ทุกคนล้วนออกันอยู่ตรงหน้าประตู คอยขวางกลุ่มที่มารับตัวเจ้าสาวไว้

ด้านหลังประตูก็มีเด็กกลุ่มหนึ่ง กำลังร้องขออั่งเปาจึงจะให้เข้าประตูไปได้

ไป๋อีเฟิงขึ้นบันไดปีนไปบนกำแพง กล่าวกับเย่ซิวตู๋ที่อยู่นอกประตู “ท่านอ๋องซิว ชิงลั่วเป็นองค์หญิงเทียนฝูที่มีค่าที่สุดของอาณาจักรเทียนอวี่ของเรา พวกเราอาณาจักรเทียนอวี่ไม่รู้เลยว่ามีคนหนุ่มเก่งกาจมาขอนางแต่งงานมากน้อยเพียงใด คิดไม่ถึงว่าจะเป็นท่านที่มาถึงก่อนได้ก่อน ทว่าวันนี้หากท่านต้องการรับตัวนางแต่งเข้าไปบ้านไป ก็ต้องทำให้เราที่เป็นบ้านเจ้าสาวพอใจจึงจะใช้ได้”

เย่ซิวตู๋สวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงสด นั่งตัวตรงอยู่บนหลังม้าตัวสูงใหญ่ด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง มองเห็นท่าทางภาคภูมิใจของไป๋อีเฟิงก็ค่อยๆ หรี่ตา

แต่เขาก็ตกลงอย่างสบายใจมาก “เช่นนั้นเจ้าบอกมาสิว่าต้องทำเช่นไรจึงจะพอใจ?”

“ได้ยินว่าผู้สำเร็จราชการแห่งอาณาจักรเฟิงชางมีความสามารถรอบด้าน เช่นนั้นเรามาทดสอบท่านเสียหน่อยเป็นไร” เขากล่าวจบ มือสองข้างก็ประสานกันแล้วตบเบาๆ สองครั้ง

ไม่นานก็มีคนม้วนตัวออกมาจากกำแพง ยืนอยู่ตรงหน้าเย่ซิวตู๋ด้วยสายตาเย็นชา

คนผู้นั้นรูปร่างกำยำอย่างมาก ทันทีที่ขาสองข้างลงกับพื้นก็ราวกับว่าถูกตรึงอยู่กับพื้นอย่างไรอย่างนั้น ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย

ไป๋อีเฟิงเอ่ยปาก “ท่านอ๋องซิว นี่คือยอดฝีมือจากอาณาจักรเทียนอวี่ของเรา ว่าอย่างไร ล้มเขาให้ได้เสียก่อน ท่านก็จะถือว่าผ่านด่านแรกไปได้”

เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว นี่เพิ่งจะด่านแรก เช่นนั้นแล้ว ด้านหลังยังมีอีกหลานด่านอย่างนั้นหรือ?

เขาเงียบไป มองดูเสื้อผ้าบนร่างของตน กำลังพิจารณาว่าจะเอาชนะอย่างไรโดยไม่ทำให้สกปรกเลอะเทอะ

คิดไม่ถึงว่าไม่รอให้เขาตอบสนอง ที่ลานบ้านก็มีเสียงโกรธอันคุ้นเคยดังออกมา “นายน้อยไป๋ ท่านช่างสร้างปัญหาเกินไปแล้ว วันนี้เป็นวันดีขององค์หญิง ไปเอาประเพณีฆ่าแกงกันเช่นนี้มาจากไหน เสื้อผ้าของท่านอ๋องก็ถูกจัดเตรียมมาอย่างประณีต หากสกปรกเลอะฝุ่นเข้าแล้วจะรับเจ้าสาวไปได้อย่างไร ท่านลงมาเดี๋ยวนี้ ห้ามต่อสู้”

“แม่นมเซียว…” สีหน้าของไป๋อีเฟิงขมขื่นในทันใด แม่นมเซียวเป็นผู้ที่เคยรับใช้อดีตฮองเฮาแห่งอาณาจักรเทียนอวี่มาก่อน สำหรับพวกเขาแล้ว นางเป็นผู้น่าเกรงขาม ควรค่าแก่การเคารพของพวกเขา

องค์ชายทั้งสองจากอาณาจักรเทียนอวี่ที่ตามมาด้วยในครั้งนี้ก็ปิดปากไปหลบอยู่ด้านข้างเสียแล้ว แสร้งทำราวกับว่าพวกเขาไม่มีส่วนรู้เห็นอันใด

กับแม่นมเซียวนั้น จริงๆ แล้วพวกเขา… ก็ไม่กล้าขัดใจนาง

“แม่นมเซียว เช่นนั้นก็จะให้ท่านอ๋องซิวแต่งกับชิงลั่วอย่างง่ายดายเกินไปไม่ได้กระมัง เช่นนี้จะไม่เป็นการดูถูกเขาเกินไปหรือ?”

“เช่นนั้นท่านก็เปลี่ยนเป็นวิธีที่ดูดีงามกว่านี้ อย่างไรก็ห้ามต่อสู้กัน” แม่นมเซียวออกคำสั่งอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นก็ยังสั่งอีกคำหนึ่ง “อีกอย่าง อย่าทำให้เสียเวลาด้วย”

ไป๋อีเฟิงกัดฟัน แต่เขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของแม่นมเซียว ทำได้เพียงให้คนนอกประตูกลับมา จากนั้นก็กล่าวกับเย่ซิวตู๋ “เอาเถิด ข้าเองก็คิดแล้วว่าในงานมงคลคงไม่เหมาะจะใช้กำลัง ด่านแรกพอแค่นี้ พวกเรามาที่ด่านที่สองกันเลยเถิด”

ด่านที่สองหรือ?

“ด่านที่สองคืออะไรหรือ?” องค์ชายหกมารับเจ้าสาวพร้อมกับเย่ซิวตู๋ ตอนนี้จึงถามด้วยความสนใจอย่างมาก “ทดสอบกำลังไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องทดสอบการเขียนกระมัง หรือว่าจะให้พี่ห้าแต่งกลอนสดหรือ?”

ไป๋อีเฟิงส่งเสียงจิ๊ๆ “แต่งกลอนสดนั้นธรรมดาเกินไป สำหรับท่านอ๋องซิวแล้วจะถือว่าง่ายไปหน่อย จะถือว่าผ่านด่านไปได้อย่างไร?”

“งั้นหรือ? เช่นนั้นต้องทำสิ่งใดกัน?” องค์ชายหกมองเย่ซิวตู๋แวบหนึ่ง จากนั้นก็สงสัยว่ากลุ่มคนจากอาณาจักรเทียนอวี่จะคิดคำขอใดมาทำให้พวกเขาต้องลำบากกัน

“ร้องเพลงๆๆ!!” คนด้านในประตูส่งเสียงโห่ร้องออกมาทันที ราวกับว่ามีคนมากมายกำลังร้องพร้อมกัน “ด่านที่สอง ต้องร้องเพลงให้พวกข้าฟัง จนกระทั่งพวกข้าพอใจแล้วจึงจะผ่านไปได้”

แววตาของเย่ซิวตู๋หรี่ลง ร้องเพลงหรือ โชคดีเหลือเกินที่คนเหล่านี้คิดออกมาได้

องค์ชายหกสำลัก นี่… ให้ร้องเพลงท่ามกลางคนมากมาย อย่าว่าแต่พี่ห้าเลย ต่อให้เป็นเขาก็ทำไม่ได้หรอก ไม่รู้ว่าพี่ห้าจะรับมืออย่างไร

หากปฏิเสธ ก็ยากที่จะทำให้คนไม่คิดว่านี่คือการไม่ให้ความสำคัญต่อองค์หญิงแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ มารับเจ้าสาวแต่แสดงออกแบบขอไปที แต่ถ้าไม่ปฏิเสธ… ก็จะเป็นปัญหาเรื่องหน้าตาของอาณาจักรเฟิงชาง

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ร้องเพลงอะไรดีล่ะท่านอ๋อง

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด