เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 121 อีกหนึ่งตัวตนของท่านใต้เท้า / 122 จะดูแลเจ้าตราบทั้งชีวิต

Now you are reading เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ Chapter 121 อีกหนึ่งตัวตนของท่านใต้เท้า / 122 จะดูแลเจ้าตราบทั้งชีวิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 121 อีกหนึ่งตัวตนของท่านใต้เท้า / ตอนที่ 122 จะดูแลเจ้าตราบทั้งชีวิต

ตอนที่ 121 อีกหนึ่งตัวตนของท่านใต้เท้า

“…”

เฟิงอู๋โยวรู้สึกจนปัญญา ทำเอาพูดไม่ออกไปเลย

นางรู้สึกว่าจวินมั่วหรันหวงเนื้อหวงตัวนางเป็นพิเศษ ชนิดที่ไม่ยอมเลิกรา

เมื่อชิงหลวนได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

ตั้งแต่เล็กจนโต เรื่องที่นางชอบมากที่สุดคือการกอดเฟิงอู๋โยวเข้านอน

“ท่านชายเจ้าคะ ชิงหลวนอยากนอนกับท่านเจ้าค่ะ หากท่านไม่อยู่ข้างๆ ชิงหลวนจะฟุ้งซ่านและรู้สึกเคว้งคว้างจนนอนไม่หลับ ฮือๆๆ”

สายตาอันเฉียบคมดุจคมมีดของจวินมั่วหรันจ้องมองน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาเป็นทางของชิงหลวน ก่อนพูดอย่าไม่สบอารมณ์ “หุบปาก”

ชิงหลวนได้ยินเช่นนั้นก็วิ่งไปหลับอยู่ข้างหลังเฟิงอู๋โยว แม้จะปิดปากเงียบ แต่น้ำตาก็ยังไหลออกมาไม่หยุด

จวินมั่วหรันมุมปากเกร็งกระตุก พลางฉุกคิดขึ้นมาในใจว่ารสนิยมของเฟิงอู๋โยวช่างแปลกประหมาด ไม่นึกว่านางจะชอบผู้หญิงขี้แย

“ท่านชายเจ้าคะ หลังจากนี้ชิงหลวนคงหลับกับท่านชายไม่ได้แล้ว อย่าลืมห่มผ้าห่ม อย่านอนดิ้นไปดิ้นมา ตอนนอนก็พยายามอย่าแคะสะดือตัวเองนะเจ้าคะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”

“รู้แล้วๆ” เฟิงอู๋โยวรู้สึกเขินอายขึ้นมารำไร นางรีบเอามือไปปิดปากชิงหลวน

นางเพิ่งจะนอนกับชิงหลวนแค่คืนเดียวเองไม่ใช่หรือ

ไม่นึกว่าชิงหลวนจะโพล่งพูดพฤติกรรมการนอนที่น่าอายของนางออกมาในสถานการณ์แบบนี้

จวินมั่วหรันเห็นเฟิงอู๋โยวยอมรับข้อเสนอของเขา ภายในใจก็เป็นสุขขึ้นมาทันที จากนั้นก็หันไปรับเงินกระดาษมาจากซือมิ่งและยื่นให้เฟิงอู๋โยวด้วยมือตัวเอง

มือของเขาสัมผัสเข้ากับมือของนางอย่างบังเอิญ แม้สัมผัสได้ถึงเหงื่อที่ซึมออกมาตามมือของนางก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ

“เถ้าแก่ ท่าทางของท่านตอนยื่นเงินให้นั้นช่างดูดีเหลือเกิน! นิ้วมือเรียวยาวได้รูปที่จับเงินกระดาษ ขาวเนียนนุ่มแลดูชุ่มชื้นราวกับโคนต้นหอม!” เฟิงอู๋โยวพูดเปรียบเปรยชื่นชมมือของจวินมั่วหรันพลางรับเงินกระดาษปึกหนามา

“หยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว”

จวินมั่วหรันชักมือกลับไป ดวงตาดำสนิทของเขาผุดแววทระนงตนขึ้นมาอีกครั้ง

ใบหน้าของเขาแลดูดุดัน กล้ามเนื้อบนใบหน้าแลดูแข็งทื่อ

ใครที่ไม่รู้ คงคิดว่าเขาอารมณ์ไม่ดี

มีเพียงซือมิ่งที่รู้ว่าจวินมั่วหรันพยายามข่มรอยยิ้มเอาไว้ เพราะภายในใจของจวินมั่วหรันตอนนี้กำลังยิ้มร่าอย่างบ้าคลั่ง

“หลบไป”

ณ ปากทางเข้าตรอกมีฝุ่นควันฟุ้งตลบ

สตรีหน้าตาสวยงามในชุดสีแดงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา นางไม่คิดว่าในตรอกที่คับแคบเช่นนี้จะมีผู้คนมากมายขนาดนี้ ครั้นแล้วจึงตะโกนขึ้นอย่างร้อนรนใจ “หลบไป หลบไปสิ!”

จวินมั่วหรันที่ได้ยินเช่นนั้นก็สะบัดชายแขนเสื้อสีน้ำเงินเข้มและรีบเข้ามาจับมือเฟิงอู๋โยวเอาไว้ทันที

ส่วนเฟิงอู๋โยวก็ตอบสนองอย่างฉับไหว นางคว้าชิงหลวนเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนทันที

“กรุบ กรุบ”

ผู้หญิงที่ถือเชือกควบม้าอยู่บนอานม้า ดูลนลานอย่างเห็นได้ชัด นางมองจวินมั่วหรันที่สีหน้าอึมครึมอยู่ด้านหน้าอย่างเป็นกังวล

“ท่านชาย เป็นอะไรหรือไม่”

เย่เชี่ยวพลิกตัวลงมาจากหลังม้าก่อนเดินจูงม้าเข้ามาหาจวินมั่วหรัน

จวินมั่วหรันทำเหมือนไม่ได้ยิน เขาค่อยๆ หันกลับมาและคว้าเฟิงอู๋โยวเข้ามากอดในอ้อมแขน “สุ่ยเอ๋อ”

“…”

ซือมิ่งที่เห็นเช่นนั้นก็ถึงกับสีหน้าถอดสี

เขามองเย่เชี่ยวที่เดินจูงม้าเข้ามาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ทราบว่าท่านคือผู้ใด ไฉนช่างบังอาจควบม้าเร็วกลางเมืองหลวงแคว้นตงหลินเยี่ยงนี้!”

เย่เชี่ยวตกตะลึงเล็กน้อยก่อนยิ้มอย่างเคอะเขิน “ข้ามีนามว่าเย่เชี่ยว เป็นคนจากแคว้นซีเยว่ ตัวข้าเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก จึงไม่รู้ว่าห้ามควบม้าเร็วกลางเมืองหลวง ฉะนั้นต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง!”

เย่เชี่ยว?

ดูเหมือนองค์หญิงแห่งแคว้นซีเชี่ยวจะชื่อว่าเย่เชี่ยวไม่ใช่หรือ

หรือว่านางมาที่นี่เพื่อร่วมงานเลี้ยงบัณฑิตที่จะจัดขึ้นเดือนหน้า

เฟิงอู๋โยวที่ถูกจวินมั่วหรันกระชับกอดอยู่ในอ้อมแขนได้แต่กวาดมองผู้หญิงที่ตามอะไรตามอำเภอใจด้านหน้า

ซือมิ่งแค่นเสียงหึในลำคอ เขาไม่สนใจเย่เชี่ยวแม้แต่น้อยและรีบเข้ามาด้านหน้าจวินมั่วหรันก่อนเอ่ยเสียงขรึม “ท่านใต้เท้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่ขอรับ”

จวินมั่วหรันไม่สนใจซือมิ่ง เขาได้แต่หลุบตามองคนที่น่าถะนุถนอมในอ้อมแขน จากนั้นก็แตะๆ ลูบๆ คลำๆ บนใบหน้าเฟิงอู๋โยวอยู่หลายรอบ

“ไหนท่านใต้เท้าบอกว่านับจากวันนี้เป็นต้นไปจะไม่ล้ำเส้นกระหม่อม”

“สุ่ยเอ๋อ ข้าตามหาเจ้ามาตั้งนาน”

จวินมั่วหรันแนบศีรษะตัวเองซบไหล่เฟิงอู๋โยว ก่อนซูดดมกลิ่นหอมเจือจางบนร่างกายของนาง

ตอนที่ 122 จะดูแลเจ้าตราบทั้งชีวิต

“ท่านใต้เท้าขอรับ หากท่านลงไม้ลงมือกับกระหม่อมอีก อย่าหาว่ากระหม่อมไม่เกรงใจนะขอรับ!”

เฟิงอู๋โยวรู้สึกว่ามือไม้ของจวินมั่วหรันเริ่มอยู่ไม่สุขอีกครั้ง อยู่ๆ ก็เกิดขนลุกขึ้นมาทันที

เย่เชี่ยวเห็นว่าไม่มีใครสนใจนางก็พลันทำตัวไม่ถูก ขยี้จมูกตัวเองอย่างประดักประเดิดก่อนกระโดดขึ้นหลังม้าและจากไป

ก่อนจากไป นางเหลือบมองจวินมั่วหรัน ดวงตาของนางฉายแววเสียดายขึ้นรำไร

ว่ากันว่าเซ่อเจิ้งหวางแห่งแคว้นตงหลินเป็นชายรูปงามไร้ที่ติ ทั้งโหดเหี้ยมและเด็ดขาด ถือว่ามีคุณสมบัติเป็นผู้นำแห่งแคว้นทั้งห้าได้เลย เพราะรังสีที่อัดแน่นไปด้วยอำนาจบารมีช่างโดดเด่นเกินใครเปรียบยิ่งนัก

แต่น่าเสียดายที่ชื่นชอบผู้ชายด้วยกัน!

“ย่า…”

เย่เชี่ยวหันกลับไปและควบม้าไปในตรอกคับแคบต่อ เพียงพริบตาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

จวินมั่วหรันจ้องมองเฟิงอู๋โยวที่วิตกกังวลอยู่ในอ้อมแขนอย่างไม่ละสายตา ในจังหวะที่นางไม่ทันตั้งตัว เขาก้มหน้ากัดคอนางไปหนึ่งที

เฟิงอู๋โยวไม่สนใจความเจ็บที่แปลบซ่านขึ้นมาเพราะนางมัวแต่ตกตะลึงนิ่งค้างอยู่กับที่

“เพี๊ยะ”

เมื่อนางตั้งสติกลับมาได้ก็ตบหน้าจวินมั่วหรันเข้าไปหนึ่งที

ไอ้สารเลว มันจะมากเกินไปแล้ว!

เพิ่งบอกว่าจะไม่ล้ำเส้นกัน แต่นาทีต่อมากลับกัดคอกันหน้าตาเฉย!

เฟิงอู๋โยวยกมือขึ้นปิดหน้าอกตัวเองพร้อมกับเขม็งตามองค้อนใส่เขา

ซือมิ่งที่เห็นเช่นนั้นก็โกรธจัดทันที เขาตวาดใส่เฟิงอู๋โยวอย่างไม่ไว้หน้า “แม่ทัพเฟิง ท่านใต้เท้าคิดกับเจ้าเยี่ยงไร ภายในใจเจ้าไม่รู้เลยอย่างนั้นหรือ และตอนนี้ท่านใต้เท้าที่อยู่ต่อหน้าเจ้าได้อาการป่วยทางจิตกำเริบขึ้นอีกครั้งแล้ว ความทรงจำได้รับความเสียหาย จึงไม่อาจควบคุมตัวเองได้ เจ้าไม่เพียงไม่ให้อภัยแก่อาการป่วย แต่กลับลงไม้ลงมือกับท่านใต้เท้าอีก”

“เขากัดคนอื่น มันมีเหตุผลนักหรือ”

เฟิงอู๋โยวตระหนักได้ว่าตัวเองเพิ่งจะรับเงินหนึ่งล้านมาหมาดๆ ดังนั้นห้ามลำพองใจเกินไป

เมื่อเห็นรอยนิ้วมือทั้งห้าที่ประทับอยู่บนใบหน้าจวินมั่วหรัน นางจึงรีบควักโอสถหยกที่เขาเคยให้นางไว้ออกมาและทาให้เขาอย่างลวกๆ

“ไฉนต้องตบข้าด้วย ข้าแค่เอ็นดูเจ้าก็เท่านั้น” จวินมั่วหรันยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากุมมือนาง แล้วอยู่ๆ ก็อมนิ้วมือที่มีโอสถหยกติดอยู่ที่ปลายนิ้ วก่อนรูดกลืนมันลงไปจนหมดเกลี้ยง

“ท่านใต้เท้าได้โปรดเบิกตากว้าง! กระหม่อมไม่ใช่สุ่ยเอ๋อของท่าน กระหม่อมชื่อเฟิงอู๋โยว”

“อู๋โยว ได้! ข้ารู้แล้ว เจ้าคือสมบัติอันล้ำค่าของข้า ข้าจะดูแลเจ้าตราบทั้งชีวิต”

ขณะจวินมั่วหรันพูดขึ้นก็คว้าเอวเฟิงอู๋โยวเข้ามากอด ก่อนอุ้มนางขึ้นมา

“ปล่อยนะ!”

“อย่าขยับ ข้าหิวแล้ว”

ทันทีที่จวินมั่วหรันพูดจบ ขนตางอนยาวก็สัมผัสลงบนแก้มของนาง

จากนั้นเขาก็กัดลงบนริมฝีปากนางอีกครั้ง

จวินมั่วหรันไม่ชอบกินของหวาน แต่กลิ่นหอมหวานจางๆ บนร่างกายนางมันช่างเย้ายวนใจเป็นที่สุด!

ปากของนางถูกเขากัดจนบวมขึ้นมาเล็กน้อย

“ท่านใต้เท้ากัดจนพอใจหรือยัง” เฟิงอู๋โยวบ่นอย่างไม่พอใจ แต่ก็สลัดจวินมั่วหรันไม่หลุด

“ดูสิ เยื่อพรหมจรรย์บนริมฝีปากของเจ้าฉีกขาดจนแดงเรื่อขึ้นมาแล้ว ช่างสวยงามยิ่งนัก”

จวินมั่วหรันมองริมฝีปากของเฟิงอู๋โยวที่ถูกตัวเองกัดอย่างพอใจ จากนั้นก็ใช้นิ้วมือเนียนนุ่มเช็ดเลือดที่ไหลซิบๆ ออกมาเล็กน้อย

“ท่านใต้เท้าจะใช้คำว่า ‘เยื่อพรหมจรรย์’ มาพูดแบบนี้ไม่ได้นะขอรับ หากคนอื่นมาได้ยินเข้า พวกเขาคงคิดว่ากระหม่อมเป็นผู้หญิง!”

เมื่อเฟิงอู๋โยวเริ่มตระหนักว่าอาการป่วยทางจิตของจวินมั่วหรันกำเริบและอีกบุคลิกหนึ่งปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง จึงทำได้แค่ขอความช่วยเหลือจากซือมิ่ง “ซือมิ่ง ไม่ควรให้คนอื่นรู้เรื่องอาการป่วยทางจิตของท่านใต้เท้า ข้าว่าเจ้าต้องรีบพาเขากลับตำหนักจะดีที่สุด”

ซือมิ่งผายมือยักไหล่ เขายังโกรธที่เฟิงอู๋โยวตบหน้าจวินมั่วหรันอยู่ “ถ้าท่านใต้เท้าไม่อยากกลับ ก็ไม่มีใครฉุดรั้งท่านใต้เท้าไว้ได้”

เฟิงอู๋โยวถอนหายใจอย่างจนปัญญาและหันกลับมาพูดเกลี้ยกล่อมจวินมั่วหรัน “ท่านใต้เท้าขอรับ ได้โปรดกลับตำหนักกันเถิดนะขอรับ”

“อู๋โยว บาดแผลบนร่างกายเจ้าหายดีหรือยัง ข้าจำได้ว่าตอนที่เจอเจ้าครั้งที่แล้ว หน้าอกของเจ้าบวมมาก” คิ้วทรงกระบี่ของจวินมั่วหรันขมวดเข้าหากันเล็กน้อย จากนั้นก็มองลงไปที่เป้าเกงกางของนาง “ตรงนั้นก็มีเลือดออกด้วยไม่ใช่หรือ”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *