เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 34 อู๋โยวตกน้ำ / 35 ความหวังสุดท้าย

Now you are reading เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ Chapter 34 อู๋โยวตกน้ำ / 35 ความหวังสุดท้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 34 อู๋โยวตกน้ำ / ตอนที่ 35 ความหวังสุดท้าย

ตอนที่ 34 อู๋โยวตกน้ำ

“ท่านใต้เท้า!”

จุยเฟิงวิ่งเป็นลมกลดผ่านหน้าเฟิงอู๋โยวไป ก่อนกระโดดตามจวินมั่วหรันลงไปในแม่น้ำคูเมืองอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง

ในเวลานั้น บนผิวน้ำไหวกระเพื่อมจนเกิดคลื่นน้ำหลายระลอก

เฟิงอู๋โยวยืนชะเง้อมองอยู่บนฝั่ง เมื่อเห็นสภาพเปียกโชกสะบักสะบอมของจวินมั่วหรันที่อยู่ในแม่น้ำคูเมือง นางก็ยิ้มมุมปากขึ้นอย่างสะใจ “พญาหงส์ที่ตกน้ำก็ไม่ต่างอะไรกับไก่แจ้”

จวินมั่วหรันจมอยู่ในแม่น้ำเย็นเฉียบครึ่งตัว ไฟโทสะที่ถูกเฟิงอู๋โยวจุดขึ้นเมื่อครู่พลันมอดดับ เหลือเพียงเสี้ยวความเหน็บหนาวที่แฝงอยู่ในดวงตา

“ท่านใต้เท้าเป็นอะไรหรือไม่”

ปลายเท้าของจุยเฟิงยืนอยู่บนผิวน้ำ เขากระโดดลอยตัวขึ้นกลางอากาศและรีบพุ่งไปหาจวินมั่วหรันอย่างร้อนรนใจ

ว่ากันตามหลักแล้ว จวินมั่วหรันขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามแห่งแคว้นตงหลิน ตบะและวิชาอาคมแกร่งกล้าจนถึงขั้นถอดจิตได้ แน่นอนว่าการพลัดตกน้ำไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไร

แต่สาเหตุที่จุยเฟิงเครียดขนาดนี้ เป็นเพราะกลัวว่าการพลัดตกน้ำครั้งนี้จะทำให้จวินมั่วหรันนึกถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นกับตระกูลจวินเมื่อครั้งอดีต

เมื่อเก้าปีก่อน ท่านพ่อกับท่านแม่ของจวินมั่วหรันเสียชีวิตลงในสงคราม เพื่อปกป้องคุ้มครองน้องสาวอย่างจวินฝู พวกเขาสองพี่น้องต้องคอยหลบซ่อนตัวอยู่ในแม่น้ำหวายที่ถูกย้อมเป็นสีแดงฉานด้วยเลือด

แต่ถึงกระนั้น กองทัพข้าศึกแห่งแคว้นหนานเชียงก็ยังมีคำสั่งไล่ฆ่าล้างบางตระกูลจวิน จากนั้นแม่ทัพใหญ่แห่งหนานเชียงก็ได้วางยาพิษปริมาณมหาศาลลงในแม้น้ำหวายด้วยตัวเอง ทำให้กุ้งหอยปูปลาทั่วทั้งแม่น้ำหวายตายลอยอืดเพียงชั่วข้ามคืน

ในเวลานั้น จวินมั่วหรันได้ฝึกฝนการต่อสู้มาอย่างเชี่ยวชาญในระดับที่สามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์คับขันได้ไม่ยาก แต่เพื่อปกป้องน้องสาวอย่างจวินฝู เขาจึงต้องปกป้องนางไว้ในอ้อมกอดอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งสละเสื้อเกราะป้องกันทั่วทั้งตัวให้นาง

หลังจากนั้นสามวัน กองกำลังเสริมแห่งแคว้นตงหลินมาถึง จวินฝูปลอดภัยไร้บาดแผล แต่จวินมั่วหรันกลับตกอยู่ในสภาพเหม่อลอย ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ

ท่านอ๋องแห่งแคว้นตงหลินพระองค์ก่อนทรงซาบซึ้งในความจงรักภักดีของตระกูลจวินเป็นยิ่งนัก จึงรับสั่งให้ช่วยชีวิตจวินมั่วหรันด้วยทรัพยากรทั้งหมดที่มี

อาจเป็นเพราะเทพเจ้ายังคงปกปักษ์คุ้มครอง ในที่สุดจวินมั่วหรันก็อาการดีขึ้นและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา จวินมั่วหรันกลับเป็นโรคที่รักษาไม่หาย เมื่อยามอาการกำเริบ เขาจะสูญเสียการรับรู้จากประสาทสัมผัสทั้งหก แต่ถ้าทนผ่านช่วงนี้ไปได้ เขาก็กลับมาแข็งแรงเป็นปกติอีกครั้ง

แต่จุยเฟิงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับอาการป่วยของจวินมั่วหรันเท่าไหร่ สิ่งที่เขากังวลยิ่งกว่าคือสภาพจิตใจของจวินมั่วหรันมากกว่า…

“ไม่เป็นไร”

เมื่อดวงตาที่เย็นชาของจวินมั่วหรันสบเข้ากับดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใยของจุยเฟิง เขาก็รู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย

จุยเฟิงถอนหายใจยาวๆ อย่างโล่งใจ “ท่านใต้เท้า ให้ข้าน้อยพาขึ้นฝั่งเถิดขอรับ”

“ไม่จำเป็น”

จวินมั่วหรันเงยหน้าขึ้นไปมองเฟิงอู๋โยวที่กำลังยิ้มระรื่นอยู่บนฝั่ง

เฟิงอู๋โยวหาได้ใส่ใจไม่ มิหนำซ้ำยังทำหน้าตาล้อเลียนใส่เขาอีก “ท่านใต้เท้ารู้จักสำนวนที่ว่า ทำความชั่วมากย่อมพิฆาตตัวเอง หรือไม่ขอรับ”

ทันทีที่นางพูดจบ ก็รู้สึกเหมือนข้อเท้าของนางถูกควบคุมด้วยมวลพลังหนาแน่นบางอย่าง

“ลูกไม้อะไรอีก”

เฟิงอู๋โยวก้มก้มหน้าหมายถอดรองเท้าสาน แต่กว่าจะตั้งตัวได้นางก็ถูกมวลพลังไร้รูปร่างลากลงไปในแม่น้ำคูเมืองอีกคนเสียแล้ว

“อ้าก”

นางร้องตกใจเสียงหลง ใบหน้าเหยเกพุ่งลงไปในแม่น้ำทันที

เพียงเสี้ยวพริบตา เสียงตกน้ำดังตู้ม สายน้ำพลันสาดกระเซ็นโดนใบหน้าจวินมั่วหรัน

เขามองเฟิงอู๋โยวที่พยายามตะเกียกตะกายว่ายขึ้นฝั่งเหมือนลูกหมาตกน้ำ พร้อมกับพูดขึ้นเสียงเย็น “ทำความชั่วมาก ย่อมพิฆาตตัวเอง”

“ช่วย ช่วยด้วย!”

เฟิงอู๋โยวเป็นโรคกลัวน้ำขึ้นสมอง แค่ตกลงน้ำก็กลายเป็นคนอ่อนแออย่างสิ้นเชิง

“แค่กๆ”

นางสำลักน้ำเย็นยะเยือกเข้าไปหลายอึก รู้สึกเหมือนปอดจะระเบิด ทรมานเป็นที่สุด

“ลอยตัวไม่เป็นอย่างนั้นหรือ” จวินมั่วหรันยืนปริปากพูดอยู่ต่อหน้าเฟิงอู๋โยว

ส่วนจุยเฟิงก็ได้แต่มองเฟิงอู๋โยวที่ค่อยๆ จมลงไปในก้นแม่น้ำอย่างอึดอัดใจ

แม่น้ำคูเมืองค่อนข้างตื้น ลึกไม่เกินช่วงอกของเฟิงอู๋โยว ต่อให้นางลอยตัวเหนือน้ำไม่เป็นก็คงไม่ถึงขั้นจมน้ำตายหรอกเสียกระมัง

“ท่านใต้เท้าไม่คิดจะช่วยหน่อยหรือขอรับ”

“ช่วยคนไร้ประโยชน์ให้ได้อะไร”

จุยเฟิงไม่เห็นตอนที่ปลายเท้าของเฟิงอู๋โยวเตะเข้าที่ก้านคอของจวินมั่วหรัน แต่จวินมั่วหรันกลับจำได้ขึ้นใจ

จากนิสัยของเขาที่ผ่านมา หากผู้ใดกล้าทำกับเขาแบบนี้ การจับผู้นั้นสับกระดูกเผายังถือว่าเบาไป

แต่วันนี้ เขากลับใจดี ปล่อยให้เฟิงอู๋โยวคงสภาพศพที่อวัยวะครบถ้วน ถือว่าเป็นการอนุโลมเป็นกรณีพิเศษแล้วกัน

ตอนที่ 35 ความหวังสุดท้าย

จวินมั่วหรันจ้องมองฟองอากาศบนผิวน้ำที่ค่อยๆ หายไป แล้วทันใดนั้นก็เกิดเปลี่ยนความคิดขึ้นทันควัน

“จุยเฟิง นำตัวเขาขึ้นฝั่ง”

“ห๊ะ”

จุยเฟิงขยี้หูตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ หลังจากยืนยันว่าตัวเองไม่ได้หูฝาดไป ก็รีบขานรับเสียงขรึม แต่สีหน้าก็ยังตกใจอยู่ “รับทราบ”

“เฟิงอู๋โยวกล้าหาญบ้าบิ่น ข้าจะต้องทำให้เขาตกอยู่ในสภาพร้องขอชีวิตไม่ได้ ร้องขอความตายไม่ขึ้น” ริมฝีปากเรียวปากขมุบขมิบราวกับพูดกับตัวเอง แต่ก็เหมือนจงใจพูดให้จุยเฟิงได้ยิน

จุยเฟิงแอบยิ้มขึ้นในใจ เพราะเขาอ่านความคิดของจวินมั่วหรันออกตั้งนานแล้ว

แต่ว่าจุยเฟิงมองว่าเป็นเรื่องดี

ก่อนหน้านี้ จุยเฟิงคิดว่าจวินมั่วหรันกลายเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจตั้งแต่เหตุการณ์สะเทือนขวัญกับครอบครัวที่เกิดขึ้นเมื่อเก้าปีก่อน ยิ่งไปกว่านั้นยังสงสัยว่าบางส่วนบนร่างกายของจวินมั่วหรันใช้การไม่ได้เสียแล้ว ซึ่งไม่ต่างอะไรจากขันที

แต่ตอนนี้ จวินมั่วหรันได้ลิ้มลองรสชาติบางอย่างที่ยากจะลืม แม้คนที่ทำให้จวินมั่วหรันเกิดอารมณ์ด้วยจะร่างกายเป็นบุรุษ แต่กระนั้นก็ดีกว่าจวินมั่วหรันในสภาพเย็นชาไร้อารมณ์และความต้องการแบบเมื่อก่อนหลายเท่า

บางที หลังจากเขาเริ่มเบื่อหน่ายกับบุรุษแล้วคงเริ่มหันไปสนใจสตรี

ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่นานตระกูลจวินจะต้องมีทายาทสืบต่อแน่นอน!

“จุยเฟิง!”

จวินมั่วหรันชักเริ่มกังวลว่าเฟิงอู๋โยวจะจมน้ำตายจริงๆ จึงเรียกจุยเฟิงที่ยืนยิ้มไม่หยุดอย่างร้อนรนใจ

“ข้าน้อยจะพาแม่ทัพเฟิงขึ้นฝั่งเดี๋ยวนี้เลยขอรับ” จุยเฟิงน้อมตัวรับคำสั่งอย่างเคารพ

ในเวลานี้เอง เฟิงอู๋โยวที่จมลงสู่ก้นแม่น้ำก็เริ่มตกอยู่ในภาวะเห็นภาพหลอนที่เป็นสัญญาณสุดท้ายของชีวิตนาง ทั่วร่างเกร็งกระตุกและสำลักน้ำไม่หยุด

ด้วยสัญชาตญาณเอาชีวิตรอดของนาง นางใช้มือทั้งสองข้างพยายามจับ ‘หลักยึด’ สีดำที่อยู่ด้านหน้าเอาไว้อย่างสุดชีวิต

“ช่วย ช่วยด้วย…”

เฟิงอู๋โยวกลัวสุดชีวิต ชีวิตใหม่ในภพชาตินี้ของนางเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ดังนั้นจะมาจมน้ำตายเหมือนชาติก่อนไม่ได้

จวินมั่วหรันมุมปากกระตุกพลางมองเฟิงอู๋โยวที่กำเศษชายเสื้อสีเข้มไม่ยอมปล่อยอยู่ใต้แม่น้ำ โดยสัญชาตญาณแล้วเขาต้องปล่อยมันไป

แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ในห้วงสมองของเขากลับพลันนึกถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองจมอยู่ในแม่น้ำหวายเมื่อเก้าปีก่อน

ในเสี้ยวพริบตานั้น เขารู้สึกว่าสัญชาตญาณดิ้นรนเอาตัวรอดที่รุนแรงของเฟิงอู๋โยวช่างเหมือนกับตัวเองเมื่อเก้าปีก่อนไม่มีผิด

คนเราย่อมรู้สึกเห็นใจกับคนที่มีสภาพเหมือนกับตัวเอง และจวินมั่วหรันก็เป็นหนึ่งในนั้น

เขาพยายามข่มใจอดทนและมองเฟิงอู๋โยวที่ยังคงกำเศษเสื้อผ้าของเขาอย่างอย่างแน่นิ่ง แม้ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยนาง แต่ก็ไม่กลั่นแกล้งนางเพิ่มขึ้นอีก

เฟิงอู๋โยวถูกมวลน้ำหนาวเหน็บทิ่มแทงจนไม่อาจลืมตาขึ้นได้ นางทำได้แค่อาศัยสัญชาตญาณตัวเองและคลำไปตาม ‘หลักยึด’

นางใช้มือทั้งสองข้างพยายามปีนป่ายขึ้นมาตามท่อนขาของจวินมั่วหรัน และพยายามต้านกระแสน้ำขึ้นมา

จวินมั่วหรันจนปัญญา เขามองร่างเฟิงอู๋โยวที่คู้คดกอดขาทั้งสองข้างของเขาเหมือนหนอนอย่างไม่เข้าใจ

“เจ้าลุกขึ้นมาเองไม่ได้หรือ” เขาพูดขึ้นอย่างหมดความอดทน ก่อนทาบมือลงไปบนหน้าผากอันเย็นเฉียบของเฟิงอู๋โยว

เฟิงอู๋โยวได้ยินเสียงของเขาเสียที่ไหน ในหูของนางมีแต่เสียงน้ำโคลงเคลงและเสียงลมหายใจหนักหน่วงของตัวเอง

นางพยายามปีนป่ายตาม ‘หลักยึด’ ด้านหน้าขึ้นมา และมองจวินมั่วหรันที่เปรียบเหมือนความหวังเสี้ยวสุดท้าย ทำให้นางไม่กล้าปล่อยมือออก

หมับ

เฟิงอู๋โยวไม่ทันระวัง จึงสัมผัสกับอวัยวะสำคัญบางส่วนบนร่างกายจวินมั่วหรันเข้า ทำเอาจวินมั่วหรันเกร็งไปทั้งตัวจนลืมเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ

“นี่มันอะไรกัน”

เฟิงอู๋โยวนึกในใจว่านี่อาจเป็นเชือกที่คนบนฝั่งโยนลงมาให้นางก็เป็นได้ ครั้นแล้วจึงเอื้อมจับมันอย่างเต็มไม้เต็มมือ

“…”

จวินมั่วหรันปวดร้าวขึ้นมาทันที ในช่วงที่ไม่ทันระวังกลับถูกเฟิงอู๋โยวกระชากลงไปในน้ำ

ตุ๊บ

ท้ายทอยของจวินมั่วหรันกระแทกเข้ากับก้อนหินใต้น้ำอย่างแรง แม้เลือดไม่ออกแต่ก็ทำเขาปวดหัวจนแทบระเบิด

หลายปีมานี้เขาไม่เคยรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้มาก่อน และเมื่อต้องเผชิญหน้ารับมือกับมัน ก็รู้สึกเพียงแค่มึนงงไปหมด ราวกับแม้แต่ชื่อแซ่หรือตัวเองเป็นใครก็จำไม่ได้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *