เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 390 ได้รับการแก้พิษตกค้างP

Now you are reading เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ Chapter 390 ได้รับการแก้พิษตกค้างP at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 390 ได้รับการแก้พิษตกค้าง

“…”

เฟิงอู๋โยวไม่เข้าใจว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ตราบจนวันนี้ก็ยังคงแยกแยะความจริงไม่ออก

แต่นางไม่อยากยั่วโมโหเขาอีกครั้ง

เห็นได้อย่างชัดเจน นางไม่ใช่คู่ฝีมือของเขา

วิธีที่ฉลาดที่สุดก็คือสงบสติอารมณ์ของเขาลงก่อน และพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกับเขา

ขณะที่เฟิงอู๋โยวกำลังจะเยินยอไป๋หลี่เหอเจ๋อ ก็มีเสียงเคาะประตูดังรัวมาจากนอกห้อง

“เฟิงอู๋โยว เจ้ามันพวกสำส่อนน่าไม่อาย! วันนี้ ข้าจะต้องฉีกหน้าเจ้าให้เละให้ได้ ดูสิว่าเจ้ายังจะยั่วท่านพี่ของข้าได้อยู่หรือไม่”

ด้านนอกประตู จวินฝูตะโกนด่าทออย่างไม่หยุด

ด้านในประตู เฟิงอู๋โยวถอนหายใจลากยาว

ครั้งนี้ โชคดีที่จวินฝูมาได้ถูกเวลาพอดี

แต่นางก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าจะทำเยี่ยงไรกับไป๋หลี่เหอเจ๋อ

เมื่อจวินฝูเห็นว่าไม่มีเสียงตอบรับมาจากด้านในก็ถีบประตูเข้าไปอย่างโมโห ปากก็ยังคงด่าทออยู่ไม่หยุด “เฟิงอู๋โยว เจ้าเป็นผู้ชายแท้ๆ ไฉนต้องตามเกาะท่านพี่ด้วย เจ้ารู้หรือไม่ว่าการสืบทายาทของตระกูลจวินอันเป็นหน้าที่สำคัญตกอยู่ที่ท่านพี่แค่คนเดียว”

“เรื่องระหว่างข้ากับท่านพี่ของเจ้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้ายื่นปากเข้ามาสอด”

เฟิงอู๋โยวถูกจวินฝูกระตุ้นจนโกรธ จึงขึ้นเสียงและตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร

นางคิดในใจ ขอแค่จวินฝูบุกเข้ามาให้ห้องได้ ไป๋หลี่เหอเจ๋อจะต้องไม่กล้าใช้ความรุนแรงกับนางแน่นอน

ในตอนนั้นเอง นางก็อาศัยจังหวะนั้นหนีหลุดออกมาจากพันธนาการของไป๋หลี่เหอเจ๋อได้

เป็นไปอย่างที่คิด!

เมื่อจวินฝูได้ยินคำพูดเช่นนี้ของเฟิงอู๋โยวก็โกรธจัดด้วยความอัดอั้นและถีบประตูที่ปิดสนิทออกอย่างแรง

“เฟิงอู๋โยว หากเจ้าบังอาจอภิเษกสมรสเข้าตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง ข้าจะทรมานเจ้าให้เรียกฟ้าไม่ตอบ เรียกดินดินไม่ขาน[1]!”

จวินฝูประคองท้องที่มีเลือดเนื้อของหยุนเฟยไป๋อยู่และพูดอย่างมั่นใจ

นางเพิ่งจะก้าวเท้าเข้ามาในห้องก็เห็นเฟิงอู๋โยวถูกไป๋หลี่เหอเจ๋อกดลงบนโต๊ะอาหารอย่างแนบชิด เสื้อร่นลงครึ่งหนึ่ง ส่อแววยั่วยวน

“เฟิงอู๋โยว ไม่นึกว่าเจ้าจะกล้าทรยศท่านพี่โดยการใกล้ชิดสนิทสนมกับไป๋หลี่เหอเจ๋อแบบนี้! ข้าจะไปฟ้องท่านพี่เดี๋ยวนี้ จะให้ให้ท่านพี่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้า”

คิ้วงามของไป๋หลี่เหอเจ๋อขมวดเล็กน้อย เขาปล่อยเฟิงอู๋โยวที่ถูกกดอยู่ออกทันที จากนั้นก็มาข้างหน้าจวินฝูอย่างรวดเร็ว ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาบีบคอนางแน่น

แววสังหารสะท้อนขึ้นในดวงตา “จวินฝู เจ้าฟังให้ดี! เฟิงอู๋โยวเป็นคนของข้า ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามด่าทอดูถูกเขา ใครฝ่าฝืน จะฆ่าทิ้งสถานเดียว”

“ไป๋หลี่เหอเจ๋อ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร หากเจ้าคิดจะทำร้ายข้าจนทารกในครรภ์ข้าเป็นอันตรายขึ้นมา องค์รัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉินไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่นอน”

จวินฝูรู้ดีว่าในท้องของตัวเองล้ำค่าแค่ไหน ด้วยเหตุนี้ ต่อให้นางอยู่ต่อหน้าไป๋หลี่เหอเจ๋อ ก็ไม่กลัวจนตัวสั่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

“เจ้าคิดว่าหยุนเฟยไป๋จะกล้าฉีกหน้ากับข้าเพียงเพราะเจ้ากระนั้นหรือ”

นิ้วทั้งห้าของไป๋หลี่เหอเจ๋อที่บีบคอของจวินฝูอยู่ ออกแรงมากขึ้นจนเกือบทำให้นางหายใจไม่ออก

ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น ทหารองครักษ์ของแคว้นหยุนฉินกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาและเดินเข้ามาในห้องเพื่อล้อมรอบไป๋หลี่เหอเจ๋อ

หัวหน้าทหารองครักษ์พูดอย่างจริงจัง “ท่านหญิงจวินฝูคือสนมเอกขององค์รัชทายาทของข้าน้อย ขอท่านราชครูแห่งแคว้นตงหลินโปรดเมตตา”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อกวาดมองทหารองครักษ์ที่กรูเข้ามาอย่างครึกโครมด้วยสายตาเรียบนิ่ง เขารู้ดีว่าพลังของตัวเองในตอนนี้ยังไม่สามารถต่อต้านหยุนเฟยไป๋ได้

ภายใต้ความคับขัน เขาจึงต้องยอมปล่อยจวินฝูไปอย่างปลอดภัย

ครั้นทหารองครักษ์ส่งจวินฝูที่อกสั่นขวัญหายออกจากเรือนแพทย์พยากรณ์ ไป๋หลี่เหอเจ๋อจึงหันกลับมาจ้องเฟิงอู๋โยวในสภาพสีหน้าตื่นตระหนก เสื้อผ้าไม่เป็นระเบียบ

อันที่จริง คนที่เขาไม่อยากทำร้ายมากที่สุดก็คือเฟิงอู๋โยว

น่าเสียดายโชคชะตากลั่นแกล้ง!

เขาไม่เพียงปกป้องดูแลนางไม่ได้ อีกทั้งยังทำร้ายนางอย่างไม่ยั้งมืออยู่ตลอด

แต่ว่าในเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้ เขาทำได้แค่เลือกได้แค่เดินบนทางที่มืดมน

“เจ้าจะอภิเษกสมรสกับจวินมั่วหรันจริงหรือ”

“ข้าจะอภิเษกสมรสกับใครก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า”

เฟิงอู๋โยวมองกูหนานเฟิง ชิงหลวนกับคนอื่นๆ ก็รีบตามมาเมื่อได้ยินเสียง หัวใจที่ลอยขึ้นมาถึงหอคอยพลันล่วงลงไปที่พื้น

เมื่อไป๋หลี่เหอเจ๋อได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้โมโหเป็นฟืนเป็นไฟเหมือนเมื่อครู่แล้ว

เขาจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเองแบบมีมาด จากนั้นก็เดินผ่านสายตาพวกกู่หนานเฟิงออกจากเรือนแพทย์พยากรณ์ไปอย่างสง่าผ่าเผย

เฟิงอู๋โยวมองแผ่นหลังของไป๋หลี่เหอเจ๋ออย่างเยือกเย็น ภายในใจเกิดกังวลไม่หยุด

ทั้งที่จวินมั่วหรันสั่งให้ทหารองครักษ์เฝ้าระวังอยู่รอบๆ เรือนแพทย์พยากรณ์หลายสิบคน

ตามหลักเหตุผล ต่อให้เป็นยอดจอมยุทธ์มือหนึ่งก็ไม่สามารถลอบเข้ามาที่เรือนแพทย์พยากรณ์อย่างไม่ให้สุ่มให้เสียงแบบนี้ได้

แต่สิ่งที่ทำให้ยากจะป้องกันก็คือ ลูกน้องมากความสามารถในแบบพิสดารของไป๋หลี่เหอเจ๋อมีมาก

ลำพังแค่วิชามายาของฉู่สือซื่อก็สามารถทลายด้านป้องกันอันแน่นหนาได้อย่างไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย และสามารถบุกเข้าเรือนมาได้อย่างง่ายดาย

“ท่านชาย ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

ชิงหลวนมองใบหน้าจริงจังของเฟิงอู๋โยวอย่างกังวล พร้อมถามขึ้นเสียงแผ่ว

มือทั้งสองข้างของเฟิงอู๋โยวกุมจุดตันเถียรที่กำลังร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ ก่อนพูดขึ้นอย่างมีนัย “ไม่เป็นไร หากมีเวลา อย่าลืมหาตำรายุทธ์โบราณมาให้ข้าสักสองสามเล่มด้วย ดูเหมือนว่าเส้นลมปราณของข้าจะถูกเปิดทางแล้ว คาดว่าอีกไม่นานก็จะสามารถกระโดดลอยตัวลู่ลมได้ตามชายคาบ้านขอบกำแพงได้เหมือนยอดจอมยุทธ์แล้ว”

เฟิงอู๋โยวเคยฝันว่าสักวันหนึ่งตัวเองจะเป็นเหมือนจวินมั่วหรัน ที่ลงแรงมือไม่ลงแรงมสอง ใช้พลังยุทธ์อันกล้าแกร่งสยบทุกความขัดแย้งได้

[1] เรียกฟ้าฟ้าไม่ตอบ เรียกดินดินไม่ขาน หมายถึงตกที่นั่งลำบาก ไม่มีคนช่วยเหลือ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด