เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 136 ของขวัญสำคัญชิ้นแรกจากนาง

Now you are reading เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ Chapter 136 ของขวัญสำคัญชิ้นแรกจากนาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 136 ของขวัญสำคัญชิ้นแรกจากนาง

เมื่อเถี่ยโส่วพูดออกไปเช่นนี้ ไม่เพียงแต่เฟิงอู๋โยวที่ทำหน้าเหยเก แม้แต่จวินมั่วหรันก็ยังมองหน้าเขาอย่างอึ้งตะลึงไปด้วย

จวินมั่วหรันไม่คิดไม่ฝันว่าทหารองครักษ์เงาที่เขาเลี้ยงดูฝึกฝนมากับมือตัวเองจะหื่นกามถึงขั้นนี้!

ผ่านไปสักพัก เถี่ยโส่วก็ตระหนักได้ว่าตัวเองไม่ควรพูดเรื่องพวกนี้ออกไป ครั้นแล้วจึงรีบพูดเสริม “แม่ทัพเฟิงอย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่ได้ใช้บ่อย”

ตอนนี้ แม้แต่คนที่หนังหน้าหนากว่ากำแพงอย่างเฟิงอู๋โยวก็ไม่รู้ว่าควรตอบกลับเยี่ยงไร

นางหงายมือก่ายหน้าผาก รู้สึกเหมือนแท่งเงินรองค้ำที่มือในเป็นมันหินเผาไฟก็ไม่ปาน มันช่างร้อนดาดมือเสียนี่กระไร

จวินมั่วหรันสังเกตอาการทำตัวไม่ถูกของเฟิงอู๋โยวอยู่เงียบๆ จึงรู้ว่านางไม่ได้ตั้งใจเอาแท่งเงินรองค้ำมาทำให้เขาสะอิดสะเอียน

เมื่อได้ท่าทางแบบนี้ของเฟิงอู๋โยว เขาก็มั่นใจทันทีว่านางไม่รู้ว่าแท่งเงินรองค้ำนี้มีไว้ใช้ทำอะไร

เพียงแค่จุดนี้ก็ส่อพิรุธเป็นยิ่งนัก

หรือว่าในค่ายทหารไม่เคยมีใครมอบของแบบนี้ให้นาง

เมื่อคิดได้เช่นนี้ จวินมั่วหรันก็เหลือบสายตาลงไปมองเป้ากางเกงที่มีชายเสื้อปิดอย่างมิดชิดของเฟิงอู๋โยว

มันช่างเรียบแปล้ไร้ความนูน

ไม่รู้ว่าข้างในว่างเปล่าไร้สิ่งใด หรือว่า…

เฟิงอู๋โยวสังเกตเห็นสายตาของจวินมั่วหรัน ก็พูดขึ้นเสียงสูงอธิบาย “มองอะไรอยู่ได้ ข้ามีหญิงสาวเข้ามาไม่ขาดสาย ไม่จำเป็นต้องพึ่งของพรรค์นี้”

“จริงหรือ!”

น้ำเสียงจวินมั่วหรันดุดัน เขาลุกพรวดและขยับมาเดินหน้าเฟิงอู๋โยว

“ทำไมต้องโกหกด้วย ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นใจเสียอย่าง เรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกขอรับ” เฟิงอู๋โยวแถไปเรื่อย

“เจ้าแน่ใจ”

จวินมั่วหรันเลิกคิ้ว เค้นถามอย่างกดดัน สายตาเยี่ยงผู้เป็นใหญ่มองนางไม่ขยับ

เฟิงอู๋โยวกลืนน้ำลายอึก นางกลัวว่าจวินมั่วหรันจะสูญเสียการควบคุมจนทารุณนางอีก

นางครุ่นคิดพักหนึ่ง ผู้เข้าใจสถานการณ์คือผู้เฉลียวฉลาด ลูกผู้ชายยืดได้หดได้[1] ครั้นแล้วนางจึงยิ้มตาหยีอย่างประจบ “ก็ไม่แน่ใจเท่าไร”

“ห้ามเปิดเรือนแพทย์”

เฟิงอู๋โยวเบะปากก่อนบ่นอย่างไม่พอใจ “ท่านใต้เท้าหลงรักกระหม่อมแล้วใช่หรือไม่ ทำเหมือนเป็นศรีภรรยาที่ว่างงาน แล้วเอาแต่สั่งนั่นสั่งนี่!”

“ไหนเจ้าลองพูดอีกรอบซิ”

สีหน้าของจวินมั่วหรันเยือกเย็นลงราวกับถูกคำพูดของเฟิงอู๋โยวยั่วโมโหขึ้นมาอีก

อันที่จริง มีแต่ตัวเขาที่เข้าใจตัวเองดีที่สุด คำพูดที่เฟิงอู๋โยวพูดเมื่อครู่ที่ว่า ‘ท่านใต้เท้าหลงรักกระหม่อมแล้วใช่หรือไม่’ ทำเอาหัวใจของเขากระสับกระส่ายขึ้นมาทันที

“ไม่กล้าแล้วขอรับ”

เฟิงอู๋โยวรู้สึกเหมือนกันว่า คำพูดของตัวเองไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไร นางไม่อยากมีปัญหากับจวินมั่วหรันอีกจึงรีบพูดบ่ายเบี่ยงประเด็น “ท่านใต้เท้า กระหม่อมไม่ลืมเรื่องที่รับปากกับท่านเอาไว้ แล้วท่านก็ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลว่ากระหม่อมจะหนีไปไหนหรือทำเรื่องไม่ดี ไม่เช่นนั้นชื่อเสียงของท่านใต้เท้าของแปดเปื้อน ขอแค่ปล่อยตัวชิงหลวนไป กระหม่อมรับประกันเลยว่านับจากนี้ต่อไปจะทำงานอย่างบากบั่น หนักเอาเบาสู้ พึ่งสองมือสองเท้าของตัวเองหาเงินทองเลี้ยงชีพและจะไม่ไปบำเรอเหล่าหญิงสาวอีก”

จวินมั่วหรันเหลือบมองไปที่แท่งเงินรองค้ำในมือของนางอีกครั้ง อยู่ๆ ก็รู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาอีกระลอก

นิ่งเงียบไปพักใหญ่ก็พูดกับนางอย่างจริงจัง “เฟิงอู๋โยว ล้มเลิกความคิดที่จะเปิดเรือนแพทย์เสียเถิด”

“ท่านใต้เท้า มันจะมากไปแล้วนะขอรับ! นอกจากลักพาตัวชิงหลวนมาแล้วยังจำกัดอิสระการใช้ชีวิตของกระหม่อมอีก ท่านต้องการจะทรมานกระหม่อมไปจนถึงเมื่อไหร่กันแน่”

“ทรมาน?”

จวินมั่วหรันโมโหจนขำออกมา น้ำเสียงของเขาในเวลานี้ประหนึ่งเสียงปีศาจอันน่ากลัวที่ลอยขึ้นมาจากขุมนรก “เฟิงอู๋โยว ขืนวันนี้เจ้ากล้าเดินออกจากคานประตูตำหนักไป นับตั้งแต่นี้ต่อไป ชีวิตเจ้าจะเป็นตายร้ายดีเยี่ยงไร มันจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตำหนักเซ่อเจิ้งหวางอีก”

เมื่อเถี่ยโส่วเห็นจวินมั่วหรันโกรธจัด จึงรีบกระตุกแขนเสื้อเฟิงอู๋โยวพลางกระซิบ “แม่ทัพเฟิง ชิงหลวนกลับไปตั้งนานแล้ว และท่านใต้เท้าก็ไม่ได้ทำอะไรนาง”

“จริงหรือ”

เฟิงอู๋โยวมองจวินมั่วหรันอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง นางไม่เชื่อว่าเขาจะใจดีได้ถึงขั้นนี้

เถี่ยโส่วพยักหน้าระรัว “จริงแท้แน่นอน”

“ขอบคุณพี่เถี่ยโส่วมากที่บอก”

พูดจบ เฟิงอู๋โยวก็ตระหนักได้ว่าท่าทีของตัวเองดูไม่ค่อยเป็นมิตรกับจวินมั่วหรันเท่าไร ครั้นแล้วจึงยื่นแท่งเงินรองค้ำที่อยู่ในมือออกไปวางบนโต๊ะ “ท่านใต้เท้า กระหม่อมขอมอบแท่งเงินรองค้ำแท่งนี้ให้คนแก่อย่างท่านแล้วกัน วางใจเถิด กระหม่อมไม่เก็บเงิน”

ทันทีที่เสียงพูดสิ้นสุดลง นางก็วิ่งจากไปอย่างไร้เงา

จุยเฟิงมองตามแผ่นหลังที่คล้อยจากไปของเฟิงอู๋โยวก่อนเอ่ยถามจวินมั่วหรันเสียงขรึม “ท่านใต้เท้าขอรับ เกรงว่าคงเป็นเรื่องยากที่แม่ทัพเฟิงจะสร้างเนื้อสร้างตัวท่ามกลางถนนเถาหลี่ที่การแข่งขันสูงแบบนั้น บรรดาร้านค้ากิจการบนถนนเถาหลี่ล้วนมีเหล่าขุนนางที่มีอำนาจในวังหลวงชักใยหนุนหลังอยู่ แม่ทัพเฟิงไม่มีทั้งอำนาจและกองกำลัง ขืนเปิดเรือนแพทย์ขึ้นมา คงมีปัญหาน้อยใหญ่ตามมาอย่างไม่หวั่นไม่ไหวเป็นแน่ ท่านใต้เท้าคิดว่าแบบนี้ควรส่งคนคอยไปปกป้องคุ้มกันแม่ทัพเฟิงดีหรือไม่ขอรับ”

“ไม่ต้องสนใจเขา”

ตอนนี้จวินมั่วหรันโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แค่นึกถึงท่าทีห่างเหินของเฟิงอู๋โยวก็ทำเอาจวินมั่วหรันมือไม่สั่นเทา

ดวงตาทั้งสองข้างของเถี่ยโส่วจ้องมองแท่งเงินรองค้ำที่เฟิงอู๋โยววางทิ้งไว้บนโต๊ะก่อนค่อยๆ พูดอย่างเอื่อยๆ “ท่านใต้เท้าขอรับ ในเมื่อท่านไม่สนใจแม่ทัพเฟิงแล้ว เช่นนั้นแท่งเงินรองค้ำที่เขาทิ้งไว้ก็ถูกจัดว่าเป็นสิ่งของไร้ค่าไปโดยปริยายใช่หรือไม่ขอรับ”

ตอนนี้จวินมั่วหรันว้าวุ่นใจเป็นที่สุดจึงไม่มีเวลามาสนใจเถี่ยโส่ว

เถี่ยโส่วกลืนน้ำลายอึก เขาไม่อยากขัดจังหวะจวินมั่วหรัน แต่เขาชอบแท่งเงินรองค้ำแท่งนี้จริงๆ ครั้นแล้วจึงเอ่ยปากขอเจ้าสิ่งนี้จากจวินมั่วหรัน

“ท่านใต้เท้าขอรับ หากท่านไม่ต้องการเจ้าสิ่งนี้ เช่นนั้นมอบให้ข้ารับใช้อย่างกระหม่อมไม่ดีกว่าหรือขอรับ”

ดวงตาเถี่ยโส่วเป็นประกาย แค่คิดว่าตัวเองกำลังจะได้ครอบครองสิ่งของของเฟิงอู๋โยวก็ตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาแทบไหล

จวินมั่วหรันมองเถี่ยโส่วด้วยแววตาเย็นชาพร้อมพูดขึ้นเสียงเรียบ “ไสหัวไป”

“ขอรับ”

เถี่ยโส่วเบะปากอย่างผิดหวังก่อนรีบวิ่งแจ้นออกจากเรือน แต่กระนั้นก็ยังจ้องมองแท่งเงินรองค้ำอันแวววาวอย่างไม่ละสายตา

จุยเฟิงมองเถี่ยโส่วที่ยังดื้อด้านอยู่อย่างจนปัญญา ก่อนอุทานอย่างละเหี่ยใจ “ช่างโง่เขลาเสียจริง! ใครบอกว่าท่านใต้เท้าไม่สนใจและดูแคลนของที่แม่ทัพเฟิงมอบให้…เกรงว่าจะกลายเป็นของรักของหวงสิไม่ว่า”

[1] ลูกผู้ชายยืดได้หดได้ หมายถึงสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกสถานการณ์

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *