เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 24 ราชครูผู้ยิ่งใหญ่โกรธแล้ว / 25 การหยั่งเชิงของไป๋หลี่เหอเจ๋อ

Now you are reading เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ Chapter 24 ราชครูผู้ยิ่งใหญ่โกรธแล้ว / 25 การหยั่งเชิงของไป๋หลี่เหอเจ๋อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 24 ราชครูผู้ยิ่งใหญ่โกรธแล้ว / ตอนที่ 25 การหยั่งเชิงของไป๋หลี่เหอเจ๋อ

ตอนที่ 24 ราชครูผู้ยิ่งใหญ่โกรธแล้ว

“ผู้ใดว่าข้าท่องหาเสพสุข หรือว่าเจ้ามีสุขให้ข้าเสพ”

เฟิงอู๋โยวสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงเหน็บแนมที่สอดแทรกอยู่ในน้ำเสียงไป๋หลี่เหอเจ๋อ จึงรีบสวนกลับอย่างไม่ไว้หน้าทันควัน

ไป๋หลี่เหอเจ๋อหัวเราะในลำคอ ใบหน้าหล่อเหลาเยือกเย็นช่างโดดเด่นแม้อยู่ท่ามกลางไอควันพร่ามัว

เขารีบหยิบเสื้อผ้าเปื้อนคราบเลือดของเฟิงอู๋โยวที่พาดอยู่บนแผงรั้วกันลม ก่อนเอ่ยถามเสียงแผ่ว “แม่ทัพเฟิง นี่คืออะไร”

“กางเกงชั้นในของข้า”

เฟิงอู๋โยวตอบกลับอย่างหน้าตาเฉย จากนั้นก็ยื่นมือออกไปกระชากเสื้อผ้าของตัวเองกลับมาไว้ในอ้อมกอด

“แม่ทัพเฟิง เจ้าคิดว่าข้าหลอกง่ายเหมือนจวินมั่วหรันนักหรือ”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อค่อยๆ เก็บขลุ่ยหยกโปรยบุหงาลง เขาค่อยๆ ค้อมตัวลงมา จากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่งเชิดคางเฟิงอู๋โยวขึ้นมา “บอกข้ามา เจ้าแฝงตัวเข้ามาในแคว้นตงหลินด้วยเหตุผลอันใด”

เฟิงอู๋โยวจ้องมองใบหน้าเย็นชาของไป๋หลี่เหอเจ๋อ ไม่ว่าจะคิดเยี่ยงไรนางก็คิดไม่ตกว่าบุรุษที่สารภาพความรู้สึกกับตัวนางในคืนวันนั้น ไฉนวันนี้ถึงได้ดูเย็นชาแบบนี้

บางทีไป๋หลี่เหอเจ๋ออาจเรียนมาน้อย เขาจึงไม่เข้าใจความหมายของคำสารภาพรักเมื่อคืนวันนั้นอย่างถ่องแท้

เฟิงอู๋โยวพยักหน้าอย่างเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง ก่อนแนะนำอีกฝ่ายออกไป “ร่ำเรียนให้มาก นับเป็นการดี แค่หนึ่งประโยคยังพูดคลุมเครือ คนที่ไม่รู้จักเจ้าจะไม่คิดว่าเจ้าเป็นพวกสมองทึ่มหรอกหรือ”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อรู้สึกหมดคำพูด นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนแนะนำให้เขาหมั่นร่ำเรียนอ่านเขียน

แต่หารู้ไม่ว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อแตกฉานในวิชาทุกแขนงไปตั้งนานแล้ว อีกทั้งยังฉลาดหลักแหลมจนหาตัวตายตัวแทนได้ยาก

มิเช่นนั้นเขาจะได้นั่งแท่นราชครู แห่งแคว้นตงหลินมาอย่างมั่นคงแบบนี้ได้เยี่ยงไร

“เฟิงอู๋โยว เจ้ากำลังเลี่ยงประเด็นอยู่อย่างนั้นหรือ!”

เฟิงอู๋โยวครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งถึงได้เข้าใจเจตนาของเฟิงอู๋โยว นางกำลังเบี่ยงเบนความสนใจเขาอยู่

ครั้นแล้วเขาจึงรีบแย่งเสื้อผ้าเปื้อนเลือดในอ้อมกอดของเฟิงอู๋โยวมาอีกครั้ง “เจ้าจะอธิบายถึงคราบเลือดบนเสื้อผ้านี้ว่าเยี่ยงไร”

“เจ้าสงสัยขนาดนั้นเชียวหรือ”

“เฟิงอู๋โยว ทางที่ดี เจ้าจงอย่ามาเล่นแง่ต่อหน้าข้าเสียดีกว่า มิเช่นนั้นข้าโยนเจ้าไปบแท่นสังเวย ใช้เป็นเครื่องบูชาเทพเจ้าเสีย”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อรู้สึกสนใจในตัวเฟิงอู๋โยวเป็นยิ่งนัก แต่สิ่งที่เขาให้ความสำคัญยิ่งกว่าก็คือเฟิงอู๋โยวจะสามารถกลายเป็นดาวเคราะห์แห่งโชคชะตาเหมือนคืนวันนั้นได้หรือไม่ กลายเป็นจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวของจวินมั่วหรัน

ต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ทรงอำนาจแค่ไหน หากมีจุดอ่อนขึ้นมา อำนาจเหล่านั้นจะถูกสั่นคลอนลงเป็นอย่างมาก

เมื่อคืนวันนั้น ไป๋หลี่เหอเจ๋อสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าบุรุษตัวคนเดียวอย่างเฟิงอู๋โยวใช้วิธีการแบบใดถึงได้รับความสนใจจากจวินมั่วหรัน

จนกระทั่งเขาเห็นเสื้อผ้าเปื้อนเลือดของเฟิงอู๋โยวจึงเข้าใจอย่างกระจ่าง

จากที่เห็นอยู่ตอนนี้ เฟิงอู๋โยวน่าจะเป็นสตรีอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อเฟิงอู๋โยวเห็นไป๋หลี่เหอเจ๋อเอาแต่มองเสื้อผ้าของนาง ก็รีบขยับเข้าไปข้างหน้าเขาก่อนรีบพูดแถขึ้น “เรื่องนี้มันเกี่ยวกับหน้าตาของข้า หากข้าบอกไป เจ้าต้องเก็บเป็นความลับ”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อย่นคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเฟิงอู๋โยวเป็นพวกดื้อด้านและไร้สาระ แต่ด้วยความสงสัย เขาจึงพยักหน้าถือเป็นการยอมรับข้อตกลงของเฟิงอู๋โยว

“เจ้าก็รู้ว่าไอ้นั่นของข้าใหญ่โตเพียงใด มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากกำจัดข้าทิ้ง เพราะการมีข้าอยู่มันทำลายความภาคภูมิใจของพวกเขา ทำให้คนพวกนี้จ้องเล่นงานไอ้นั่นของข้าในคืนวันนั้น ก่อนที่ข้าจะรับคำสภาพรักจากองค์หญิงหลีอิน แม้ข้าตอบสนองฉับไว แต่ด้วยจำนวนคนที่มากกว่าจึงทำให้บางส่วนของข้าได้รับบาดเจ็บและมีเลือดออก”

เฟิงอู๋โยวพูดแถอย่างออกรสออกชาติ มือไม่เรียวยาวโบกไปมาต่อหน้าไป๋หลี่เหอเจ๋อเพื่อทำท่าประกอบ

ไป๋หลี่เหอเจ๋อได้แต่มองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด แม้ไม่เชื่อคำพูดที่ออกจากปากนาง แต่ภายในใจก็รู้สึกว่านิสัยของเฟิงอู๋โยวไม่เหมือนสตรีจริงๆ

“แหวะ…”

เฟิงอู๋โยวถอนหายใจหนึ่งเฮือก แต่ทันใดนั้นก็รีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาป้องปากเอาไว้ และแสร้งทำเป็นอาเจียนใส่หน้าอกไป๋หลี่เหอเจ๋อ

“เฟิงอู๋โยว!”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อรีบถอยหลังกลับไปทันที เขายกชายแขนเสื้อขึ้นมาและเตรียมตัวผลักเฟิงอู๋โยวให้กระเด็นออกไป

“ไม่ใช่เรื่องแปลก ตอนนี้ข้าอ่อนแอยิ่งนัก พอนึกภาพภาพร่างกายที่สมบูรณ์แบบอันสุดแสนภาคภูมิของตัวเองเกือบถูกพวกนั้นทำร้าย อยู่ๆ ก็รู้สึกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ นึกหวาดกลัวภายหลังจนคลื่นไส้” เฟิงอู๋โยวยิ้มกระหยิ่มรับมือที่ง้างขึ้นสูงของเฟิงอู๋โยวอย่างไม่เกรงกลัว

ตอนที่ 25 การหยั่งเชิงของไป๋หลี่เหอเจ๋อ

“ช่างเถิด พูดคุยกับเจ้าก็ไม่ต่างจากสีซอให้ควายฟัง”

นิสัยของไป๋หลี่เหอเจ๋อเป็นคนสุขุมเยือกเย็น จึงไม่ค่อยแสดงอารมณ์ต่อหน้าคนอื่นเท่าไหร่

เขายกมือขึ้นบังหน้านาง ก่อนค่อยๆ ปลดเสื้อผ้าที่เปียกโชกบนตัวออก

“…”

เฟิงอู๋โยวกอดเสื้อผ้าในมือแน่น ตอนนี้นางไม่รู้ว่าควรมองไปทางไหน

นาทีนี้นางรู้สึกเหมือนมีคนตัวเล็กๆ กำลังตีกันอยู่ในหัวสองคน

มองหรือไม่มอง

ไม่มอง

นางแสร้งทำตัวคิดว่าเป็นบุรุษ แต่อีกด้านหนึ่งนางก็ไม่อยากเป็นตากุ้งยิง

มอง!

เหตุผลแรกก็เพื่อขัดเกลาจิตใจตัวเอง ทำให้นางคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมแบบบุรุษ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองตื่นตระหนกเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่เคอะเขิน

แต่อีกด้านหนึ่งกลับคิดว่า ถ้าเกิดรูปร่างของไป๋หลี่เหอเจ๋อดูดีกว่าของจวินมั่วหรัน เส้นเลือดตามกล้ามหน้าท้องเย้ายวนใจยิ่งกว่า ถ้าไม่มองดูเพื่อดื่มด่ำ แบบนั้นคงเกิดมาอย่างเสียเปล่า

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็หันเบี่ยงตัวไปข้างๆ เพื่อกลบเกลื่อน แต่ดวงตาทั้งสองข้างยังจับจ้องอยู่บนร่างกายไป๋หลี่เหอเจ๋อ “ทำตัวน่าอาย ข้าเห็นแล้วยังอายแทนเลย”

“…”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อยิ้มมุมปากขึ้นทันที เขาแน่ใจว่าเฟิงอู๋โยวไม่ใช่คนขี้อายแน่นอน มิหนำซ้ำ…ยังอยากเห็นตัวเขาตอนเปลื้องผ้าอีก!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ไป๋หลี่เหอเจ๋อจึงรีบใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและทำท่าหลบสายตาอันโจ่งแจ้งของเฟิงอู๋โยวอย่างขวยเขิน

เฟิงอู๋โยวจิ๊ปากก่อนพูดขึ้นอย่างอื้อมระอา “กระมิดกระเมี้ยน ทำตัวเหมือนสตรีก็มิปาน เจ้าและข้าต่างก็เป็นบุรุษ ต่อให้เจ้าวิ่งล่อนจ้อนไปมาอยู่ในเรือน ข้าก็ไม่คิดอะไรกับเจ้าทั้งนั้น”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าไฉนเฟิงอู๋โยวถึงมีความคิดประหลาดเยี่ยงนี้

ต่อให้เฟิงอู๋โยวไม่อยู่ เขาก็ไม่มีทางวิ่งล่อนจ้อนอยู่ในเรือนอยู่แล้ว

“เฟิงอู๋โยว ทางที่ดีเจ้าพูดความจริงมาเสียดีกว่า เจ้าแอบลอบเข้ามาในแคว้นตงหลินด้วยแผนอันใด มิเช่นนั้น หากข้าจับเจ้ามัดแล้วพาไปหาจวินมั่วหรัน เจ้าคิดว่าเขาจะทำเยี่ยงไรกับเจ้า”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อจัดระเบียบเสื้อผ้าพลางมองเฟิงอู๋โยวราวกับนายมองบ่าว

“เซ่อเจิ้งหวางเปี่ยมด้วยเมตตา หากเจ้าพาข้าไปพบท่านใต้เท้า ท่านใต้เท้าจะต้องต้อนรับข้าเหมือนเป็นแขกเหรื่อแน่นอน”

“แต่จากที่ข้ารู้มาไม่น่าเป็นเช่นนั้น” ไป๋หลี่เหอเจ๋อไล่ต้อนเฟิงอู๋โยว เดิมทีเขาอยากพิสูจน์นางด้วยตัวเอง แต่มันรีบร้อนเกินไปที่จะทำแบบนั้น

หลังจากไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็ตัดสินใจใช้ขลุ่ยหยกโปรยบุหงา ‘โยนหินถามทาง’ ก่อนแล้วกัน

ทว่าสายตาของเฟิงอู๋โยวฉับไวยิ่งนัก เมื่อเห็นขลุ่ยหยกโปรยบุหงาพุ่งเข้าโจมตีตรงระหว่างขา นางพลันรีบกระโดดทิ้งห่างออกไปทันที

ซึ่งอันที่จริง นางได้เตรียมตัวเพื่อการนี้มาตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว มัดกิ่งไม้ที่ยัดอยู่ในเป้ากางเกงสามารถช่วยให้นางหลุดพ้นจากเคราะห์ร้ายได้ แต่ภายในใจนางรู้สึกกลับกันและไม่อยากถูกสิ่งใดสัมผัสและไม่อยากเผชิญหน้าในรูปแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเหล่า

“ให้ตายข้าก็ไม่ยอม ฝันไปเถิดว่าจะทำอะไรข้าได้!” เฟิงอู๋โยวจ้องมองไป๋หลี่เหอเจ๋อด้วยสายตาเยือกเย็น

ส่วนไป๋หลี่เหอเจ๋อก็จ้องตาเขากลับ พร้อมกับเก็บขลุ่ยหยกโปรยบุหงาลง

เดิมทีเขาคิดว่าคนนิสัยกระโชกโฮกฮากอย่างเฟิงอู๋โยวคงไม่ใส่ใจลูกไม้เล็กๆ น้อยๆ พวกนี้

แต่นึกไม่ถึงว่าภาพลักษณ์แบบคนป่าเถื่อนที่นางแสดงออกมาดูเหมือนเป็นการแสดงเท่านั้น แต่สายตาเย็นชาที่เผลอหลุดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อครู่ กลับดูเหมือนเป็นนิสัยที่แท้จริงของนางมากกว่า

บรรยากาศภายในเรือนสงบลง

ไป๋หลี่เหอเจ๋อรู้สึทำตัวไม่ถูก เขาแค่ใจร้อนอยากรู้ว่าเฟิงอู๋โยวเป็นบุรุษหรือสตรีกันแน่ แต่ไม่คิดว่าปฏิกิริยาตอบสนองของนางจะฉับไวแบบนี้ ทั้งๆ ที่ตัวเขายังไม่ทันลงมือทำอะไรมาก

เฟิงอู๋โยวโยนเสื้อผ้าในมือลงไปในอ่างอาบน้ำ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาถามไป๋หลี่เหอเจ๋อ “เสื้อผ้าที่ข้าสวมใส่อยู่เหมาะกับรูปร่างข้ายิ่งนัก เจ้าเต็มใจมอบให้ข้าใช่หรือไม่”

“…”

เขากวาดมองเสื้อผ้าสีขาวนวลบนตัวเฟิงอู๋โยว เมื่อเห็นชายเสื้อที่ขาดรุ่ยเหมือนถูกหมากัด จึงได้แต่ส่ายหัวไปมา “ช่างเถิด ให้เจ้าไปแล้วกัน”

“ขอบใจมาก หลังจากนี้จำเอาไว้ให้ดี อย่าคิดไม่ซื่อเล่นสกปรกกับหว่างขาของผู้อื่น เพราะมันลามกและไม่สุภาพ” เฟิงอู๋โยวตบไหล่ไป๋หลี่เหอเจ๋อและพูดด้วยน้ำเสียงใจกว้างประหนึ่งตัวเองเป็นผู้ยกโทษให้อีกฝ่าย

ไป๋หลี่เหอเจ๋อเม้มปากแน่น ในช่วงจังหวะนั้นเขาแทบอยากจะบีบคอเฟิงอู๋โยวให้ตายคามือ

แต่ด้วยความที่เชื่อในสัญญาณแห่งโชคชะตาอันแปลกประหลาดในค่ำคืนนั้น เขาจึงเลือกที่จะข่มกลั้นเอาไว้

ในขณะที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อยๆ กระชับเข้าหากันอยู่นั้น อยู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังระรัวมาจากด้านนอก

“ท่านราชครูขอรับ กระหม่อมได้รับคำสั่งมาจากเซ่อเจิ้งหวางให้ตามจับนักโทษผู้หลบหนีจากแคว้นเป่ยหลี ขอท่านราชครูโปรดให้ความร่วมมือและอนุญาตให้กระหม่อมได้เข้าไปค้นหาในเรือนด้วยขอรับ” จุยเฟิงเคาะประตูระรัว

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *