เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 126 จุยเฟิงดีใจน้ำตาไหล

Now you are reading เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ Chapter 126 จุยเฟิงดีใจน้ำตาไหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 126 จุยเฟิงดีใจน้ำตาไหล

จวินหลานหรันดูอภิรมย์ใจเป็นที่สุด เขาเดินมุ่งหน้าไปที่เรือนฟางฮว๋าอย่างรวดเร็ว

ครั้งที่แล้วหลังจากสำรวจเรือนร่างของเฟิงอู๋โยวไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ ในที่สุดเขาก็ค้นพบความลับบางอย่างบน ตัวเฟิงอู๋โยว

การที่บริเวณหน้าอกของนางนูนโตกว่าผู้ชายทั่วไป ไม่ได้เป็นเพราะอาการบวมช้ำ แต่เป็นเพราะ…นางเป็นผู้หญิง!

ความลับนี้ บุคลิกหลักอย่างจวินมั่วหรันยังไม่รู้

เมื่อจวินหลานหรันล่วงรู้ความลับนี้ ความคิดนึกสนุกก็ยิ่งทวีคูณ เอาไว้หยอกเฟิงอู๋โยวเล่นจนหนำใจแล้วค่อยบอกความลับนี้กับจวินมั่วหรันทีหลัง

แต่ทุกครั้งที่เห็นท่าทางตกใจกลัวของนาง ความรู้สึกเห็นใจก็ผุดขึ้นมาทุกครั้ง และไม่อยากบังคับฝืนใจในสิ่งที่นางไม่อยากทำ

“เจ้าทึ่มมั่วจวินไม่มีทางเข้าใจเรื่องพรรค์นี้ ขอแค่ อย่างเดียว อย่าทำอู๋โยวตัวน้อยของข้าตกใจกลัวจนหนีไปเป็นพอ”

จวินหลานหรันพูดกับตัวเอง อยู่ๆ เขาก็เกิดกังวลว่าจวินมั่วหรันจะรังแกเฟิงอู๋โยวจนได้รับบาดเจ็บ

เมื่อเท้าเขาเพิ่งจะก้าวออกจากเรือนมั่วหรัน จุยเฟิงก็พาแพทย์หลวงซูมาถึงพอดี

“ท่านใต้เท้า แพทย์หลวงซูมาถึงแล้วขอรับ”

“เรียกแพทย์หลวงซูมาทำอะไร”

จวินหลานหรันมองแพทย์หลวงซูด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอบอุ่น

“ท่านเป็นคนกำชับว่าให้กระหม่อมไปตามแพทย์หลวงซูในวังหลวงมาให้เร็วที่สุดไม่ใช่หรือขอรับ”

จุยเฟิงแปลกใจ จากนั้นสายตาของเขาก็สังเกตเห็นเสื้อคลุมผ้าแพรสีฟ้าครามบนตัวจวินหลานหรัน ภายในใจพลันรู้สึกวาบหวิวขึ้น เขารู้ขึ้นมาทันทีว่าอาการป่วยทางจิตของจวินมั่วหรันกำเริบขึ้นอีกครั้งแล้ว

จวินหลานหรันเห็นจุยเฟิงหยุดนิ่งไปก็ขยับเข้ามาใกล้ๆ แล้วพูดเสียงขรึม “จวินมั่วหรันเป็นคนตามแพทย์หลวงซูให้มาดูแลเฟิงอู๋โยวใช่หรือไม่”

“ใช่ ขอรับ”

“แพทย์หลวงซู มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น หากข้าไม่สั่ง ห้ามผู้ใดแตะต้องเฟิงอู๋โยวเด็ดขาด”

“เอ่อ…”

จุยเฟิงอ้ำๆ อึ้งๆ เขาไม่รู้ว่าจะตอบกลับเยี่ยงไร

คนที่อยู่ด้านหน้าของเขาตอนนี้ยังคงเป็นท่านใต้เท้าของเขาเหมือนเดิม

เพียงแต่จุยเฟิงกำลังลังเลว่าตอนนี้ตัวเองควรทำตามคำสั่งจวินหลานหรันดีหรือไม่

เพราะว่าลจวินหลานหรันก็คือบุคลิกที่สองจากอาการป่วยทางจิตของจวินมั่วหรันเท่านั้น ดังนั้นทัศนคติของจวินหลานหรันอาจค่อนข้างผิดเพี้ยนไปจากจวินมั่วหรันอยู่พอสมควร

“จุยเฟิง เจ้าวางใจเถิด เรื่องที่ข้าทำไม่มีทางส่งผลเสียกับมั่วหรันแน่นอน หากส่งผลเสียต่อเขาขึ้นมา ข้าคงมีสภาพไม่ต่างกัน”

มุมปากจวินหลานหรันผุดยิ้มเจือจาง เขาตบไหล่จุยเฟิงเบาๆ ก่อนมุ่งหน้าไปที่เรือนฟางฮว๋าต่อ

จุยเฟิงอึ้งตะลึงอยู่กับที่ เขาเคยคิดว่าอาการป่วยทางจิตของจวินมั่วหรันเป็นเรื่องคอขาดปาดตาย แต่ดูจากตอนนี้ดูเหมือนว่าตัวเขาจะคิดมากเกินไป

เมื่อเขาคิดขึ้นได้เช่นนี้ก็เตรียมตัวจะส่งแพทย์หลวงซูกลับวังหลวง แต่อยู่ๆ เฟิงอู๋โยวก็ห่มผ้าหนาเตอะ เดินออกมาจากเรือนมั่วหรันอย่างร้อนรนใจ

“แม่ทัพเฟิงรีบร้อนไปไหน”

“หึ! ข้าอยู่ที่ตำหนักเซ่อเจิ้งหวางต่อไปไม่ได้แล้ว” เฟิงอู๋โยวยกมือสองข้างกุมหน้าอกอย่างมิดชิดพลางพูดขึ้น

มือของนางยังคงอุ่นผ่าวจากการสัมผัสทาโอสถบนให้จวินหลานหรัน

เมื่อนึกถึงรูปร่างสูงใหญ่ของเขา นางก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

ก่อนหน้านี้ เนื่องจากนางเคยถูกวางยากำหนัดจนถึงขั้นอันตรายแก่ชีวิต

เพื่อเอาตัวรอด นางจำเป็นต้องใช้เรือนร่างของจวินมั่วหรันถอนฤทธิ์ยากำหนัก

เมื่อครู่ นางเพิ่งมีเวลาไตร่ตรองและครุ่นคิดถึงเรือนร่างขนาดใหญ่ของจวินมั่วหรัน ร่างกายสูงใหญ่ขนาดนี้ แล้วตรงนั้นจะ… แน่นอนว่านางเคยเห็นแล้ว แต่พอมาคิดดูดีๆ การตัดสินใจใช้เขาถอนฤทธิ์ยากำหนัดในวันนั้น ช่างเป็นการตัดสินใจที่อันตรายเหลือเกิน

หากเกิดขึ้นอีกครั้ง นางกลัวว่าจะเอาชีวิตตัวเองไม่รอด!

“ไม่มีทางเกิดขึ้นอีกครั้งแน่นอน”

เฟิงอู๋โยวพูดกับตัวเอง ความเจ็บระบมตามร่างกายคล้ายยังไม่บรรเทา ทำให้ท่าทางการเดินของนางดูแปลกๆ ชอบกล

“ไม่มีทางเกิดขึ้นอีกครั้ง?”

จุยเฟิงดีใจตาลุกวาว เขาหันไปกอดแพทย์หลวงซูที่ยืนตัวแข็งเป็นท่อนไม้อยู่ด้านหลัง น้ำตาพลันเอ่อคลอขึ้นในดวงตา

จุยเฟิงยิ้มร่าอย่างดีใจคิดในใจ จวินหลานหรันจะต้องทำเรื่องบางอย่างที่จวินมั่วหรันทำไม่ได้จนชนะใจเฟิงอู๋โยวแล้วเป็นแน่

“ท่านชายสบายดีไหมเจ้าคะ”

ชิงหลวนเห็นเฟิงอู๋โยวเดินแปลกออกมาจากเรือนมั่วหรันก็น้ำตาไหลทันที

ซือมิ่งเอือมระอา เขาคิดว่าชิงหลวนคือผู้หญิงขี้แยที่สุดทั่วใต้หล้านี้แล้ว

ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป นางสามารถร้องไห้ได้หลายสิบรอบ น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย แถมเสียงยังไม่แหบพร่าอีก

“สบายดี!”

หางเสียงของเฟิงอู๋โยวยกสูง เพราะกลัวว่าคนอื่นจะจับพิรุธได้

นางกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าตัวเองจวินหลานหรันหยอกเล่นเหมือนกับสัตว์เลี้ยง

“ฮือๆๆ…ท่านชายถูกขืนใจใช่หรือไม่”

“พูดจามั่วซั่ว!”

เฟิงอู๋โยวรีบปฏิเสธชิงหลวนทันที จากนั้นก็ดึงแขนนางมาและพาออกไปจากตำหนักเซ่อเจิ้งหวางอย่างรวดเร็ว

ซือมิ่งกับจุยเฟิงที่เห็นเช่นนั้นก็มองตากัน ทั้งสองน้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาพร้อมกัน

“ซือมิ่ง ท่านใต้เท้าของพวกเราเริ่มโตเป็นหนุ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”

“ถึงแม้ท่านใต้เท้ายังคงตกอยู่ในภาวะอาการป่วยทางจิตกำเริบและไม่อาจควบคุมความรู้สึกนึกคิดของตัวเองได้ แต่เสียงแผดร้องเสียงสูงของแม่ทัพเฟิงก่อนนี้มันบ่งบอกแล้วว่าท่านใต้เท้าทำได้ไม่เลวเลยจริงๆ!”

เมื่อจุยเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจจนยิ้มตาหยี “ข้าจะไปบอกทางโรงครัวให้ทำแกงชั้นเลิศบำรุงร่างกายให้ท่านใต้เท้า”

ใบหน้าของซือมิ่งเผยแววดีใจขึ้นเช่นกัน “อย่างนั้นข้าจะไปสั่งให้คนถอดผ้าปูที่นอนและผ้าห่มมาขึงปักใส่กรอบเป็นที่ระลึก”

“ดีๆ!”

ทั้งสองคนตีมือกันอย่างเห็นพ้องต้องกัน ในที่สุดพวกเขาก็ยิ้มได้อย่างเต็มที่สักที ความกังวลเรื่องทายาทของจวินมั่วหรันก็เริ่มค่อยๆ จางหาย

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *