เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 74 หึง / 75 เจ้าทำอะไรกับเขาบ้าง
ตอนที่ 74 หึง / ตอนที่ 75 เจ้าทำอะไรกับเขาบ้าง
ตอนที่ 74 หึง
“คนของข้า ไฉนต้องยอมยกให้”
ดวงตาดำสนิทของจวินมั่วหรันค่อยๆ มีเส้นเลือดฝอยแดงก่ำคืบคลานเข้ามาปกคลุมเพราะความโมโหดุจจันทราอาบเลือด ดูน่ากลัวยิ่งนัก
ระหว่างที่พูดกันอยู่นั้น เขาคว้าเอวเฟิงอู๋โยวเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ก่อนพูดขึ้นอย่างบ้าอำนาจ “ความเป็นความตายของเฟิงอู๋โยวขึ้นอยู่กับข้าผู้เดียวเท่านั้น”
เฟิงอู๋โยวสังเกตทั้งสองคนที่กำลังวางท่าขึงขังใส่กันอยู่อย่างเงียบๆ นางรู้สึกว่าเจตนาของไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่ได้เรียบง่ายเหมือนที่นางคิดไว้ก่อนหน้านี้
ถึงแม้เหตุผลในการแย่งตัวนางของเขาจะฟังดูมีเหตุผล แต่ก็ดูเหมือนเป็นการแสดงตบตาเท่านั้น
ยิ่งเขาทำแบบนี้ ก็ดูเหมือนจะยิ่งทำให้จวินมั่วหรันโมโหจนสูญเสียการควบคุม
แต่เมื่อเทียบกับจวินมั่วหรันที่อารมณ์แปรปรวนไม่ปกติ นางคิดว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อน่าจะอ่อนโยนกว่าหน่อย
หลังจากคิดไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ เฟิงอู๋โยวก็แสร้งทำเป็นปาดน้ำตาที่ไม่มีและพูดขึ้นอย่างเศร้าใจ “ท่านใต้เท้าขอรับ เป็นกระหม่อมเองที่ทำลายความเชื่อใจของท่าน กระหม่อมกระทำตามอำเภอใจภายใต้อำนาจบารมีของท่าน กระทำชำเราเพื่อนชายคนสนิท ถือว่าเป็นบาปอันมหันต์! บัดนี้ ความจริงถูกเปิดเผยแล้ว กระหม่อมคงไม่มีหน้าที่จะอยู่ภายในตำหนักเซ่อเจิ้งหวางอีกต่อไป นับจากนี้ต่อไป ขอท่านใต้เท้าอย่าได้ใส่ใจกระหม่อม กระหม่อมคงต้องทนทรมานอยู่กับความรู้สึกผิดคืนแล้วคืนเล่า ต้องพยายามหาเลี้ยงชีพตัวเองและครอบครัว กระหม่อมจะรับผิดชอบชีวิตหลังจากนี้และท่อนล่างของท่านราชครูเองขอรับ”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อใบหน้าเกร็งกระตุก ทั้งที่เขายังไม่ได้ทำอะไรกับเฟิงอู๋โยวเลยแท้ๆ และการที่เขาพูดออกไปก่อนหน้านี้ก็เป็นแค่การหยั่งเชิงเพื่อดูท่าทีของจวินมั่วหรันเท่านั้น
นึกไม่ถึงว่าเฟิงอู๋โยวจะหน้าด้านยิ่งกว่ากำแพงเมืองแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดแบบไหนก็กล้าพูดอย่างไม่อายปาก!
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเขาเป็นถึงราชครูแห่งแคว้นตงหลิน แล้วชีวิตของเขาจะไปตกต่ำจนถึงขั้นให้คนอื่นมาเลี้ยงดูได้อย่างไร
“เฟิง อู๋ โยว! ไหนเจ้าลองพูดใหม่อีกรอบซิ!” จวินมั่วหรันกัดฟันพูดขึ้น จิตสังหารแผ่ซ่านออกมาทั่วทั้งตัว
“ท่านเท้าใต้ขอรับ กระหม่อมพูดอะไรผิดหรือ หากท่านไม่อยากฟัง เกรงว่ากระหม่อมคงไม่กล้าพูดขึ้นเป็นรอบที่สอง” เฟิงอู๋โยวห่อไหล่ แม้นางจะ เชี่ยวชาญการต่อสู้ในระยะประชิด แต่ในชาติภพที่แตกต่างนี้ นางไม่มีกำลังภายใน แม้จะพูดเป็นเช่นนั้น แต่จริงๆ ก็แอบหวั่นใจอยู่รำไร
แม้นิสัยรักสะอาดของจวินมั่วหรันจะไม่ค่อยรุนแรงเท่าไหร่ แต่เมื่อเขานึกถึงภาพฉากเคล้าคลอของนางกับไป๋หลี่เหอเจ๋อก็แทบจะอาเจียนออกมา
เขาพยายามอดกลั้นและโอบศีรษะของเฟิงอู๋โยวเข้าไปในอ้อมแขนของตัวเองแน่นขึ้น “ข้าเคยปล่อยให้เจ้าลำบากอย่างนั้นหรือไฉนถึงหิวไม่เลือกแบบนี้ ไฉนถึงทำเรื่องที่ทำร้ายตัวเองแบบนี้”
“…”
เฟิงอู๋โยวรู้สึกว่าคำว่า ‘หิวไม่เลือก’ เป็นคำที่มีความหมายลุ่มลึกยิ่งนัก
ภายในสายตาคนอื่นๆ ไป๋หลี่เหอเจ๋อเป็นคนสำรวมงามสง่า เรียกได้ว่าเป็น ‘สิ่งงดงามเลิศล้ำบนโลก’ ก็ว่าได้
แต่จวินมั่วหรันกลับด้อยค่าเขาด้วยความ ‘หิวไม่เลือก’ แบบนี้จึงเข้าใจได้ว่าความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะสงบสุขของพวกเขาบอบเกินกว่าจะรักษาไว้
ไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่ถือสาอะไร เขาผายมืออย่างสง่างามพลางพูดบ่นหยอกเย้า “ท่านใต้เท้าหึงอย่างนั้นหรือ”
เมื่อคำพูดเช่นนี้ของเขาเปล่งออกไป เสียงสูดหายใจด้วยความตกใจก็ดังขึ้นภายในหอนางโลมเป็นเสียงเดียวกัน
ทุกคนในแคว้นตงหลินต่างรู้ดีว่าเซ่อเจิ้งหวางแห่งแคว้นตงหลินเหี้ยมโหดบ้าคลั่งแค่ไหน
คนที่กล้าพูดแบบอะไรพรรค์นี้กับเขา มีใครบ้างที่อยู่รอดเป็นสุข
ซือมิ่งกับจุยเฟิงมองตากันอย่างเข้าใจกัน
เท่าที่พวกเขารู้จักจวินมั่วหรันมา พวกเขาแน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่าจวินมั่วหรันต้องต้องหึงอยู่อย่างแน่นอน ซ้ำยังหึงหนักอีกด้วย!
เฟิงอู๋โยวกะพริบตาปริบๆ และรู้สึกว่าที่ไป๋หลี่เหอเจ๋อพูดก็มีเหตุผล
เพราะตัวนางก็สวยงามน่าดึงดูดไม่เบา
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็แสร้งทำเป็นเอามือปิดหน้าอย่างขวยเขิน “ท่านใต้เท้าหึงหรือขอรับ”
“หุบปาก”
จวินมั่วหรันมองนางอย่างเยือกเย็น ก่อนผลักนางไปให้ซือมิ่ง “พาตัวกลับไป ทำให้สร่างเมา”
ตอนที่ 75 เจ้าทำอะไรกับเขาบ้าง
เมื่อเฟิงอู๋โยวได้ยินคำว่า ‘ทำให้สร่างเมา’ ก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที
ครั้งที่แล้วจวินมั่วหรันบอกนางว่า ‘สุกสว่างหมื่นจั้ง’ ผลลัพธ์คือนางเกือบถูกเขาระเบิดไปครึ่งตัว
นางไม่รู้ว่าคำว่า ‘ทำให้สร่างเมา’ จะหมายความว่าอะไรอีก
เฟิงอู๋โยวส่ายหน้าอย่างต่อต้าน ทำได้แค่เพียงฝากความหวังอันน้อยนิดไว้กับไป๋หลี่เหอเจ๋อ
ใครจะไปรู้ว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อก็เป็นพวกคนที่ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ พอแย่งตัวนางไม่สำเร็จก็นั่งจิบชาตรงที่นั่งของจวินมั่วหรันอย่างสบายใจเฉิบ
ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เฟิงอู๋โยวที่งุนงง ขนาดเหล่าหญิงสาวที่พากันแอบมองอย่างอยากรู้อยากเห็นก็ต่างพากันแปลกใจกับท่าทีถอดใจกลางคันของไป๋หลี่เหอเจ๋อ
แต่ว่าจวินมั่วหรันกลับเข้าใจความคิดของไป๋หลี่เหอเจ๋อเป็นอย่างดี
จริงๆ แล้ว ไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่ได้ใส่ใจที่เฟิงอู๋โยวเท่าไหร่นัก แต่เขาสนใจท่าทีจของจวินมั่วหรันที่มีต่อนางต่างหาก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ สีหน้าอำมหิตของจวินมั่วหรันก็เริ่มเปลี่ยนไป และเจือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา
คนรอบๆ ที่เห็นเช่นนั้นต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเซ่อเจิ้งหวางอย่างกระทันหันนี้ดูน่ากลัวยิ่งนัก
งดงามก็จริงอยู่ แต่ดูแข็งทื่อชอบกล
มีแต่เขาคนเดียวที่ไม่รู้ตัวเอง ซ้ำยังกระชากตัวเฟิงอู๋โยวมาจากซือมิ่ง จากนั้นก็ลากคอเสื้อด้านหลังของนางและพาจากไป
ทันใดนั้น เสียงดนตรีที่บรรเลงอยู่ในหอนางโลมก็ถูกกลบด้วยเสียงบ่นอุทานดังระงม
“ที่แท้ท่านใต้เท้าชอบผู้ชายนี่เอง มิน่า ต่อให้ฉันพยายามมากแค่ไหนก็ไม่อาจทำให้ท่านใต้เท้าชายตามองได้เลย”
“คงเป็นเช่นนั้น พวกเราแพ้ตรงที่เพศกำเนิด น่าเศร้าจริงๆ!”
“ผู้ชายที่ฉันสนใจกลับมาชอบคนของเซ่อเจิ้งหวาง! เฮ้อ หลังจากนี้ไม่มีหวังแล้ว”
…
เฟิงอู๋โยวไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้พากันคิดอะไรกันอยู่ ด้อยค่าความสวยงามของนางยังไม่เท่าไหร่ แต่ไฉนถึงกล้าหวังลมๆ แล้งๆ กับจวินมั่วหรัน
อยากตายกันนักหรือ
ดันพากันพูดจายั่วยุคนที่ไม่ควรยั่วยุกันแบบนี้!
ณ ห้องสำราญบนชั้นสอง ฉู่อีอีจ้องมองรูปร่างเพรียวบางของเฟิงอู๋โยวจากด้านหลัง ก่อนกัดฟันพูดขึ้น “เฟิงอู๋โยว เป็นเพราะเจ้า ท่านใต้เท้าถึงโมโหข้า”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อมองฉู่อีอีอย่างเรียบนิ่ง จากนั้นก็มองไปตามแผ่นหลังจวินมั่วหรันที่คล้อยจากไปพลางเอ่ยเสียงต่ำ “คิดแต่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ รู้ตัวอีกทีคงสายเกินไป”
เมื่อฉู่อีอีได้ยินเช่นนั้นก็ลุกขึ้นพรวดก่อนพูดขึ้น “อีอีโง่เง่าเขลาปัญญา ท่านใต้เท้าลงโทษหม่อมฉันได้เลยเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่ชอบเก็บคนไร้ประโยชน์ไว้ ไม่จำเป็นต้องลงโทษ เจ้ากรอกยาพิษฆ่าตัวตายเองเถิด”
“ขอท่านใต้เท้าโปรดเมตตา! ขอโอกาสให้อีอีผู้นี้อีกครั้ง หม่อมฉันจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังและจะมัดใจเซ่อเจิ้งหวางให้สำเร็จให้ได้เจ้าค่ะ” แววตาของฉู่อีอีฉายแววหวาดกลัวออกมา นางนั่งคุกเข่าอ้อนวอนร้องขอชีวิตต่อหน้าไป๋หลี่เหอเจ๋อ
ไป๋หลี่เหอเจ๋อทำเหมือนไม่ได้ยิน พลางค่อยๆ ลุกขึ้น จากนั้นก็เหยียบมืออันอ่อนนุ่มของฉู่อีอีก่อนจากไป
ฉู่อีอีพยายามอดกลั้นความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านมาจากหลังมือ น้ำตาพลันเอ่อคลอ
ในเวลาเดียวกันนั้น จวินมั่วหรันก็มาถึงหน้าประตูใหญ่ของเรือนมั่วหรัน เปิดประตูเข้าไปและเหวี่ยงเฟิงอู๋โยวไปบนพื้นหินอันเย็นยะเยือก
“บอกมาว่าเจ้าทำอะไรกับไป๋หลี่เหอเจ๋อไปบ้าง”
จวินมั่วหรันแยกขาออกและนั่งลงไปบนโต๊ะข้างๆ อย่างวางมาด ใบหน้าเจือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเจือแววหงุดหงิดทั่วใบหน้า
เฟิงอู๋โยวอ่านความคิดของจวินมั่วหรันไม่ออกอย่างสิ้นเชิง ทำได้แค่รักษามาดลูกผู้ชายและปรับเส้นเสียงของตัวเองก่อนอธิบายขึ้น “วันนั้น ภายในเรือนวิจิตรที่อบอวลไปด้วยไอควันประหนึ่งอยู่ท่ามกลางมิติเซียน ท่านราชครูในชุดคลุมยาวสีพื้นค่อยๆ เดินเข้ามาหากระหม่อม คิ้วที่ขมวดแน่นของเขาค่อยๆ คลายออกจากกัน ดวงตาใสวาวคู่นั้นเป็นประกายสดสวย”
“ขอเนื้อๆ!”
จวินมั่วหรันตะเบ็งเสียงพูดแทรกเฟิงอู๋โยวอย่างหงุดหงิด
“เฮ้อ ผู้ชายก็เป็นแบบนี้กันหมด อายุป่านนี้แล้วยังจ้องแต่จะเอาชนะกันอยู่ได้!” เฟิงอู๋โยวยักไหล่อย่างจนปัญญา แล้วอยู่ๆ ก็ขยับเข้ามาข้างๆ หูของจวินมั่วหรันและกระซิบเสียงแผ่ว “ท่านใต้เท้าโปรดวางใจ! ของเขาสั้นกว่าของท่านใต้เท้าขอรับ”
Comments