เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 297 เซ่อเจิ้งหวางเปิดตัวอย่างโดดเด่น
ตอนที่ 297 เซ่อเจิ้งหวางเปิดตัวอย่างโดดเด่น
ไม่นาน เสียงบรรเลงเครื่องสายก็หยุดลง
ฟู่เย่เฉินบิดเอวเล็กบางเหมือนงู กระโดดลงจากเวที
เขาเดินไปหาเฟิงอู๋โยวในชุดคลุมสีดำที่ดวงตากำลังเป็นประกายโดดเด่นอยู่ท่ามกลางฝูงคน ริมฝีปากสีแดงของเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงชวนหวั่นใจ “เฟิงอู๋โยว เจ้าต้องการพิจารณาข้าสักคนได้หรือไม่ ข้ายินยอมล้างมือตุ๋นแกง[1]เพื่อเจ้า นับจากวันนี้ต่อไปจะเป็นบุรุษที่อยู่ด้านหลัง[2]เจ้า”
เฟิงอู๋โยวทำตัวไม่ถูก แต่ก็ยิ้มกลับไปอย่างสุภาพ “ท่านมือชันสูตรฟู่งดงามดุจเซียนสวรรค์ คนธรรมดาอย่างข้าจะริอาจคิดเรื่องนี้ได้เยี่ยงไร”
“เจ้ากล้าคิดกับเซ่อเจิ้งหวาง กับมือชันสูตรอย่างข้าคงไม่เท่าไหร่กระมัง” มุมปากฟู่เย่เฉินยกขึ้นเล็กน้อย ครั้นร่างกายเขาเคลื่อนไหวก็พุ่งเข้าไปที่อ้อมแขนเฟิงอู๋โยวทันที
เฟิงอู๋โยวกระโดดไปด้านข้างอย่างไม่รู้ตัว แต่ด้านข้างถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คนแน่นขนัด
ภายใต้สถานการณ์บีบบังคับ เฟิงอู๋โยวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยื่นมือออกไปพยุงเอวเล็กบางของฟู่เย่เฉินเอาไว้แต่ก็พยายามรักษาระยะห่างจากเขา
เมื่อเห็นสิ่งนี้ จวินมั่วหรันก็ร้อนใจดั่งไฟสุม
แคว่ก
เขาฉีกชุดคลุมสีดำบนตัวและเดินไปที่ฉากด้านหลังเวที
ด้านหลังฉาก เหล่านางรำที่กำลังจะขึ้นเวทีกำลังซ้อมท่วงท่าเต้นรำกันอยู่อย่างขะมักเขม้น
สายตาของจวินมั่วหรันมองไปยังนางรำร่างอวบ จากนั้นก็ก้าวออกไปข้างหน้าสองสามก้าว มือข้างหนึ่งยื่นออกไปจับไหล่หนาหนั่นของนาง ส่วนอีกอีกข้างก็กระชากชุดกระโปรงสีชมพูบนร่างของนางออกอย่างรวดเร็ว
ตอนแรกนางรำร่างอวบตกใจกลัว มือเท้าขัดขืน ส่งเสียงร้องลั่น
แต่หลังจากที่นางเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาไร้ที่ติของจวินมั่วหรัน นางก็หยุดร้องทันที และได้แต่จ้องมองเขาอย่างเขินอายและสงสัย “ท่ายชายเจ้าคะ ไม่ได้นะเจ้าคะ ตรงนี้มีคนเยอะ”
จวินมั่วหรันทำเหมือนคนหูหนวก เขาสวมชุดกระโปรงที่ถอดจากบนตัวนางบนร่างกายตัวเองทันที
นางรำร่างอวบทำท่าเหมือนจะร้องไห้แต่กลับไม่มีน้ำตา ก่อนหน้านี้นางคิดว่าจวินมั่วหรันสนใจนาง แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะสนใจชุดกระโปรงบนตัวนางเท่านั้น
นางรำหลายสิบคนรอบๆ มองดูจวินมั่วหรันผู้มีราศีสง่าโดดเด่นแต่กลับหมกมุ่นอยู่กับชุดสตรีด้วยแววเสียดาย
“รูปร่างหน้าตาโดดเด่นเหนือใคร แต่เสียดาย เป็นพวกโรคจิต”
“โรคจิตแล้วมันเป็นเยี่ยงไร ขอแค่ดูดี ข้าก็ยินดีที่จะแต่งงานด้วย!”
“ฝันลมๆ แล้งๆ! แค่ดูจากราศีของเขา ก็รู้แล้วว่าเขาเป็นคนที่มนุษย์ธรรมดาไม่มีทางเอื้อมถึง”
…
จวินมั่วหรันขมวดคิ้ว เขาไม่ชินกับชุดผ้าบางลายดอกไม้สีชมพูอ่อนเปิดสะดือ
แต่ขอแค่เอาชนะใจเฟิงอู๋โยวกลับคืนมาได้ เสียภาพลักษณ์เสียหน้าแค่นี้จะเป็นอะไร
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก จากนั้นก็รวบรวมความกล้าแหวกผ้าม่านที่เป็นทางขึ้นเวทีออกและก้าวขึ้นไปบนเวที
ด้านล่างเวที คนดูต่างเอามือขยี้ตาและมองไปที่จวินมั่วหรันในชุดกระโปรงสีชมพูเปิดสะดือรัดรูปบนเวทีด้วยสายตาแปลกประหลาด
“ดูเหมือนจะมีของแปลกปะปนอยู่บนเวที!”
“ใต้ตายเถิด! นี่คือลูกชายซื่อบื้อจากบ้านนอกที่ไหน ช่างกล้ามาใส่ชุดเปิดสะดือรัดรูปของสตรีขึ้นเวทีแบบนี้”
“น่าเสียดายใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติราวกับเทพของเขาจริงๆ ไม่คิดว่าจะเป็นพวกมีตาหามีแววไม่”
ในตอนแรก เฟิงอู๋โยวยังไม่เห็นร่างสูงใหญ่ของจวินมั่วหรันในชุดแปลกๆ บนเวที จนกระทั่งเห็นว่าคนดูพากันโห่ร้องและโยนของเหลือจากโต๊ะอาหารขึ้นไปบนเวที เฟิงอู๋โยวจึงเริ่มสังเกตเห็นว่าคนที่อยู่บนเวทีคือจวินมั่วหรัน!
ตึ่ง
นางตกตะลึงจนตาเหลือก อ้าปากค้าง จากนั้นก็สะบัดฟู่เย่เฉินที่พิงแขนของนางอยู่ไปข้างหลัง ดวงตาทรงกลีบดอกท้ออันเฉียบคมของนางจ้องมองไปที่จวินมั่วหรันที่ยังคงสง่างามแม้ว่าจะสวมใส่ชุดแปลกประหลาดบนเวทีอย่างไม่ละสายตา
“ข้ารอเจ้าที่โรงเตี๊ยมหลิงเทียนมาทั้งคืน แต่เจ้ากลับเพลิดเพลินอยู่ในโรงเตี๊ยมหลิงเฟิง”
“จวินมั่วหรัน ฟังข้าอธิบายก่อน” เฟิงอู๋โยวรีบวิ่งขึ้นไปบนเวที กอดเขาไว้ในอ้อมแขนแน่นเพื่อพยายามปกป้องเขาจากของเหลือที่คนดูขว้างใส่
“เฟิงอู๋โยว เจ้าคิดว่าข้าขาดเจ้าไม่ได้ มีคนคอยหนุนหลัง แล้วเจ้าคิดทำอะไรก็ได้อย่างไม่เกรงกลัวกระนั้นหรือ” จวินมั่วหรันปล่อยให้เฟิงอู๋โยวกอดไว้ในอ้อมแขน ไฟโทสะภายในใจพลันดับไปครึ่งหนึ่ง
“ไม่ใช่ เจ้าช่วยลงจากเวทีไปพร้อมกับข้าก่อนได้หรือไม่”
“ฟู่เย่เฉินขึ้นมาร่ายรำบนเวที เจ้าชมอย่างเบิกบานใจ แต่พอเป็นข้า ไฉนทีท่าเจ้าถึงเปลี่ยนไป เป็นเพราะรังเกียจที่ข้าร้องเล่นเต้นรำอะไรพรรค์นั้นไม่ได้ใช่หรือไม่ ข้าทำเจ้าเสียหน้าใช่หรือไม่”
“จวินมั่วหรัน อย่าทำแบบนี้ มันทำให้ข้าปวดใจ”
“ปวดใจ? อู๋โยว เจ้ารู้สึกปวดใจเพราะข้าเป็นด้วยหรือ” จวินมั่วหรันลดสายตาลง เขามองเฟิงอู๋โยวที่ดูตื่นตระหนกในอ้อมแขนของเขา
เขาไม่รู้ว่าคำพูดของนางเป็นจริงแค่ไหนแต่นางกลับไม่เหมือนเหล่าคนดูด้านล่างเวทีที่หัวเราะเยาะท่าทางตลกๆ ของเขา เท่านี้เขาก็ปลื้มใจเป็นที่สุดแล้ว
เฟิงอู๋โยวพยักหน้าอย่างหนักแน่น จากนั้นก็เขย่งเท้าใช้สองมือจับแก้มของเขาเบาๆ และจูบลงไปบนริมฝีปากเขาราวกับว่าไม่มีใครอยู่
สีหน้าของจวินมั่วหรันแข็งทื่อ เขาไม่คิดว่าเฟิงอู๋โยวจะแสดงความชื่นชอบที่มีกับเขาต่อหน้าทุกคน
ต่อมาความขุ่นเคืองในใจของเขาก็ถูกพัดหายไปจนหมด จากนั้นก็กอดเอวของนางกลับไปเบาๆ
“ไม่ เขาไม่คู่ควรกับเจ้า!”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อกำมือแน่น เดิมทีเขาคิดจะปล่อยเฟิงอู๋โยวไป แต่เมื่อเห็นเฟิงอู๋โยวกับจวินมั่วหรันจูบกันอย่างเสน่หากับตาตัวเอง สภาพจิตใตของเขาก็พังทลายลงอีกครั้ง
ฟู่เย่เฉินมองไปทางอื่นทันที เขารู้ดีว่าตัวเองพ่ายแพ้อย่างราบคาบตั้งแต่วินาทีที่เฟิงอู๋โยวรีบขึ้นไปบนเวที
เถี่ยโส่วกระตุกชายเสื้อของจุยเฟิงอย่างดีใจและรีบพูดขึ้น “ท่านใต้เท้าน่าทึ่งจริงๆ! ไม่เพียงแต่จูบเป็นเท่านั้น ศีรษะยังเคลื่อนไหวได้อย่างลื่นไหลอีกด้วย”
[1]ล้างมือตุ๋นแกง คือสำนวนที่ใช้แสดงความรักที่มีต่ออีกฝ่าย เวลาทำอาหารก็จะนึกถึงรอยยิ้มของคนที่ชิมแล้วหัวใจอิ่มเอมไปด้วยความรักจากอาหารรสเลิศที่อีกตัวผู้พูดเป็นคนปรุง
[2]บุรุษด้านหลัง หมายถึงผู้พิทักษ์และโล่ที่แข็งแกร่งที่สุดของหญิงสาว ชายคนรักที่พร้อมปกป้องหญิงสาวตลอดไป
Comments